เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33416
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ถ้าหากว่าใครคนหนึ่งถามอีกคนว่า "ต้องมีเงินมากเท่าไหร่ ถึงจะใช้ยังไงก็ไม่มีวันหมด" แล้วอีกคนตอบว่า "มีสักหมื่นล้านก็สบายแล้ว ต่อให้ถลุงยังไง ก็ยังเหลือกินไปจนตาย" แสดงว่าสองคนนี้ ไม่รู้จักบาร์บารา ฮัตตัน ควรจะไปหาชีวประวัติเธอมาอ่านโดยด่วนค่ะ
บาร์บารา ฮัตตันคาบช้อนเงินช้อนทองออกมาจากครรภ์ของแม่ เอ็ดน่า วูลเวิร์ธ กับพ่อ แฟรงกลิน ลอส์ ฮัตตัน พ่อแม่เธอรวยมหาศาลกันทั้งสองฝ่าย พ่อเป็นนายธนาคารและนักธุรกิจ ส่วนแม่เป็นลูกสาวมหาเศรษฐีแฟรงค์ ดับเบิ้ลยู วูลเวิร์ธ เจ้าของห้างสรรพสินค้าวูลเวิร์ธที่มีสาขาทั่วอเมริกา
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
sirinawadee
|
ความคิดเห็นที่ 1 เมื่อ 03 ก.ย. 12, 15:13
|
|
เห็นท่านอาจารย์เงียบไป จึงลอคอินเข้ามารายงานตัวค่ะ คลาสนี้จะนั่งหน้าสุดค่ะ 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33416
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 2 เมื่อ 03 ก.ย. 12, 16:49
|
|
ก่อนจะเล่าถึงชีวิตบาร์บาร่า ต้องเล่าที่มาของช้อนเงินช้อนทองของเธอเสียก่อนว่ามีมาได้ยังไงแบบไหน คำตอบคือมาจากคุณตา ของเธอ มหาเศรษฐีแฟรงค์ วินด์ฟิลด์ วูลเวิร์ธ (1852-1919)
แฟรงค์ วูลเวิร์ธมีกำเนิดคล้ายๆเจ้าสัวในตำนานบ้านเรา ที่มักจะหอบเสื่อผืนหมอนใบมาจากเมืองจีน แล้วสร้างฐานะขึ้นมาได้ เขาเป็นลูกชาวนาจนๆทางเหนือของนิวยอร์ค พอโตเป็นหนุ่มก็มาสมัครงานเป็นเสมียนในร้านขายของที่ตลาดในเมือง แต่ว่าแฟรงค์ วูลเวิร์ธเป็นคนหัวดีกว่าเสมียนด้วยกันที่ทำงานหน้าที่เดิมไปจนแก่ตาย เขาจึงเริ่มสังเกตว่า เวลาทางร้านโละของค้างสต๊อคมาขายในราคาเหมา ๕ เซ็นต์หมดไม่ว่าอะไร มักขายดิบขายดี เสมียนหนุ่มก็ได้ไอเดียขึ้นมาว่า ถ้าจะเปิดร้านขายสินค้าราคา ๕ สตางค์ หมดทั้งร้าน ก็น่าจะขายดีเหมือนกัน
คิดแล้วเจ้าหนุ่มก็ยืมเงินนายจ้างมา ๓๐๐ ดอลลาร์ เปิดร้านขายของถูก ตอนแรกก็ล้มลุกคลุกคลานไปไม่รอด แต่เขาก็ไม่ย่อท้อ กัดฟันเปิดร้านอีกในเพนซิลเวเนีย ปรากฎว่าไปได้ เขาก็เลยเพิ่มราคาสินค้าจาก ๕ เซ็นต์เข้าไปเป็น ๑๐ เซ็นต์ ขยายประเภทสินค้าให้มากขึ้น ทุกอย่างในร้านล้วนไม่เกิน ๑๐ เซ็นต์หมด ผลก็คือขายดิบขายดี ชาวบ้านชอบ ทำกำไรให้เจ้าของมั่งคั่งขึ้นมา
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04 ก.ย. 12, 17:34 โดย เทาชมพู »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33416
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 3 เมื่อ 04 ก.ย. 12, 10:04
|
|
ในสมัยที่แฟรงค์ วูลเวิร์ธก่อร่างสร้างตัวขึ้นมาในหัวเลี้ยวหัวต่อของต้นศตวรรษที่ 20 คนอเมริกันทั่วไปยังยากจนอยู่ แต่เป็นกลุ่มผู้บริโภคกลุ่มใหญ่สุดเหมือนฐานปิรามิด พวกนี้ไม่ได้ต้องการสินค้ามียี่ห้อหรือแม้แต่คุณภาพดีเลิศประเสริฐศรี ขอเพียงอะไรที่ซื้อได้ด้วยเงินน้อยนิดที่สุดก็พอ ร้านวูลเวิร์ธที่อะไรๆก็ไม่เกิน 10 เซ็นต์จึงตอบสนองดีมานด์ซัพพลายได้เหมาะเจาะ ตัวร้านไม่ได้ตกแต่งให้สวย สินค้าก็วางๆเอาไว้ในกระบะบ้างชั้นบ้าง เป็นหมวดหมู่พอให้หาง่าย ไม่ห่วงเรื่องดีไซน์ เห็นตัวอย่างได้ในรูปข้างล่างนี้ เป็นรูปในยุคที่ห้างวูลเวิร์ธขยายสาขาไปทั่วประเทศแล้ว
สมัยดิฉันไปเรียน ในเมืองเล็กๆก็ยังมีวูลเวิร์ธอยู่ร้านหนึ่ง แต่ไม่ใช่ของขายราคาเดียวทั้งร้านเหมือนในอดีตอีกแล้ว ก็เป็นร้านขายสินค้าทั่วๆไป ไม่ใหญ่โต ดูเงียบเหงาไม่ค่อยจะมีใครเข้ากัน เพราะว่าในยุคนั้นห้างสรรพสินค้าดีๆ สินค้าราคาไม่แพงผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด เบียดแซงหน้าวูลเวิร์ธไปได้ง่ายดาย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Sujittra
|
ความคิดเห็นที่ 4 เมื่อ 04 ก.ย. 12, 13:52
|
|
ขอเข้าเรียนด้วยคนครับ คลาสนี้ต้องขอเขยิบมานั่งกลางห้องเพราะมีรูปเยอะดี
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33416
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 5 เมื่อ 04 ก.ย. 12, 18:31
|
|
คุณ Sujittra มานั่งแถวหน้าก็ได้นะคะ
ที่เขาเรียกว่าเงินย่อมต่อเงินเป็นของจริงในกรณีของวูลเวิร์ธ พอได้เงินเป็นกอบเป็นกำเขาก็ทุ่มเทพัฒนาร้าน และขยายสาขาออกไปอีกไม่หยุดยั้ง วูลเวิร์ธระดมทุนแบบแฟรนไชส์ คือคนที่จะมาเป็นผู้จัดการในสาขาประจำเมืองต่างๆ ต้องลงทุนในฐานะหุ้นส่วนของเขาด้วย แล้วไปบริหารจัดการร้านตัวเอง โดยมีเขาเป็นผู้ส่งสินค้าให้วาง กำหนดการจัดหน้าร้านและวางของเอง พอจับทางได้แบบนี้ วูลเวิร์ธก็ราวกับพยัคฆ์ติดปีก กิจการเขาไปโลดชนิดยั้งไม่หยุดฉุดไม่อยู่ พออายุ 52 ปีเขาก็เป็นเจ้าของสาขาห้างค้าปลีกถึง 120 แห่งใน 21 รัฐ ขยายตั้งแต่นิวยอร์คมาถึงโคโลราโดทางตะวันตก เรีบกว่าเป็นปรากฏการณ์ของวงการธุรกิจเลยทีเดียวในยุคนั้น
บริษัทของเขาทำธุรกิจปีละหกสิบกว่าล้านดอลล่าร์ ต่อมาเมื่อรวมกิจการกับบริษัทคู่แข่งอีกห้าแห่งตั้งบริษัทใหม่ขึ้นมาได้ เงินก็เพิ่มขึ้นเป็นหกสิบห้าล้านดอลล่าร์ ชื่อเสียงของวูลเวิร์ธผงาดขึ้นมาเป็นยักษ์ใหญ่ของประเทศเมื่อเขาสร้าง Woolworth Building ตึกระฟ้าสูงที่สุดในนิวยอร์คในสมัยนั้นขึ้นมาได้ ด้วยมูลค่าสิบสามล้านกว่าดอลล่าร์ ในช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง ( ไม่รู้ว่าสมัยนี้จะเป็นเงินเท่าใด เดาว่าประมาณ 100 เท่าของค่าเงินสมัยนั้น)
ข้างล่างคือตีกระฟ้าวูลเวิร์ธ ในอดีตและปัจจุบัน เมื่อเข้าวัยชรา วูลเวิร์ธไปพำนักอยู่ในยุโรปมากกว่าอเมริกา แต่กิจการเขาก็ยิ่งรุดหน้าไม่หยุดยั้ง จนเมื่อเขาถึงแก่กรรมเมื่อค.ศ. 1919 บริษัทวูลเวิร์ธที่มีสาขากว่า 1000 แห่งถือว่าเป็นธุรกิจค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกา
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33416
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 6 เมื่อ 04 ก.ย. 12, 18:46
|
|
นี่คือคฤหาสน์ที่แฟรงค์ วูลเวิร์ธสร้างไว้ที่ฟิฟว์ อเวนิวใจกลางนิวยอร์ค ซึ่งที่ดินแพงเหมือนโรยด้วยเพชร สำหรับภรรยาและลูกๆของเขา
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33416
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 7 เมื่อ 04 ก.ย. 12, 18:49
|
|
วูลเวิร์ธไม่มีลูกชาย มีแต่ลูกสาว 3 คน คนโตชื่อเฮเลน่า ม้อด คนกลางชื่อเอ๊ดน่า คนสุดท้องชื่อเจสซี่ เมย์ คนที่เป็นแม่ของบาร์บาร่า ฮัตตันคือเอ๊ดน่า ลูกสาวคนกลาง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33416
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 8 เมื่อ 04 ก.ย. 12, 21:33
|
|
มหาเศรษฐีวูลเวิร์ธรักลูกสาวสามคนเป็นแก้วตาดวงใจ วางแผนอนาคตให้อย่างสวยหรู แต่ต้องขออธิบายว่าเมื่อต้นศตวรรษที่ 20 อนาคตผู้หญิงทั้งหลาย ต่อให้เป็นลูกสาวมหาเศรษฐีก็ไม่ต่างจากลูกสาวชาวบ้านจนๆ คืออย่าหวังว่าเธอจะทะเยอทะยานเป็นนักวิทยาศาสตร์บันลือโลก เป็นแพทย์ สถาปนิก วิศวกรหญิง หรือศิลปินเอก อนาคตผู้หญิงมีอย่างเดียวคือได้แต่งงานไปกับผู้ชายร่ำรวยมีหน้ามีตา แล้วไปเป็นคุณหญิงคุณนายอยู่บนกองเงินกองทองต่อไป ดังที่เคยอยู่บนกองเงินกองทองมาแต่เกิด แฟรงค์ วูลเวิร์ธตั้งเป้าหมายว่าลูกสาวเขาทุกคนต้องมี "สามีดีๆ" คำว่าดีในที่นี้ไม่ใช่แค่รวยเท่านั้น แต่เขาหวังถึงขั้นจะให้ลูกสาวแต่งงานไปกับเจ้าชายในราชตระกูลต่างๆในยุโรป ในยุคต้นศตวรรษที่ 20 แม้ผ่านสงครามโลกครั้งที่ 1 ที่ล่มจักรวรรดิออสเตรียและเยอรมนีมาแล้ว เจ้านายต่างๆทั้งที่มีบัลลังก์และไม่มีบัลลังก์ก็ยังเดินกันอยู่สลอนในสังคมไฮโซยุโรป พอจะสานฝันให้แฟรงค์ วูลเวิร์ธที่มีกำเนิดมาจากชาวนาจนๆ คิดทะเยอทะยานถึงขั้นที่จะได้อะไรที่ตัวเขาไม่เคยมีโอกาสได้ แม้ว่ามีเงินมากมายขนาดไหนก็ตาม คุณหนูวูลเวิร์ธทั้งสามนางได้แต่งไปกับเศรษฐีทั้งหมด ไม่มีใครแหกคอกไปแต่งกับยาจก แต่ไม่มีใครสนองความฝันของพ่อได้ถึงขั้นแต่งกับเจ้าชาย ฝันของวูลเวิร์ธเป็นจริงในชั้นหลาน คือบาร์บาร่า ฮัตตัน แต่คุณตาก็ถึงแก่กรรมไปเสียก่อนจะมีโอกาสรู้ว่าได้หลานเขยเป็นถึงเจ้าชายตัวจริงทีเดียวเชียว
รูปข้างล่างคือเอ๊ดน่ากับแฟรงค์ ลอส์ ฮัตตัน ผู้สามี เป็นภาพหายากมากค่ะ เจอในเน็ตแค่นี้เอง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33416
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 9 เมื่อ 05 ก.ย. 12, 14:13
|
|
พี่สาวและน้องสาวของเอ๊ดน่าแต่งงานแล้วก็ดำเนินชีวิตอย่างคุณนายเศรษฐีด้วยกันทั้งคู่ ไม่ค่อยมีอะไรให้เอ่ยถึงนัก ก็จะข้ามไปก่อนค่ะ ส่วนเอ๊ดน่าแต่งงานกับแฟรงค์ ฮัตตัน ที่ปรึกษาทางการเงินของพ่อเธอ ทั้งที่พ่อไม่ได้เห็นด้วยเลย แต่ลูกสาวก็ดึงดันจะแต่งงานให้ได้ พ่อเพิ่งจะมาใจอ่อนก็เมื่อหลานสาวถือกำเนิดมาในค.ศ. 1912 วิวาห์ของเอ๊ดน่าเรียกได้ว่าล่มตั้งแต่เริ่ม เพราะสามีเธอแม้ว่าเป็นคนเก่งเรื่องธุรกิจ แต่ก็เป็นสามีที่เลวได้ครบถ้วนกระบวนความ ทั้งเจ้าชู้ฟันผู้หญิงไปเรื่อยไม่เคยขาดมือ ทั้งละเลยลูกเมีย แม้แต่ลูกน้อยตาดำๆเขาก็ไม่แยแส ยังพูดให้เข้าหูลูกสาวเสียอีกว่าเขาไม่เคยต้องการมีลูก ส่วนไอ้ที่มีเมีย เขาก็บอกใครต่อใครเต็มปากว่า"...ก็เพราะเหล้ามันพาไปนี่หว่า" คือเมาแล้วก็เลยถลำตัวเกินเลยไป จนกระทั่งต้องตกบันไดพลอยโจนแต่งงาน
แฟรงค์ ฮัตตันพูดจริงหรือเล่นไม่มีใครรู้ แต่ที่รู้คือเอ๊ดน่าระทมขมขื่นกับสามีจนทนไม่ไหว ตั้งแต่แต่งงานมาเธอได้รับความบีบคั้นจิตใจมาตลอด เงินทองมหาศาลไม่ได้ช่วยให้ชุ่มชื่นใจขึ้นมาได้ ด้วยเหตุนี้เองเมื่อบาร์บาร่าอายุได้ 6 ขวบ ในคืนหนึ่งที่ทางบ้านจัดงานปาร์ตี้สุดหรูขึ้นอย่างที่สมัยนั้นเขานิยมจัดกันตามบ้านเศรษฐี หนูน้อยก็เดินเปะปะไปพบร่างของแม่แขวนคอตายอยู่ในห้องหนึ่งของบ้าน เอ๊ดน่าฆ่าตัวตายเมื่อค.ศ. 1918 อายุเพียง 34 ปี
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33416
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 10 เมื่อ 05 ก.ย. 12, 20:52
|
|
คุณตาแฟรงค์ วูลเวิร์ธโอบอุ้มหลานกำพร้าไว้ด้วยความเมตตา พาหนูน้อยออกจากนิวยอร์คไปอยู่คฤหาสน์ของเขาที่ลองไอส์แลนด์ตลอดหนึ่งปีนับจากเหตุสะเทือนใจ ชีวิตบาร์บาร่าอาจจะโชคดีมากกว่านี้ถ้าหากว่าชายชราอยู่ให้ความรักความอบอุ่นแก่เธออีกนาน แต่เขาก็อายุสั้นกว่าที่ควร ถึงแก่กรรมไปเพียง 1 ปีหลังจากนั้น คือเมื่อหลานน้อยอายุ 7 ขวบเท่านั้นเอง จากนั้นหนูน้อยก็ต้องอยู่กับญาติและครูพี่เลี้ยง จนโตพอจะถูกส่งไปอยู่โรงเรียนประจำ พร้อมกับความเปล่าเปลี่ยวเดียวดาย มีพ่อก็เหมือนไม่มี แม่ก็ไม่มี ตาก็ไม่มี ป้ากับน้าก็มีครอบครัวของตัวเอง โชคชะตาก็ชดเชยให้บาร์บาร่าเหลือล้น เกินกว่าคนทั่วไป มรณกรรมของแฟรงค์ วูลเวิร์ธทำให้เธอได้รับมรดกส่วนที่มีสิทธิ์ในฐานะหลานไปเต็มๆ นอกจากนั้นยังได้มรดกส่วนของแม่มาเป็นของตัวเอง ส่วนพ่อของเธอแม้ว่าเป็นพ่อที่ไม่เอาไหน แต่เป็นนักลงทุนธุรกิจที่เก่งกาจ ความมั่งคั่งของเขาจึงตกทอดมาถึงเธอในฐานะทายาทเพียงผู้เดียว สาวน้อยบาร์บาร่าจึงเติบโตขึ้นมาเป็นทายาทเศรษฐี ได้สมบัติตา สมบัติแม่และสมบัติพ่อประดังประเดมาที่ตัวเธอ โดยไม่ต้องกระดิกตัวหาเงินสักเซ็นต์เดียว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33416
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 11 เมื่อ 06 ก.ย. 12, 10:04
|
|
ในยุคของบาร์บาร่า ลูกสาวเศรษฐีและผู้ลากมากดีในยุโรปและอเมริกาต้องจัดงานใหญ่ออกสังคมเมื่ออายุ 18 ปี ในฐานะที่เป็นเดบูตอง (Debutante) เพื่อประกาศให้สังคมรู้ว่าลูกสาวบ้านนี้เป็นสาวเต็มตัวแล้ว พร้อมจะมีคู่ได้ ยิ่งบ้านไหนรวยมาก การจัดงานของเดบูตองก็ต้องใหญ่มากเป็นเงาตามตัว ในปี 1930 งานวันเกิดของบาร์บาร่าเมื่ออายุ 18 จัดขึ้นที่โรงแรมริทซ์ คาร์ลตันในนิวยอร์ด โรงแรมนี้ได้ชื่อว่าเป็นโรงแรมโอ่อ่าโก้หรูที่สุดในประเทศ สำหรับจัดงานบอลล์และปาร์ตี้ส่วนตัวของมหาเศรษฐี งานวันเกิดของบาร์บาร่าได้ชื่อว่าเป็น "งานใหญ่ที่สุดของปี" จ้างดารานักร้องชื่อดังที่สุดของฮอลลีวู้ดสองคนคือมอริส เชอร์วาลิเยร์ และรูดี้ แวลลี มาเอนเทอร์เทนในงาน แขกรับเชิญล้วนแต่เป็นเศรษฐีมหาเศรษฐีของนิวยอร์ค เช่นตระกูลแวนเดอร์บิลท์ แอสเตอร์และร็อคกี้เฟลเลอร์ ว่ากันว่าแค่ค่าดอกไม้ในงานก็ปาเข้าไป $50,000 แล้ว ถ้าคิดเป็นราคาปัจจุบันก็หลายแสนดอลล่าร์ คิดเป็นเงินไทยก็เอา 33 คูณเข้าไป เราก็คงเดาได้ว่าแค่ค่าดอกไม้เข้าไปหลายล้านบาท ราคาจัดงานทั้งหมดจะกี่สิบล้าน? ภาพล่าง บาร์บาร่าในชุดอลังการงานวันเกิด เมื่ออายุ 18 ปี สีหน้าเธอสะท้อนถึงความรู้สึกที่ตรงกันข้ามกับความเบิกบานโดยสิ้นเชิง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33416
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 12 เมื่อ 06 ก.ย. 12, 10:20
|
|
ผลกระทบจากการจัดงานหรูหราฟู่ฟ่างานนี้ไม่ได้อยู่ที่ไม่มีกะตังค์จะจ่าย เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหาของบาร์บาร่า แต่เป็นเพราะตอนนั้น เป็นตลาดหุ้นตกวูบลงมาในปีก่อน คือปี 1929 พอดี เศรษฐกิจดิ่งลงเหวชนิดบริษัททั้งหลายล้มระเนนระนาด คนงานตกงานกันแทบไม่รู้ตัว ผู้คนในนิวยอร์คก็ยังไม่รู้ตัวว่านี่มันคือจุดเริ่มต้นของภาวะเศรษฐกิจตกต่ำที่จะกระทบกระเทือนโลกในเวลาต่อมา ( รวมทั้งกระเทือนมาถึงประเทศไทยจนเกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี 2475 (ค.ศ. 1932)ด้วย แต่ในช่วงที่กำลังผันผวนวูบขึ้นวูบลงในปี 1930 นี้ ข่าวหนังสือพิมพ์ก็ลงกันเกรียวกราวถึงการจัดงานอลังการวันเกิดมหาเศรษฐินีสาวน้อย ค่าดอกไม้อย่างเดียวเข้าไปห้าหมื่นกว่าเหรียญ ทั้งๆชาวบ้านหาใส่ปากใส่ท้องไม่ได้แม้แต่ห้าสิบเซ็นต์ในแต่ละวัน ไม่มีอะไรกระพือไฟโมโหโทโสให้มหาชนที่กำลังหิวโหยแทบอดตาย ได้มากเท่ากับข่าวใครอีกคนใช้เงินแบบใช้ทิ้งใช้ขว้าง เหมือนเงินไม่มีราคา คำก่นด่าทุกสารทิศพรั่งพรูกันเข้ามาที่สาวน้อยบาร์บาร่า ขนาดขนานนามเธอแสบสันต์ว่า "Rich bitch" จะแปลเป็นไทยให้ถึงใจก็เกรงว่าจะผิดต่อนโยบายเรือนไทย บอกอ้อมๆว่า bitch ในที่นี้เป็นคำด่าผู้หญิงสำส่อนก็แล้วกัน ความจริงบาร์บาร่าไม่ได้ประสีประสาต่อความผิดที่เธอไม่ได้เป็นผู้ก่อนี้เลย เธอไม่รู้เรื่องตลาดหุ้น ไม่รู้จักชีวิตตกงาน ไม่รู้ว่าความยากจนคืออะไร แต่กระแสต่อต้านเธอสะท้อนก้องไปทั่วมหานคร ทำให้ผู้ใหญ่ของเธอต้องรีบส่งตัวสาวน้อยเดินทางไปอยู่ในยุโรปชั่วคราว เพื่อลดกระแสกดดัน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33416
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 13 เมื่อ 06 ก.ย. 12, 12:36
|
|
ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 มาจนถึงก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 ยุโรปตะวันตกเป็นที่ชุมนุมของเศรษฐีและผู้ดีไฮโซ มีทั้งพวกรวยจริงและรวยแต่เปลือก ลูกสาวเศรษฐีอเมริกันเป็นพวกรวยจริง จึงได้รับการต้อนรับอย่างดีเวลาย่างเข้าวงสังคม วันๆพวกนี้ไม่ต้องทำงานทำการอะไร แม้แต่เข้าออฟฟิศ ก็เพียงแต่ลอยละล่องเข้าสังคมกันสลับกับไปท่องเที่ยวพักอยู่ตามโรงแรมหรูๆ พบปะเจอะเจอพวกหนุ่มสาวไฮโซด้วยกัน ถ้าหากว่าชีวิตคือละครทีวี สาวๆก็จะเจอท่านชายพจน์และคุณชายกลางได้ไม่ยากนัก พอๆกับหนุ่มๆจะเจอปริศนาและวนิดา แต่ในเมื่อชีวิตไม่เคยเหมือนละคร แม้ว่าบางครั้งทำท่าว่าคล้ายๆ พระเอกในชีวิตจึงอาจจะกลายเป็นผู้ร้ายได้โดยง่ายอีกเช่นกัน
บาร์บาร่าใช้ชีวิตวัยสาวอยู่ในแวดวงดังกล่าว 2 ปี จนอายุ 20 เธอก็ได้พบชายในฝันคนแรก เขาเป็นหนุ่มสูงศักดิ์เชื้อสายรัสเซียวัย 27 ปี หน้าตาหล่อเหลา บุคลิกสง่างามสมกับกำเนิดมาสูง คือมาจากราชตระกูลแห่งแคว้นจอร์เจียในรัสเซีย ตัวเขามียศนำหน้าเป็นเจ้าชาย ชื่อเจ้าชายอเล็กซิส ส่วนนามสกุลที่สะกดเป็นภาษาอังกฤษว่า Mdivani ดิฉันเอาไปเข้าโปรแกรมอ่านภาษารัสเซียทางอินทรเนตร ฟังอยู่สิบกว่าหน ก็ยังถอดเป็นไทยไม่ถูก มันดังคล้ายๆ "มะจิวีนเญอะ" เสียง เย่อะ ตัวท้ายขึ้นจมูกแบบ gn ของฝรั่งเศส เอาเป็นว่าเรียกเจ้าชายอเล็กซิสก็แล้วกัน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33416
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 14 เมื่อ 06 ก.ย. 12, 13:33
|
|
ฐานันดรศักดิ์เจ้าชายของอเล็กซิสถูกซุบซิบกันดังๆว่า เป็นเจ้าเก๊กำมะลอ เพราะไม่มีใครรู้ที่มากันแน่ชัด หนึ่งในเสียงนินทาคือเดิมเป็นเจ้าของฟาร์มเลี้ยงหมูอยู่ในแคว้นจอร์เจียของรัสเซีย แต่ที่เจ้าตัวยืนกรานคือเสด็จพ่อเคยเป็นราชองครักษ์ของพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 แห่งรัสเซียมาก่อน ในยุคนั้น ราชสำนักรัสเซียหรูหราถึงขีดสุด ใครเป็นราชองครักษ์ก็ต้องลูกผู้ดีมีสกุล หรือมีเชื้อมีสาย สมเด็จฯเจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนารถ กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถแห่งสยามก็เคยเป็นราชองครักษ์ของพระเจ้าซาร์นิโคลัสมาแล้ว การปฏิวัติใหญ่ในรัสเซียคว่ำบัลลังก์ของจักรพรรดิลงในพริบตา เหล่าเจ้านายและผู้ดีมีตระกูลทั้งหลายก็ต้องซอกซอนหลบหนีเงื้อมมือพวกกบฏบอลเชวิค เพราะพวกนี้เจอหน้าเป็นฆ่าหมด เงินทองก็ถูกริบ เป็นเหตุให้เจ้าไร้บัลลังก์และขุนนางมีแต่ยศทั้งหลายกระจัดกระจายไปทั่วยุโรป อเลกซิสบอกใครต่อใครว่า พระบิดาพาลูกๆลี้ภัยมาอยู่ปารีสได้ทันเวลา แล้วก็ดำเนินชีวิตไฮโซตามความเคยชินดั้งเดิม เป็นที่ปิดกันให้แซดว่า ครอบครัวนี้มุ่งตกถังข้าวสาลี(ฝรั่งไม่กินข้าวสาร) ลูกๆขวนขวายหาคู่ที่เอารวยเข้าว่า เจ้าชายอเล็กซิสทำได้สำเร็จ เขาจับลูกสาวมหาเศรษฐีอีกคนหนึ่งของอเมริกาไว้ได้ เธอคือสาววัย 21 ปีชื่อหลุยส์ แอสเตอร์ แวน อเลน พ่อเธอเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทขายเฟอร์ขนสัตว์ระดับยักษ์ของประเทศ แต่พอแต่งงานไม่ทันไร เจ้าชายก็มาพบเข้ากับบาร์บารา ฮัตตัน หลังตัวเองมีภรรยาไปแล้ว ในช่วงปีที่เศรษฐกิจอเมริกาดิ่งลงต่ำสุดถึงก้นเหว บาร์บารายังเป็นเจ้าของทรัพย์สินมูลค่าถึง 50,000,000 ดอลล่าร์ ซึ่งมีคนเทียบว่าปัจจุบันเท่ากับ 1000,000,000 ดอลล่าร์ เงินพันล้านดอลล่าเอา 33 คูณเข้าไปก็สามหมื่นสามพันล้านบาท ถ้าสมาชิกเรือนไทยมีเงินสามหมื่นสามพันล้านบาทในกระเป๋า คิดว่าชาตินี้จะใช้หมดไหมคะ รูปนี้ เจ้าชายถ่ายกับบาร์บาร่า
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|