เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 [2] 3
  พิมพ์  
อ่าน: 28805 "ราชา" แปลว่าอะไร?
Sujittra
พาลี
****
ตอบ: 326


ความคิดเห็นที่ 15  เมื่อ 07 ก.ย. 12, 14:17

อ้างถึง
คำว่า ราชา นี้ รากหรือธาตุของคำ ก็คือ "รช" ซึ่งแปลว่า กำหนัดหรือยินดีนั่นเอง รากคำ ๆ นี้ สำเร็จรูปเป็นคำอื่นต่าง ๆ กันออกไป เช่นคำว่า ราคะ เป็นต้น ซึ่งหมายถึง ความกำหนัดยินดีทางกามารมณ์โดยเฉพาะ แต่นั่นมันยินดีจัดเกินไป

ผมยังค้างคาใจในคำตอบของคุณเพ็ญชมพูมากว่า ความหมายของคำว่าราชา ที่แปลว่า ผู้ยังเหล่าชนให้อิ่มเอมใจ หรือผู้ทำให้คนอื่นมีความสุข จะมีรากศัพท์มาจาก ราคะ ซึ่งหมายถึง ความกำหนัดยินดีทางกามารมณ์โดยเฉพาะได้อย่างไร

ผมไม่มีภูมิรู้ทางบาลีหรือสันสกฤตมากไปกว่าการเปิดพจนานุกรม ซึ่งฉบับที่ผมมีก็ไม่ได้กล่าวลึกลงไปกว่านั้น จึงเขียนไปถามท่านผู้รู้ ซึ่งคำตอบของท่าน แม้จะถ่อมตนมากว่าไม่ใช่ผู้ชำนาญด้านนี้ แต่คำอธิบายก็เป็นที่เข้าใจได้แก่สติปัญญาของผมได้ จึงอยากถ่ายทอดให้อ่านครับ

ในภาษาบาลี เขามีรากคำ  เรียกว่าธาตุ     แค่ธาตุเฉยๆยังนำมาใช้ไม่ได้  เวลาใช้พูดหรือเขียน ต้องผันคำให้เป็นศัพท์ขึ้นมา  การผันคำเรียกว่า "ลงวิภัตติปัจจัย" 

เพราะฉะนั้น  ธาตุของคำ บวกวิภัตติปัจจัยอย่างหนึ่งก็มีความหมายแบบหนึ่ง  ธาตุตัวเดียวกันไปบวกวิภัตติปัจจัยอีกตัว  ความหมายก็เปลี่ยนไปได้อีก   

จาก  "รช" มาเป็นราชา ก็ได้    ไปเป็น ราคะ ก็ได้  ขึ้นกับว่าเอาวิภัตติปัจจัยอะไรมาบวกเข้าไป

เพราะฉะนั้น  สองคำที่ความหมายแตกต่างกันลิบลับ อาจมาจากรากคำตัวเดียวกัน คือจากธาตุเดียวกันก็ได้  แต่ไม่ได้หมายความว่าสองคำที่ว่านั้น มีความหมายเป็นเรื่องเดียวกัน

รช  ที่กลายไปเป็นราชา ก็วิภัตติปัจจัยอย่างหนึ่ง  รช ที่ไปเป็น ราคะ ก็วิภัตติปัจจัยอีกอย่างหนึ่ง


อยากได้ความรู้และคำตอบประมาณนี้แหละครับ คือ ถึง "ราก" จริงๆ
ขอบคุณท่านเนาวรัตน์ครับ
บันทึกการเข้า
พวงแก้ว
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 16  เมื่อ 07 ก.ย. 12, 21:20

ไม่ทราบว่าข้อมูลต่อไปนี้จะเป็นประโยชน์หรือไม่นะคะ
วันนี้ได้มีโอกาสพบกับอ.นาวิน  อรรณเวช ซึ่งสอนภาษาบาลี สันสกฤต ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ก็เลยถามปัญหาที่เรากำลังสงสัยกันอยู่ ก็ได้ความอย่างนี้นะคะ
 ราชา มาจากรากศัพท์ ว่า ราชฺ แปลว่า to reign ,rule over,govern,shine
  Glitter
 ส่วน รช   ที่แปลว่า กำหนัด หรือยินดีนั้นมาจาก รากศัพท์คนละตัวกันคะ คือ รญฺชฺ อ้างอิงจาก
www.sanskrit-lexicon.uni-koeln.de ซึ่งเป็นเว็บของมหาวิทยาลัยในเยอรมัน (wabsite ของ Uni. Koeln )
 โดย Monier Williams,Sir.A Sanskrit English Dictionary. (หน้า 872)
บันทึกการเข้า
Sujittra
พาลี
****
ตอบ: 326


ความคิดเห็นที่ 17  เมื่อ 09 ก.ย. 12, 23:42

ไม่ทราบว่าข้อมูลต่อไปนี้จะเป็นประโยชน์หรือไม่นะคะ
วันนี้ได้มีโอกาสพบกับอ.นาวิน  อรรณเวช ซึ่งสอนภาษาบาลี สันสกฤต ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ก็เลยถามปัญหาที่เรากำลังสงสัยกันอยู่ ก็ได้ความอย่างนี้นะคะ
 ราชา มาจากรากศัพท์ ว่า ราชฺ แปลว่า to reign ,rule over,govern,shine
  Glitter
 ส่วน รช   ที่แปลว่า กำหนัด หรือยินดีนั้นมาจาก รากศัพท์คนละตัวกันคะ คือ รญฺชฺ อ้างอิงจาก
www.sanskrit-lexicon.uni-koeln.de ซึ่งเป็นเว็บของมหาวิทยาลัยในเยอรมัน (wabsite ของ Uni. Koeln )
 โดย Monier Williams,Sir.A Sanskrit English Dictionary. (หน้า 872)

ตกลงว่า ราช มาจาก "รากศัพท์" ที่แปลว่า พึงพอใจ (ตามที่ท่านพุทธทาสรจนาไว้) หรือ ปกครอง (rule over) ครับ
บันทึกการเข้า
พวงแก้ว
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 18  เมื่อ 10 ก.ย. 12, 10:43

rule over คะ
บันทึกการเข้า
นิลนนท์
มัจฉานุ
**
ตอบ: 58


ความคิดเห็นที่ 19  เมื่อ 10 ก.ย. 12, 17:53

ตัวอย่างการผันในบาลีได้แจก ราช ศัพท์ด้วยวิภัตติดังนี้  ในรูปเอกพจน์และพหูพจน์(ตามบาลี เอกวจนะ พหุวจนะ) (ราช ศัพท์ เป็น ทฺวิลิงค์ คือเพศชายและเพศหญิง;ปุงลิงค์และอิตถีลิงค์)  ในตัวอย่างนี้เป็นการผันปุงลิงค์
                                           เอก                              พหุ
                     ป.                  ราชา                          ราชาโน
                     ทุ.                  ราชานํ                        ราชาโน
                     ต.                  รญฺญา                         ราชูหิ    ราชูภิ
                     จ.                  รญฺโญ    ราชิโน           รญฺญํ    ราชูนํ
                     ปญ.               รญฺญา                          ราชูหิ    ราชูภิ
                     ฉ.                  รญฺโญ   ราชิโน            รญฺญํ    ราชูนํ
                     ส.                  รญฺเญ    ราชินิ              ราชูสุ
                     อา.                 ราช                             ราชาโน

วิภัตติในที่นี้เป็นวิภัตติสำหรับคำนาม เพื่อให้รู้หน้าที่ว่าเป็นประธาน กรรม เป็นเครื่องมือหรืออุปกรณ์ประกอบ(เช่น กินข้าวด้วยช้อน  ช้อนเป็นอุปกรณ์) ... เมื่อจะสลับเปลี่ยนตำแหน่งของศัพท์ไปอยู่กลางหรือท้ายประโยค ก็ไม่ได้ทำให้ความหมายเปลี่ยนแปลง เพราะถูกกำหนดไว้แล้วด้วยวิภัตติ (ภาษาไทยความหมายเปลี่ยนเมื่อตำแหน่งของคำศัพท์เปลี่ยน เช่น คนกินข้าว:ข้าวกินคน)
ส่วน ป. ท. ต. .. คือ ปฐมา ทุติยา ตติยา ... (ประธาน, กรรม, เป็นเครื่องมือซึ่งในคำแปลจะมีคำว่า โดย ด้วย, เป็นกรรมรอง, เป็นที่มาของกิริยา,เป็นเจ้าของ,เป็นสถานที่ ตามลำดับเมื่อแปลเป็นภาษาไทยจะมีคำประกอบเช่น โดย ด้วย จาก แก่ แห่ง ของ เป็นต้น) ส่วนลำดับที่ อา. เป็นคำร้องเรียก เช่น ดูก่อน หรือข้าแต่พระราชา

จะเห็นว่าศัพท์มาจากคำว่า ราช
แล้วจะมาต่อความเห็นเพิ่มเติมให้ครับ ขอเวลานอกสักครู่
บันทึกการเข้า
Sujittra
พาลี
****
ตอบ: 326


ความคิดเห็นที่ 20  เมื่อ 10 ก.ย. 12, 17:58

ขอบพระคุณท่านนิลนนท์เป็นอย่างสูง
ดูการผันอย่างที่แสดงแล้ว มีวามรู้สึกคล้ายภาษาเยอรมันหรือภาษาละตินเลยนะครับ
บันทึกการเข้า
นิลนนท์
มัจฉานุ
**
ตอบ: 58


ความคิดเห็นที่ 21  เมื่อ 10 ก.ย. 12, 18:06

คำว่า ราชา ตามศัพท์โดยทั่วไปเป็นที่รู้กันว่าหมายถึงพระเจ้าแผ่นดิน (แต่ผมว่าในความหมายในปัจจุบันควรรวมไปถึงผู้ปกครอง หรือผู้บริหารด้วย เพราะว่าสืบทอดอำนาจในการดูแลประชาชนต่อมาจากพระมหากษัตริย์หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ธรรมะต่าง ๆ สำหรับพระราชา เช่นทศพิธราชธรรม ก็เป็นธรรมะที่ผู้บริหารราชการแผ่นดินต้องรู้จักและควรนำไปใช้) แต่ดูเหมือนตอนนี้คุณ sujittra กำลังสงสัยคำว่า ราช

ในภาษาสันสกฤต ศัพท์ที่แปลว่า พระราชา (หรือเจ้าชายก็ได้) มีด้วยกันมากมาย เช่น นฺฤปติ ปารฺถิว เทว ราช เป็นต้น แต่ศัพท์ที่เราคุ้นกันมากที่สุด น่าจะเป็น ราช นี้แหละ คำนี้มีใช้ในภาษาไทยด้วย ก่อนจะกล่าวถึงคำไทย ขอกล่าวถึงคำสันสกฤตเสียก่อน


ขอยกบทความของอาจารย์ ธ.วัชชัยดุลยสุจริต
“   'ราช' คำนี้ มีรูปคล้ายๆ กันโดยทั่วไป 3 ศัพท์คือ “ราช” (rāja) “ราชนฺ” (rājan) และ “ราชฺ” (rāj)  โปรดสังเกตนะครับว่า แต่ละคำนั้นต่างกันตรงเสียงท้าย

ราช (rāja, राज)  เป็นคำสองพยางค์ พยางค์แรกประสมสระอา พยางค์หลังสระอะ

ราชนฺ (rājan, राजन्) มาด้วยกันสองพยางค์ พยางค์หลังมี น เป็นตัวสะกด (น มีจุดข้างใต้) อาจเขียนแบบไทยๆ ว่า ราชัน

ราชฺ (rāj, राज् ) คำพยางค์เดียว มี ช เป็นตัวสะกด (ช มีจุดข้างใต้) คำนี้เขียนแบบไทยก็ได้ว่า ราช เหมือนกัน (แต่ไม่น่าจะมีการใช้คำนี้ในภาษาไทย)

“ราช” และ “ราชัน”
คำเหล่านี้ที่พบมาก ก็คือ ราช และ ราชนฺ การใช้นั้นแตกต่างกันในการผันรูป เป็นคำเพศชาย (ปุลลิงค์, masculine) มาดูกันว่า เวลานำไปใช้ต่างกันอย่างไร

1) เมื่อใช้เป็นคำร้องเรียก เช่นเมื่อกราบทูล ก็อาจกล่าวว่า “ข้าแต่ พระราชา” อย่างนี้ ในภาษาสันสกฤต จะใช้วิธีการผันรูป “ราช” ก็เป็น “ราช” เหมือนเดิม, ส่วนคำว่า “ราชนฺ” ก็จะกลายเป็น “ราชนฺ” เช่นเดิม แบบนี้ก็ง่ายเลยใช่ไหมครับ
2) ทีนี้ เมื่อพระราชาเป็นประธานของประโยค รูป “ราช” จะกลายเป็น “ราชะ”  ส่วนรูป “ราชนฺ” นั้น กลายเป็น “ราชา”
3) เมื่อพระราชาเป็นกรรมของประโยค ราช กลายเป็น “ราชํ”, ส่วน ราชนฺ กลายเป็น “ราชานํ” แค่เติม อํ เข้าไปเท่านั้นเอง
ในการผันรูปของ ราชนฺ บางครั้งจะมีเสียง ญ เข้ามาแทนที่ น เช่น ราชฺญิ, ราชฺญะ
         คำทั้งสองพบได้ทั่วไปในวรรณคดีสันสกฤต บางเรื่องอาจใช้ ราชนฺ มากกว่า บางเรื่องอาจใช้ ราช มากกว่า แล้วแต่กวีจะนิยมอย่างไร

“ราชฺ”
สำหรับคำว่า ราชฺ นี้พบได้น้อยกว่า คำนี้พิเศษหน่อย ตรงที่เป็นนามเพศชายก็ได้ เพศหญิงก็ได้นะครับ (แจกรูปเหมือนกัน) ส่วนมากจะปรากฏในคำประสม (ที่เรียกว่า คำสมาส นั่นเอง) เช่น ธรฺมราชฺ (หมายถึง พระยม หรือ ยมราช) ซึ่งพระนามนี้ยังมีอีกรูป คือ ธรฺมราช (ไม่มีจุด ที่ ช)
การผันรูป ราชฺ นั้น อาจจะงงเล็กน้อย เพราะต้องสนธิมากกว่าสองคำแรก เช่น

1) เมื่อเป็นคำร้องเรียก ราชฺ ก็กลายเป็น ราฏฺ (มีจุดใต้ ฏ)
2) เมื่อเป็นประธาน ก็เป็น ราฏฺ (มีจุดใต้ ฏ)
3) เมื่อเป็นกรรม ก็เป็น ราชํ
คำนี้เมื่อนำไปใช้ในสมาส จะใช้รูป ราฏฺ- ไม่ใช่ ราชฺ- นะครับ

ราช, ราชนฺ และ ราชฺ แต่ละรูป เมื่อนำไปผัน อาจจะสับสนอีนุงตุงนังได้ เช่น “ราชะ” อาจมาจาก “ราช” ที่เป็นประธาน หรือมาจาก “ราชฺ” ที่เป็นคำแสดงความเป็นเจ้าของก็ได้ ผู้เรียนจะต้อง “แม่น” สักหน่อย ไม่งั้นอ่านผิดจากดำเป็นขาวแน่ๆ
ในภาษาไทย เรามีคำว่า ราช  ราชา และราชัน  ไม่ทราบว่าเรารับจากคำไหน เข้าใจว่าน่าจะรับจากคำว่า ราช แล้วนำมาแผลง มากกว่าจะรับคำ ราชนฺ มาแจกรูป หรือรับเอารูป ราชา ที่แจกรูปมาแล้วก็ได้ ส่วน ราชฺ นั้นไม่ปรากฏว่าเรานำมาใช้ในรูปแบบใดๆ"

แล้วจะพาไปดูความหมายในพจนานุกรมที่คุณพวงแก้วอ้างอิงต่อครับ
บันทึกการเข้า
นิลนนท์
มัจฉานุ
**
ตอบ: 58


ความคิดเห็นที่ 22  เมื่อ 10 ก.ย. 12, 18:16

นักภาษาศาสตร์ พบว่าภาษาบาลีสันสกฤตมีโครงสร้างทางภาษาคล้ายกับภาษาละตินมากและมีรากศัพท์อย่างเดียวกัน ในกะทู้แถวนี้ก็มีการเปรียบเทียบเรื่องตัวเลขไปแล้วลองหาดูพลาง ๆ ก่อนละกันครับ นอกจากการผันคำนามแล้ว ก็ยังมีการผันกิริยา รวมถึง tense ด้วยครับ เขาเลยจัดให้มีต้นกำเนิดทางภาษาร่วมกันเป็น Indo-uropian language ภาษาละตินก็เป็นต้นกำเนิดของภาษาต่าง ๆ แถบยุโรป บาลีสันสกฤตก็เข้ามาทางแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ผ่านทางศาสนาและวรรณคดี ส่วนภาษาไทยไปมีความใกล้ชิดกับทางภาษาจีนมากกว่าครับ
บันทึกการเข้า
นิลนนท์
มัจฉานุ
**
ตอบ: 58


ความคิดเห็นที่ 23  เมื่อ 10 ก.ย. 12, 19:13

เมื่อสักครู่จะตอบเพิ่มเติม ปรากฏว่าหมดเวลา log in ที่พิมพ์ไว้เลยหายหมด ขอเวลานอกไปหาเสบียงก่อนนะครับ แล้วค่อยมาตอบต่อ ลังเล
บันทึกการเข้า
นิลนนท์
มัจฉานุ
**
ตอบ: 58


ความคิดเห็นที่ 24  เมื่อ 10 ก.ย. 12, 20:35

ขอพาไปที่คำว่า ราชา ราชัน(ย์) ก่อนครับ
ผมขอตัดตอนคำอธิบายศัพท์ในพจนานุกรมเพื่อดูง่ายไม่สับสนซึ่งทำให้อ่านยากมาก แต่ไม่ได้แปลงหรือเปลี่ยนความหมายศัพท์นะครับ

rāja
     rājan1 , a king , sovereign , chief or best of its kind         MBh. Ka1v. &c (ภารตะ)

rājan
     rājan 1    a king , sovereign , prince , chief (often applied to gods e.g. to varuṇa, to indra )   RV. &c (ฤคเวท)
     rāján 2     government , guidance       RV. x , 49 , 4. (ฤคเวท)

จะเห็นว่าความหมายทั้งสองคำบ่งชี้ไปที่ king กษัตริย์หรือผู้มีอำนาจสูงสุดหรือหัวหน้า หรือคณะผู้ปกครอง โปรดสังเกตว่าการให้ความหมายเหล่านี้มีการอ้างอิงคัมภีร์ภารตะและฤคเวท ซึ่งฤคเวทเป็นพระเวทสมัยเก่าของพราหมณ์ที่พระอินทร์ พระวรุณ พระอาทิตย์ หรือเทวดาต่าง ๆ ตามธรรมชาติยังเป็นใหญ่ ก่อนจะถูกลดบทบาทลงเมื่อเปลี่ยนแปลงมาเป็นฮินดู ฤคเวท เป็นคัมภีร์ที่เก่าแก่ที่สุดมีมาก่อนสมัยพุทธกาลนับพันปี เขาว่ามีมาก่อนคริสตกาล 3000 ปี
ไปดูกันต่อที่คำว่า ราช  ซึ่งมีศัพท์อยู่สองคำจะเห็นว่าความหมายก็คือปกครอง
 (a แทนเสียงสระ อะ, ā หรือ A แทนเสียงสระ อา, j แทนเสียว ช(ในภาษาไทย), g แทนเสียง ค

rāj
     rāj 1   (prob. originally two roots ; cf. √raj rañj , ṛñj
                to reign , be king or chief , rule over, direct , govern    RV. &c  (ฤคเวท)
                to reign , rule        AV. MBh. (atharva-veda และมหาภารตะ)

     rā́j 2   (nominative. rā́ṭ -  เมื่อเป็นประธานสะกด ราฏฺ) a king , sovereign , chief    RV. &c

ให้สังเกตที่รากศัพท์ √raj rañj , ṛñj ซึ่งในนี้บอกว่าน่าจะมีที่มาจากรากคำ 2 คำดังกล่าว
และคำต่อไป ราคะ ซึ่งมีได้หลากหลายความหมาย ความหมายที่เข้าใจกันทางกามารมณ์มีตั้งแต่ ปิติยินดี ไปจนถึงชอบหลงใหลที่เต็มไปด้วยตัณหา

rāga
  rāga  (from √ rañj ) the act of colouring or dyeing  colour , hue , tint , dye , (esp.) red colour , redness          MBh. Ka1v. &c
    any feeling or passion , (esp.) love , affection or sympathy for , vehement desire of , interest or joy or delight in (loc. or comp.)     Up. Mn. MBh. &c
    loveliness , beauty (esp. of voice or song)     S3ak. Pan5cat.
เช่นเดียวกันรากคำของคำนี้คือ √ rañj
ในขั้นตั้นนี้ก็คงพอมองเห็นความเชื่อมโยงเลา ๆ ของคำว่า ราช หรือ ราคะ ในแง่ที่มาของรากคำแล้วนะครับ
ซึ่ง ราชา มีต้นศัพท์มาจากคำว่า ราช (rAj, rAja, rAjan)
ส่วน ราช จะมีรากคำต้นกำเนิดอย่างไร ในพจนานุกรมเล่มนี้ ไม่สามารถให้ความกระจ่างได้
ส่วนคำว่า รช ที่ท่านพุทธทาสกล่าวจะหมายถึงคำ raja หรือ √raj หรือ √ rañj นี้ก็สุดปัญญาผมแล้วละครับ

 raja    
    dust
    the pollen of flowers ,     Prasan3ga7bh.
    the menstrual excretion (also n.) L.
    emotion , affection L. : the quality of passion    Un2. iv , 216 Sch.

แต่อย่างไรก็ตามถ้าหากอ่านอย่างละเอียดแล้วจะพบว่าท่านพุทธทาสไม่ได้ตีความหรือรจนาขี้นมาเองลอย ๆ แต่ท่านอ้างอิงถึงพระสูตรในพระไตรปิฎก
อีกอย่างหนึ่งจะเห็นว่าการให้ความหมายของคำหรือรากคำ √raj ที่หมายถึงปกครองได้มาจากการอ้างอิงในคัมภีร์ทั้งสิ้นเพราะศัพท์เหล่านี้ใช้มานานนับพันปี ไม่ใช่เป็นการบัญญัติศัพท์ขึ้นมาเองของคนเขียนพจนานุกรม หากสังเกตถึงที่มาแล้วคัมภีร์เหล่านี้เป็นคัมภีร์ของพราหมณ์สอนเรื่องวรรณะทั้ง 4
บอกหน้าที่ของวรรณะ บอกให้รู้ว่าวรรณะกษัตริย์ทำหน้าที่ปกครอง เป็นชั้นชนนักรบ ยกวรรณะพราหมณ์และกษัตริย์ขึ้นสูงและสืบต่อกันมานานก่อนพุทธกาลเป็นพันปี ผมเชื่อว่าในสมัยพุทธกาลก็รู้ว่า ราชา มาจากคำว่า ราช และหมายถึงการปกครอง แต่พระพุทธเจ้าซึ่งถือกำเนิดจากวรรณะกษัตริย์เช่นกันมองไปถึงต้นกำเนิดของการเกิดชนชั้นวรรณะ และตรัสบอกสามเณรให้เข้าใจที่มาของวรรณะต่าง ๆ
แล้วเดี๋ยวจะมาต่อด้วยพจนานุกรมซึ่งอ้างอิงคัมภีร์ในพุทธศาสนาครับ
บันทึกการเข้า
นิลนนท์
มัจฉานุ
**
ตอบ: 58


ความคิดเห็นที่ 25  เมื่อ 10 ก.ย. 12, 20:51

ผมยังไม่ได้เอาข้อความจากพจนานุกรมมาให้เพราะยาวเหยียดมาก กลัวจะเบื่อกันไปก่อน
ขอคัดข้อความท่านพุทธทาสที่ท่านกล่าวถึงการแปลความหมายหรือบอกถึงที่มาของการเกิดคำว่า ราชา ในยุคแรก ๆ ที่เริ่มมีการรวมกันเป็นชุมชมสังคม อาจทำให้เข้าใจได้มากขึ้นถึงจุดมุ่งหมายที่ท่านตีความหมายของคำนี้ที่ต่างไปจากความรับรู้โดยทั่วไป
 
       "ก่อนจะจบเทศนานี้ อาตมาใคร่จะขอร้องให้เราทุกคนทำความสนใจในคำว่า " ข้าราชการ " ทั้งอาตมา
เองและท่านทั้งหลายที่นั่งฟัง ล้วนแต่มีความเกี่ยวข้องอย่างสำคัญ กับคำ ๆ นี้ และทั้งธรรมเทศนาในวันนี้ ก็
เป็นธรรมเทศนาชนิดที่เรียกว่า ทำการอบรมข้าราชการ เราจึงควรทำความสนใจ ในคำว่า ข้าราชการ กันเป็น
พิเศษ   บางท่าน อาจจะกำลังนึกหัวเราะเยาะอาตมา อยู่ในใจว่า จะเอามะพร้าวอะไรมาขายสวน ? เพราะท่าน
อยู่ในฐานะ ที่เป็นข้าราชการ อย่างเต็มที่อยู่แล้ว เป็นประจำวัน ความจริงก็เป็นดังนั้น แต่ว่าอาตมา อยากจะ
ระบุอุดมคติของคำว่า " ข้าราชการ " ให้ชัดเจนและเป็นอย่างพุทธบริษัทแท้
          คำว่า ข้าราชการ นี้ ทำอย่างไรเสีย ก็ต้องแปลว่าผู้ที่ทำ " งานของพระราชา " อย่างที่ใครจะเถียงไม่ขึ้น
แต่ครั้นมาถึงคำว่า " ราชา " คืออะไร ท่านคงจะมีความคิดเห็นแตกต่างกัน และบางคนอาจกำลังงงอยู่ก็เป็นได้
แต่เผอิญเป็นโชคดี ที่พุทธภาษิต อธิบายคำ ๆ นี้ ไว้อย่างชัดแจ้ง ในบาลีอัคคัญญสูตร ทีฆนิกาย ๑๑ / ๘๗/ ๕๑ 
เราที่เป็นพุทธบริษัท จึงไม่ต้องลำบาก ในการที่จะตีความหมาย ของคำ ๆ นี้ แต่เราจะถือเอาตาม พระ
พุทธวจนะนั้น ทีเดียว เมื่อเราทราบคำว่า  ราชา แปลว่าอะไร จนทราบได้ดีว่า อุดมคติของคำ ๆ นี้ หมายถึงอะไรแล้ว
เราก็จะทำงานของพระราชา ได้อย่างถูกต้องบริสุทธิ์ ผุดผ่อง โดยไม่ต้องสงสัยเลย จึงขอให้ช่วยกันสนใจ ในคำ ๆ นี้ เป็นพิเศษ
ซึ่งเมื่อเราทำได้ดีแล้ว งานในหน้าที่ของเรา จะไม่เป็นเพียงงานอาชีพ แต่จะกลายเป็น งานการกุศล อันประเสริฐ ไปด้วยในตัว..."
 ( จากหนังสือ " ภูตผีปีศาจ ในตัวคน ข้าราชการ และนักการเมือง " ของท่าน พระพุทธทาส ภิกขุ )
ท่านพทธทาสได้แสดงแก่ข้าราชการสำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรมและศาลในกรุงเทพฯ  ๒๐  ก.ย.  ๒๔๙๔

ส่วนข้อความต่อจากนี้อาจารย์เพ็ญชมพูได้แสดงไว้แล้ว
บันทึกการเข้า
นิลนนท์
มัจฉานุ
**
ตอบ: 58


ความคิดเห็นที่ 26  เมื่อ 10 ก.ย. 12, 21:10

ขอคัดบทย่อของท่านพุทธทาสโดยคุณ ภูริพัฒน์ พงษ์อักษร
พระราชาทางฝ่ายโลก  ก็ทำความความยินดีอย่างโลก ๆ ให้เกิดในหัวใจคน  แต่ยังมีพระราชาอีก
ประเภทหนึ่งซึ่งทำความยินดีทางฝ่ายธรรมะให้แก่ประชาชน  เช่น  พระผู้มีพระภาคเจ้าก็ ทรงเรียก
พระองค์เองว่าเป็น "ธรรมราชา" อยู่ทั่วไปในพระไตรปิฎก  (โดยเฉพาะเช่น  บาลีเลสสูตร  มัชฌิม
นิกาย  ๑๓/๕๕๔)  เมื่อพระผู้มีพระภาคเจาก็ทรงเป็นพระราชาดวยเช่นนี้แล้ว  พระภิกษุสงฆ์
ทั้งหลายก็พลอยเป็นข้าราชการไปด้วย คือเป็นข้าราชการของพระธรรมราชา มีหน้าที่ืทำงานให้เกิด
ความยินดีในทางธรรมขึ้นในหัวใจของเพื่อนมนุษย์ หากภิกษุสงฆ์รูปใดไม่ทำหน้าที่ของตน  เขาก็
หาเป็นพระภิกษุได้ไม่
บันทึกการเข้า
Sujittra
พาลี
****
ตอบ: 326


ความคิดเห็นที่ 27  เมื่อ 10 ก.ย. 12, 23:38

........แต่อย่างไรก็ตามถ้าหากอ่านอย่างละเอียดแล้วจะพบว่าท่านพุทธทาสไม่ได้ตีความหรือรจนาขี้นมาเองลอย ๆ แต่ท่านอ้างอิงถึงพระสูตรในพระไตรปิฎก
อีกอย่างหนึ่งจะเห็นว่าการให้ความหมายของคำหรือรากคำ √raj ที่หมายถึงปกครองได้มาจากการอ้างอิงในคัมภีร์ทั้งสิ้นเพราะศัพท์เหล่านี้ใช้มานานนับพันปี ไม่ใช่เป็นการบัญญัติศัพท์ขึ้นมาเองของคนเขียนพจนานุกรม หากสังเกตถึงที่มาแล้วคัมภีร์เหล่านี้เป็นคัมภีร์ของพราหมณ์สอนเรื่องวรรณะทั้ง 4
บอกหน้าที่ของวรรณะ บอกให้รู้ว่าวรรณะกษัตริย์ทำหน้าที่ปกครอง เป็นชั้นชนนักรบ ยกวรรณะพราหมณ์และกษัตริย์ขึ้นสูงและสืบต่อกันมานานก่อนพุทธกาลเป็นพันปี ผมเชื่อว่าในสมัยพุทธกาลก็รู้ว่า ราชา มาจากคำว่า ราช และหมายถึงการปกครอง แต่พระพุทธเจ้าซึ่งถือกำเนิดจากวรรณะกษัตริย์เช่นกันมองไปถึงต้นกำเนิดของการเกิดชนชั้นวรรณะ และตรัสบอกสามเณรให้เข้าใจที่มาของวรรณะต่าง ๆ
แล้วเดี๋ยวจะมาต่อด้วยพจนานุกรมซึ่งอ้างอิงคัมภีร์ในพุทธศาสนาครับ

ต้องยอมรับว่าผมชื่นชอบกับคำตอบของท่านนิลนนท์มาก
มิใช่เพราะตรงกับที่ผมคิด (เพราะผมไม่มีปัญญาไม่มีภูมิความรู้ที่จะคิดเรื่องของรากศัพท์บาลี สันสกฤต) แต่เพราะคำตอบนั้นไปยังที่ "ราก" จริงๆ จนยากที่ใครจะปฏิเสธได้
ต้องนับว่าท่านนิลนนท์เป็นเอคฑัคคะในด้านนี้จริงๆครับ
บันทึกการเข้า
นิลนนท์
มัจฉานุ
**
ตอบ: 58


ความคิดเห็นที่ 28  เมื่อ 15 ก.ย. 12, 10:43

ที่ยกคำศัพท์มาใน คห.ที่ 14 ผมนำมาจากพจนานุกรม  Monier Williams,Sir.A Sanskrit English Dictionary
ต่อไปจะขอพูดถึงพจนานุกรมแปลภาษาบาลีของ Rhys Davids แต่ขอสรุปตัดทอนให้อ่านง่าย (มีการยกข้อความจากคัมภีร์ทางพุทธศาสนาประกอบแต่ละความหมายที่ให้ไว้)

   Rāga [cp. Sk. rāga, fr. raj: see rajati] 1. colour, hue; colouring, dye
                                                          2. excitement, passion
   Rajjati [cp. Sk. rajyati, raj or rañj, Med. of rajati]     to be excited, attached to
 
 Sk. หมายถึง ภาษาสันสกฤต,  fr. - from,  Med. - medium
      raj  rañj และ rāga(ราคะ)   มีความหมายเกี่ยวข้องกับความกำหนัด ยินดี

      Rajja (nt.) [Sk. rājya, fr. rāj] kingship, royalty, kingdom, empire; reign, throne
         nava rajja : new kingship  (นว + rajja)

    Rājañña [fr. rājā, cp, Vedic rājanya] "royalty"; a high courtier, a khattiya(ขัตติยะ)    (Vedic พระเวท  บาลี ราชัญญ,  สันสกฤต ราชันย)
   
     คำว่า ราชา ในพจนานุกรมได้พูดถึง  ศัพท์ Indogermanic ว่า Reg, ในภาษาละตินใช้ rego
           Vedic rājā,  To root *reg, as in Latin rego (to lead, di--rect)
           Old Irish     rī king
           Gallic  ใช้ rīx ต่อท้ายหมายถึง king
           reiks (Gothic) = rīhhi (old high german) = rich or reich
         (ภาษา german reich หมายถึง kingdom)
และให้คำหมายหนึ่งของ  Rājā ว่า  king, a ruling potentate ยังมีความหมายและคำแปลที่ไม่ตายตัวอื่น ๆ แล้วแต่ที่ใช้ในคัมภีร์ต่าง ๆ กินความมากกว่า king หรือผู้มีอำนาจสูงสุด ขอยกเป็นบางตัวอย่าง
          1 ในแง่ของ sovereignship : We find it used as a designation of "king" in the sense of an elected or successory (crowned) monarch, but also in the meaning of a distinguished nobleman, or a local chieftain, or a prince with var. attributes characterizing his position according to special functions.
          2. ยังใช้ในแง่ของความหมาย ขุนพล เจ้าพนักงานของกษัตริย์   smaller kings, knights or royals(royalists) i.e. officers of the kings or "the king's Guards". It is here used as a term of warning or frightening "get up, robber, so that the kings (alias ʻpolicemanʼ) won't catch you" : uṭṭhehi cora mā taŋ gahesuŋ rājāno
     ในพจนานุกรมนี้ได้กล่าวถึงต้นกำเนิดของศัพท์โดยอ้างอิง ทีฆนิกาย The fanciful etymology at D III.93= Vism 419 is "dhammena pare rañjetī ti rājā" : he gladdens others with his righteousness.-- At the latter passage the origin of kingly government is given as the third stage in the constitution of a people, the 2 preceding being mahā--sammata (general consent) and khattiya(the land--aristocrats). ผมได้นำบางส่วนของพระสูตรมาลงในกระทู้แล้ว

             เพราะเหตุผู้ที่เป็นหัวหน้าอันมหาชนสมมติ ดังนี้แล อักขระว่า มหาชนสมมติ จึงอุบัติขึ้นเป็นอันดับแรก
             เพราะเหตุผู้ที่เป็นหัวหน้า เป็นใหญ่ยิ่งแห่งเขตทั้งหลาย ดังนี้แล อักขระว่ากษัตริย์    กษัตริย์จึงอุบัติขึ้นเป็นอันดับที่สอง
             เพราะเหตุที่ผู้เป็นหัวหน้ายังชนเหล่าอื่นให้สุขใจได้โดยธรรม ดังนี้แล อักขระว่า ราชา ราชาจึงอุบัติขึ้นเป็นอันดับที่สาม
  จาก ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค อัคคัญญสูตร ท่านใช้คำว่า อักขระ คือตามตัวอักษรเลยทีเดียว

บันทึกการเข้า
Sujittra
พาลี
****
ตอบ: 326


ความคิดเห็นที่ 29  เมื่อ 15 ก.ย. 12, 10:54

ที่ยกคำศัพท์มาใน คห.ที่ 14 ผมนำมาจากพจนานุกรม  Monier Williams,Sir.A Sanskrit English Dictionary
ต่อไปจะขอพูดถึงพจนานุกรมแปลภาษาบาลีของ Rhys Davids แต่ขอสรุปตัดทอนให้อ่านง่าย (มีการยกข้อความจากคัมภีร์ทางพุทธศาสนาประกอบแต่ละความหมายที่ให้ไว้)

   Rāga [cp. Sk. rāga, fr. raj: see rajati] 1. colour, hue; colouring, dye
                                                          2. excitement, passion
   Rajjati [cp. Sk. rajyati, raj or rañj, Med. of rajati]     to be excited, attached to
 
 Sk. หมายถึง ภาษาสันสกฤต,  fr. - from,  Med. - medium
      raj  rañj และ rāga(ราคะ)   มีความหมายเกี่ยวข้องกับความกำหนัด ยินดี

      Rajja (nt.) [Sk. rājya, fr. rāj] kingship, royalty, kingdom, empire; reign, throne
         nava rajja : new kingship  (นว + rajja)

    Rājañña [fr. rājā, cp, Vedic rājanya] "royalty"; a high courtier, a khattiya(ขัตติยะ)    (Vedic พระเวท  บาลี ราชัญญ,  สันสกฤต ราชันย)
   
     คำว่า ราชา ในพจนานุกรมได้พูดถึง  ศัพท์ Indogermanic ว่า Reg, ในภาษาละตินใช้ rego
           Vedic rājā,  To root *reg, as in Latin rego (to lead, di--rect)
           Old Irish     rī king
           Gallic  ใช้ rīx ต่อท้ายหมายถึง king
           reiks (Gothic) = rīhhi (old high german) = rich or reich
         (ภาษา german reich หมายถึง kingdom)
และให้คำหมายหนึ่งของ  Rājā ว่า  king, a ruling potentate ยังมีความหมายและคำแปลที่ไม่ตายตัวอื่น ๆ แล้วแต่ที่ใช้ในคัมภีร์ต่าง ๆ กินความมากกว่า king หรือผู้มีอำนาจสูงสุด ขอยกเป็นบางตัวอย่าง
          1 ในแง่ของ sovereignship : We find it used as a designation of "king" in the sense of an elected or successory (crowned) monarch, but also in the meaning of a distinguished nobleman, or a local chieftain, or a prince with var. attributes characterizing his position according to special functions.
          2. ยังใช้ในแง่ของความหมาย ขุนพล เจ้าพนักงานของกษัตริย์   smaller kings, knights or royals(royalists) i.e. officers of the kings or "the king's Guards". It is here used as a term of warning or frightening "get up, robber, so that the kings (alias ʻpolicemanʼ) won't catch you" : uṭṭhehi cora mā taŋ gahesuŋ rājāno
     ในพจนานุกรมนี้ได้กล่าวถึงต้นกำเนิดของศัพท์โดยอ้างอิง ทีฆนิกาย The fanciful etymology at D III.93= Vism 419 is "dhammena pare rañjetī ti rājā" : he gladdens others with his righteousness.-- At the latter passage the origin of kingly government is given as the third stage in the constitution of a people, the 2 preceding being mahā--sammata (general consent) and khattiya(the land--aristocrats). ผมได้นำบางส่วนของพระสูตรมาลงในกระทู้แล้ว

             เพราะเหตุผู้ที่เป็นหัวหน้าอันมหาชนสมมติ ดังนี้แล อักขระว่า มหาชนสมมติ จึงอุบัติขึ้นเป็นอันดับแรก
             เพราะเหตุผู้ที่เป็นหัวหน้า เป็นใหญ่ยิ่งแห่งเขตทั้งหลาย ดังนี้แล อักขระว่ากษัตริย์    กษัตริย์จึงอุบัติขึ้นเป็นอันดับที่สอง
             เพราะเหตุที่ผู้เป็นหัวหน้ายังชนเหล่าอื่นให้สุขใจได้โดยธรรม ดังนี้แล อักขระว่า ราชา ราชาจึงอุบัติขึ้นเป็นอันดับที่สาม
  จาก ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค อัคคัญญสูตร ท่านใช้คำว่า อักขระ คือตามตัวอักษรเลยทีเดียว



ได้อ่านที่ท่านนิลนนท์บรรยายมาทั้งหมด ผมคิดว่าอย่างน้อยๆ ท่านนิลนท์ต้องเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยอย่างแน่นอนเลยครับ
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 [2] 3
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.057 วินาที กับ 19 คำสั่ง