เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 [2] 3
  พิมพ์  
อ่าน: 19128 คุยเรื่องมุสลิมกันบ้างดีกว่า
N.K.Kh.
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 15  เมื่อ 18 พ.ค. 01, 01:29

Thank you Khun Chai for your contrubution.

The "khaek chao sen" as the ancient Thai called them, were from Persia.



There is an old Thai verse referring to this group (sorry I can't type in Thai now) that went:- "Khaek Chao Sen Puak ti dten dtob dtee ok" (Those Khaek chao sen who dance and beat themselves on the breast.)



Does Khun Chai know anything about Sufism?

Can you also explain to us about the Caliphs? I think it has something to do with Imam Hussain as well - but I can't remember. Shukaran.
บันทึกการเข้า
N.K.Kh.
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 16  เมื่อ 18 พ.ค. 01, 01:39

I understand that in Thailand there are three classes of prayer leaders - I may be wrong. Pls feel free to correct me. These prayer leaders are- imam, khoteb, bilan. I do not know the details. In any case, KhunChai is right to say they are not priests or monks as in Buddhism or Roman Catholicism. Maybe they can be compared to pastors in Protestant Christian Churches.
Most Muslims in Thailand are Sunnites, except those originated from Persia as Khun Chai said.
บันทึกการเข้า
ชายใหญ่
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 17  เมื่อ 19 พ.ค. 01, 14:37

เท่าที่เคยได้ยินได้ฟังได้อ่านมา
ตำแหน่งกาหลิบก็คล้ายๆเจ้าผู้ครองนครและเป็นผู้นำทางศาสนาอิสลามด้วย  คงจะคล้ายๆกับดาไล ลามะทางธิเบตกระมังครับ

ในนิทานอาหรับเก่าๆ ทำไมกาหลิบส่วนมากจะค่อนข้างเจ้าเล่ห์หรือโหดร้ายนักก็ไม่รู้

กาหลิบที่เราท่านน่าจะณุ้จักกันบ้าง ก็คงเป็นกาหลิบในนิยาย "อาหรับราตรี" หรือ "พันหนึ่งทิวา" นั่นเอง

ส่วนนิกาย โซฟีย  เคยคุ้นๆหูอยู่บ้าง  ว่างๆจะลองค้นคว้าดูครับ

เกร็ดอีกนิดนึงครับ    ในคอลัมน์ของคุณนิติภูมิเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว  ที่เขียนเรื่องของอิรัค จะลงท้ายว่า "อินชา  อัลลาห์" เป็นคำพูดติดปากของชาวมุสลิม แปลว่า "(เป็นไป)ตามพระประสงค์ของอัลลาห์"
บันทึกการเข้า
นกข.
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 18  เมื่อ 19 พ.ค. 01, 18:46

ในสมัยแรกเริ่ม กาหลิบเป็นศาสนทายาทสืบต่อจากท่านศาสดา รับภาระการนำชุมชนมุสลิมทั้งในทางโลกและทางธรรม ใช่ไหม? และที่ผมว่า ไปเกี่ยวๆ กับท่านอิหม่ามฮุสเซนอยู่หน่อย ก็คือคลับคล้ายคลับคลาว่า ที่ท่านถูกฆ่าก็ด้วยการขัดแย้งกันในเรื่องการสืบต่อตำแหน่งผู้นำนี้เอง ใช่ไหม? ผมอาจจะจำผิดครับ ยังไม่ได้ค้น

กาหลิบสมัยต่อมาดูเหมือนจะค่อนๆ ไปทางเป็นเจ้าแผ่นดินทางโลก มากกว่าเป็นผู้นำทางศาสนา
พระเจ้ากาหลิบพระทัยดี สนพระทัยทุกข์สุขราษฎร ในนิทานก็มีครับ กาหลิบฮารูน อัลราษจิต ในนิทราชาคริตไง
บันทึกการเข้า
นกข.
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 19  เมื่อ 19 พ.ค. 01, 18:50

คลับคล้ายคลับคลา อีก ว่าที่คุณชายพูดถึงคัมภีร์ของชีอะห์อีกเล่มนั้น คือ ชาเรียห์ - กฏหมายอิสลาม ใช่ไหมครับ อันนั้นรู้สึกทางสายสุหนี่ก็จะมีเหมือนกันนะ
ชูกะรัน - ครับ
บันทึกการเข้า
pakun2k1d
พาลี
****
ตอบ: 285


ความคิดเห็นที่ 20  เมื่อ 18 ก.ย. 07, 19:11

ดิฉันสนใจเรื่องมุสลิมค่ะ  เคยอ่านบ้างในมติชนสุดสัปดาห์  แต่เนื้อหา รายละเอียดเยอะ  พอไม่มีเวลาพอเลยไม่ได้อ่าน  ยังไม่ทันรู้เรื่องอะไรเลยค่ะ  มาเจอกระทู้ที่นี่่  สนใจนะคะ  ตอนนี้อยากรู้เรื่องบ้านของคนมุสลิมมากเลยค่ะ  เคยอ่านเจอใน นิยาย ฟ้าจรดทราย ว่า มีการแยกส่วนกันอยู่ระหว่างหญิง ชาย  ขนาดนั้นเลยหรือค่ะ  ใครพอทราบบ้าง  ช่วยตอบที
บันทึกการเข้า
pakun2k1d
พาลี
****
ตอบ: 285


ความคิดเห็นที่ 21  เมื่อ 19 ก.ย. 07, 11:14

สนใจเรื่องพิธีแต่งงานของมุสลิมด้วยค่ะ  ใครรู้บ้างค่ะ  หรือไปตามหาความรู้ได้ที่ไหนอย่างไร  ค้นจากinternetก็พบน้อยมากค่ะ
บันทึกการเข้า
นิลกังขา
แขกเรือน
สุครีพ
******
ตอบ: 1012

ทำงานราชการ


ความคิดเห็นที่ 22  เมื่อ 19 ก.ย. 07, 14:27

เรื่องนี้เราคุยกันมานานมาก ตั้งแต่ตั้งเว็บใหม่ๆ หลายปีแล้ว
สมัยนั้นยังไม่มีระบบสมาชิกด้วยว้ำไป เพราะฉะนั้น นกข. นิลกังขา NKKh คนเดียวกันหมดแหละครับ เพราะไม่ต้องล็อกอินในชื่อเดียวอย่างเดี๋ยวนี้ ตัวป่วนยังไม่เป็นปัญหาในตอนโน้น
(แต่พอตั้งระบบสมาขิกแล้วก็ย้ายเซิฟเวอร์ อะไรกันสักอย่างเนี่ย ผมหายไปพักหนึ่ง กลับเข้ามาใหม่เลยกลายเป็นเหมือนสมาชิกใหม่ - ใหม่ในตอนนั้น - ตามที่เคื่องคอมพิวเตอร์มันนับครับ)

ย้อนไปคิดดูแล้ว เรื่องนี้เราได้พยายามคุยกัน หาความรู้กัน และทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องของพี่น้องมุสลิมร่วมสังคมของเรา กันมาตั้งแต่ก่อนเกิดกรณีสามจังหวัดภาคใต้ปะทุรอบหลังนี่หลายปี

...
..
.

ว่าด้วยคำถามนะครับ ผมไม่ใช่มุสลิม ท่านผู้รู้ทางมุสลิมถ้าผ่านมา โปรดให้วิทยาทานด้วยเทอญ

การแต่งงานภาษาอาหรับ ซึ่งเป็นภาษาที่ใช้ในคัมภีร์อัลกุรอาน เรียกว่าการ นิกะห์ ศาสนาอิสลามบัญญัติไว้อย่างละเอียดชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องการนิกะห์นี้ ว่าจะต้องทำยังไงบ้าง ขั้นตอนเป็นไง สินสอดทองหมั้น ชายต้องให้หญิงเท่าไหร่ยังไง มีข้อบัญญัติบ่งไว้ละเอียด อันนั้นเป็นพื้นฐาน แต่ขนบธรรมเนียมประเพรีท้องถิ่นของชุมชนมุสลิมในที่ต่างๆ ทั่วโลก ก็มาผสมด้วย ทำให้รายละเอียดพิธีการตามประเพณีอาจมีความแตกต่างกันไปได้ในแต่ละท้องถิ่นครับ

บทบัญญัติทางศาสนาอิสลามในเรื่องนี้ที่เรารู้จักกันดี ก็คือที่ว่าผู้ชายมุสลิมมีเมียได้สี่คน แต่ที่จริงมีเงื่อนไขและข้อแม้ รวมทั้งข้อกำหนดความรับผิดชอบของฝ่ายชายและอื่นๆ อีกหลายอย่างครับ ไม่ใช่ว่าชายต้องมีภรรยาสี่เสมอไป มีหนึ่งก้ได้ ถ้าจะมีมากกว่าหนึ่ง ผมจำได้คลับคล้ายคลับคลาว่าศาสนาจะบอกว่าต้องสามารถรับผิดชอบผู้หญิงที่จะมาเป็นภรรยาได้ หรือมีความพร้อมที่จะมี ไม่ใช่นึกจะมีก็มีโดยไม่รับผิดชอบ ผมไม่แน่ใจนักว่าจะต้องได้ความยินยอมของภริยาคนก่อนๆ ด้วยหรือเปล่าจึงมีภริยาเพิ่มได้ รายละเอียดจำไม่ได้แต่ว่ามีรายละเอียดข้อกำหนดไว้อยู่ครับ
บันทึกการเข้า
pakun2k1d
พาลี
****
ตอบ: 285


ความคิดเห็นที่ 23  เมื่อ 19 ก.ย. 07, 16:13

ขอบคุณ และดีใจค่ะที่ความพยายามของดิฉันประสบความสำเร็จ  เพราะตั้งใจว่าจะพยายามให้กระทู้นี้กลับมาเป็นประโยชน์อีกครั้ง 

ดิฉันเคยมีครูเป็นคนอิสลาม  ท่านน่ารักมากเลยค่ะ  ท่านจะมีคำพูด คำสอนให้เราได้คิดอย่างมีเหตุผล  แตกต่างจากมุมมองที่เราได้เห็นกันอยู่ทั่ว ๆ ไป  เลยทำให้ดิฉันไม่เห็นด้วยกับที่ใคร ๆ มักจะพูดว่าคนอิสลามเคร่งครัด  เชื่อศาสดาเหมือนไม่มีเหตุมีผล  ส่วนอาจารย์อีกท่านหนึ่งท่านเป็นอิสลามที่ออกจะประชดประชัน  เช่น พอเราเห็นท่านกินหมู  ก็จะถามท่านว่า  อาจารย์เป็นอิสลามทำไมกินหมูล่ะคะ  ท่านบอกว่า  หมูตัวที่พระเจ้าห้ามตายไปแล้ว  จริง ๆ แล้วเข้าใจว่าท่านคงเข้าใจที่มาของคำสอน ข้อห้าม ของพระเจ้า  ดังนั้นท่านจึงต้องปรับบ้างเพื่อความสะดวกในการใช้ชีวิต

ดิฉันสนใจเรื่องอิสลามมานานแล้วค่ะ  แต่สภาพแวดล้อมรอบ ๆ ตัวช่างหาความรู้ได้ยากจริง ๆ เคยรู้จักน้อง ๆ ที่เป็นอิสลามอยู่บ้าง  แต่ตัวเขาเองก็ช่างไม่รู้อะไรเท่าไหร่เลย  รู้แต่ว่าตัวเองกินหมูไม่ได้  ไม่ไหว้พระ  ถือศิลอดตามประเพณี  คนตายต้องทำพิธีให้เสร็จใน 1 วัน  ถามว่าเพราะอะไร  ทำไม  อย่างไร  ก็ไม่รู้  อย่างนี้ศาสนาอิสลามถ้าจะลำบากนะคะนี่

คงไม่ต้องเป็นผู้รู้ก็ได้นะคะ  แค่พอรู้มาเปิดประเด็นกันก็มีประโยชน์ยิ่งค่ะ
บันทึกการเข้า
นิลกังขา
แขกเรือน
สุครีพ
******
ตอบ: 1012

ทำงานราชการ


ความคิดเห็นที่ 24  เมื่อ 19 ก.ย. 07, 19:01

ลองให้น้องกู๊กค้นคำว่า นิกะห์ ดู ได้เว็บมาหลายเว็บ เชิญตามไปชมครับ

http://women.sanook.com/wedding/tips/wed_tips_05053.php
บันทึกการเข้า
นิลกังขา
แขกเรือน
สุครีพ
******
ตอบ: 1012

ทำงานราชการ


ความคิดเห็นที่ 25  เมื่อ 19 ก.ย. 07, 19:32

ผมไม่ใช่มุสลิมหรือ มุอมิน (แปลว่าศรัทธาชน ในภาษาอาหรับ) เป็นพุทธ อย่างผมนี่คงจะเข้าข่ายกาเฟร คือคนนอกศาสนา (ของเขา) คงตรงกับคำว่า infidels แต่ผมก็มีเพื่อนมีฝูงมีคนรู้จัก มีกระทั่งญาติ เป็นมุสลิมแยะ บรรพชนผมเองสี่ร้อยปีที่แล้วก็เป็นมุสลิม ไม่มีความจำเป็นใดๆ จะต้องทะเลาะกันเพราะศาสนา คบกัน นับถือกันและกัน ทำงานร่วมกันได้

แต่ถึงอย่างนั้นผมก็เป็นคนนอกอยู่ดี จึงเกรงใจที่จะมาพูดหรือวิจารณ์ในเรื่องบางเรื่อง โดยที่ตัวเองไม่ใช่มุสลิม คงต้องผ่านคำถามบางคำถามให้ท่านผู้อยู่ในศาสนาอิสลามตัวจริงขี้แจงครับ

แลกเปลี่ยนเล่าสู่กันฟังได้แค่ว่า ตามที่ผมได้ยินอาจารยืผมคนหนึ่งซึ่งเป็นมุสลิมเองและเป็นผู้รู้ในศาสนาของท่านด้วย ท่านว่า หมูเป็นสัตว์ต้องห้ามตามศาสนาน่ะใครก็รู้ ทางศาสนาใช้ศัพท์อาหรับว่า หะรอม แต่ถ้าถึงคราวจำเป็น ต้องกินไม่ให้อดตาย ศาสนาผ่อนปรนยอมให้กินได้ครับ แต่สิ่งที่หะรอมหรือต้องห้ามเหมือนกันและห้ามเคร่งเครียดกว่ามาก คือเหล้า ถ้าว่ากันตามหลักจริงๆ ทางศาสนาไม่ยอมให้กินครับ (ความประพฤติส่วนบุคคลของศาสนิกชนแต่ละคนเป็นอีกเรื่องหนึ่ง) คงจะเห็นว่า เหล้ามีแต่โทษ ไม่ต้องกินก็ไม่ตาย ไม่รู้จะกินเข้าไปทำไม แต่หมูเนี่ย ถ้าจำเป็นต้องกิน ยังพอสงเคราะห์ได้ว่าเป็นอาหาร ท่านว่าทั้งๆ ที่ อัล-กอฮอล์ นั้น นักเคมีอาหรับจากโลกมุสลิมเป็นคนค้นพบ (ชื่อยังเป็นภาษาอาหรับอยู่เลย อังกฤาได้คำว่า อัล-กอฮอล์ มาจากอาหรับครับ) แต่คนมุสลิมถูกห้ามครับ บริโภคไม่ได้

ฉะนั้นครูของคุณ pakun2k1d ถ้าทานหมู แต่ไม่ทานเหล้า น่าจะยังพอกล้อมแกล้มรับได้ (ในสายตาผู้ที่เคร่ง) มากกว่าทานเหล้าโดยไม่ทานหมู หน่อยหนึงมั้ง? แต่นั่นแหละเราทั้งคู่ก็ไม่ควรเสียมารยาททำตัวเป็นผู้ตัดสินเรื่องภายในของเขา เพราะเราคนนอก อย่างผมน่ะรับประทานหมูแหนมแกล้มเหล้าบ่อย แฮ่ะๆ..

สิ่งที่ศาสนาบัญญัติให้มุสลิมบริโภคได้ คำอาหรับเรียกว่า ฮาลาล Halal แปลว่า ซึ่งได้รับอนุญาต เป็นเรื่องน่าสนใจครับ อุตสากรรมอาหารฮาลาลเป็นธุรกิจใหญ่โตมหาศาลในตลาดโลก และเมืองไทยเรากำลังพยายามลองเจาะเข้าไปในตลาดนี้ เราอาจไม่ค่อยรู้กันมากนักว่า ห้องแล็บตรวจหาความเป็นฮาลาลหรือไม่ฮาลาล ปนเปื้อนหรือบริสุทธิ์ นั้นเช็คได้ด้วยวิธีการทางวิทยาศาสตร์ และห้องแล็บฮาลาลที่นับได้ว่าดีที่สุดในเอเชียหรืออาจจะเป็นของโลก ไม่ได้อยุ่ที่ประเทศมุสลิมครับ อยู่เมืองไทยเรานี่เอง ที่จุฬาฯ (เพราะคนอื่นยังไม่ทันคิดจะทำกันมากนัก เราเป็นผู้บุกเบิก) มาเลเซียมองตามเป็นมันอยากมาร่วมมือกับแล็บไทย

อะไรหะรอมอะไรฮาลาลนั้นมีบัญญัติทางศาสนาไว้ละเอียดพอควร ที่เรารู้กันก้คือหมุและส่วนประกอบใดๆ ที่มาจากหมูอันนี้ปนไม่ได้ อัลกอฮอล์ก็ไม่ได้ แต่ยังมีอย่างอื่นอีก เลือดสัตว์ เพื่อนมุสลิมของเราก็ทานไม่ได้ครับ และมีอย่างอื่นๆ อีก เวลาเชือดสัตว์ที่ได้รับอนุญาตให้ทาน ก็ต้องมัวิธีเชือดเป็นพิเศษ ผมเข้าใจว่าต้องให้เลือดตกหมด หรือต้องใช้ความเร็วไม่ให้สัตว์ทรมาน หรือต้องมีการเอ่ยถ้อยคำทางศาสนาตอนเชือด - อะไรทำนองนั้นลืมรายละเอียดแล้ว ซากสัตวืตายเองก้ไม่เป็นที่อนุญาต เขาต้องเชือดทานเอา (อย่างถูกวิธี) เกิดเดินๆ ไปเจอะสัตว์ตายเอง จะเอามากินไม่ได้ ห้าม ซึ่งเขาก็มีเหตุผลทางวิทยาศาสตร์และอนามัยนะครับ เพราะเราไม่รู้ว่ามันตายเพราะอะไร ป่วยตายรึเปล่า เอามากินเดี๋ยวจะป่วยตาม สู้เชือดเองไม่ได้ รู้แน่ๆ ว่าสัตว์มาจากไหนและไม่ได้ป่วย ปลอดภัยกว่าในแง่นั้น

ที่จริงคำว่า หะรอม ที่เป็นคู่กับฮาลาล นั้น อาหรับแปลว่า ซึ่งเป็นที่หวงห้าม ซึ่งไม่ได้รับอนุญาต ฟังดูอาจจะไม่คุ้นหู แต่ผมเชื่อว่าสมาชิกชายในเว็บคงรู้จักคำอีกคำหนึ่ง ที่มาจากคำนี้นะแหละ คือคำว่า ฮาเร็มครับ ใช่ครับส่วนหวงหน้ามหรือวังในที่มีแต่สาวๆ นางสนมสุลต่านนั่นแหละ รากเดียวกัน เป็นเขตหวงห้ามไงครับ     
บันทึกการเข้า
pakun2k1d
พาลี
****
ตอบ: 285


ความคิดเห็นที่ 26  เมื่อ 21 ก.ย. 07, 06:40

ขอบคุณ คุณนิลกังขาค่ะ  รู้สึกว่า  ศาสนาอิสลามมีข้อกำหนดที่ลึกไปในรายละเอียดเยอะมาก ๆ นะคะ  อะไรที่ทำให้ศาสดาของอิสลามต้องกำหนดละเอียดขนาดนั้น  อย่างศาสนาพุทธ  โดยคำสอนจริง ๆ พระพุทธเจ้า ไม่ได้มีข้อกำหนดอะไรมากมายเลย  รายละเอียดพิธีกรรมทั้งหลาย  เป็นเรื่องที่เรามากำหนดกันเองทั้งนี้น  ศาสนาคริสต์ก็ไม่กำหนดไปในรายละเอียดเยอะนะคะ  พอไม่เยอะก็เลยตีความแตกเป็นนิกายต่าง ๆ มากมาย 

ดิฉันว่าถ้ารายละเอียดลึกซึ้งขนาดนี้เราคงหาคนมาแจมประเดินนี้ยากเอาการนะคะ  แต่ก็อยากนะคะ  อยากชวนคนที่พอรู้มาขยายวงนี้หน่อยค่ะ  เพราะแค่คุณนิลกังขาบอกมานี่  ดิฉันพอเข้าใจแล้วว่า  ทำไมคนมุสลิมถึงได้เคร่งครัดนัก  เพราะข้อกำหนดของศาสนาของเขาละเอียดลึกมาก ๆ  แล้วถ้าเป็นอย่างนี้  ลองคิดดูซิคะว่าถ้าคนมุสลิมที่เคร่งครัดไปเดินตลาดที่คนขายส่วนใหญ่เป็นพุทธที่ช่างจะไม่มีข้อกำหนดอะไรเลย  คนมุสลิมจะหาของกินได้ไหมค่ะ  คนมุสลิมก็จะกลายเป็นคนเรื่องมาก  ไอ้นั่นก็ไม่ได้  ไอ้นี่ก็ไม่ได้  คนขายก็หงุดหงิดว่าพวกนี้เรื่องมาก  คนซื้อก็หงุดหงิดที่หาของไม่ได้ซักที  มันก็จะปัญหาแหละค่ะ

ดิฉันมองดูว่า  ศาสนาพุทธ กับศาสนาอิสลาม ต่างมุ่งให้คนทำดี เป็นคนดี เหมือนกัน  แต่ต้องบอกว่าวิธีการต่างกันคนละขั้วเลย  เพราะพระพุทธเจ้าบอกเลยว่า  จงอย่าเชื่อมาแต่เรา(กาลามสูตร)ให้ไปพิจารณาเอง  เพราะฉนั้นคนพุทธก็ไม่เคร่งครัดอย่างที่เห็นและเป็นอยู่  แต่ศาสนาอิสลามสอนว่าอย่างไรไม่แน่ใจ  แต่เท่าที่รู้คงให้ยึดถือปฏิบัติตามโดยเคร่งครัด  ดิฉันว่าต้องมีที่มาของความเคร่งครัดนี้  แล้วเราก็จะได้รู้ว่าความเคร่งครัดนี้มีข้อดีอย่างไร  ผู้รู้ช่วยออกมาบอกหน่อยนะคะ

เรื่องการแต่งงาน  ดิฉันได้เข้าไปอ่านแล้วนะคะ  แต่ยังไม่ค่อยเข้าใจ  อ่านแล้วยังงง ๆ อยู่  แต่ไม่เป็นไรค่ะ  จะลองค้นเพิ่มเติมดู  มีอะไรน่าสนใจจะมาบอกต่อ
บันทึกการเข้า
pakun2k1d
พาลี
****
ตอบ: 285


ความคิดเห็นที่ 27  เมื่อ 23 ก.ย. 07, 16:01

ไปตามค้นและศึกษาเรื่องมุสลิมอยู่ค่ะ  เป็นศาสนาที่มีความละเอียด ลึกซึ้งในเรื่องข้อปฏิบัติต่าง ๆ มาก  มีคำศัพท์เฉพาะมากมายค่ะ  มิน่าทำไมต้องมีโรงเรียนปอเนาะ  ทำไมต้องอ่านพระคัมภีร์  ไปพบเว็ปไซด์ที่ให้ความรู้เกี่ยวกับศาสนาอิสลามที่อ่านง่าย  ช่วยให้คนนอกศาสนาอย่างเราเข้าใจได้ง่ายค่ะ  ใครสนใจตามไปอ่านได้นะคะ 

http://www.halalthailand.com/olips/index.php
บันทึกการเข้า
kindness
อสุรผัด
*
ตอบ: 4


ความคิดเห็นที่ 28  เมื่อ 06 มี.ค. 08, 17:29

สนใจเรื่องพิธีแต่งงานของมุสลิมด้วยค่ะ  ใครรู้บ้างค่ะ  หรือไปตามหาความรู้ได้ที่ไหนอย่างไร  ค้นจากinternetก็พบน้อยมากค่ะ

^
^
^
 ยิงฟันยิ้ม


ขออนุญาตขุดกระทู้ มาอธิบายเรื่องอิสลามนะคะ ^^

พิธีแต่งงานในอิสลามนั้นมีพิธีการเช่นไร?

ขอความสันติสุขจงมีแด่ทุกท่าน


เงื่อนไขการแต่งงานในอิสลามมี 5 ประการ ดังนี้

1. หญิงและชายต้องเป็นมุสลิมทั้งคู่ หลังแต่งงานไปแล้ว หากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดตกศาสนา
ความเป็นสามีภรรยาก็ถือเป็นอันสิ้นสุดไปด้วย การอยู่ร่วมกันหลังจากนั้นถือเป็นการผิดประเวณี
อ่านเรื่องทำไมเมื่อแต่งงานกับมุสลิมต้องเปลี่ยนศาสนาได้ ที่นี่

2. ผู้ชายต้องจัดหามะฮัรฺ (ของขวัญแต่งงาน) ให้แก่ผู้หญิงตามที่ผู้หญิงร้องขอ เมื่อทำพิธีแต่งงานทางศาสนาเสร็จ
มะฮัรฺนี้จะเป็นของผู้หญิงครึ่งหนึ่งก่อน จนกว่าจะได้อยู่ด้วยกันโดยพฤตินัยแล้ว มะฮัรฺก็จะเป็นของผู้หญิงทั้งหมด
หากหลังพิธีแต่งงานแล้วคู่บ่าวสาวมิได้มีความสัมพันธ์ฉันสามีกันจริงๆ มะฮัรฺก็จะเป็นของผู้หญิงเพียงครึ่งเดียว

3. ต้องมีพยานเป็นชายมุสลิมที่มีคุณธรรมอย่างน้อย 2 คน

4. ต้องมีวะลี (ผู้ปกครอง)ของผู้หญิงให้อนุญาตแต่งงาน หากพ่อผู้หญิงมิใช่มุสลิม ไม่สามารถเป็นวะลีได้ ผู้หญิงจะต้องแต่งตั้งให้ใครเป็นวะลีทำหน้าที่ในพิธีแต่งงานให้ ทำพิธีเสร็จแล้ว ความเป็นวะลีโดยการแต่งตั้งก็เป็นอันจบไป

5. มีการเสนอแต่งงาน(อีญาบ)จากทางวะลีของฝ่ายหญิง และเจ้าบ่าวต้องกล่าวรับ(กอบูล)


พิธีกรรมแต่งงานก็ประกอบด้วยการคุฏบ๊ะฮฺนิก๊ะฮฺ เสร็จแล้วก็ทำพิธีนิก๊ะฮฺตามหลักศาสนา
โดยการกล่าวเสนอแต่งงานจากทางวะลีฝ่ายหญิง และฝ่ายชายตอบรับ เท่านั้นก็เป็นเสร็จพิธี

ส่วนงานเลี้ยงฉลองแต่งงานเราเรียกว่า "วะลีมะฮฺ" อิสลามส่งเสริมให้ทำเพื่อแสดงความยินดี
และรื่นเริงเพราะเป็นโอกาสสำคัญ แต่งานเลี้ยงต้องไม่ฟุ่มเฟือย



หลักการศาสนาอิสลามเป็นเช่นนี้ทุกที่ทั่วโลก หากนั้นนอกเหนือจากนั้นเป็นการเพิ่มเติมขึ้นมาเอง

อาบน้ำเจ้าสาว จุดเทียนตัดเค้ก การแห่ขันหมากไปมา เจ้าสาว เจ้าบ่าว มีอ้อย และอื่นๆนั้น
เป็นสิ่งอุตริที่ไม่มีอยู่ในอิสลาม มนุษย์สร้างขึ้นมาให้เล่นให้วุ่นวาย และนำมาเหมารวมว่า มันคือพิธีกรรมทางอิสลาม

อิสลามไม่สนับสนุนให้ทำ เพราะมันสร้างภาระ และสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ


และการเลี้ยงฉลองงานแต่งงานหากมีการเลี้ยงเกิน 3 วัน
ถือเป็นการฟุ่มเฟือยโอ้อวดและท่านนบีไม่สนับสนุนงานเช่นนี้ค่ะ อิสลามห้ามเรื่องการ โอ้อวดและฟุ่มเพื่อยโดยใช่เหตุ

ท่านนบีกล่าวไว้ว่า อาหารมื้อที่ดีที่สุด คืออาหารในงานนิก๊ะห์ และอาหารที่แย่ที่สุด คืออาหารในงานวลีมะห์ (อาหารงานฉลองงานแต่งงาน)
เนื่องจากเจ้าภาพ มักเชิญเฉพาะคนรวย คนที่มีฐานะทางสังคม ส่วนคนที่ยากไร้ต้องการอาหารประทังชีวิต กลับไม่ได้รับเชิญ

บางกลุ่มชนของอินโดนีเซียนั้นพิธีการมีการเลี้ยงฉลอง 7 วัน
และประเพณีแต่ละที่ก็แตกต่างกันไปตามพื้นที่


หากกลุ่มคนใดที่ปฏิบัติตามหลักการศาสนา ก็จะไม่มีสิ่งเสริมนอกเหนือเพิ่มเติมที่กล่าวมาค่ะ

ต้องแยกให้ออกระหว่าง ประเพณีที่ทำตามกันมา กับหลักศาสนา ค่ะ





ส่วนเรื่องสินสอดในอิสลามนั้น มีกล่าวไว้ดังนี้.....

ท่านรสูลุลลอฮฺกล่าวว่า " สตรีที่ดีที่สุด คือสตรีที่เรียกมะฮัรฺ (จากฝ่ายชาย) น้อยที่สุด"

มะฮัรฺ หมายถึง ทรัพย์สิน,เงินทองที่ฝ่ายเจ้าบ่าวมอบให้แก่ฝ่ายเจ้าสาวเท่านั้น
ญาติของนางไม่มีสิทธิ์ เข้ามามีส่วนกำหนดทรัพย์สิน ว่าจะต้องได้เท่านั้นได้เท่านี้

ถือว่าผิดหลักคำสอนของศาสนา แม้ว่าญาติของนางจะอ้างสิทธิ์อันชอบธรรมอะไรก็ตาม
ศาสนาไม่อนุญาตให้ญาติมีส่วนมาตัดสินใจเกี่ยวกับการกำหนดมะฮัรฺ
แต่ปัจจุบันผู้คนหลงลืมไปว่า การเรียกเงินสูงๆ เป็นการให้เกียรติ และนับหน้าถือตาในสังคม และยกย่องกันแต่เรื่องฐานะ


ลืมหลักการศาสนา ที่อิสลามมีกล่าวไว้ตั้งแต่เกิดจนตายว่า เท่าเทียมกัน..

ผู้ที่ดีที่สุดคือผู้ที่ศรัทธาและอยู่ในหลักการศาสนา ซึ่งเป็นผู้ที่ปฏิบัติความดีงาม อ่อนโยนมีน้ำใจเอื้อเฟื้อต่อเพื่อนมนุษย์และไม่โอ้อวดฟุ่มเฟื่อย......ไม่หลงงมงายกับฐานะหน้าตาทางสังคม ที่สร้างกันขึ้นมาเอง

งานวะลีมะฮฺ หมายถึง เจ้าบ่าวเจ้าสาวเลี้ยงอาหารให้แก่แขกที่มาเป็นสักขีพยานในงานพิธีนิก๊ะห์
หรืองานฉลองการแต่งงานนั่นเอง ...ทั่วไปเรียกว่า งานมงคลสมรส...

งานวะลีมะฮฺจะจัดงานในวันเดียวกับงานพิธีนิก๊ะห์ก็ได้ หรือจะจัดงานภายหลังพิธีนิก๊ะห์ก็ได้

ซึ่งท่านนบีมุฮัมหมัด ซอลลอลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมฮฺ กระทำไว้เป็นแบบอย่าง
โดยจัดงานวะลีมะฮฺระยะห่างจากจัดงานนิก๊ะห์ประมาณ1สัปดาห์


หากนิก๊ะห์เสร็จแล้ว อีก 1 หรือ 2 วันจะจัดงานวะลีมะฮฺนั้น สามารถกระทำได้ค่ะ
เพราะศาสนาอนุญาตให้กระทำได้

เช่น

การที่มุสลิมทำพิธีนิก๊ะหฺ์ที่มัสยิด/บ้าน ในตอนเช้า และมีงานฉลองอีกงานหนึ่งโรงแรม/สถานที่อื่น

หรือ

ทำพิธีนิก๊ะหฺ์ที่มัสยิด/บ้าน ในวันหนึ่ง และมีงานฉลองอีกงานหนึ่งที่โรงแรม/สถานที่อื่น ใน 2 วัน หรือ อีก 1 อาทิตย์ถัดมา




ด้วยความเคารพและจิตคารวะค่ะ



Ref: annisaa.com

บันทึกการเข้า
kindness
อสุรผัด
*
ตอบ: 4


ความคิดเห็นที่ 29  เมื่อ 06 มี.ค. 08, 17:33

ขอเพิ่มเติม

พบเว็บนี้โดยบังเอิญ ดูๆแล้วชอบมากค่ะ ทั้งเนื้อหาทั้งสีสันสบายตา
ให้กำลังใจผู้จัดทำที่นำสิ่งดีๆมาค่ะ
 ยิ้มกว้างๆ
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 [2] 3
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.07 วินาที กับ 19 คำสั่ง