ลุงแก่
บุคคลทั่วไป
|
"ผู้ว่าสมัคร" ทำพิธีบวงสรวงวันนี้ เดินหน้าขุดที่จอดรถใต้ดินหน้า กทม.
สรุปข่าวว่า นายสมัคร สุนทรเวช ผว.กทม.จะเป็นประธานในพิธีบวงสรวงการขุดเจาะพื้นที่เพื่อก่อสร้างลานคนเมืองและที่จอดรถใต้ดิน บริเวณหน้าศาลาว่าการ กทม. เสาชิงช้า เนื่องจากเกรงว่าจะทำความเสียหายแก่โราณสถานหรือโบราณวัตถุที่อยู่ใต้ดิน ดังนั้นจึงต้องมีผู้เชี่ยวชาญโบราณคดีของกรมศิลปากรมาคอยตรวจสอบและควบคุมงานขุดตลอดเวลา ๑๘๐ วัน เพื่อคอยดูแลแนะนำบริษัทก่อสร้างถึงวิธีการขุดเจาะ เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่อโบราณสถานหรือโบราณวัตถุหากพบ (เดลินิวส์ วันจันทร์ที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๔๓ หน้า ๓๔)
เราลองมาตรวจดูสิว่าเมื่ก่อนนั้น พื้นที่นี้เขาใช้ทำอะไรกัน ในนิราศของพระอยุ่(ฉบับพิมพ์ ร.ศ. ๑๑๒ ตรงกับ พ.ศ. ๒๔๓๖) มีความกล่าวถึงตลาดเสาชิงช้าตอนหนึ่งว่า "แล้วคิดไปถึงเดือนยี่พิธีไสย.......... มีงานใหญ่แห่ชิงช้าเมื่อหน้าหนาว พวกหญิงชายมาดูกันกรูกราว......... ทั้งเจ๊กลาวแขกฝรั่งทั้งญวนมอญ เราคิดพาพวกเหล่าเมียสาวสวย........ทั้งรูปรวยเดินหลามตามสลอน ไปดูแห่ตามระหว่างหนทางจร..........กรรมกรตามหลังออกพรั่งพรู เราจะออกเดินหน้าวางท่าใหญ่..........มิให้ใครลดเลี้ยวเกี้ยวแม่หนู คอยระวังดูเหล่าพวกเจ้าชู้.............. เกี้ยวเมียกูเตะให้คว่ำขะมำดิน พาเมียหยุดดูชิงช้าหน้าตลาด...........ใครไม่อาจเข้ามาขวางกลัวคางบิ่น แสนสบายมิได้มีที่ราคิน.................. เลิกงานลินลาศมาบ้านเบิกบานใจ"
จากนิราศนี้บอกว่าเสาชิงช้าอยู่หน้าตลาดซึ่งเข้าใจว่าตลาดเสาชิงช้าเก่า สร้างมาก่อนรัชกาลที่ ๕ อาจจะเป็นร้านโรงทำด้วยไม้ธรรมดา แต่เดิมตลาดเสาชิงช้านี้ขายทองรูปพรรณเช่น สายสร้อย กำไล แหวน ตุ้มหู ฯลฯ ทำด้วยทองเหลือง เลยมีคำพูดเรียกกันว่า "ทองเสาชิงช้า" ซึ่งปัจจุบันคงไม่มีใครรู้จักหรือได้ยินกันแล้ว ในสมัยแรก เสาชิงช้าไม่ได้ตั้งอยู่ในที่ปัจจุบัน แต่อยู่ค่อนขึ้นไปทางเหนือเล็กน้อย สร้างขึ้นเมื่อประมาณปี พ.ศ. ๒๓๒๗ ในสมัยรัชกาลที่ ๑ (ได้สังเกตในรูปแนวถนนบำรุงเมืองเปรียบเทียบตำแหน่งที่ตั้งของเสาชิงช้าเดิม พอประมาณได้ว่าอยู่ในตำแหน่งขอบทางเท้าริมถนนในปัจจุบัน - ลุงแก่) และย้ายมาตั้งใหม่ตรงที่ตั้งในที่ปัจจุบันนี้เมื่อประมาณปี พ.ศ. ๒๔๔๔ ในสมัยรัชกาลที่ ๕
เกี่ยวกับตลาดเสาชิงช้านี้ ขุนวิจิตรมาตรา (สง่า กาญนาคพันธุ์) ได้เล่าว่าตลาดเสาชิงช้าเดิมทีเดียวอยู่ตรงตึกโค้งสามชั้นริมถนนบำรุงเมือง ด้านที่จะเลี้ยวไปถนนดินสอปัจจุบันนี้ (น่าจะอยู่บริเวณด้านถนนศิริพงษ์ที่ตัดจากถนนบำรุงเมืองอ้อมไปทางด้านหลังศาลาว่าการ กทม. มากกว่า เพราะถ้าตลาดเดิมเป็นดังกล่าว ก็จะอยู่ติดกับเทวสถาน(โบสถ์พราหมณ์)พอดีซึ่งเป็นจุดปลายถนนตรีเพชร หลังวัดสุทัศน์ ซึ่งจะขัดกับข้อความในพระราชหัถเลขา ที่จะได้กล่าวต่อไป - ลุงแก่)
ในบันทึกของหมอบรัดเลย์กล่าวว่า นาย ร.ศ. สกอตต์ เจ้าของห้างสกอตต์แอนด์โก ได้นำไฟแกสเข้ามาใช้ในกรุงเทพฯ เป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ ๒๖ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๐๙ โดยตั้งโรงที่ในพระบรมมหาราชวัง ถึงรัชกาลที่ ๕ พ.ศ. ๒๔๑๗ เกิดโรงแกสระเบิด จึงมาสร้างโรงแกสที่บริเวณเสาชิงช้า มีกำแพงทึบ ๔ ด้าน ด้านหน้าตรงกับวัดสุทัศน์เป็นประตูใหญ่ ข้างในขุดเป็นสระใหญ่เลี้ยงจรเข้ให้คนเข้าไปดูได้ ต่อมามีบริษัทไฟฟ้าเกิดขึ้นจึงรื้อโรงแกสลงหมด แล้วย้ายเสาชิงช้าออกมาตั้งตรงที่ตั้งอยู่ปัจจุบันนี้ ตรงโรงแกสที่รื้อสร้างเป็นตลาด ได้สร้างเป็นตึกแถวยาวหักวกเป็นรูปสี่เหลี่ยมจรดกันสี่ด้าน เว้นช่องเป็นประตูตรงกลางทุกด้าน ภายในทำเป็นตลาดใหญ่ แล้วย้ายตลาดเสาชิงช้าเดิมมาตั้งที่สร้างใหม่นี้ ตามจดหมายเหตุกล่าวว่าผู้สร้างตึกชื่อ มิสเตอร์ สุวาราโต และเข้าใจว่าจะเปิดตลาดเมื่อปี ร.ศ. ๑๑๙ (พ.ศ. ๒๔๔๔)
ต่อมาเมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๗-๒๔๙๘ ทางเทศบาลนครกรุงเทพได้รื้อตึกตลาดเสาชิงช้านี้ทั้งหมดแล้วทำเป็นลานกว้างใหญ่สำหรับเล่นกีฬา สระจรเข้ที่กล่าวถึงข้างต้นนั้นก็มีอยู่กลางลานนี้
ในพระราชหัตถเลขาพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ลงวันที่ ๒๕ มีนาคม ร.ศ. ๑๑๙ ถึงกรมหลวงนเรศวรฤทธิ์และเจ้าพระยาเทเวศน์วงษ์วิว้ฒน์ ความตอนหนึ่งว่า "ด้วยตลาดเสาชิงช้าตอนข้างในแล้วเสร็จพอที่จะเปิดให้เข้าไปขายของในนั้น รื้อร้านที่โสโครกเสียได้สักคราวหนึ่ง ฉันได้กำหนดว่าจะเปิดในวันที่ ๑๘ คือเดือน ๖ ขึ้นค่ำหนึ่ง เพราะเหตุว่าถ้าจะเปิดในเวลาสงกรานต์ จะเป็นการชุลมุนกับเรื่องก่อพระทราย แลกระทุ้งรากที่วัดเบญจมบพิตร แต่มีเรื่องที่จะต้องพูดกับเธอ แลกรมศุขาภิบาล ๒-๓ เรื่อง คือ ๑. ในตลาดนั้นอยากจะให้ติดไฟฟ้า คิดประมาณดูว่าจะต้องติดกิ่งฟากโรงตลอดฟากเดียวไม่ติดตามตึกโดยรอบริมขอบถนนนี้ด้านละ ๕ ดวง ด้านสกัดด้านละ ๑ ดวง รวมเป็น ๑๒ ดวง ในตลาดเพียงสัก ๓ ดวงก็พอ เพราะเหตุว่าของเหล่านั้นย่อมขายในเวลากลางวัน ติดไฟไว้พอให้สว่างในการที่จะรักษาของอันเก็บไว้ในตลาด รวมเป็นไฟข้างใน ๑๕ ดวง ไฟที่ถนนในระหว่างตึกที่จะไปเว็จแลไปบ่อน้ำ ถ้าจะมีแต่มุมละดวงก็เกือบจะพอดอกกระมัง ถ้าเช่นนั้นก็จะเป็นไฟเพียง ๑๙ ดวง ๆ หนึ่ง ๒๐ แรงเทียน ถ้ากรมศุขาภิบาลจะให้ได้จะเป็นที่ยินดีมาก หรือจะเกี่ยงอยู่ว่าในตลาดไม่ใช่เป็นท้องถนน จะให้เจ้าของตลาดใช้ค่าไฟฟ้า ๓ ดวงข้างในนั้นก็ได้ การที่จะติดเหล่านี้ถ้าเธอมีความสงสัยให้หารือเจ้าหมื่นเสมอใจ แต่ถ้าติดไฟให้ได้จุดทันวันกำหนดเปิดตลาดจึงจะเป็นการดี ๒. ที่เสาชิงช้าซึ่งจะยกพื้นขึ้นรอบแลจะปักเสาโคนสี่มุมนั้น ถ้าสำเร็จได้ด้วยในเวลานั้นจะเป็นการงดงามมาก ๓. เมื่อตลาดได้ย้ายไปในที่ใหม่แล้ว ตลาดเก่านั้นจะได้ให้รื้อทันที เมื่อรื้อลงแล้วขอให้กรมศุขาภิบาลได้ทำพื้นที่นั้นให้สิ้นความโสโครก ให้เป็นลานใหญ่สำหรับรถเดินไปมาได้โดยสดวกโดยเร็วด้วย"
สถานที่ตามพระราชหัตถเลขาข้อ ๑ มีหลักฐานแสดงเป็นภาพถ่ายทางอากาศ ที่ได้ถ่ายไว้ในสมัยรัชกาลที่ ๗ ซึ่งเป็นอาคารตึกแถว ๒ ชั้น จำนวน ๒ แถว วงรอบตลาดภายใน แต่มองไม่เห็นพื้นที่ศาลาว่าการ กทม.
ดังนั้นในการก่อสร้างอาคารจอดรถใต้ดินนี้ ก็ไม่น่าจะพบโบราณสถานหรือโบราณวัตถุใด แต่อาจจะพบก้นบ่อเลี้ยงจระเข้ก็ได้กระมัง
แต่ถ้าท่านผู้ว่าสมัครคิดจะรื้อฟื้นโครงการสร้างอาคารจอดรถใต้ดินที่สนามหลวง โดยเฉพาะด้านทิศเหนือหน้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่านควรจะประสานงานกับกรมศิลปากรแต่เนิ่นๆ เพราะอาจจะได้พบซากฐานกำแพงของวังหน้า และอาจจะมีปืนใหญ่และลูกกระสุนโบราณจมอยู่อีกเป็นแน่ ก็ตรงนั้นเคยเป็นโรงคลังแสงและสนามฝึกซ้อมทหารของวังหน้านี่นา
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ลุงแก่
บุคคลทั่วไป
|
ความคิดเห็นที่ 1 เมื่อ 17 ก.ย. 00, 00:00
|
|
ถ้าอ่านเพิ่มเติมในหนังสือของ อ.คึกฤทธิ์ฯ จะมีเรื่องบ้านทรงไทยที่ท่านปลูกไว ้ที่่ซอยสวนพลู ท่านก็ซื้อเรือนเก่าจากบริเวณที่เป็นศาลาว่าการ กทม. ทุกวันน ี้แหละครับ และท่านกล่าวด้วยว่ามีผีเรือนอยู่ในเสาตกน้ำมันของบ้านหลังนี้ติด ไปด้วยแต่ก็ไม่ได้ไปรบกวนท่านแต่อย่างใด
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Homeless UK
บุคคลทั่วไป
|
ความคิดเห็นที่ 2 เมื่อ 17 ก.ย. 00, 00:00
|
|
ขอบคุณครับคุณลุง
ดีนะครับทีกรุงเทพยังไม่เก่ามาก แค่ประมาณ 200ปี ถ้าเก่ากว่านี้ขุดไปคงเจอ อะไรแปลกๆ อย่างในลอนดอนเนี่ยะ บางทีจะสร้างตึก ขุดดินไปดันเจอโครงกระดูก หรือ หม้อ ให ต่างๆนาๆ ซากหมู่บ้าน เคยดูสารคดีนะครับ
เอ... ผมคิดว่าการย้ายเสาชิงช้านี่่น่าจะยากเหมือนกันนะครับ เพราะรู้สึกว่าตามหลักการ จะต้องตั้งตำแหน่งตามโหราศาสตร์และดาราศาสตร์ เคยได้ยินมาครับ ว่าคล้ายๆกับการสร้างสิ่งศักด์สิทธ์อื่นๆ ของพราหมณ์ในปราสาทหินเก่าๆ ที่มีลักษณะพิเศษทางดาราศาสตร์ จำไม่ค่อยได้แล้วครับ เพราะว่าเคยได้ยินเมื่อนานมาแล้ว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ยู้
บุคคลทั่วไป
|
ความคิดเห็นที่ 3 เมื่อ 17 ก.ย. 00, 00:00
|
|
คิดว่าน่าจะยากนะคะคุณ Homeless UK เพราะเสาชิงช้าคือเสาหลักของกรุงเทพ เมืองท่ีมีชื่อยาวท่ีสุดในโลก เพื่อนอเมริกันเค้าก็ยังรู้ชื่อนี้เลยค่ะ น่าดีใจออก อืมปรกติแล้วการสร้างบ้าน ในเมืองไทยคนโบราณค่อนข้างพิถีพิถัน มากเหมือนกัน เพราะทราบมาว่า แทบทุกบ้านนิยมสร้างศาลพระภูมิ เพื่อความร่มเย็นและเป็นสุข โดยจะมีการนำดอกไม้และธูปเทียน มาบูชาพร้อมกับอาหารทุกวันพระ ก็เลย คิดว่าเมื่อคนไทยค่อนข้างมี พิธิและระเบียบประเพณีเช่นนี้ การย้ายเสาชิงช้าท่ี มีความหมายของประเทศชาติ คงยุ่งยากมากๆ แต่ไม่ทราบลายละเอียด เท่าคุณ ิHomeless UK- หรอกค่ะ
แต่คิดว่าคงมีผู้รู้มาช่วยตอบเรื่องนี้ แน่ๆ ขอบคุณคุณลุงแก่นะคะท่ีหาเรื่อง ดีๆมาให้อ่านกันค่ะ
เรื่องผีนี่ก็ไม่เอาด้วยคนค่ะ เคยเห็นคนตายต่อหน้าก็ตอน ย่าและยายเสีย ก็ไม่กลัวเท่าไหร่ แต่ท่าเป็น วิญญาณ คงไม่เอาด้วยแล้วค่ะ เพราะไม่สนุกแน่ๆแท้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33477
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 4 เมื่อ 17 ก.ย. 00, 00:00
|
|
เสาชิงช้าเป็นคนละแห่งกับหลักเมืองค่ะ เสาชิงช้ามีไว้สำหรับให้พราหมณ์โล้ชิงช้า ในพิธีโล้ชิงช้าของไทย ต่อมาก็เลิกไป ที่คุณยู้พูดดิฉันเข้าใจว่าหมายถึงหลักเมืองมากกว่า แล้วจะมาพาไปทัวร์ในบทความหน้า อย่างไรก็ตาม ทั้งเสาชิงช้าและโบสถ์พราหมณ์ เป็นโบราณสถาน เคลื่อนย้ายไปไหนไม่ได้อยู่แล้ว กรมศิลปากรจะดูแลเรื่องนี้เอง ถ้าคุณสมัครจะทำลานจอดรถใต้ดิน ก็ต้องไม่กระทบกระเทือนโบราณสถานค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|