เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 [2] 3 4
  พิมพ์  
อ่าน: 41771 อิเหนา ฉบับพระนิพนธ์สมเด็จฯเจ้าฟ้ากรมพระนครสวรรค์วรพินิต
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 15  เมื่อ 19 ส.ค. 12, 12:11

   การที่นางเอกในอิเหนาสำนวนนี้ต้องออกไปเร่ร่อนอยู่ต่างบ้านต่างเมือง เกิดจากการตัดสินใจของเจ้าตัวเอง  ไม่ได้เกิดจากเทวดาบันดาลให้ลมหอบอย่างอิเหนาพระราชนิพนธ์รัชกาลที่ 2     ระเด่นจันตะหราน่าจะเป็นนางเอกแบบที่พวกเฟมินิสต์ชอบ เพราะเธอแกล้วกล้าหลายอย่าง ไม่แพ้ผู้ชาย
   เดินทางกันมาถึงระยะทางกึ่งกลางระหว่างเมืองดาหากับเมืองกุรีปั่น    ระเด่นจันตะหราก็ให้พักขบวน สร้างพลับพลาขึ้นเป็นที่พัก   เมื่อเห็นทำเลตรงนี้มีชัยภูมิเหมาะสมดี     ก็เรียกมนตรี ซึ่งดูจากหน้าที่แล้วน่าจะเป็นขุนวังมาเข้าเฝ้า   แล้วสั่งว่า
   "ลุงมนตรี   ถ้าลุงสร้างเมืองขึ้น ณ ที่นี้สักเมืองหนึ่งจะดี    ด้วยข้านี้ใคร่จะเป็นราชาครองเมืองอยู่ที่นี่"
   มนตรีก็คุมไพร่พลไปตัดฟันโค่นต้นไม้ ถากถางบริเวณ สร้างเมืองใหม่ขึ้นมาเป็นเมืองไพจิตรงดงาม มีเครื่องตกแต่งพร้อม    ระเด่นจันตะหราเห็นเมืองใหม่สร้างเสร็จก็ยินดีอย่างยิ่ง   ยิ้มสรวลบอกตนเองว่า
   "บัดนี้เมืองใหม่ก็สร้างเสร็จแล้ว  เราจะเป็นราชาครองเมือง เพื่อปล้นตีชิงไพร่ฟ้าประชาชนชาวกุรีปั่น     ถ้าเราจะต้องตายลง ณ ที่นี้ก็ยิ่งชอบใจ"  
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 16  เมื่อ 19 ส.ค. 12, 12:20

     เนื้อเรื่องเดิมของตอนนี้ก็ฟังดูพิลึกเอาการอยู่     เพราะแทนที่ระเด่นจันตะหราจะไปแค้นเมืองดาหา  กลับไปหาเรื่องกลั่นแกล้งชาวเมืองกุรีปั่นซึ่งไม่ได้รู้อีโหน่อีเหน่ด้วยสักนิด       สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระนครสวรรค์ฯ ก็ทรงจะทรงฉงนเช่นกัน จึงทรงใส่ไว้ในเชิงอรรถว่า  อาจเป็นได้ว่าระเด่นจันตะหราอยากตาย ถึงได้ยั่วยุให้ท้าวกุรีปั่นส่งทหารมาปราบปรามจะได้ตายสมใจในที่รบ   แต่ผู้รู้บางท่านก็อธิบายว่า  ยั่วให้อินูตามมารบจะได้พบกัน

     ดิฉันคิดว่านิทานสมัยโบราณจะเอาหลักการเหตุผลสมัยนี้ไปจับก็คงยาก  เพราะจุดมุ่งหมายอยู่ที่ความสนุกสนานผจญภัยของเนื้อเรื่อง   
     ถ้าจะแต่งใหม่ด้วยเหตุผลก็ง่าย  คือให้ระเด่นจันตะหราพาข้าราชบริพารไปเฝ้าท้าวกุรีปั่นเสียโดยตรงก็หมดเรื่อง   จะได้พ้นภัยจากพ่อและได้พบหน้าอินูสะดวกสบาย  อภิเษกกันได้เลย    ง่ายดายกว่ามาทำอะไรอ้อมค้อมแบบนี้เยอะ     แต่ถ้าแต่งให้ถูกตามเหตุตามผล  นิทานก็คงจบเรื่องแค่นี้   พระเอกนางเอกไม่มีบทบาทอีกยืดยาวเท่ากับแต่งให้ระเด่นจันตะหราคิดอะไรประหลาดๆแบบนี้
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 17  เมื่อ 20 ส.ค. 12, 13:45

   แผนต่อจากนั้นก็คือระเด่นจันตะหราก็เสด็จสู่ตำหนัก   แต่งองค์ทรงเครื่องแปลงเป็นชาย   รูปทรงงามเหมือนเทวดาเสด็จลงมาจากสวรรค์  เหน็บกริชอย่างชาย   เสร็จแล้วก็ออกจากตำหนักของตนเสด็จไปที่ตำหนักของมหาเดหวี แม่เลี้ยงซึ่งตามมาด้วย   สาวสรรค์กำนัลในในตอนแรกก็จำไม่ได้ นึกว่าเป็นองค์เทพปะตาระชคัต( องค์เดียวกับองค์ปะตาระกาหลาในอิเหนา) เสด็จลงมา ก็ตื่นตะลึงชวนกันบังคม  จนเข้ามาใกล้เห็นชายรูปงามผู้ยืนเท้าบั้นพระองค์ หัตถ์กุมกริชอยู่ ถึงจำได้ว่าเป็นระเด่นจันตะหรา   
    มหาเดหวีเองก็เพิ่งจำได้  ออกปากชมว่า
    "ลูกแม่ฉลาดแปลงกาย   แม่นึกว่าเป็นเทพลงมาเสียอีก"
   ระเด่นจันตะหราก็แย้มสรวล  ทูลขอให้มหาเดหวีเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ  ต่อไปเธอจะแปลงกายเป็นชาย  ใช้ชื่อใหม่ว่า ปันหยีสะมิหรัง อัสมารันกะตะ
    ชื่อปันหยี  ก็คือชื่อของระเด่นมนตรีหรืออิเหนาในรัชกาลที่ ๒ นั่นเอง  เป็นชื่อที่ใช้เมื่อปลอมตัวเป็นโจรป่าออกเดินทางไปตามเมืองต่างๆ
    จากนั้นระเด่นจันตะหราก็ให้มนตรีชายทั้งสี่ที่ช่วยสร้างเมืองเดินทางกลับเมืองดาหา    กำชับมิให้แพร่งพรายความลับเรื่องมาตั้งเมืองใหม่   มนตรีทั้งสี่ก็เดินทางกลับและรักษาสัญญาไว้อย่างดี  แม้ระตูดาหาก็มิได้ล่วงรู้ว่าลูกสาวหายไปไหน
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 18  เมื่อ 22 ส.ค. 12, 14:27

      พี่เลี้ยงทั้งสองของระเด่นจันตะหราก็ปลอมกายเป็นชายเช่นกัน   ทั้งสองมีฝีมือในการรบ จึงได้รับแต่งตั้งเป็นทหารเอก   ออกดักตีชิงปล้นทรัพย์สินข้าวของของคนเดินทางผ่านไปมา  ตามคำสั่งของระเด่นจันตะหราหรือชื่อใหม่ว่าปันหยี สะมิหรัง      ถ้าหากว่าเป็นชาวกุรีปั่นจะเดินทางไปเมืองดาหา ก็จะถูกปล้นหมดจนสิ้นเนื้อประดาตัว  แต่ถ้าเป็นคนยากจนจรจัด ก็ถูกปล่อยตัวไป
      พี่เลี้ยงทั้งสองทำอย่างนี้มาหลายครั้งก็ได้ความสำเร็จทุกครั้ง   จนเมืองใหม่ที่ตั้งเริ่มขยายใหญ่มีทรัพย์สินอุดมสมบูรณ์  ผู้คนก็ยอมสวามิภักดิ์ด้วย   อยู่กันอย่างสนุกสนานร่าเริงด้วยละครและการบันเทิงต่างๆ
     จนวันหนึ่งมีพ่อค้าชาวเมืองมันตาหวัน ซึ่งเป็นเมืองที่ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับวงศ์อสัญแดหวาในตอนต้นเรื่อง   เดินทางผ่านมาจะไปค้าขาย ก็ถูกปล้นตามเคย   พ่อค้าพยายามสู้แต่สู้ไม่ได้ก็หนีกลับไปเมืองของตน   ไปทูลฟ้องท้าวมันตาหวันพระราชาว่าถูกรังแก   ท้าวมันตาหวันก็จัดทัพให้ทหารเอกของเมืองยกมาปราบปรามเมืองโจรเสียให้ราบคาบ
     เมื่อทัพทหารมันตาหวันยกมา    พี่เลี้ยงทั้งสองของปันหยีก็ยกพลออกรบ ปะทะกัน  แม่ทัพหญิงเก่งกว่าแม่ทัพชาย  ฆ่าแม่ทัพชายตายคาสนามรบทั้งสองคน   ฝ่ายทหารมันตาหวันก็ยอมแพ้วางอาวุธมาสวามิภักดิ์กับปันหยี   ปันหยีจึงปรึกษาแม่ทัพนายกอง ยกทัพไปตีเมืองมันตาหวันมาเป็นเมืองขึ้น

     จะเห็นได้ว่าพฤติกรรมของระเด่นจันตะหราห้าวหาญกว่าอุณากรรณในอิเหนาพระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ ๒ มาก   จนเกือบๆจะกลายเป็นชายแท้ไปเสียแล้ว
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 19  เมื่อ 23 ส.ค. 12, 19:15

    การวางตัวของระเด่นจันตะหราออกจะคล้ายๆกับบุษบาเมื่อปลอมตัวเป็นอุณากรรณ   เพราะเวลาอยู่ในที่รโหฐานเธอก็กลับแต่งกายอย่างหญิง สยายผม อุ้มตุ๊กตาทองคำมาเห่กล่อมเล่นด้วยเหมือนเคย     มหาเดหวีก็ร่วมมือด้วยการกั้นม่านอย่างแน่นหนาไม่ให้ใครเห็นพระธิดา   ต่อเมื่อรุ่งเช้าเสด็จออกว่าราชการจึงแต่งกายเป็นชาย
    จะว่าไปการปกปิดเรื่องเป็นหญิงของระเด่นจันตะหราดูไม่น่าจะเป็นความลับไปได้   เพราะตอนยกขบวนออกมาจากตำหนัก ข้าราชบริพารทั้งชายหญิงก็รู้กันทั้งนั้นว่าเจ้านายเป็นหญิง มิใช่ชาย      มีแต่ชาวเมืองที่ถูกปล้นชิงทรัพย์เท่านั้นที่ไม่รู้   แต่เมื่อพวกนี้สวามิภักดิ์เข้ามาอยู่ในเมืองปะปนกับชาวเมืองเดิม ก็ไม่น่าจะมีใครหุบปากเก็บความลับเอาไว้ได้สนิท     ผิดกับอิเหนา ที่บุษบาถูกลมหอบไปกับพี่เลี้ยงอีก 2 คน  ปลอมเป็นชายนับแต่อยู่กลางป่า    คนมาเห็นทีหลังก็เมื่อกลายเป็นหนุ่มน้อยไปแล้ว   จึงน่าจะปกปิดความลับได้ดีกว่า   แต่ในเมื่อเรื่องนี้เป็นนิทาน  อะไรๆก็เป็นได้อยู่ดี

    กลับมาที่เรื่องอีกครั้ง
    ปันหยีหรือระเด่นจันตะหรายกทัพไปตีเมืองมันตาหวัน  ระตูเคราะห์ร้ายผู้นั้นเกิดความหวาดหวั่นพรั่นใจ เพราะส่งกองทัพไปก่อนหน้านี้ทั้งกองทัพก็หายสูญไปหมด ไม่กลับมารายงานข่าวเลยสักคน     ก็เดาได้ว่าแพ้ศัตรูไปแล้ว   เมื่อปันหยียกทัพมา ระตูมันตาหวันจึงไม่คิดสู้  แต่ขอยกธิดาสาว 2 คนให้เป็นบรรณาการ 
    เหตุการณ์ตอนนี้คล้ายๆกับเมื่ออุณากรรณยกทัพไปตามเมืองต่างๆ ระตูทั้งหลายมาอ่อนน้อมยกธิดาให้    เวลาเข้าเมือง ทั้งชาวเมืองทั้งพระราชาเห็นรูปโฉมเข้าก็ตะลึงงัน ชื่นชมโสมนัสเหมือนเห็นเทวดาลงมาตรงหน้า   เกิดความรักใคร่ยินดียอมสวามิภักดิ์ไปตามๆกัน

บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 20  เมื่อ 25 ส.ค. 12, 14:30

    กลับไปทางเมืองกุรีปั่น  ทั้งท้าวกุรีปั่นและพระโอรสอินูพระเอกของเรื่องนี้ไม่ทรงทราบเลยว่าระเด่นจันตะหราหายสาบสูญไปจากเมืองดาหา   เมื่อถึงเวลา  ราชทูตก็นำสินสอดทองหมั้นเดินทางจากกุรีปั่นไปเมืองดาหาเพื่อจะถวายระตู เตรียมอภิเษก   พอผ่านมาทางเมืองของปันหยี สะมิหรัง ก็ถูกตีชิงปล้นสินสอดไปหมด  เหลือขุนนางสองคนรอดชีวิตไปได้   หนีกลับไปเมืองกุรีปั่นเพื่อทูลเจ้านายให้ทราบ
เมื่อท้าวกุรีปั่นกับอินูทราบเรื่องก็กริ้วโกรธเป็นอันมาก   อินูก็ยกทัพมาเองเพื่อจะมาตีเมืองของปันหยี สะมิหรังให้ได้     
    พอปันหยีรู้ข่าวว่าคู่หมั้นที่ตนเองไม่เคยเห็นหน้ายกทัพมาถึง    ก็แต่งตัวเป็นชายออกจากเมืองไปเผชิญหน้ากัน    เมื่อพระเอกนางเอกมาพบหน้ากันครั้งแรก ต่างฝ่ายต่างก็ตะลึงงงงันในรูปโฉมงดงามของแต่ละฝ่าย    อินูเองก็หมดความเคืองแค้น  กลายเป็นเสน่หาอยากจะผูกมิตรไมตรีด้วย   ทั้งสองก็ตกลงนับเป็นพี่น้องกัน   
    เมื่อปันหยีออกปากเชิญ   อินูก็ตามเข้ามาในเมือง   เห็นปันหยีมีสนมกำนัลหมอบเฝ้าอยู่มากมายก็นึกเสียดายว่ามิใช่หญิงอย่างที่อยากให้เป็น  มิฉะนั้นจะอภิเษกด้วย   ปันหยีตกลงคืนสินสอดทองหมั้นที่ตีชิงมาได้   จากนั้นอินูก็ล่ำลาปันหยีแล้วเดินทางต่อไปยังเมืองดาหา
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 21  เมื่อ 28 ส.ค. 12, 16:55

  เมื่ออินูเข้าเฝ้าระตูดาหา     ลิกูผู้ซึ่งกลายเป็นมเหสีเอกไปแล้วก็มารับรองแขกเมืองด้วย    เห็นอินูเป็นชายหนุ่มสง่างามเด่นเหมือนพระจันทร์วันเพ็ญก็โปรดปรานอยากจะได้เป็นเขย     ส่วนก้าหลุอาหยังแอบดูอินูตามช่องรั้วเห็นหน้าตาเขาก็เกิดหลงใหลพิศวาสจนลืมตน
ออกมาถวายบังคม   ลิกูก็รวบรัดกับท้าวดาหาว่า ควรจะจัดให้อินูได้อภิเษกสมรสกับก้าหลุอาหยังเสียเลย    เพราะคู่หมั้นเดิมคือระเด่นจันตะหรานั้นหายสาบสูญไปจากวังนานแล้ว  ไม่รู้ไปไหน     ระตูดาหาซึ่งอยู่ในอำนาจเสน่ห์ของลิกู ก็ไม่ต้องสงสัยเลย   ตกลงเอออวยด้วยทันที   ไม่ได้ดูว่าอินูเห็นด้วยหรือไม่
   ฝ่ายปันหยีสะมิหรัง เมื่ออินูออกเดินทางไปเมืองดาหา  ก็ลอบติดตามไปด้วยตามลำพัง   เข้าไปดูเหตุการณ์ในเมืองดาหาก่อนกลับไปสู่เมืองของตน     มหาเดหวีถามว่าไปไหนมา   เธอก็ตอบตามตรงว่าไปเมืองดาหา เห็นเขาเตรียมจัดงานวิวาห์ใหญ่โต  ลิกูกับก้าหลุอาหยังเบิกบานหัวร่อต่อกระซิกกันใหญ่      มหาเดหวีก็ตบอกผางว่าช่างกล้าแอบเข้าไปได้ ไม่กลัวถูกจับ    ปันหยีก็ไม่ว่าอะไร  กลับเข้าแท่นที่บรรทมด้วยความเศร้าหมอง
   ส่วนในเมืองดาหาก็เกิดเรื่องใหญ่คือพบกันว่ามีมือลึกลับมาทุบถ้วยชามข้าวของเครื่องใช้ที่จะใช้ในงานอภิเษกแตกหักเสียหายไปมากมาย    แต่ไม่มีของหาย    จับมือใครดมก็ไม่ได้
   ในหนังสือไม่ได้บอกว่าฝีมือใคร   แต่เราก็คงเดากันได้ไม่ยาก
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 22  เมื่อ 29 ส.ค. 12, 12:31

  ทางฝ่ายอินู ถูกรวบรัดมัดมือชกให้กลายเป็นเจ้าบ่าวโดยไม่มีสิทธิ์จะปฏิเสธได้     ก็หมดกะจิตกะใจ    ไม่อยากแต่งองค์ทรงเครื่อง  ไม่อยากทำอะไร   ได้แต่ทอดถอนใจ  หวนคำนึงถึงปันหยีสะมิหรังที่เพิ่งจากกันมา    ผิดกับก้าหลุอาหยังที่ส้มหล่นได้เป็นเจ้าสาว  ก็รื่นเริงระริกระรี้รับตำแหน่งด้วยความเต็มใจ
   จากนั้นอินูก็จำต้องขึ้นม้าเผือกแห่ไปรอบพระนคร   มหรสพทั้งหลายก็ประโคมดนตรีกันครึกครื้น  ชาวบ้านชาวเมืองแห่กันมาดูเจ้าบ่าวเจ้าสาวกันแน่นชนัด    คล้ายฉากในเรื่องอิเหนาตอนอิเหนาเข้าเมืองดาหา   พอแห่เสร็จก็เชิญเจ้าบ่าวเจ้าสาวขึ้นประทับเหนือบัลลังก์ทองประดับแก้วมณีที่เรียกว่าอุสงหงัน     คำนี้ในอิเหนาแปลว่าเสลี่ยงหรือวอ
   พอล่วงเข้ายามราตรี   อินูจำต้องเข้าห้องหอไปรออยู่ก่อน   ลิกูก็พาลูกสาวมาส่งตัว พร้อมกับสั่งสอนจริตกิริยาต่างๆให้อย่างที่เจ้าสาวในคืนส่งตัวพึงรู้     แต่เอาเข้าจริงเมื่อถึงเวลาก็เสียเวลาเปล่า  เพราะอินูมิได้ไยดีเจ้าสาวแม้แต่น้อย    ก้าหลุอาหยังร้องห่มร้องไห้  อินูก็เกิดเบื่อหน่ายจึงนอนหันหลังให้ทั้งคืน  ปล่อยให้เจ้าสาวนอนร้องไห้ตาบวมไปจนเช้า
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 23  เมื่อ 31 ส.ค. 12, 20:19

      พระเอกในวรรณคดีไทยไม่ค่อยจะปฏิเสธผู้หญิง  ไม่ว่าจะรักหรือไม่รักก็ตาม  แต่ถ้าเข้าห้องหอหรือมีโอกาสอยู่กันตามลำพังแล้ว เป็นต้องเกิดเรื่องทุกครั้ง     อิเหนาเองทั้งๆตามหาบุษบาอยู่แท้ๆก็ยังไม่วายเตรียมปีนห้องเข้าหาสการะหนึ่งหรัด   เพียงแต่ทำไม่สำเร็จเพราะเกิดเรื่องน้องสาวถูกลักตัวไปเสียก่อน        ผิดกับอินูฉบับสมเด็จฯเจ้าฟ้ากรมพระนครสวรรค์ฯ ที่รักษาตัวเคร่งครัด    ถ้าไม่ชอบก็ไม่แตะต้องแม้แต่ปลายนิ้ว      ผลจึงเป็นว่าอภิเษกกันไปสี่ห้าวันก็ยังไม่เกิดอะไรขึ้น   ก้าหลุอาหยังร้องไห้ฟูมฟายก็แล้ว  ออดอ้อนฉอเลาะก็แล้ว  ชวนไปนั่นไปนี่ก็แล้ว   ก็ไม่ได้ผล   อินูไม่ไยดีอยู่นั่นเอง    ต่างคนต่างอยู่ ไม่เกี่ยวข้องกันตลอดสี่ห้าวัน
      อินูอึดอัดกับสภาพเจ้าบ่าวถูกบังคับจนทนไม่ไหว    ใจก็ยังประหวัดถึงสหายรักที่ชื่อปันหยีสะมิหรังไม่คลาย     อดรนทนไม่ได้ก็สั่งมนตรีที่ตามเสด็จมาด้วยให้จัดขบวนทัพ  บอกว่าจะไปเที่ยวป่าให้สบายใจ    ว่าแล้วก็เสด็จออกจากเมืองดาหาไปกับไพร่พล  ทิ้งก้าหลุอาหยังเอาไว้ข้างหลัง
      จุดมุ่งหมายของอินูก็คือกลับไปที่เมืองของปันหยี สะมิหรัง เพื่อจะได้พบหน้าเจ้าเมืองหนุ่มน้อยอีกครั้งให้หายคิดถึง     แต่จะว่าอินูเป็นพวกแอบจิตก็เห็นจะไม่ใช่   เพราะในใจอินูอยากให้ปันหยีกลายเป็นหญิง โดยเฉพาะเป็นเจ้าหญิงคู่หมั้นของตน  จะได้อภิเษกสมรสกัน
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 24  เมื่อ 01 ก.ย. 12, 20:28

   ทางฝ่ายปันหยีสะมิหรัง  ตั้งแต่อินูเข้าพิธีอภิเษกไปแล้ว  เธอก็มีอาการอย่างคนอกหัก  โทมนัสคร่ำครวญอยู่คนเดียว  ความกลัดกลุ้มต่างๆก็เข้ารุมล้อม   จนเกรงว่าจะรักษาสภาพของเจ้าเมืองหนุ่มต่อไปไม่ได้   เดี๋ยวความลับแตก ราษฎรล่วงรู้ว่าตนเองเป็นหญิง เรื่องก็จะไปกันใหญ่      ปันหยีคิดไปคิดมาก็ตกลงใจว่าจะแก้กลุ้มด้วยการออกจากเมืองไปมะงุมบาหรา(คือท่องเที่ยวไปไม่มีกำหนด) สักพัก    จุดหมายปลายทางก็คือไปขอเข้าเฝ้าสมเด็จอา  อันได้แก่พระนางบุตรีบีกู คันฑะส้าหรี ซึ่งบวชเป็นชีอยู่บนภูเขาชื่อกุหนุงวิลิส      จึงสั่งมนตรีให้ไปจัดขบวนไพร่พลยกออกจากเมืองไปเงียบๆ   ทั้งนี้ลอบไป มิได้นำเอาพระมารดาเลี้ยงคือมหาเดหวีไปด้วย  คงให้อยู่ในตำหนักตามเดิม
   มหาเดหวีตื่นบรรทมเห็นปันหยีสะมิหรังหายไป    ก็โศกาอาดูรตีอกชกหัวเป็นการใหญ่   ครวญคร่ำรำพันถึงลูกเลี้ยงว่าเหตุไฉนมาทิ้งแม่ไว้คนเดียว      ประจวบเหมาะ   อินูยกพลออกจากเมืองดาหามาถึงเมืองของปันหยี   เดินเข้าไปในวังเห็นเงียบสงัดไม่มีคน  ได้ยินแต่เสียงผู้หญิงร่ำไห้อยู่คนเดียว     ก็ฟังได้ความว่านางคร่ำครวญถึงลูกเลี้ยงคือระเด่นจันตะหรา ที่หนีออกจากเมืองดาหามาด้วยกัน   หลังจากประไหมสุหรีถูกลิกูวางยาพิษ
  อินูก็ประจักษ์แจ้งว่าปันหยีสะมิหรังคือระเด่นจันตะหราคู่หมั้นของตนเอง   แต่ปิดบังไม่บอกความจริง    อินูก็โทมนัสจนกระทั่งล้มลงสิ้นสติไป
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 25  เมื่อ 02 ก.ย. 12, 21:16

   เมื่ออินูฟื้นคืนสติขึ้นมา ก็เข้าไปพบพระมเหสีมหาเดหวีของดาหา   ปลอบโยนด้วยถ้อยคำอ่อนหวาน ทั้งๆใจก็ยังโทมนัสด้วยความคิดถึงปันหยี สะมิหรัง     จากนั้น อินูก็เรียกมนตรีเข้ามาให้เชิญเสด็จมหาเดหวีกลับไปอยู่เมืองดาหา  เพราะจะทิ้งนางเอาไว้ในวังเมืองนี้คนเดียวก็ไม่ได้อยู่แล้ว      ตัวอินูเองรั้งรออยู่นอกเมืองดาหา เนื่องจากรังเกียจที่จะต้องกลับเข้าไปในพระราชวังดาหา
   เมื่อมหาเดหวีเข้าเฝ้าระตูดาหา     ในตอนนั้นแม้ระตูดาหาไม่เคยคิดถึงนางเลยตั้งแต่หายออกไปจากวัง แต่เมื่อเห็นหน้าก็อดเวทนาไม่ได้  ประกอบกับคุณไสยที่ลิกูทำให้หลงใหลเสื่อมลงไปมาก   ระตูดาหาก็รับมหาเดหวีกลับเข้าไปอยู่ในวังตามเดิม แล้วยกขึ้นเป็นประไหมสุหรีแทนคนเก่าที่สิ้นพระชนม์ไป
   ฝ่ายอินูเห็นมหาเดหวีกลับเข้าพระราชวังเรียบร้อยแล้ว    ก็เดินทางกลับเมืองปันหยี  เข้าไปพำนักอยู่ในวัง   ใจก็เศร้าโศกถึงคู่หมั้น จนคร่ำครวญหาไม่รู้จบ   ในที่สุดทนไม่ได้ อินูก็ตัดสินใจจะออกมะงุมบาหราตามระเด่นจันตะหรา    ถ้าไม่พบก็จะไม่กลับกรุงกุรีปั่น   ให้มนตรีไปทูลท้าวกุรีปั่นตามนี้
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 26  เมื่อ 04 ก.ย. 12, 16:53

     ทางฝ่ายท้าวกุรีปั่นและประไหมสุหรี เมื่อมนตรีของอินูมาถึงเมือง  เข้าเฝ้ากราบทูลเรื่องราวตามที่อินูสั่งมา  ทั้งสองพระองค์ก็เดือดเนื้อร้อนพระทัยกันอย่างยิ่ง            ประไหมสุหรีถึงกับกันแสงพิลาปร่ำไห้ด้วยความห่วงใยพระโอรส    ส่วนท้าวกุรีปั่นก็กริ้วโกรธว่าเกิดเหตุทั้งหมดนี้ขึ้นเพราะลิกูทำเสน่ห์ยาแฝดระตูดาหาให้คล้อยตามไปหมดทุกสิ่งทุกอย่าง   จากนั้นเมืองกุรีปั่นก็เหงาเงียบ ด้วยพระราชาและพระมเหสีพากันกำสรดแรงกล้า  ไพร่บ้านพลเมืองก็พลอยเศร้าหมองไปด้วย
     ส่วนอินู เมื่อตัดสินใจออกมะงุมบาหรา  ก็ปลอมตนเสียใหม่ ใช้ชื่อว่าปะเงรัน ปันหยี ยาเหย็ง  กะสุมา   แม่ทัพนายกองก็พากันเปลี่ยนชื่อใหม่ทั่วกัน
    สมเด็จฯเจ้าฟ้ากรมพระนครสวรรค์ฯ ทรงทำเชิงอรรถอธิบายความหมายชื่อไว้ในตอนนี้ว่า
   " ในชวาทุกวันนี้  "ปะเงรัน" เป็นยศทำนองเจ้าต่างกรมฝ่ายชาย    คือเมื่อยังเยาว์ใช้ยศอุสตี   พออายุ ๑๖ ปี เข้าพิธีสุหนัด  แล้วก็รับยศปะเงรันพร้อมกันไป     และเปลี่ยนนามเหมือนระเบียบนามกรมของไทยเรา    อนึ่งพระยาเมืองที่รับราชการนาน มีความชอบมาก  ยกขึ้นเป็นปะเงรันก็มี"

  ข้อนี้น่าคิดเหมือนกันว่าธรรมเนียมการตั้งเจ้านายต่างกรมของไทยที่มีมาตั้งแต่สมัยอยุธยา   ไปพ้องโดยบังเอิญกับของชวา หรือว่ามีอิทธิพลเกี่ยวเนื่องกันอยู่
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 27  เมื่อ 05 ก.ย. 12, 22:55

  ปันหยียาเหย็ง กะสุมาก็ออกรอนแรมไปกลางป่า  ค่ำไหนนอนนั่นพร้อมกับไพร่พล   พระเอกในเรื่องนี้ของชวาดูจะอ่อนไหวเอาการ เพราะมีบทคร่ำครวญร้องไห้น้ำตาชุ่มโชกด้วยความคิดถึงปันหยีสะมิหรังหรือระเด่นจันตะหรา   คิดถึงทีไรก็เอาผ้ารัดเอวที่ปันหยีสะมิหรังเคยมอบให้ออกมาจูบ ด้วยความคิดถึง
  วันหนึ่งปันหยียาเหย็งก็เดินทางผ่านไปถึงเมืองหนึ่งชื่อเมืองสะดายุ   ก็หยุดพัก สั่งให้ไพร่พลสร้างพลับพลาที่พักขึ้น   ความรู้ไปถึงท้าวสะดายุก็คิดว่าเป็นศัตรูยกทัพมาล้อมเมือง  จึงจัดทหารออกมาต่อสู้  แต่ทหารเมืองนี้ไม่เก่ง รบสู้ทหารของอีกฝ่ายไม่ได้ ก็แตกพ่ายกันไปทั้งทัพ
   ระตูสะดายุจึงจำต้องอ่อนน้อมยอมแพ้  ยกธิดาโฉมงามชื่อนางบุตรี ก้าหลุ นาหวัง จันตะหราให้เป็นบาทบริจาริกา    ในตอนแรกพระบุตรีก็ร้องห่มร้องไห้เกรงว่าจะต้องเป็นนางเชลยของโจรป่าหยาบช้าน่ากลัว   แต่พอมาเห็นตัวจริงของปันหยียาเหย็งว่ารูปงามขนาดไหน ก็เกิดหลงรัก ยอมเป็นชายาโดยดี
   ครั้งนี้ พระเอกของเราไม่ได้เล่นตัวอย่างคราวเข้าเมืองดาหา  แต่รับพระบุตรีเมืองสะดายุเป็นชายาด้วยความเต็มใจ   จากนั้นก็เดินทางติดตามหาระเด่นจันตะหราต่อไปอีก  ไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 28  เมื่อ 06 ก.ย. 12, 13:02

  ระเด่นปันหยีพระเอกของเราก็มะงุมบาหราต่อไป   ไปเจอเมืองไหนก็ตั้งพลับพลาประสังคราหันขึ้นนอกเมือง เป็นเหตุให้รบกับเจ้าเมือง แล้วก็ชนะทุกครั้ง    ได้กำลังคนมาเพิ่มพูนในกองทัพตัวเองก่อนจะยกทัพเดินทางต่อไป   ที่ทำเช่นนี้ไม่ใช่อะไร ก็เพื่อจะค้นหาปันหยี สะมิหรังให้เจอนั่นเอง
  ย้อนกลับไปทางเมืองดาหา  ก้าหลุ อาหยังมาพบว่าพระสวามีที่ผ่านงานวิวาห์มาหยกๆแต่ยังไม่ได้เป็นสามีภรรยากันจริงๆ จู่ๆก็หายออกจากเมืองไป  ไม่มีแม้แต่คำบอกลา  นางก็เที่ยวค้นหาเป็นจ้าละหวั่นรอบตำหนัก   หาแทบพลิกวังหาก็ไม่พบ  ก็ได้แต่ลงนอนดิ้นร่ำไห้โศกาตามแบบฉบับที่เคยได้ผลมาแล้วในอดีต   ว่าร้องไห้ตีโพยตีพายเมื่อใดพระบิดาจะต้องรีบร้อนมาเอาใจเนรมิตทุกอย่างให้ตามประสงค์
  แต่คราวนี้ก้าหลุ อาหยังผิดหวัง  เพราะว่ามนต์เสน่ห์ยาแฝดที่ลิกูผูกมัดใจระตูดาหาเกิดเสื่อมคลายไปหมดแล้ว    ระตูก็เลยทำเฉยๆ  ไม่เอาธุระกับลูกสาวด้วย      ประกอบกับได้สติขึ้นมา  นึกละอายใจที่ปล่อยให้ประไหมสุหรีถูกวางยาพิษสิ้นพระชนม์ไปเปล่าๆ  ก็เลยเกิดเกลียดชังลิกูเป็นของแถมตามมาด้วย

  ทางฝ่ายอินูหรือระเด่นปันหยี  กรีฑาทัพผ่านมายังแว่นแคว้นหนึ่งชื่อ "จกรกา"  ระตูผู้ครองเรียกกันว่าท้าวจกรกา
  ชื่อนี้  สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระนครสวรรค์  ทรงอธิบายเพิ่มว่า ต้นฉบับเขียนว่า ชะคะ ระคะ  ซึ่งในภาษาอังกฤษจะเขียนว่า จะกะ ระกะ ก็ได้  จึงทรงสันนิษฐานว่านี่คือจรกาในฉบับมลายู   ท่านทรงสะกดเป็น จกรกา  จะอ่านว่า จอ-กอ-ระ-กา  หรือ จะ-กะ-ระ-กา ก็แล้วแต่ใจชอบ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 29  เมื่อ 07 ก.ย. 12, 21:48

    ท้าวจกรกาที่สมเด็จเจ้าฟ้าฯ ทรงสันนิษฐานว่าเป็นที่มาของชื่อจรกาในอิเหนา  เป็นพระราชามีพระโอรสธิดาอย่างละหนึ่ง  พระโอรสชื่อระเด่น วิรันตะกะ ส่วนพระธิดาชื่อนิลวาตี  เกิดจากพระชายารอง       เมื่อได้ข่าวว่ามีข้าศึกมาตั้งพลับพลาประชิดติดเมือง คือปันหยี ยาเหย็ง ที่ได้ข่าวว่าไปรบรุกตีบ้านเมืองมาหลายเมืองแล้ว   ก็พิโรธเป็นการใหญ่  ยกทัพออกไปรบด้วยทันทีเพื่อจะจับตัวศัตรูมาเข้าคุกเสียให้ได้
   การรบครั้งนี้ ในหนังสือบรรยายว่าเป็นศึกใหญ่  รบกันถึงเจ็ดวันเจ็ดคืน  ในที่สุดท้าวจกรกาพลาดท่าถูกกริชของปันหยี ยาเหย็งแทงโดยแรง ก็ล้มลงสิ้นพระชนม์ในสนามรบ   ปันหยี ยาเหย็งก็เข้าเมืองได้  ระเด่นวิรันตะกะยอมอ่อนน้อมยกบัลลังก์ให้  ส่วนนางบุตรีนิลวาตีก็ยอมเป็นบาทบริจาริกา     ปันหยีก็รับนางมาเป็นพระสนม และแนะนำให้รู้จักก้าหลุ นาหวัง จันตะหรา พระสนมซึ่งติดตามมาในกองทัพด้วย    สองนางก็ปรองดองเป็นอันดีต่อกัน
   ปันหยี ยาเหย็งครองเมืองจกรกาอยู่พักหนึ่งก็ตัดสินใจออกเดินทางมะงุมบาหราตามหาปันหยี สะมิหรังต่อไป    ระเด่นวิรันตะกะและนางนิลวาตีก็ขอเดินทางติดตามไปด้วย

   ขอตั้งข้อสังเกตว่า  ท้าวจกรกาในเรื่องนี้เหมือนจรกาแต่เพียงชื่อ   ส่วนพฤติกรรมไม่เหมือน  แต่ไปคล้ายกับท้าวกะหมังกุหนิงในอิเหนาตรงที่รบเก่ง แต่มาพ่ายแพ้อิเหนาถูกฆ่าตายในสนามรบแบบเดียวกัน      ส่วนระเด่นวิรันตะกะพระโอรสออกจะคล้ายสังคามาระตา เจ้าชายที่ติดตามไปเป็นคนสนิทของอิเหนา
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 [2] 3 4
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.054 วินาที กับ 19 คำสั่ง