V_Mee
|
ความคิดเห็นที่ 43 เมื่อ 29 ก.ค. 12, 17:32
|
|
เมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๐ จอมพล สมเด็จพระอนุชาธิราช เจ้าฟ้าฯ กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ ได้มีลายพระหัตถ์กราบบังคมทูลล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๖ ขอให้ทรงรือฟื้น "รัฐมนตรีสภา" ที่เคยตั้งขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๕ อีกครั้ง ลายพระหัตถ์กราบบังคมทูลและพระราชหัตถเลขาทรงตอบนั้นมีความยืดยาวมาก ขอคัดมาให้อ่านบางตอนที่แสดงถึงแนวพระราชดำริในรัชกาลที่ ๖ ดังนี้
“ถึงน้องชายเล็ก จดหมายลงวันที่ ๒๐ เมษายน ได้รับแล้ว, ขอตอบเปนข้อๆ ตามความเห็นดังต่อไปนี้ แลจะพูดความจริงไม่อำพราง.
ข้อ ๑ ขอให้เข้าใจว่า ในส่วนตัวฉันไม่มีความตั้งใจที่จะเกี่ยงหรือหวงอำนาจอย่างหนึ่งอย่างใดเลย, แลฉันเองก็รู้ดียิ่งกว่าใครๆ ว่าราชการในสมัยนี้มีมากกว่าแต่ก่อนเปนอันมาก, แลสมัยที่จะใช้แบบปกครองอย่างที่เคยใช้กันมาแล้วใกล้จะล่วงเลย. อีกประการ ๑ ฉันขอบอกตามตรงแลไม่บอกเธอเปนคนแรกด้วยว่า อาศรัยเหตุที่ฉันได้เคยไปศึกษาในสำนักนิ์อังกฤษ, ได้เรียนลัทธิปกครองตามแบบอังกฤษ, แลลัทธิอันนั้นฝังอยู่แน่นในใจ, จนรู้สึกว่าเปนลัทธิดีที่สุดที่จะใช้ได้สำหรับเมืองราชาธิปตัย, แลไม่ใช่พึ่งคิดขึ้นเช่นนี้, ได้คิดมาตั้งแต่รัชการที่ ๕ แล้ว.
ข้อ ๒. ฉันได้รำพึงมามากแล้ว ว่าเมื่อไรจะควรจัดให้เมืองไทยมีปาร์ลิเมนต์ขึ้นได้, ถ้าฉันจะดันเอาตามลัทธิ ( ) ไม่เหลียวดูทางการ ( ) ฉันคงจะประกาศ ( ) เสีย ๕ ปีมาแล้ว, แต่มีปัณหาสำคัญอยู่อย่างหนึ่งซึ่งจะหลับตาเสียไม่คำนึงดูไม่ได้, คือ คนไทยเราโดยทั่วไป (ไม่ใช่จำเภาะคนหมู่ ๑ ซึ่งชอบเล่นกับหนังสือพิมพ์) พร้อมอยู่หรือยังที่จะใช้อำนาจเลือกผู้แทนของตัวเองทำการปกครองตนเอง, มีความเสียใจที่ยังแลไม่เห็นว่าจะทำการเช่นนั้นสำเหร็จได้, เพราะแม้แต่เลือกกรรมการศุขาภิบาลประจำตำบลซึ่งเปนคั่นแรกแห่งการเลือกผู้ปกครองตนเองก็ยังทำไปไม่ได้จริงจัง, เจ้าน่าที่ฝ่ายเทศาภิบาลต้องคอยเซี่ยมสอนอยู่ทุกแห่งไป, การเลือกกำนันผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งต่ำลงไปกว่านั้นแลทำได้ง่ายกว่านั้น, ก็ยังทำกันเหมือนเล่นลครตลก.
ข้อ ๓. การที่จะให้รัฐมนตรีสภากลับได้มีงานทำขึ้นอีกนั้น, กล่าวโดยลัทธิก็พอดูได้, แต่ปัณหาก็คงยังมีอยู่ว่า, ถ้าหากว่าคนไทยเราต้องการมีเสียงในการปกครองหรือในการปฤกษากฎหมายจริงๆ การที่จะจัดให้มีรัฐมนตรีสภาซึ่งสมาชิกเปนผู้ที่พระเจ้าแผ่นดินทรงตั้งเอาตามพระไทย หรือซึ่งทรงตั้งตามคำแนะนำของนายกแห่งรัฐมนตรีสภานั้น จะเปนการเพียงพอละหรือ, ผู้ที่ตั้งตัวเปนปากราษฎรอยู่เวลานี้, ต้องการจะเห็นสภาอะไรอันหนึ่งมีอำนาจกัดพระเจ้าแผ่นดินหรืออย่างน้อยก็กัดเสนาบดี, เพราะฉนั้นถ้าหากว่ารัฐมนตรีสภาปฤกษาร่างพระราชบัญญัติตกลงไปเสมอๆ คงไม่เว้นการถูกด่าว่า “ป.จ.” หรืออีกนัยหนึ่งก็คงกล่าวอีกว่า ฉันเลือกตั้งเอาแต่คนที่ฉันรู้ว่าอยู่ในเงื้อมมือของฉัน, ไม่ได้คำนึงถึงความต้องการหรือความนิยมของประชาชน, พวกรัฐมนตรีจึงได้แต่มานั่งพยักหงับๆ อยู่ไม่มีประโยชน์อไร, ไม่ได้ตั้งใจระวังผลประโยชน์ของประชาชนเลยจนนิดเดียว, มัวแต่หวงผลประโยชน์ของตัวที่จะได้รับในตำแหน่งรัฐมนตรี, จึงมัวแต่ระวังไม่ให้ต้องถูกถอดจากตำแหน่งเท่านั้น.
ข้อ ๔. การที่ระงับเรื่องรัฐมนตรีที่พูดมาครั้งก่อนนั้น, เปนเพราะกรมหลวงราชบุรีขัดข้องอย่างหนึ่ง, กับอีกอย่างหนึ่งซึ่งเธอจะทราบหรือไม่ทราบก็ไม่แน่, คือพระยากัลยาณไมตรี ซึ่งเวลานั้นเปนที่ปฤกษาราชการทั่วไปได้สแดงความเห็นคัดค้านไม่เห็นชอบด้วย โดยกล่าวย่อๆ ว่าไม่พอหรือมากเกินไป ( ) รวมความว่าถ้ายังจะมีปาร์ลิเมนต์ไม่ได้แล้ว, ก็ไม่ควรจะมีอะไรที่เปนของเลียน ( ) ขึ้นไว้สำหรับตบตา, เพราะคนที่เขารู้จริงว่าปาร์ลิเมนต์เปนอย่างไร, เขาก็ไม่เชื่อว่าของนั้นจะแทนปาร์ลิเมนต์ได้, และผู้ที่ไม่เข้าใจเสียเลยถึงวิธีปกครองอย่างคอนสติตูชั่นก็คงไม่เข้าใจเช่นนั้น, ว่าประโยชน์ของรัฐมนตรีนั้นอะไร, นี่เปนความเห็นของพระยากัลป์ยาณไมตรี ซึ่งฉันเล่ามาตามที่เขาพูดเท่านั้น, ไม่ใช่สำหรับยกมาเปนข้อคัดค้านความคิดของเธอหามิได้
ในวงเล็บที่เว้นว่างไว้เป็นไปตามต้นฉบับ พระยากัลยาณไมตรีในพระราชหัตถเลขาคือ เจนส์ ไอ. เวสตเตนการ์ด ที่ปรึกราชการแผ่นดินชาวอเมริกัน
|