เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 2 [3]
  พิมพ์  
อ่าน: 21967 ดวงเมือง
naitang
หนุมาน
********
ตอบ: 5823


ความคิดเห็นที่ 30  เมื่อ 16 ต.ค. 13, 23:18

ครับผม

เพิ่งเปิดดูเมื่อสักสัปดาห์ที่ผ่านมา เพราะอยากจะทราบว่าดาวอะไรที่อยู่เหนือกรุงเทพฯบ้างในช่วงเวลาที่ได้มีการทำนายทายทักกัน (วันที่ 8+/-)   ก็เห็นว่ามีดาวอังคาร และดาวพฤหัสเคลื่อนที่ผ่านเหนือหัว กทม.  แต่คนละเวลากัน
   
พรุ่งนี้จะดูดูในละเอียดอีกหน่อยครับ โปรแกรมอยู่ในอีกเครื่องคอมพิวเตอร์ครับ

อังคาร-มีความหมายไปในทางกำลัง พลัง มวลหรือกลุ่มก้อนที่มีพลังอยู่ในตัวมากๆ เช่น เครื่องจักรกล กลุ่มคนที่อยู่ในเครื่องแบบต่างๆ
พฤหัส-มีความหมายไปในทางความยินดีปรีดา การประสบความสำเร็จต่างๆ (งาน เงิน)  เกี่ยวข้องกับเรื่องของจิต ใจ และปัญญา เป็นเรื่องของความสุขที่เกิดขึ้นในบุคคลหรือคณะบุคคล

ในตำราโหราศาสตร์แบบ Midpoint Astrology ซึ่งพิจารณาจากอิทธิพลของดาวสองดวง โดยใช้เส้นแบ่งครึ่งมุมที่ดาวสองดวงที่ทำมุมกันสร้างเป็นภาพของเหตุการณ์และอิทธิพลที่จะส่องไปตามแนวเส้นแบ่งครึ่งมุมนั้น   ภาพหรืออิทธิพลของอังคารกับพฤหัสของโหราศาสตร์แบบนี้ คือ ความสุกงอมของเรื่องราวต่างๆ การเกิดเรื่องราวใหม่ๆหรือการยุติเรื่องราวเดิมๆ  การผนวกเข้าด้วยกันหรือการแยกออกจากกัน รวมทั้งหมายถึงกิจกรรมที่ประสบผลสำเร็จ และการตัดสินใจในภาวะจำกัดหรือบังคับแต่กลับได้ผลดีในภายหลัง

สำหรับกรณี ดาวเสาร์กับราหูเดินสวนกันในราศีตุลย์ แล้วเล็งไปที่ราศีเมษซี่งเป็นตำแหน่งลัคนาหรือตัวตนของประเทศไทยนั้น   นอกจากจะพิจารณาภาพของอิทธิพลได้ในลักษณะของดาวเดินสวนกันแล้ว  ก็อาจพิจารณาในรูปเสมือนดาวทั้งสองดวงนี้วางตัวเป็นฐานของรูปทรงสามเหลี่ยมที่มียอดแหลมเป็นลัคนา ภาพก็คือเสมือนหนึ่งลักคนาถูกทิ่มแทง 
เสาร์- เป็นเรื่องของความจำกัด ความแรง การซ่อนเร้น การสูญเสีย
ราหู- ของไทยว่าเป็นเรื่องของความหลงระเริง เห็นผิดเป็นถูก อะไรทำนองนี้  แต่ของฝรั่งว่าเป็นเรื่องของสิ่งแวดล้อมหรือสภาพแวดล้อมและเหตุการณ์ต่างๆที่ห้อมล้อม

พื้นฐานของความหมายในลักษณะเช่นนี้ คงจะทำให้เกิดการแปลเป็นภาพได้หลากหลายมากๆครับ
บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 31  เมื่อ 17 ต.ค. 13, 04:57

อ้างถึง
พื้นฐานของความหมายในลักษณะเช่นนี้ คงจะทำให้เกิดการแปลเป็นภาพได้หลากหลายมากๆครับ
หมอดูกับหมอเดาก็สลับร่างกันไปมาตรงจุดนี้
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 32  เมื่อ 17 ต.ค. 13, 17:13

^
การตีความมันมีได้สารพัดอย่าง  บวกกับตัวแปรจากดาวดวงโน้นเข้ามา ดาวดวงนี้เดินหน้า ดวงนู้นถอยหลัง  ทำให้คำตอบออกมาได้หลากหลาย ต้องโยนหัวโยนก้อยกันว่า น่าจะเป็นอย่างไหนกันแน่

เผลอๆก็ไม่รู้ว่าตัวเองดูหรือเดาค่ะ
แหะ แหะ



บันทึกการเข้า
naitang
หนุมาน
********
ตอบ: 5823


ความคิดเห็นที่ 33  เมื่อ 17 ต.ค. 13, 21:43

ความเป็นหมอดูอยู่คู่กับความเป็นหมอเดาอยู่แล้วครับ   หากจะดูและให้เพียงภาพพื้นฐานและอิทธิพลพื้นฐานของดวงดาวที่มาทำมุมสัมพันธ์กัน แล้วให้ไปจินตนาการเอาเองว่าเรื่องราวจะเป็นอย่างไร ก็จะอยู่ในภาคของความเป็นหมอดูแม่นๆมากกว่าที่จะเป็นหมอเดา  แต่หากดูแบบบอกเรื่องได้เป็นฉากๆ และยิ่งลงลึกในรายละเอียดมากขึ้นเพียงใด ก็จะยิ่งเข้าไปสู่แดนของการเป็นหมอเดาเอามากๆเลย    ผมเลือกที่จะอยู่ในสถานะของผู้ศึกษาวิชาโหราศาสตร์

เคยอ่านหนังสือของฝรั่ง เรื่องเกี่ยวกับแนวคิดใหม่ในการตีความภาพของดาวพลูโต เลยทำให้พอจะเข้าใจว่าโหรเขามีวิธีคิดและวิธีการถอดความหมายของดาวเคราะห์ต่างๆให้ออกมาเป็นภาพความหมายของดวงดาวและอิทธิพลของมันได้อย่างไร   

ความถูกต้องและไม่ถูกต้องของคำพยากรณ์นั้น ผมเห็นว่ามันเป็นเรื่องของความสามารถทางศิลปของตัวหมอดู  ยิ่ง (หมอดู) รู้จักเขา (ลูกค้า) มากเพียงใดก็ดูเหมือนจะยิ่งทายแม่นมากขึ้นเท่านั้น หมอดูจึงต้องพยายามชวนคุยเพื่อให้ได้ข้อมูลของบุคคลนั้นๆมากที่สุดเพื่อใช้ในประกอบในการทำนายทายทัก  เมื่อไปดูหมอ หมอดูมักจะเริ่มล้วงตับด้วยการทำนายทายทักเหตุการณ์ในอดีต ซึ่งส่วนมากจะถูกต้อง โดยดูจากดาวใหญ่เดินช้าทั้งหลายโดยเฉพาะดาวเสาร์และพฤหัส ซึ่งผู้ดูมักจะพยาามรำลึกหาเหตุกาณ์ที่สอดคล้อง เป็นกระบวนการทางจิตวิทยาในการปรับแต่ง/สร้างความเชื่อมั่น เมื่อความเชื่อได้เกิดขึ้นแล้ว จากนั้นไปก็ไม่ยากที่การพยากรณ์ทั้งหลายก็ดูเหมือนจะถูกไปหมด

เราแทบจะเดาคำถามที่ผู้มาดูหมออยากจะถามได้เลยเมื่อพบกัน เช่น หากอยู่ในวัยเรียน ม.ปลาย คำถามหลักก็คือจะเข้ามหาวิทยาลัย/จะเรียนต่อได้ใหม ?    หากอยู่ในวัยเบญจเพศ ชายก็จะไม่หนีเรื่องการทำงาน? หญิงก็มักจะไม่หนีเรื่องของความรักหรือการแต่งงาน?    หากอยู่ในวัยกลางคน ก็มักจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับตำแหน่งหน้าที่การงานหรือเรื่องของลูก?   แล้วหมอดูจะไม่แม่นและได้รับความเชื่อถือได้อย่างไร เพียงเริ่มสนทนาด้วยประเด็นดังที่ยกตัวอย่างมาก็เรีบยร้อยแล้ว จากนั้นผู้มาดูหมอก็จะเล่าเรื่องปัญหาทั้งหมดทีต้องการรู้คำตอบให้หมอดูฟัง ซักกันไปซักกันมาก็อาจจะได้คำตอบที่แม่นโดยไม่ต้องดูดวงดาวเลย ดูดาวประกอบเพียงเพื่อยืนยันความมั่นใจของหมอดูอีกหน่อยเดียวก็พอ
บันทึกการเข้า
naitang
หนุมาน
********
ตอบ: 5823


ความคิดเห็นที่ 34  เมื่อ 17 ต.ค. 13, 22:02

กลับมาเรื่องที่ติดค้างไว้ครับ

อังคาร - ผ่านเหนือหัวพอดี 
พฤหัส และ มฤตยู - ผ่านเกือบเหนือหัว ที่มุมเงยประมาณ 80 องศา


ก็เลยย้อนไปดูของวันที่ 14 ตค. 2516  เป็นดังนี้ครับ 

พลูโต และ อังคาร - ผ่านเหนือหัวพอดี
เสาร์ - ผ่านเกือบเหนือหัว ที่มุมเงยประมาณ 80 องศา
แล้วก็มีกลุ่มดาวมฤตยู เนปจูน ศุกร์ และพุธ ส่งแสงอยู่ทางทิศใต้ที่มุมเงยประมาณ 60-70 องศา


พลูโต ให้ความหมายเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลง
มฤตยู ให้ความหมายเกี่ยวกับความพลิกผัน ความรุนแรง และความฉับพลัน
เนปจูน ให้ความหมายเกี่ยวกับความอึมครึม หมอกควัน และของเหลว
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 35  เมื่อ 17 ต.ค. 13, 22:05

สรุปว่าปีหน้ายังไม่มีอะไรดีขึ้น แต่ปีนี้ คงจะประคองตัวแบบง่อนๆแง่นๆ ไปได้จนสิ้นปีใหม่ไทย  หมดสงกรานต์เมื่อไหร่มาดูกันอีกที
บันทึกการเข้า
saimai
อสุรผัด
*
ตอบ: 44


ความคิดเห็นที่ 36  เมื่อ 17 ต.ค. 13, 22:17

ขอบคุณทุกท่านค่ะ ยิ้ม
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 2 [3]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.037 วินาที กับ 19 คำสั่ง