เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: [1] 2 3 4
  พิมพ์  
อ่าน: 15988 ศิลปะไทย ในมรดก ดอริส ดุ๊ก (Doris Duke)
piyasann
พาลี
****
ตอบ: 379


 เมื่อ 10 ก.ค. 12, 20:13

ฝรั่งตะวันตก หลายคน หลงไหลในศิลปะวัตถุของไทย  เป็นอย่างมาก.............

คนที่เป็นที่รู้จักกันดี ก็คือ Jim Thompson ผู้ได้ฉายาราชาผ้าไหมไทย เจ้าของบ้าน Jim Thompson แหล่งรวมศิลปะวัตถุไทย ชั้นเยี่ยมแห่งหนึ่ง,  Alexander Griswold นักสะสมพระพุทธรูปชั้นเยี่ยมของไทยและเขมร สะสมจนเขียนเป็นตำรา The Sacred Sculpture of Thailand ซึ่งรวบรวมพระพุทธรูปชั้นงดงาม เล่มหนึ่งและยังใช้เป็นตำรากันอยู่เสมอๆ, ส่วนบางคนก็กลายเป็นคนไทยไปแล้ว เช่น คุณ เลียม อยุทธกิจ นักธุรกิจผู้เพิ่งจะจากไป ผู้สร้างตำนาน PCS (บริษัทแม่บ้าน - ยาม นี้แหล่ะ) คุณเลียม เก็บสะสมศิลปะบ้านเชียง พระพุทธรูปศิลา และอื่นๆ ตั้งแต่มาอยู่เมืองไทย เมื่อ ๓๐ ปีมาแล้ว ตอนหลัง ท่านหันไปสะสม ภาพวาดของศิลปินไทยร่วมสมัย แต่ก็ยังเป็นนักสะสมที่มีของสวยมากๆ อยู่ในครอบครองมหาศาล ................ท่านเหล่านี้ เดินทางจากแดนไกล มาเพื่อชื่นชม สะสมศิลปะอันทรงคุณค่า ของอีกฝั่งทวีป โดยแท้........


เมื่อปีที่แ้ล้ว Victoria and Albert Museum ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ได้เปิดตัวนิทรรศการ กึ่งถาวร (เพราะจัดแสดง เป็นเวลาอย่างน้อย ๑๐ ปี) ภายใต้ชื่อนิทรรศการ ‘The Art of Thailand’ ในแผนก เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยได้ทางการไทย เป็นผู้ช่วยลงทุนจัดทำตู้จัดแสดงให้ เพื่อประชาสัมพันธ์ เอกลักษณ์ความเป็นไทย ให้ต่างชาติได้ชม

ในนิทรรศการดังกล่าว มีการนำศิลปะวัตถุ ของไทย มาจัดแสดงหลายร้อยชิ้น เช่น ของที่ได้รับมอบจาก หลุยส์ เลียวโนเวนส์ บุตรชายของ แหม่มแอนนา กว่า ๔๐ ชิ้น เป็นต้น สิ่งของที่ตั้งแสดงมีตั้งแต่ กาน้ำต้น ตระไกรทอง หัวโขน มีดโกน เศียรพระพุทธ-รูป และอื่นๆ

แต่ที่โดดเด่นอีกชิ้นก็คือ รัดพระองค์ในสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชชนนี ซึ่งเป็นวัตถุโบราณที่ ม.ร.ว.หญิง นริศรา จักรพงษ์ พระธิดาในพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์ กับหม่อมเอลิซาเบธ ให้ยืมมาตั้งแสดงด้วย ........


เครดิตภาพ : เว็บไซด์ นิตยสาร IMAGE บทความโดย อิสสริยา พรายทองแย้ม ภาพ : V&A Museum / สถานทูตไทยในสหราชอาณาจักร





บันทึกการเข้า
piyasann
พาลี
****
ตอบ: 379


ความคิดเห็นที่ 1  เมื่อ 10 ก.ค. 12, 20:32

ในนิทรรศการนี้ มีการนำศิลปะไทย ของนักสะสมหญิง เรืองนาม ท่านหนึ่ง ซึ่งได้ส่งมอบให้กับ V&A Museum เก็บรักษาไว้ หลังจากการจากไปของเธอ

เธอคนนี้ คือ Doris Duke สาวสังคม ผู้มีเรื่องราวให้เล่าขานกันมากมาย ไม่ว่าความร่ำรวย (เมื่อก่อน เธอได้ชื่อว่า เป็น The Richest Woman in The World แข่งกับ Barbara Huttun คู่ขนานทางสังคม กับ Doris Duke ) ชีวิตส่วนตัว ความมีรสนิยม และความใจบุญ...............

แง่มุมหนึ่ง ของ Doris Duke นั้น เธอเป็นนักสะสมตัวยง !!!!!  แม้ว่า ความรวยล้นฟ้า จะเป็นปัจจัยหนึ่ง ที่ทำให้เธอสามารถสะสมของมีค่าได้มากมาย แต่ก็ใช่ว่า คนรวยจะมีรสนิยมเสมอไป เธอ.... กลับกลายเป็นคนที่ีมีรสนิยมในการสะสม สูงมากคนหนึ่ง ดูได้จากของที่เธอสะสมไว้ หลายชิ้น กลายเป็นสุดยอดของสวยของวัฒนธรรมนั้นๆ ทรงคุณค่า และ หายากกกกกกก จริงๆ

และ แม่ดุ๊ก*** เธอก็มีความฝัน ที่จะนำศิลปะไทย อันงดงาม ไปสู่สายตาชาวตะวันตก ที่สมัยนั้น ไม่ค่อยจะมีคนมีโอกาส มาถึงยังเมืองสยาม เมืองไทยของเราได้ (เธอทำแบบ เริ่ดดดดด... มีรสนิยม ไม่ใช่ ตุ๊งแช่ เป็นดิสนี่แลนด์ หาเงิน ด้วยน่ะ!!!!!!!!! )

เสียดายแต่ว่า ความฝัน 'Thai Village Project' ของเธอ ไม่ได้เป็นจริงในดินแดนอเมริกาเสียที.......


(***ขอเรียกเธอว่า แม่ดุ๊ก เพราะเธอเป็น "ตัวแม่" ของจริง !!! - คนในตระกูลนี้ มีดังจริง ๒ คน คือ พ่อเธอ James 'Buck' Duck ในวงการธุรกิจก็ยังปรากฏชื่อ คุณดุ๊ก คนพ่ออยู่ , อีกคนก็เธอนี้แหล่ะ ดุ๊ก , ตัวแม่ ........ หรือ แม่ดุ๊ก จะดีกว่า )


หนึ่งในของสะสมของเธอ "กินรี" ศิลปะอยุธยาตอนปลาย แกะสลักไม้ลงรักปิดทอง ประดับกระจก, Asian Art Musuem สหรัฐอเมริกา

เครดิตภาพ : http://genevaanderson.wordpress.com


คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
บันทึกการเข้า
piyasann
พาลี
****
ตอบ: 379


ความคิดเห็นที่ 2  เมื่อ 10 ก.ค. 12, 21:07

Doris Duke เกิดเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน ค.ศ. 1912 (ต้นรัชกาลที่ ๖ ของไทย) ที่ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา  เป็นบุตรของ James Buchanan Duke เจ้าของธุรกิจยาสูบ - บุหรี่ รายใหญ่ และรายเดียวของสหรัฐอเมริกา ในขณะนั้น กับ Nanaline Holt Inman ภรรยาคนที่สอง  

เกิดมาปุ๊บ ก็รวยปั๊บ เพราะพ่อรวย......

James 'Buck' Duke นั้น เป็นเจ้าของ บริษัท the American Tobacco Company ผู้ผลิตยาสูบ รายใหญ่ แทบจะรายเดียวของอเมริกา เดิมค้าแต่ยาสูบ ก็รวยจะแย่อยู่แล้ว ต่อมา เมื่อ James Bonsack คิดค้นเครื่อง มวนใบยาสูบ ทำเป็นบุหรี่ ได้สำเร็จ แต่ขายไม่ออก ดุ๊กตัวพ่อ ก็เลยเจรจา ขอซื้อและทำการตลาด ทำให้ยิ่ง รวย เข้าไปใหญ่ ( ก็จะไม่รวยขึ้นได้ไง จากเดิม ๑ นาที ใช้แรงคนมวนบุหรี่ได้แค่ ๔ ตัว แต่เครื่องของดุ๊ก มวนได้นาทีละ ๒๐๐ ตัว !!!!!!)

บริษัทของ ดุ๊ก ก็ควบคุมตลาดบุหรี่ได้ครึ่งโลก มีมูลค่าตลาดถึง 500 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ, แต่แล้วก็ถูกศาลฎีกาแห่งสหรัฐอเมริกาบังคับใช้กฎหมายต่อต้านการผูกขาด (Antitrust Law) หั่นออกเป็นบริษัทเล็กลง เพื่อไม่ให้กินรวบ,

นอกจากนั้น นักธุรกิจใหญ่ Buck Duke ก็เปิดบริษัทผลิดกระแสไฟฟ้าจากเขื่อนใน North Carolina ซึ่งยังคงดำเนินกิจการมาจนทุกวันนี้ คือ Duke Energy ซึ่งก็เป็นกิจการเจ้าเดียวในแถบนั้นอีก (ที่เขาว่า คนรวยมหาศาลมักเกิดจากการผูกขาด ก็คงจะจริง .......)  


แม้จะรวยจากหยาดเหงื่อแรงงาน และมันสมองของตน Buck Duke ก็ไม่ละเลยสังคม เขายังเป็น "นักบริจาค" คนสำคัญ อีกด้วย


สิ่งที่เขาเห็นความสำคัญรองจากบุตรสาวคนเดียวของเขาคือ "การศึกษา" Buck ตั้ง trust fund ไว้ คือ The Duke Endowment เป็นจำนวนเิิงิน 67 ล้านเหรียญสหรัฐ (ซึ่งปัจจุบัน มีมูลค่าตลาดถึง ๒,๗๐๐ ล้านบาท เข้าไปแล้ว........) เพื่อการสาธารณะกุศล  ซึ่งหลักๆ ได้แก่ Duke University มหาวิทยาลัยใน นอร์ท คาโรไลน่า ซึ่งตั้งชื่อตามพ่อของเขา (ตระกูลเขานั้นแหล่ะ) และมหาวิทยาลัยอื่นๆ อีกหลายแห่ง  กองทุนนี้ ยังทำสาธารณะกุศล หลายด้าน ทั้งทางการแพทย์  การศึกษา และคุณภาพชีวิตของ นอร์ท คาโรไลน่า


ท่านใดสนใจเรื่อง Buck Duke หาอ่านได้มากมายใน เว็บไซด์ทั่วไปครับ เีพียงพิมพ์ James Buchanan Duke ก็จะมีเรื่องมากมายให้อ่านเพลิน.......

เครดิตภาพ : วิกิพิเดีย



บันทึกการเข้า
piyasann
พาลี
****
ตอบ: 379


ความคิดเห็นที่ 3  เมื่อ 10 ก.ค. 12, 22:20

ฺBuck Duke เสียชีวิต เมื่ออายุได้ ๖๙ ปีก็จริง ( เกิด ๑๘๕๖ - ตาย ๑๙๒๕)  แต่มีลูกสาวคนเดียว เมื่ออายุ ๕๖ ปี (สงสัยหาเงิน จนลืมผลิดคนช่วยใช้ ! ) พอ แม่ดุ๊ก อายุได้ ๑๒ ปี บิดาก็เสียชีวิต ทิ้งมรดกไว้ให้เธอกับแม่ ๑๐๐ ล้านเหรียญสหรัฐ !!!! (ในวิกกี้ บอกว่า คิดเป็นค่าเงินในปี ๒๐๐๕ ประมาณ ๑,๐๐๐ ล้านบาท)

แม่ดุ๊ก ก็เริ่มต้นชีวิต ด้วยการ ฟ้อง แม่ของตัวเอง ที่ต้องการขายทรัพย์สินของพ่อ บางอย่าง ......... แม่ของเธอจึงไม่ค่อยถูกพูดถึงเท่าไหร่ในชีวิตเธอ

เรื่องการศึกษา ไม่ปรากฏในหน้าประวัติของแม่ดุ๊ก, คาดว่า คงจ้างครูชั้นดี มาสอนหนังสือที่บ้าน "Duke Farms" ในมลรัฐ นิวเจอซี่ บ้านพร้อม ฟาร์ม,สวน ในที่ดินขนาด ๒,๗๐๐ เอเคอร์  ( หรือ ๑๑ ตารางกิโลเมตร ตกแล้วก็ประมาณเกือบ ๗,๐๐๐ ไร่)  

เมื่อโตเป็นสาวแรกรุ่น ตามธรรมเนียม ก็ต้อง debutante (เดบูตอง - งานเต้นรำ แนะนำบุตร, บุตรี สู่สังคม อันหรูหรา) ขอเธอก็เปรี้ยว .... ไปจัดที่อื่นทำไม เดบูตอง มันที่บ้านฉันเลยซิ......... ที่บ้านพักสไตล์อังกฤษ "Rough Point" ใน นิวฟอร์ต โรดไอแลนด์ ตอนอายุ ๑๘ ปี (ค.ศ. ๑๙๘๐)

พออายุครบ ๒๑ ปี เธอก็ได้สิทธิ์ในมรดกของพ่อก้อนแรก และได้รับอีก ๒ ขยัก เมื่ออายุ ๒๕ และ ๓๐ ปี มีสิทธิ์บริหารจัดการ และเป็นประธานใน The Duke Endowment กองทุนมหาสมบัติของเธอ โดยเต็มสิทธิ์............. ส่วนสมบัติของแม่เธอ (แม้จะมีเรื่องฟ้องร้องกันบ้าง ตามประสานางสิงห์ ๒ ตัว) เมื่อ Nanaline แม่เธอเสียชีวิตในปี ค.ศ. ๑๙๖๒ เธอก็ได้มรดกเครื่องเพชร และชุดเสื้อโค๊ต (ซึ่งมักจะเป็นขนสัตว์ ราคาแพง) จากมารดา (เครื่องเพชรเหล่านี้ ก็ถูกนำออกประมูลในเวลาต่อมา ...... มีแต่ชิ้น เป้งๆ และคุณภาพจากร้านชั้นดี เท่านั้นจริงๆ )

ภาพ ดุ๊ก ผู้พ่อ กับ นางสิงห์ ดุ๊ก

Picture Credit to : http://www.dukefarms.org



บันทึกการเข้า
piyasann
พาลี
****
ตอบ: 379


ความคิดเห็นที่ 4  เมื่อ 10 ก.ค. 12, 23:01

ใครว่า เธอรวย แล้วเธอไม่ทำงาน ฮืม??

แต่งานของเธอ ก็คงไม่ใช่ พนักงานออฟฟิต ชงกาแฟ จดรายงานการประชุมธรรมดา เป็นแน่

สิ่งที่เธอเรียกว่ "งาน" เริ่มต้นสวยๆ ด้วยการไปเป็นอาสาสมัครในแคนทีน ของกลาสี หน่วยทหาร ที่ประเทศอียิปต์ โดยรับเงินเดือน ๑ ดอลล่าห์ !!!! (เป็นสาวการกุศลจริง จริ๊งงงง) ซึ่ง เธอก็มิได้ บินจากอเมริกาไปรับงานนี้ เพียงแต่ เธออยู่ในระหว่างท่องเที่ยวอียิปต์อยู่ ก็เลย ขอเบรก ทำงาน ซักหน่อย เป็นการช่วยเหลือทหารกล้า...

แม่ดุ๊ก เคยทำงานเป็นผู้สื่อข่าว ต่างประเทศให้กับ the International News Service รายงานข่าว สงครามในที่ต่างๆ ที่เธอเดินทางไป ในขณะเดินทางท่องเที่ยว และ เป็นคอลัมนิสต์ ให้กับ นิตยสาร Harper's Bazaar. ฝรั่งเศส หลังสงคราม อยู่ พักหนึ่ง  

ภาพสมัยเธอเป็นสาวน้อย

Picture : credit to  http://blogs.library.duke.edu


บันทึกการเข้า
piyasann
พาลี
****
ตอบ: 379


ความคิดเห็นที่ 5  เมื่อ 10 ก.ค. 12, 23:12

กิจกรรมหลักของเธอจริงๆ ก็คือ "การเดินทางท่องเที่ยว" เธอใช้เวลาเกือบทั้งชีวิต เดินทางไปยังที่ต่างๆ ทั่วโลก เพื่อพบปะผู้คนมากมาย และเป็นการไปเยี่ยมชมศิลปะในที่ต่างๆ ซึ่งเธอ เป็นผู้หนึ่งที่ซาบซึ่งกับความงานของศิลปะในทุกแขนง และพร้อมที่จะเรียนรู้วัฒนธรรมใหม่ๆ ในที่ต่างๆ

เธอบอกว่า เธอไม่ชอบที่จะเป็น สาวสังคมสวยๆ แต่งตัวเฉิดฉาย ตามบ้านผู้ดี ตามโรงแรมหรู เท่านั้น อันนี้อาจจะมีบ้าง, แต่ก็ชอบที่จะไปใช้ชีวิต ผจญภัย เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ในโลกกว้าง - นั้นหมายถึง การเดินทางเมื่อ ๖๐ - ๗๐ ปีมาแล้วน่ะ ขณะที่ยังเป็นเวลาที่การเดินทาง และชีวิตต่างแดนยังไม่สะดวกสบายอย่างประเดี๋ยวนี้

แม่ดุ๊ก ไม่สามารถจะอยู่ติดบ้านได้จริงๆ (แม้ว่า เธอจะมีหลายบ้านให้เปลี่ยนบรรยากาศก็ตาม) พอถึงบ้าน ก็เริ่มคิดแล้วว่าจะเดินทางไปไหนต่อดี (ถ้ามาหาหมอดูเมืองไทย คงโดนทักว่า มี ดวงเดิน ทางทั้งชีวิต ......)

การไปในที่ต่างๆ นอกจากเธอจะเก็บเกี่ยวประสบการณ์ การพบปะผู้คน ซึ่งมักจะเป็นคนในวงสังคมเดียวกัน และคุยกันรู้เรื่อง หัวทันสมัย  เธอก็ยังมีโอกาสที่ได้เก็บงานศิลปะ ของสะสม ในแต่ละที่ ที่เธอเดินทางไป เสมอ ๆ






บันทึกการเข้า
piyasann
พาลี
****
ตอบ: 379


ความคิดเห็นที่ 6  เมื่อ 10 ก.ค. 12, 23:26

การเป็นสาวสังคม ย่อมพลาดไม่ได้เลย ก็คือ "งานปาร์ตี้" โดยเฉพาะคนระดับอย่างเธอ ...... เงินก็มี บ้านก็สวย คนรับใช้ก็มากมาย เธอจึงหนี การเป็น host ไปไม่ได้ และเธอเองก็คงสนุกกับการมีงานเลี้ยงสังสรรค์ในหมู่เพื่อนฝูงมาก (เพราะจัดบ่อย จริงๆ  )

ใครว่า การจัดงานเลี้ยงปาร์ตี้  ไม่เป็นงาน !!!! เจ้าภาพจะเป็นคนที่ต้องวุ่นวายที่สุด ไหนจะต้องคิดว่า จะเสริ์ฟอาหาร เครื่องดื่มอะไรดี จะเชิญใครมาบ้าง เดี๋ยวคนนั้น ไม่ถูกกับคนนี้ คนนี้ มาเชิญ คนนั้นไม่ไ่ด้  งานเลี้ยงจะ ธีม อะไรดี จะแต่งตัวอย่างไร จะคุยอะไร ฯลฯ......... โดยเฉพาะงานเลี้ยงโดยสาวสังคมครบเครื่องอย่างเธอแล้ว จะ "หลุด" ไม่ได้เชียว...... กินข้าว ปาร์ตี้ มื้อหนึ่ง เสียเวลาเป็นวันๆ เชียวแหล่ะ , สั่งหน่ะ ประเดี๋ยวก็มีคนทำให้ แต่ host ก็ต้องบัญชาการ และตรวจความเรียบร้อย ทั้ง ก่อน ตลอด และจนจบงาน .......... นั้นแหล่ะคืองานของ แ่ม่ดุ๊กเธอหล่ะ!

Picture : credit to http://homedesign.marthastewart.com/


บันทึกการเข้า
piyasann
พาลี
****
ตอบ: 379


ความคิดเห็นที่ 7  เมื่อ 10 ก.ค. 12, 23:44

นอกจากการท่องเที่ยว และปาร์ตี้ แล้ว ....... ยังมีอีกสิ่งที่เธอรัก และเรียกว่า "งาน" ก็คือ การทำสวน (Gardening)

เห็นภาพลักษณ์ภายนอก พร้อมเรื่องราวของเธอ เราก็คงคิดว่า คนอย่างนี้หรือ จะยอมให้มือเปื้อนดิน เปื้อนโคลน

แม่ดุ๊ก ได้มรดก จากพ่อของเธอ เป็นบ้านพื้นที่ขนาดใหญ่ ใน นิว เจอร์ซี่ - Duke Farms มีพื้นที่สีเขียวเป็น Park ขนาดใหญ่แล้ว เธอยังไ้ด้รับมรดกสำคัญจากพ่ออีกอย่างหนึ่ง  นั้นคือ เรือกกล้วยไม้ขนาดใหญ่ อีกด้วย


เธอบอกว่า พ่อฉัน ท่านรักกล้วยไม้มาก และท่านก็สอนให้ฉันรัก และดูแลกล้วยไม้ต่อจากท่านด้วย

ไม่ว่า เธอจะไปเที่ยวที่ไหนมา พอกลับถึงบ้าน เธอก็จะต้องตรงเข้าไปยังเรือนกล้วยไม้, ไปดูแล ลูกๆ ของเธอด้วยตัวเอง  เปลี่ยนกระถาง, แยกกอ, เปลี่ยนเครื่องปลูก (ปลูกกล้วยไม้ในอเมริกา สบาย เพราะอยู่ในโรงเรือนปรับอุณหภูมิ ให้อุ่น เหมือนเขตร้อน ทำงานสบาย) ........ แต่การปลูกกล้วยไม้ของเธอนั้น เป็นแบบ Amateur Orchid Grower  เป็นที่น่าเสียดาย เธอจึงไม่มีเกียรติประวัติจารึกไว้ในวงการกล้วยไม้อเมริกัน (ซึ่งเป็นสมาคมใหญ่) แม้จะมีกล้วยไม้ ตั้งชื่อว่า Doris Dukes ก็ไม่ได้มาจากชื่อของเธอ (เป็นชื่อเมียเจ้าของสวนกล้วยไม้ แห่งหนึ่งในอเมริกา ชื่อ นามสกุล เหมือนกัน แต่ Dukes มี s )

Duke Farms นี้ ภายหลังก็เิปิดให้ประชาชนเข้าชมได้ จนถึงปัจจุบัน ......... (กล้วยไม้ก็ยังมีอยู่น่ะ อยากไปดูอยู่....) เป็นพื้นที่สีเขียวร่มรื่น และเป็นมิตรกับผู้รักธรรมชาติ โดยมีกองทุนของเธอ เป็นผู้ดูแล
บันทึกการเข้า
piyasann
พาลี
****
ตอบ: 379


ความคิดเห็นที่ 8  เมื่อ 11 ก.ค. 12, 00:00

และ สุดท้าย งานของเธอ อีกอย่างหนึ่ง ก็คือ "การเก็บรักษา และจัดแสดงศิลปะ ให้เป็นมรดกของคนทั้งโลก"

มันคงเริ่มจากการสะสมไว้ประสาคนมีตังค์ สามารถซื้ออะไรก็ได้ ..... แต่เธอเลือกที่จะสะสมศิลปะ (เมื่อเปรียบเทียบกับเศรษฐีนีอเมริกันหลายคน กลับใช้เงิน กับเรื่อง เอาเงินฟาดหัวสามี จนหมดตัว !!!!)  ซึ่งขณะนั้น ก็ต้องนับว่า เป็นของที่ไม่ค่อยมีคนเห็นค่า ยังสามารถหาเก็บสะสมได้อยู่ (เมื่อ  ๖๐ - ๗๐ ปีก่อน)

พอมีมากเข้า ๆ และเป็นหมวดหมู่ นั้นศิลปะจีน นี้ศิลปะแขกออิสลาม นี้ศิลปะยุโรป โน้น ศิลปะเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ .....ฯลฯ เธอคงจะมีแนวคิดต่อยอด จัดศิลปะวัตถุให้เป็นหมวดหมู่ ทำเป็น มิวเซียม ซ่ะ ก็คงจะดี


ส่วนหนึ่งของ งานศิลปะที่เธอเก็บสะสมไว้ มากหมวดหนึ่งก็คือ ศิลปะวัตถุของไทย และพม่า รวมแล้ว มากกว่า ๒,๐๐๐ ชิ้น เธอจึงมีความคิด ที่จะทำเป็น "หมู่บ้านไทย" จำลองวิธีชีวิตของคนไทยที่เธอได้เคยสัมผัส ให้ คุณมะกัน ได้เห็น ได้รู้จัก ว่ามีประเทศประเทศหนึ่ง เจริญด้วยศิลปะวัฒนธรรมมาช้านาน มีแบบแผนประเพณีที่น่าประทับใจ (..............ช่างต่างจากสังคมอเมริกันเหลือเกิน คริคริ )

ภาพจาก : Doris Duke The Southeast Asian Art Collection, Digital Book Online


คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
บันทึกการเข้า
piyasann
พาลี
****
ตอบ: 379


ความคิดเห็นที่ 9  เมื่อ 11 ก.ค. 12, 00:39

ขอย้อนกลับมาเรื่อง ชีวิต ของเธอก่อน ประเดี๋ยวไม่จบชีวิตเธอ......

แม่ดุ๊ก แต่งงาน สองครั้ง ครั้งแรกอายุ ๒๓ กับ James H. R. Cromwell หนุ่มสังคมจากปาล์ม บีช มีบุตรสาวด้วยกัน ๑ คน มีอายุได้ ๑ วัน ก็จากเธอไป พร้อมกับการหย่าร้าง หลังจากใช้ชีวิตร่วมกัน ๘ ปี

ครั้งที่สอง เธอแต่งงานกับ Porfirio Rubirosa นักการฑูตชาวโดมินิกัน ผู้ได้รับฉายาว่า The last of the Famous International Playboys, เมื่อแม่ดุ๊กอายุ ๓๕ ปี ทั้งสองพบกันที่ปารีส  ........ ก่อนแต่ง เธอต้องยอมจ่ายเงิน ๑ ล้านเหรียญให้กับภรรยา ตา Rubirosa เพื่อให้หย่ากัน จะได้มาแต่งกับเธอได้ แต่เป็นอันว่า ตานี่ พยายามหลอกล่อเธอ (เรียกว่า สูบเงินเธอ นั้นแหล่ะ) ขอเงินไปใช้ในการเมือง  เธอเองก็กลัวจะโดนเพ่งเล่ง (จริงๆ คงกลัวโดนสูบมากกว่า) จึงต้องทำสัญญาเรื่องทรัพย์สินของเธอ ..........

แต่สุดท้าย ก็ไปไม่รอด  ...... แม่ดุ๊ก จึงต้องตัดใจ ยอมจ่ายเงิน อีกเป็นล้านเหรียญ (คราวนี้ ไม่เป็นที่เปิดเผย) พร้อมกับระดมของมีค่า ของขวัญ ให้ผู้กำลังจะเป็นอดีตสามี นักสูบ อีกมากมา เธอจึงรอดตัวมาได้ .....

อ่ะ , ที่ว่า รอดตัวมาได้ ก็เพราะ อีตา Rubirosa เลิกกับ แม่ดุ๊ก แล้ว ก็ไปแต่งงานกับ Barbara Hutton "คู่ขนานทางสังคมของแม่ดุ๊ก***"  เพียง ปีเดียว ก็สูบเงิน ฮัตตันไปหลายล้าน ตอนจะเลิก ก็ได้ติดกระเป๋า ไปอีก ๓ ล้านเหรียญ (ปีค.ศ. ๑๙๕๔ น่ะ)

ต่อจากนั้นมา เธอก็มีกุ๊กกิ๊ก ไปเรื่อย ....................  ชนิด เข็ด กับนักสูบไปจนตาย. กิ๊กๆ แล้ว บาย ,ไม่อันตรายกับสมบัติตู ......

**** ที่ว่าเป็น คู่ขนานทางสังคม เพราะBarbara Hutton "the Poor Little Rich Girl"  เกิด เดือน และปีเดียวกันกับดุ๊ก, เกิดบนกองเงินกองทองกองใหญ่เหมือนกัน  ขับเคี้ยว ความเป็น "หญิงที่รวยที่สุดในโลก"เช่นกัน  แต่เกมส์นี้ แม่ดุ๊กชนะ เพราะ บาบาร่า ฮัตตัน แต่งงาน ไป  ๗ หน เลิกกันที ก็ต้องจ้างเิลิกเป็นล้านๆ เหรียญ สุดท้าย แม่ฮัตตัน ตายอย่างหมดตัว เหลือเงินติดตัวอยู่แค่ ๓,๕๐๐ เหรียญ นอนตายอยู่ในโรงแรม ไม่มีแม้กระทั้งบ้าน และทรั้ยพ์สินอื่นใด ....... ถึงแม้ฮัตตัน เธอจะเป็นทายาท ห้างสรรพสินค้า Woolworth ก็หมดได้เหมือนกัน......จะไปเหลือได้อย่งไร ก็คุณเธอ เล่นบ้าซื้อแต่ เพชร แต่อัญมณี ขนาดตึกหัวมุม ที่ Fifth Avenue ก็ยอมแลกกับ ไข่มุกน้ำจืด ๓ เส้น !!!!!!! Cartier เลยได้ตึกแพงระยับมาอย่างง่ายดาย.............. ชีวิตเธอช่างน่าสงสารเสียจริง

ภาพ แม่ดุ๊ก กับ ตา Rubirosa

เครดิตภาพ : http://theselvedgeyard.wordpress.com


บันทึกการเข้า
piyasann
พาลี
****
ตอบ: 379


ความคิดเห็นที่ 10  เมื่อ 11 ก.ค. 12, 01:29

แม่ดุ๊ก รับเด็กสาวเป็นลูกบุญธรรมคนหนึ่ง (แต่เธอคงไมไ่ด้เลี้ยงเอง) เพราะว่า เธอว่า หน้าเ็ด็กเหมือนลูกที่ตายไปแล้ว ........

ช่วงท้ายของชีวิต เธอได้ Butler (พ่อบ้าน) คนใหม่ ชื่อ Bernard Lafferty เกย์หนุ่ม ชาวไอริส มาประจำที่ Duke Farms สองคนนี้ เข้ากันได้ดีมาก โดยเฉพาะ เมื่อเธอไม่สบาย จากการผ่าตัด และโรครุมเร้า เมื่ออายุมากแล้ว เธอก็ได้ บัตเลอร์ คนนี้ คอยดูแลทุกอย่าง

จนเธอเสียชีวิต เมื่อวันที่ ๒๘ ตุลาคม ๑๙๙๓ อย่างสงบ(และโดดเดีี่ยว) ที่บ้าน Falcon's Lair Beverly Hills, California ศพเธอถูกฌาปนกิจภายใน ๒๔ ชั่วโมง เถ้ากระดูกถูกนำไปโปรดในมหาสมุดแปรซิฟิก และอีกส่วนหนึ่ง ถูกนำไปฝังไว้ที่ สุสานใน Marshfield รัฐ Missouri ตามพินัยกรรมของเธอ

ถึงแม้เธอจะตายไปแล้ว แต่แม่ดุ๊กก็ได้ทำพินัยกรรม แจกแจงทรัยพ์สินไว้หมด ส่วนใหญ่ เธอมอบทรัพย์สินตั้งเป็น Trust ในนาม Doris Duke Charitable Foundation (DDCT) เพื่อดูแลทรัยพ์สินสมบัติ ของเธอ ได้แก่ Duke Farms , the Doris Duke Foundation for Islamic Art , Foundation for Southeast Asian Art and Culture (SEAAC) และยังมี The Duke Endowment, Duke Energy ซึ่งก็ยังคงดำเนินการในการช่วยเหลือสังคม การศึกษา และกิจการสาธารณะประโยชน์อีกมากมาย

ในพินัยกรรมฉบับสุดท้ายของเธอ เธอตัดชื่อลูกสาวบุญธรรมของเธอออกจากผู้รับมรดก แล้วยกสมบัติส่วนของลูกบุญธรรมให้การกุศล และให้ Bernard Lafferty เป็นเิงิน ๕ ล้านเหรียญ และให้อีกเป็นเดือนๆ ละ ๕๐๐,๐๐๐ เหรียญสหรัฐ กับให้เป็น คณะกรรมการบริหาร การเงิน และ Trust ที่เธอตั้งขึ้น อีกด้วย ...... เรื่องนี้ เป็นเรื่องใหญ่ ลงข่าวครึกโครม ต่อสู้แย่งชิงกัน ว่า Lafferty ปลอมพินัยกรรมบ้าง ไม่มีสิทธิ์บ้าง จนสุดท้าย Lafferty ตายในปี ๑๙๙๖ ด้วยอาการพิษสุราเรื้อรัง เขาได้ทำพินัยกรรมยกเงินที่เหลืออยู่จากที่ แม่ดุ๊กให้ไว้ (ประมาณ ๔ ล้านเศษ ถ้าจำไม่ผิด) คืนให้มูลนิธิและ Trust ของ Doris Duke ทั้งหมด


แต่สำหรับ คณะกรรมการบริหาร สมบัติมรดก ของ Doris Duke แล้ว ภาระหน้าที่ต่อไปหลังจากที่เจ้ามรดกตาย คือ จัดการให้เป็นไปตามที่พินัยกรรมระบุ หรือตามที่เห็นสมควร แม้ แม่ดุ๊ก เธอยากจะให้รักษา สมบัติที่เธอสะสมไว้ ให้เป็นของสาธารณะชน และอยู่รวมกัน แต่ก็ระบุไว้ว่า ถ้ารักษามันไมไ่ด้ ก็จัดการมันซ่ะ !!!!! จึงเป็น มหากาพย์ การ "บริจาค" หรือ "มอบให้" พิพิธภัณฑ์ และ การ "ประมูล" กันสนุกสนาม มันส์หยด ในหลายกลุ่มของสะสม ส่วนหนึ่ง ของสมบัติที่เธอเก็บสะสมมา ก็เป็นอัน กลับคืนสู่ท้องตลาด ........... กระจายสู่นักสะสมรุ่นใหม่ กันเป็นจำนวนมาก

แม้กระทั้งการประมูลของหลายบริษัท ในปัจจุบัน ก็ยังมี "สมบัติ" ของ Doris Duke เวียนมาประมูลอยู่เสมอๆ

ชื่อของเธอ ก็ยังติดอยู่ในลิสต์ นักสะสมชั้นเลิศ ทีน่าจับตา อันเป็นที่มาของเรื่องที่จะเล่าต่่อไปนี้ ....................


บันทึกการเข้า
piyasann
พาลี
****
ตอบ: 379


ความคิดเห็นที่ 11  เมื่อ 11 ก.ค. 12, 01:40

ท่านใดสนใจ เรื่อง ชีวิต แสบๆ คันๆ ของ แม่ดุ๊ก สามารถหา ภาพยนต์ซีรี่ย์ เรื่อง Bernard and Doris (๒๐๐๗) มาดูประกอบได้

นำแสดงโดย ดาราเจ้าบทบาท Susan Sarandon เป็น "แม่ดุ๊ก" และ Ralph Fiennes เป็น Bernard Lafferty หนังสนุกน่าติดตาม และฉากสวยงามมาก

(ในเมืองไทย น่าจะยังไม่มีจำหน่าย คงต้องพึ่งพา Amazon.com ไปก่อนหล่ะครับ.....


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 12  เมื่อ 11 ก.ค. 12, 08:31

ไม่รู้จักแม่ดุ๊คคนนี้  แต่รู้จักบาร์บาร่า ฮัตตันค่ะ 
กระทู้นี้จบเมื่อไรจะมาเล่าเรื่องบาร์บาร่า ฮัตตันเป็นการขอบคุณคุณ piyasann ที่เล่าเรื่องน่าสนใจให้อ่านกัน
บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 6362


ความคิดเห็นที่ 13  เมื่อ 11 ก.ค. 12, 10:31

และ บาร์บาร่า ฮัตตัน ก็มีมินิซีรี่ส์ประวัติของเธอซึ่งเคยออกอากาศทางช่องสาม เมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน ครับ

นำแสดงโดยอดีตนางฟ้าชาร์ลี


บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 6362


ความคิดเห็นที่ 14  เมื่อ 11 ก.ค. 12, 10:33

จากยูทูบ ครับ

           At Home with Doris Duke: Selections from her personal home movies

บันทึกการเข้า
หน้า: [1] 2 3 4
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.067 วินาที กับ 19 คำสั่ง