naitang
|
ความคิดเห็นที่ 285 เมื่อ 30 ต.ค. 12, 19:04
|
|
เกือบจะเป็นการควงเดี่ยวกระทู้มานานแล้ว คิดว่าคงจะมีข้อมูลและแนวคิดที่เป็นประโยชน์อยู่บ้างนะครับ แล้วก็คิดว่าน่าจะถึงเวลาที่จะลงจากกระทู้ได้แล้วเช่นกันครับ ขอบพระคุณทุกท่านที่ได้ติดตามอ่านมาครับ 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
พวงแก้ว
บุคคลทั่วไป
|
ความคิดเห็นที่ 286 เมื่อ 30 ต.ค. 12, 20:50
|
|
ปิดกระทู้นี้เพื่อเริ่มกระทู้ใหม่หรือเปล่าคะ เส้นทางโสร่ง...น่าสนใจ การผจญภัยในป่ายังท้าทายคนกรุงให้ตามอ่านนะคะ
ขอบคุณสำหรับความรู้ที่แบ่งปันคะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33421
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 287 เมื่อ 30 ต.ค. 12, 20:52
|
|
รอกระทู้ใหม่ค่ะ คุณตั้ง ดิฉันก็อยากจะร่วมวงมากกว่านี้ แต่จนใจว่าไม่มีความรู้เรื่องนี้เลย เลยได้แต่ฟังอยู่หลังชั้นเฉยๆ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เพ็ญชมพู
|
ความคิดเห็นที่ 288 เมื่อ 04 ม.ค. 15, 13:37
|
|
มีปุจฉาจากกระทู้โน้นมาให้คุณตั้งวิสัชนา  เราจะยกเลิก AEC ได้ไหมครับ อยากให้มีการจำกัดจำนวนคน เดี๋ยวนี้ไปที่ไหมก็มีแต่ต่างด้าว ต่อไปจะเป็นปัญหาสังคมอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ท่านนายกจะทำได้ไหมครับ
นโยบายของรัฐ ตรงกันข้ามกับความประสงค์ของคุณ hobo ค่ะ เสียใจด้วย เราคงจะต้องหาทางแก้ปัญหากันเอง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 289 เมื่อ 04 ม.ค. 15, 19:45
|
|
AEC คงจะเลิกไม่ได้ เพราะ - เป็นความตกลงใจร่วมกันของทุกประเทศของกลุ่มประเทศอาเซียน (จะด้วยความเต็มใจเป็นอย่างยิ่ง ด้วยความที่ยังไม่ค่อยพร้อมแต่คัดทานไม่ได้ หรือจะด้วยประการใดก็ตาม) - แล้วก็เพราะเป็นสัญญาประชาคมที่รัฐที่เป็นสมาชิกอาเซียนได้ร่มกันประกาศเจตนาให้ประชาชนของตนและประชาคมโลกได้รับทราบว่า รัฐสมาชิกทั้งหลายประสงค์จะร่วมมือกันสร้างสรรโครงสร้างหรือระบบเศรษฐกิจในพื้นที่เขตอาณาของประเทศสมาชิก (แม้จะไม่มีผลบังคับในเชิงของกฎหมาย แต่ก็มีผลในเชิงของการแสดงความเป็นรัฐที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมและมวลประชาคมในโลก) - และก็การขายขี้หน้าประชาคมโลก (ทำให้การดำเนินการจะสำเร็จหรือไม่สำเร็จก็ตาม ก็คงจะต้องช่วยกันด้นต่อไปเรื่อยๆ) - ฯลฯ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 290 เมื่อ 05 ม.ค. 15, 18:00
|
|
ยกเลิกไม่ได้ แต่ทำให้มันไม่เกิดหรือไม่พร้อมที่จะเกิดอย่างสมบูรณ์ตามที่ฝันไว้ได้ ทั้งโดยวิธีการลากยาวช่วงเวลาก่อนที่จะต้องปฎิบัติ หรือการอู้เรื่องที่กำลังดำเนินการหรือการปฎิบัติตามข้อตกลง
ด้วยความรู้ปลายแถวแบบหางอึ่งของผม ผมเห็นว่า ความตกลงระหว่างประเทศทั้งในแบบพหุภาคี (Multilateral) ทวิภาคี (Bilateral) และแบบกลุ่ม (Plurilateral) นั้น มันไปเกี่ยวกับเรื่องที่รัฐในความตกลงนั้นๆจะต้องดำเนินการใน 3 ประเด็น (มากน้อยต่างกัน และระดับต่างกันไปตามแต่ความตกลง) คือ ในระดับของการอำนวยความสะดวก (facilitation) ระดับของการให้สิทธิพิเศษบางเรื่อง (privilege) และระดับของการให้ความคุ้มครองทางกฎหมายบางเรื่อง (immunity)
อืม์...แยกเป็นอีกกระทู้สั้นๆตามความรู้หางอึ่งของผมกับเรื่องพวกนี้ จากประสบการณ์ที่ผ่านมาของผม จะเป็นประโยชน์ใหมหนอ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33421
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 291 เมื่อ 05 ม.ค. 15, 18:13
|
|
เชิญแยกกระทู้เลยค่ะ เป็นประโยชน์แน่นอน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 292 เมื่อ 08 ม.ค. 15, 18:49
|
|
กลับมาห้อยท้ายกระทู้นี้ต่อไปอีกเล็กน้อยครับ
เคยสังเกตใหมครับว่า วิถีอิสานกำลังรุกคืบแทรกซึมเข้าไปในเกือบจะทุกหย่อมหญ้าในทุกภาคของประเทศไทยจนสัมผ้สได้อย่างเด่นชัดแล้ว ซึ่งแท้จริงแล้ว วิถีอิสานนี้ได้ขยายไปไกลเกือบจะทั่วโลกเลยทีเดียว
ก็มี อาทิ - ข่าวพยากรณ์อากาศของเราใช้คำว่า "ยอดภู" แทนคำว่า "ยอดดอย" จนเกือบจะเป็นกลายเป็นคำมาตรฐานที่สื่อต่างๆรายงาน - ชื่อของสถานที่ๆประกอบธุรกิจสถานที่พักผ่อน/ท่องเที่ยว ก็มักจะเริ่มต้นด้วยคำว่า "ภู" ซึ่งพบกระจายคลุมไปทั้งภาคเหนือและขอบพื้นที่ราบลุ่มภาคกลาง ไม่แน่ใจนักว่าภาคใต้จากกรุงเทพฯลงไป จะมีสถานที่ๆมีชื่อขึ้นต้นด้วย ภู อยู่มากน้อยเพียงใด - คำว่า ตำส้ม ที่ใช้กันในภาคเหนือ ถูกกลืนหายไปเป็นคำว่า ส้มตำ เรียบร้อยแล้ว แม้ว่าแต่ดั้งเดิมนั้นจะมีความต่างกันอยู่บ้างในเรื่องของเรื่องของความหมายของลักษณะอาหาร ซึ่งใช้วัสดุและเครื่องปรุงบางอย่างต่างกัน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33421
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 293 เมื่อ 08 ม.ค. 15, 19:32
|
|
ประเพณี "รดน้ำดำหัว" ด้วยค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 294 เมื่อ 09 ม.ค. 15, 17:39
|
|
ครับผม
ทำให้ผมนึกไปถึงอีกเรื่องหนึ่ง คือ การเปลี่ยนความสำคัญของวันตรุษที่มีผลในทางเศรษฐกิจและการค้าขาย แต่เดิมนานมาแล้ว เมื่อถึงวันตรุษสำคัญต่างๆของจีนหรือของชาติเจ้าของกิจการค้าใดๆ ความคึกคักทางการค้าจะลดลง ด้วยมีการมีการหยุดทำการบ้าง แต่มิใช่ในลักษณะนั้นอีกแล้ว กลับกลายเป็นว่า ในช่วงตรุษเหล่านั้นเกือบจะไม่มีกิจการใดๆหยุดอีกต่อไป แต่จะเป็นว่า ในช่วงวันสงกรานต์และวันหยุดทางราชการไทยที่มีการหยุดชดเชยต่อเนื่องหลายวัน แม้กิจการต่างๆในพื้นที่เมืองกลับมีความคึกคักลดลง แต่ไปขยายในพื้นที่นอกเขตเมืองและในต่างจังหวัด โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบท ซึ่ง..ก็ด้วยเหตุจากที่คนเหนือและอิสานที่มาทำงานในที่ต่างๆเดินทางกลับบ้านเกิด
สภาพการณ์ลักษณะเช่นนี้ (ความคึกคักในภาคกิจการต้นน้ำลดลง อาทิ การก่อสร้าง) ก็เกิดขึ้นในต่างประเทศในภูมิภาคต่างๆอีกด้วย ซึ่งต่างก็เป็นผลมาจากการเคลื่อนของแรงงานที่เป็นมวลชนชาวเหนือและอีสานของไทยเรานี้เอง
แม้ว่า ขณะปัจจุบันนี้ การเคลื่อนของมวลชนชาวเหนือและอิสานจะน้อยลงไป เพราะงานต่างๆถูกแทนที่โดยแรงงานจากรอบบ้านเรา แต่หลักนิยมก็ยังคงมีอยู่ โดยในเฉพาะช่วงสงกรานต์ แถมหลายหมู่คณะบุคคลคนไทยเรายังช่วยกันกระจายความมั่งมีไปให้กับประเทศเพื่อนบ้านและโพ้นทะเล ด้วยการไปเที่ยวจับจ่ายใช้สอยกันอย่างถึงพริกถึงขิง อีกด้วย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 295 เมื่อ 09 ม.ค. 15, 18:11
|
|
หากมีโอกาสไปเที่ยว ตจว. ลองใช้เส้นทางผ่านหมู่บ้านและชุมชนที่เคยคิดว่าห่างไกล แวะเที่ยวตลาด คุยกับชาวบ้าน เราจะเห็นว่า ขณะนี้ไทยเรากำลังอยู่ในช่วงของคนใน generation ที่ 3 หมู่บ้าน ตำบล อำเภอ ที่แต่ดังเดิมเล็กมาก เกือบจะไม่มีธุรกิจร้านค้าใดนั้น ณ วันนี้จะได้เห็นแต่อาคารบ้านเรือนที่สร้างด้วยปูน ถนนไร้ฝุ่น มีร้านกาแฟสด มี ฯลฯ ที่เราเห็นในกันในกรุงเทพฯ แล้วก็มีมากมายหลายแห่งที่มีร้านขายอาหารต่างชาติ ด้วยเพราะว่ามีสามีฝรั่งก็มี และเพราะมีความรู้และประสบการณ์ของตนเองก็มีไม่น้อย
ครับ เด็กไทยรุ่นวัยเบญจเพศ กลับบ้านเกิดครับ ปุ่ย่าตายายส่งพ่อแม่เรียนได้ในระดับหนึ่ง พ่อแม่ส่งลูกเรียนได้สูงขึ้นไปในอีกระดับหนึ่ง ลุูกหลานจบกันมา เขาคิดกลับบ้านกันครับ กลับไปใช้ทรัพยากร (มรดก) ของตระกูลทำมาหากิน เลยไม่ใช่เรื่องแปลกนักที่จะพบว่า มีคนหนุ่มสาวกลับไปทำนา เริ่มระบบการผลิตข้าวอินทรีย์ พยายามขายเป็นกิโลฯแทนการขายเหมาเป็นเกวียน ขาย/ซ่อมคอมพิวเตอร์และมือถือ และ ฯลฯ ก็เรียกว่ามีวิถีชิวิตที่ทันโลกไม่เบาเลยทีเดียว
เป็นภาพพื้นฐานบางประการของไทยที่จะเข้าสู่ยุค AEC ครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เพ็ญชมพู
|
ความคิดเห็นที่ 296 เมื่อ 09 ม.ค. 15, 19:10
|
|
หากมีโอกาสไปเที่ยว ตจว. ลองใช้เส้นทางผ่านหมู่บ้านและชุมชนที่เคยคิดว่าห่างไกล แวะเที่ยวตลาด คุยกับชาวบ้าน เราจะเห็นว่า ขณะนี้ไทยเรากำลังอยู่ในช่วงของคนใน generation ที่ 3 หมู่บ้าน ตำบล อำเภอ ที่แต่ดังเดิมเล็กมาก เกือบจะไม่มีธุรกิจร้านค้าใดนั้น ณ วันนี้จะได้เห็นแต่อาคารบ้านเรือนที่สร้างด้วยปูน ถนนไร้ฝุ่น มีร้านกาแฟสด มี ฯลฯ ที่เราเห็นในกันในกรุงเทพฯ
จริงอย่างที่คุณตั้งเล่าทุกประการ เพิ่งกลับมาจากการไปสำรวจในหมู่บ้านประมาณ ๕-๖ แห่ง ในจังหวัดแถวภาคอีสาน ทุกแห่งที่เข้าไปเป็นที่น่าแปลกใจอย่างยิ่ง เพราะจากประสบการณ์เมื่อไม่กี่สิบปีมานี้ ถนนในหมู่บ้านยังเป็นดินหรือลูกรังอยู่เลย ปัจจุบันทุกแห่งเป็นถนนคอนกรีตอย่างดี บ้านเรือนหลายหลังปลูกเป็นตึกทันสมัยแบบเดียวกับบ้านในเมือง แต่ก็ยังมีบ้านแบบเก่าที่มีใต้ถุนสูง เป็นคอกเลี้ยงโคกระบือ ยังเห็นฉางเก็บข้าวในบ้านทรงเก่าเกือบทุกแห่ง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 297 เมื่อ 11 ม.ค. 15, 18:16
|
|
วิถีอิสานนั้น ได้แทรกเข้าไปอยู่ในวิถีชีวิตของคนต่างชาติ ต่างภาษา ต่างวัฒนธรรมอย่างไม่น่าเชื่อเลยทีเดียวครับ
ส้มตำ ไก่ย่าง ข้าวเหนียว เป็นหนึ่งในเมนูอาหารที่มีของร้านอาหารไทยในระดับ street restaurant (ร้านเล็กและราคาไม่สูง) ที่แม้ว่าส่วนมากจะมิใช่เมนูประจำ กระนั้นก็ตาม เมื่อใดที่มีอาหารในเมนูนี้ฝรั่งก็จะสั่ง แล้วก็เฝ้าถามว่าเมื่อใดจะทำอีก ผมเคยพบฝรั่งคนหนึ่งในกรุงเวียนนา ที่มิใช่จะมาแต่เพียงกินอาหารไทยที่ร้านแห่งหนึ่งเป็นประจำทุกสัปดาห์ แต่เอาสมุดบันทึกมาเขียนบรรยายอาหารที่กินไปทุกครั้ง แล้วก็เฝ้ารอว่าเมื่อใดจะมีไก่ย่าง ส้มตำ ข้าวเหนียวอีก
เมื่อเร็วๆนี้ผมไปใต้และได้มีโอกาสไปแวะเที่ยวชุมชนเล็กๆตั้งอยู่บนปากคลองสายหนึ่งในเขตอ่าวพังงา ชื่อว่าบ้านบางพัฒน์ เป็นชุมชนมุสลิมเล็กๆขนาดต่ำกว่าร้อยหลังคาเรือน (คะเนว่าคงจะแถวๆ 50+/- หลังคา) ในชุมชนนี้มีร้านอาหารอยู่สามสี่ร้านสำหรับต้อนรับนักท่องเที่ยว ผมได้เห็นหอยโข่งทะเลเป็นๆ ตัวขนาดย่อมกว่าชามก๋วยเตี๋ยวคว่ำเล็กน้อย ก็ถามเขาว่า เอามาทำอะไรกินดี เขาตอบว่า จะทำอะไรก็ได้ จะลาบก็ได้ จะ...ก็ได้ ได้ฟังแล้วก็คิดได้เลยในทันทีว่าเรียบร้อยโรงเรียนอีสานไปแล้ว
นี่แหละครับ ความน่าทึ่งของวิถีอิสาน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 298 เมื่อ 11 ม.ค. 15, 18:33
|
|
ก็มีอีกเรื่องหนึ่งที่ชวนให้คิด ซึ่งได้แก่ การที่วิถีชีวิตใทยที่กำลังกระจายไปครอบงำอยู่ในกลุ่มประเทศรอบบ้านเราผ่านทางเหล่าแรงงานทั้งหลาย ทั้งในด้านหลักนิยมทางวัฒนธรรม (ผ่านทางกลุ่มคนงานบ้าน) ลักษณะและรสของอาหาร (ผ่านทางกลุ่มคนงานครัวและร้านขายอาหาร) หรือในภาพรวมกว้างๆ ก็คือ Living & Life style (หลักคิด หลักนิยม และค่านิยมต่างๆ)
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 299 เมื่อ 11 ม.ค. 15, 18:59
|
|
นอกจากวิถีไทย หรือ school of thought แบบไทย (Thainess) ที่กระจายผ่านไปทางแรงงานรับจ้างแล้ว ก็ยังมีกระจายผ่านไปในระดับผู้มีการศึกษาระดับอุดมศึกษาอีกด้วย ตัวอย่างที่ผมได้สัมผัส ก็มีอาทิ คนในอนุทวีปอินเดีย (อินเดีย ปากีฯ บังคลาเทศ ศรีลังกา ภูฐาน เนปาล) จำนวนมากมาใช้ชีวิตเรียนหนังสือในระดับ post grad. ที่สถาบัน AIT คนลาวและจีนจำนวนไม่น้อยมาเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยในภาคเหนือของไทย ในกรุงเทพฯเองก็มีนักศึกษาจากจีนจำนวนไม่น้อยมาอยู่เรียนในระดับ ป.ตรี
ครับ ลองเดินท่อมๆในตลาดนัดชุมชน หรือ เดินในตรอกซอกซอยในบางพื้นที่ๆใกล้สถานศึกษาต่างๆ ก็จะได้พบเห็น แถมยังพูดภาษาไทยได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|