เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 [2] 3 4
  พิมพ์  
อ่าน: 32899 คนไทยชอบอ่านหนังสือ
siamese
หนุมาน
********
ตอบ: 7165


หนุ่มรัตนะกับภูเขาทอง


ความคิดเห็นที่ 15  เมื่อ 28 มิ.ย. 12, 19:49


        พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว  ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ  พระราชทานที่ดินระหว่างถนนหลานหลวงกับถนนดำรงรักษ์

ช่วงสะพานผ่านฟ้าลีลาศ(หลังกรมโยธาธิการเดิม) จดสี่แยกถนนจักรพรรดิพงศ์แด่พระนัดดา  แห่งสกุลจักรพันธุ์ ทุกพระองค์ได้อยู่ร่วมกันโดยแบ่งเป็นสัดส่วน

"เด็จพ่อทรงเลือกตำหนักริมฝั่งถนนดำรงรักษ์เป็นที่พำนักเพราะเห็นว่าอยู่ใกล้คลองมหานาค  ซึ่งสะดวกในการสัญจรโดยทางเรือ"


       "การที่เด็จพ่อต้องไปประทับที่บางปะอิน  เนื่องจากทรงรับราชการเป็นผู้กำกับดูแลความเรียบร้อยในเขตพระราชวังบางปะอินทั้งหมด   วันเวลาส่วนใหญ่

เด็จพ่อมักประทับที่บางปะอินเสียมาก   ครั้นจะเสด็จกรุงเทพ  ก็จะทรงเรือยนต์มาตามแม่น้ำลำคลอง   และจอดเรือไว้ในคลองมหานาค"


สวัสดีคุณวันดีที่นับถือ กระผมขอแนบแผนที่ แผนผังวังพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเสรษฐวงศ์วราวัตร  กรมหมื่นอนุพงษ์จักรพรรดิ บริเวณถนนดำรงรักษ์ให้ชมครับ ตัววังหันหน้าออกคลองมหานาค ด้านหนึ่งติดคลอง ด้านที่เหลือติดวังอีก ๒ วัง ทางเข้าวังเป็นวงกลมประดับดอกไม้รูปดาว มีบ่อน้ำให้เดินเล่น มีตำหนักใหญ่และเรือนต่าง ๆ

คัดลอกจากสมุดแผนที่เล่มโต หนักยี่สิบกิโลกรัม ไม่สามารถสแกนได้ จึงเพียงวาดภาพออกมาให้คุณวันดี


บันทึกการเข้า
Wandee
หนุมาน
********
ตอบ: 4006


ความคิดเห็นที่ 16  เมื่อ 28 มิ.ย. 12, 21:45



ขอบคุณคุณหนุ่มสยามค่ะในไมตรี

        โปรดระวังหนังสือแผนที่ไว้ดี ๆ  เพราะเห็นว่ามีผู้สนใจโผล่มา   

เท่าที่เข้าใจหนังสือหนักเพียง ๑๐  กิโลกรัมไม่ใช่หรือคะ   ปกก็ไม้ได้ทำด้วยเงินนี่นา
บันทึกการเข้า
siamese
หนุมาน
********
ตอบ: 7165


หนุ่มรัตนะกับภูเขาทอง


ความคิดเห็นที่ 17  เมื่อ 28 มิ.ย. 12, 22:10



ขอบคุณคุณหนุ่มสยามค่ะในไมตรี

        โปรดระวังหนังสือแผนที่ไว้ดี ๆ  เพราะเห็นว่ามีผู้สนใจโผล่มา   

เท่าที่เข้าใจหนังสือหนักเพียง ๑๐  กิโลกรัมไม่ใช่หรือคะ   ปกก็ไม้ได้ทำด้วยเงินนี่นา

มาเลยครับ ยินดี เป็นปกผ้าไหมสีเหลือง หาใช่ดาดหุ้มด้วยเงินไม่ แต่ล้ำค่าไม่แพ้กัน
บันทึกการเข้า
Wandee
หนุมาน
********
ตอบ: 4006


ความคิดเห็นที่ 18  เมื่อ 29 มิ.ย. 12, 05:31



        "ส่วนวันหยุดเรียนเสาร์-อาทิตย์   พวกเด็ก ๆ จะไปคอยเฝ้ากันที่หน้าห้องพระบรรทมในตอนเช้าเพิ่มขึ้นอีกช่วงหนึ่ง

หลังจากที่สมเด็จพระบรมราชินีแต่งพระองค์เสร็จและเสด็จออกแล้ว      เด็ก ๆ ก็กรูกันเข้าไปถามโน่นถามนี่   ซึ่งจะทรงอธิบายได้เป็นความรู้   

บางครั้งก็ทรงเล่านิทานพระราชทาน         โดยเฉพาะหนึ่งทุ่มของวันเสาร์จะโปรดเกล้าฯ ให้ฉายหนัง       โดยทั้งสองพระองค์ประทับบนโซฟา

มีเด็ก ๆ นั่งดูอยู่โดยรอบ       มีอาหารใส่ถาดเสริฟเป็นชุด   ตกดึกมีไอสครีมโซดา    เด็กคนไหนหลับ    ก็จะถูกแย่งกินเสียหมด"


        "ความที่ผมเป็นเด็กบ้านนอก   ได้พบเห็นสิ่งต่าง ๆ มามากกว่าเพื่อน ๆ ที่อยู่ในวัง   อีกทั้งนิสัยส่วนตัวของผมที่ออกจะชอบแสดงและพูดจาให้คนอื่นหัวร่อ

คิดหาอะไรแปลก ๆ มาเล่าให้ฟัง   พวกเพื่อน ๆ เลยชอบฟังและรู้สึกสนุก   ผมเลยค่อย ๆ เป็นหัวโจกของกลุ่มไปโดยปริยาย    อย่างเช่นตอนนั้นพระเจ้าอยู่หัว

ทรงมีพระราชดำริให้ขุดสระน้ำ  เพิ่งเสร็จใหม่ ๆ   เทซีเมนต์แล้วยังไม่ปูกระเบื้อง  ไม่มีเครื่องอะไรพร้อม       ผมก็นำเด็ก ๆแก้ผ้าแล้วกระโดดตูมลงไป   

เมื่อทรงทราบก็มีรับสั่งว่าอย่าเพิ่งเล่น  เพราะมีผู้หญิงข้าหลวงอยู่    เลยทรงสั่งกางเกงอาบน้ำมาให้        เมื่อปูกระเบื้องแล้ว  มีเครื่องกระโดดพร้อม

ผมก็กระโดดพุ่งหลาวลงไปให้เด็ก ๆ ดู   ปรากฎว่าใบหน้าไปกระแทกโดนก้นสระเป็นรูแผลคล้ายรูกุญแจ  มีเลือดออก    พระองค์จิรศักดิ์์์์์์ฯ ก็ไปกราบทูลพระเจ้าอยู่หัวว่า

จมูกผมมีรูกุญแจ"
บันทึกการเข้า
Wandee
หนุมาน
********
ตอบ: 4006


ความคิดเห็นที่ 19  เมื่อ 29 มิ.ย. 12, 06:16



        "ด้วยความเป็นหัวโจกของผมก็ก่อเรื่องขึ้นจนได้คือ  วันหนึ่ง  พระองค์จิรศักดิ์ ต้องเสด็จไปตัดพระเกศาที่ร้านแถวแพ่งนราฯ

ย่านเสาชิงช้า   ท่านทรงมีรถของทูลกระหม่อมพ่อ(สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยาภาณุพันธุฯ)ซึ่งเป็นรถตอนเดียว  ทรงนั่งไปกับพระพี่เลี้ยง

ส่วนพวกเรานั่งรถยนต์หลวง(ร.ย.ล.) ซึ่งเป็นรถฟอร์ดแบบรถขนหมู          ระหว่างนั่งรถยนต์ขนหมูนั้น   พวกเราโหวกเหวกสนุกสนานกันไป

มีแต่พระองค์จิรศักดิ์ ฯ ที่ต้องทรงนั่งอย่างโก้อยู่องค์เดียว    ขากลับจึงขอมาด้วยเพื่อจะได้เฮฮากับเพื่อน ๆ

         บังเอิญวันนั้นมีอันจะต้องเกิดเหตุขึ้น  คือ  ตามกิจวัตรแล้วพระองค์จิรศักดิ์ฯ จะต้องเข้าไปเฝ้าพระเจ้าอยู่หัวก่อนพวกเรา   หลังจากที่สมเด็จพระราชินี

เสด็จฯ ออกจากห้องพระบรรทมแล้ว  เพราะมีพระฐานะเป็นพระราชโอรสบุญธรรม   จึงมีสิทธิพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ๆ ที่ต้องรอให้มหาดเล็กออกมาเรียกถึง

จะเข้าไปได้           ซึ่งระหว่างนั้นถ้าทรงมีเวลาก็จะประทับเก้าอี้นวมแล้วทรงเล่านิทานพระราชทาน         หากมีคนมาคอยเฝ้าก็จะทรงแต่งพระองค์  หวีพระเกศา

พวกเด็ก ๆ ก็นั่งดูกันไป         พอเสด็จฯ ออกที่ห้องติดกับห้องบรรทมอีกด้านหนึ่งคนละห้องกับห้องที่เราไปเฝ้า    ซึ่งเป็นที่ประทับส่วนพระองค์มีพระเก้าอี้ยาว

ไว้ทรงเอนพระวรกายได้    เวลาไม่มีแขกผู้ใหญ่มา   พวกเราก็พากันไปนอนพังพาบ  นอนคว่ำ  นอนหงาย  อ่านหนังสือกัน   พอมีผู้ใหญ่เข้ามาก็ลุกขึ้นนั่ง

พับเพียบเรียบร้อย


        แต่วันเกิดเหตุนั้น   รถที่ประทับของพระองค์จิรศักดิ์ฯ กลับมาถึงก่อน   รถ ร.ย.ล.ยังมาไม่ถึง    กลายเป็นว่าสมเด็จพระบรมราชินีเสด็จฯออกนานแล้ว   

ท่านยังไม่ได้เข้าไปเฝ้าพร้อมพวกเรา     พระเจ้าอยู่หัวก็รับสั่งถามว่า  ทำไมช้าและมาพร้อมกันหมด         ท่านก็กราบทูลว่าอาศัยรถขนหมูมา   ได้เฮกันสนุกสนาน   

พระองค์ท่านทรงฟังแล้วก็ทรงชี้มาทางผมพร้อมกับมีรับสั่งว่า

      "แกเชียวเป็นหัวโจกใช่ไหม"          ผมตกใจมากถึงกับผายลมปรู้ด   คล้ายกับว่ามีความผิดอย่างมาก    ทั้งๆที่ทีแรกรู้สึกว่าเป็นเรื่องโก้ที่เป็นหัวโจก     

กลายเป็นว่าถูกกริ้วในฐานะที่ทำให้เพื่อนฝูงตามเป็นฝูงแกะ      ผมบอกกับตนเองว่าเป็นคนดังไม่ค่อยดีเลย   ต้องรับผิดชอบหลายอย่าง   แต่ผมเองก็ไม่

รู้สึกว่าถูกลงโทษแต่อย่างใด   เนื่องจากพระองค์ท่านก็ไม่ได้มีรับสั่งคาดโทษอะไร"
บันทึกการเข้า
siamese
หนุมาน
********
ตอบ: 7165


หนุ่มรัตนะกับภูเขาทอง


ความคิดเห็นที่ 20  เมื่อ 29 มิ.ย. 12, 07:19

รถฟอร์ดแบบรถขนหมู น่าจะเป็นรุ่นนี้ เพราะรุ่นนี้ทำให้มีกระบะท้ายบรรทุกของได้


บันทึกการเข้า
piyasann
พาลี
****
ตอบ: 379


ความคิดเห็นที่ 21  เมื่อ 29 มิ.ย. 12, 08:13



        "ด้วยความเป็นหัวโจกของผมก็ก่อเรื่องขึ้นจนได้คือ  วันหนึ่ง  พระองค์จิรศักดิ์ ต้องเสด็จไปตัดพระเกศาที่ร้านแถวแพ่งนราฯ

ย่านเสาชิงช้า   ท่านทรงมีรถของทูลกระหม่อมพ่อ(สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยาภาณุพันธุฯ)ซึ่งเป็นรถตอนเดียว  ทรงนั่งไปกับพระพี่เลี้ยง

ส่วนพวกเรานั่งรถยนต์หลวง(ร.ย.ล.) ซึ่งเป็นรถฟอร์ดแบบรถขนหมู          ระหว่างนั่งรถยนต์ขนหมูนั้น   พวกเราโหวกเหวกสนุกสนานกันไป

มีแต่พระองค์จิรศักดิ์ ฯ ที่ต้องทรงนั่งอย่างโก้อยู่องค์เดียว    ขากลับจึงขอมาด้วยเพื่อจะได้เฮฮากับเพื่อน ๆ

       


ถึงจะเป็นเจ้า แต่ก็ทรงเป็นเด็ก อดสนุกไม่ได้ อ่านไป หัวเราะไป สนุก แฮ
บันทึกการเข้า
V_Mee
สุครีพ
******
ตอบ: 1436


ความคิดเห็นที่ 22  เมื่อ 29 มิ.ย. 12, 08:27

อ่านเรื่องท่านชายหวานแล้ว  ทำให้นึกถึงพระมหากรุณาธิคุณในล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๗ และสมเด็จพระบรมราชินี ที่คุณกรุ่ม  สุรนันทน์ท่านเล่าให้ฟังว่า
เมื่อท่านถวายตัวแล้ว  ทรพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ไปเรียนที่โรงเรียนวชิราวุธ
วันหนึ่งพวกเด็กๆ กำลังเล่นน้ำกันอยู่ในสระกลางโรงเรียน  กำลังดำผุดดำว่ายกันสนุกสนาน  พลันเหลือบไปเห็นล้นเกล้าฯ กับสมเด็จพระบรมราชินี
เสด็จพระราชดำเนินมาที่ริมสระ  เป็นการเสด็จฯ เป็นการส่วนพระองค์จึง  เพื่อทอดพระเนตรสถานที่ที่จะทรงถ่ายภาพยนตร์เรื่อง ชิงเมือง
คุณกรุ่มท่านเล่าว่า พอนักเรียนเห็นในหลวงกับพระราชินีเสด็จฯ ใกล้เข้ามา  พวกที่พอจะหลบทันก็หลบไป  เหลืออยู่จำนวนหนึ่งที่หลบไม่ทัน
พอเสด็จฯ ถึงริมสระ  สมเด็จพระบรมราชินีก็มีพระราชเสาวนีย์ให้พวกที่หลบไม่ทันขึ้นมาเฝ้าฯ ทรงถามชื่อเรียงตัว  แล้วโปรดให้คุณข้าหลวงจดชื่อไปทุกคน
โดนจดชื่อไปทุกคนก็หนาวๆ ร้อนๆ ไปตามกัน  อาจจะต้องรับพระราชอาญาเป็นอย่างแรง  หรือจะทรงบอกไปยังบิดามารดาหรือผู้ปกครองให้ทราบก็เป็นได้
ต่อมาอีกราวสัปดาห์หรือสองสัปดาห์ (จำไม่ได้ครับ)  ล้นเกล้าฯ กับสมเด็จพระบรมราชินีก็เสด็จฯ มาที่โรงเรียนอีกครั้ง
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นักเรียนที่ถูกจดรายชื่อไปคราวก่อนให้มาเป็นตัวแสดงในภาพยนตร์เรื่อง ชิงนาง 
และสมเด็จฯ ทรงพระมหากรุณาพระราชทานสบู่หอมให้ผู้ที่ถูกจดชื่อคนละก้อน  เลยเป็นอันพ้นทุกข์กันไปได้
บันทึกการเข้า
Wandee
หนุมาน
********
ตอบ: 4006


ความคิดเห็นที่ 23  เมื่อ 29 มิ.ย. 12, 10:30



        ว้าว....คุณกรุ่ม  สุรนันท์โผล่มากระทู้นี้ด้วย     เป็นพระเดชพระคุณของคุณวีมีอย่างยิ่ง    นักอ่านนักสะสมหนังสือเก่าทุกคนเคารพ

คุณกรุ่ม  สุรนันท์      



        คุณปิยะสารณ์คะ     ท่านชายเป็นศิลปินนะคะวาดภาพสีน้ำ  และเป็นมวยด้วย   ครูฝึกฝรั่งที่กะจะอัดพวกมาฝึกทหารที่อินเดีย

สอนวิชาป้องกันตนเอง     มองหานักเรียนไทยจะยำ   ท่านสบสายตา   เขาก็เรียกขึ้นไป            ท่านชายน่ะหมัดหนักมาตั้งแต่อยู่วชิราวุธ

ตูมเดียวครูฝึกก็ล้มทั้งยืน   ดูองค์ท่านล่ำสันเป็นแท่งสี่เหลี่ยม



        คุณณลที่นับถือ     รูปรถสวยจัง      มีผู้สนใจที่ทำงานอยู่บริษัทน้ำมัน   มาเลียบเคียงถามเรื่องหนังสือแผนที่เล่มยักษ์แล้ว

เลยกระซิบช้างไปว่าได้มาเยาวราช
บันทึกการเข้า
Wandee
หนุมาน
********
ตอบ: 4006


ความคิดเห็นที่ 24  เมื่อ 29 มิ.ย. 12, 11:36



        หม่อมเจ้าสีดาดำรวง   (สวัสดิวัฒน์)  ชุมพล    ทรงเขียนคำอาลัย ท่านชายการวิก    จักรพันธ์  ไว้ตั้งแต่ ๑๓ มีนาคม  ๒๕๓๑

ก่อนท่านจะสิ้นพระชนม์ เมื่อ ๒๕ สิงหาคม  ๒๕๓๓  ตามข้อสัญญาที่ให้ต่อกันไว้ว่าจะเขียนคำอาลัยให้กันและกัน

ม.ร.ว.  พฤทธิสาน  ชุมพลได้เก็บเอกสารไว้ ๑๔ ปี  ในโต๊ะเย็บเสื้อผ้าโบราณของท่านหญิงเพื่อไม่ให้หาย  จึงจำได้ว่าเก็บไว้ที่ใด

ขอนำมาเล่าต่อในที่นี้เพราะเป็นเวลาที่สำคัญ


        ในราว พ.ศ. ๒๕๗๐   เสด็จประพาสหัวเมืองแถบชายทะเล    ต้องทอดสมออยู่ที่เกาะพงันเพื่อรอให้น้ำขึ้น  แล้วเรือจึงจะผ่านสันดอนเข้ากรุงเทพได้

ท่านชายการวิกตอนนั้นอายุ ๙ - ๑๐ ขวบ  รูปร่างแข็งแรง  และใหญ่โตล่ำสันกว่าอายุจริง    มีสมองมากด้วยและเป็นในทางดี  เช่นปกป้องเด็กที่อ่อนแอ 

และคอยไกล่เกลี่ยมืให้เขาทะเลาะกันเป็นต้น           พวกเราเด็ก ๆ รักและเกรงใจท่านหวานมาก   ทุกเรื่องและเกือบทุกเรื่องที่ท่านหวานตัดสินว่า  เราควรทำ   

เราก็เชื่อท่านหวานเสมอ   เพราะความเกรงใจในความดีของเขา   หรืออาจจะเป็นด้วยความเกรงกลัวหมัดอันหนักของเขาก็ได้ (แต่เขาไม่ได้ใช้มันกับพวกเราบ่อยนัก)


        พระเจ้าอยู่หัวได้ทรงปีนขึ้นไปยังต้นน้ำตกหน้าทอนอันไหลแรงและสูงชันมาก   พร้อมด้วยข้าราชบริพารฝ่ายหน้า          เหตุเกิดที่ธารน้ำตกใกล้ต้นน้ำนี้

ซึ่งพื้นหินที่มีตะไคร่น้ำจับ  ลื่นมาก        ทรงพระราชดำเนินไปประทับลงบนหินที่ลื่นมาก   แล้วน้ำก็พัดพระองค์ให้ค่อย ๆเลื่อนลงไปจะตกลงไปยังเบื้องล่าง

กรมหมื่นอนุวัตน์จาตุรนต์   เห็นว่าเหตุการณ์ดังนี้จะเป็นอันตรายได้              จึงพุ่งองค์ลงไปขวางพระเจ้าอยู่หัวไว้    แต่ก็ไม่สามารถที่จะช่วยพาพระเจ้าอยู่หัวขึ้นมาจากจุดนั้นได้

ท่านหวานซึ่งวิ่งเล่นอยู่แถวนั้นเห็นเข้า    จึงปีนขึ้นไปฉุดพระองค์พระเจ้าอยู่หัวขึ้นมาได้               แต่พอถึงคราวจะช่วยเสด็จในกรม   ท่านได้ถูกน้ำพัดพาไปไกลเสียแล้ว

ไม่สามารถจะยื่นมือให้เสด็จในกรมจับได้เพื่อพาองค์ลงมา                เสด็จในกรมจึงทรงตะโกนบอกท่านหวานให้  "ส่งตีนมา"             ท่านหวานก็กระทำตาม

จึงดึงเสด็จอาว์ขึ้นมาจากกระแสน้ำได้อีกองค์หนึ่ง       นี่เป็นวีรกรรมใหญ่ของไอ้เก่ง     ซึ่งขณะนั้นมีอายุ ๑๐ ขวบเท่านั้น   
           

เรื่องนี้เป็นที่โจษขานกันมาก          แม้แต่ผู้ที่ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ก็พลอยรู้เรื่องโดยละเอียดไปด้วย         พวกเราเด็ก ๆ ก็รู้สึกภูมิใจในท่านหวาน  และนับถือเขามากขึ้น




"ไอ้เก่ง"   นั้นเป็นชื่อพระเอกหนังส่วนพระองค์ของพระเจ้าอยู่หัว เป็นเด็กที่คอยคุ้มครองน้อง ๆ   เล่นโดยเด็ก ๆ ๕ คนและผู้ใหญ่ ๒ คน   ท่านชายการวิกแสดงนำ



อธิบายความ
ชื่อ "หวาน"   นั้นเป็นชื่อลำลอง   พี่ชายของท่าน(วราธิวัตร) ตอนเล็กๆ  ตัวขาวอ้วนกลมเหมือนซาลาเปา   ซึ่งปกติซาลาเปาก็มีทั้งไส้เค็มและหวาน     เขาก็เรียกกันว่า  "ท่านเปา"

พอท่านการวิกประสูติมาตัวกลม  ก็กลายเป็น " ซาลาเปาไส้หวาน"        แต่ท่านเปา  ไม่มีคำว่าไส้เค็มมาแต่ต้น        ท่านการวิกก็เลยกลายเป็น "หวาน"  ด้วยเหตุนี้
บันทึกการเข้า
Wandee
หนุมาน
********
ตอบ: 4006


ความคิดเห็นที่ 25  เมื่อ 30 มิ.ย. 12, 11:00


        "หลังจากนั้นไม่นาน  ก็โปรดเกล้าฯ ให้ผมไปเรียนที่โรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัย  ซึ่งผมเข้าใจว่าอาจเป็นวิธีการที่พระองค์ท่านจะทรงใช้ควบคุมเด็ก

ไม่ให้เหลิงวุ่นวายจนเกินไป    และไม่ให้เด็กตามหัวหน้าคนใดคนหนึ่งอย่างไม่ลืมหูลืมตา  จนขาดความเชื่อมั่นเป็นตัวของตัวเอง   จึงต้องแยกตัว

'หัวหน้า' ออกจากกลุ่มเสีย    และเป็นการใช้ 'ไม้นวม'  ที่จะลงโทษผมก็ได้

        การเรียนที่วชิราวุธนั้นเป็นโรงเรียนประจำกินนอน   ผมได้กลับเข้ามาในวังก็ช่วงวันหยุด เสาร์-อาทิตย์   และไม่รู้สึกขื่นขมแต่อย่างใด   เพียงแต่รู้สึก

ขาดทุนเล็กน้อยที่อดฟังนิทานพระราชทานจากพระโอษฐ์ของพระองค์ท่าน  ในตอนค่ำของวันธรรมดา


        ผมได้เป็นนักมวยอย่างบังเอิญด้วย   วันหนึ่งครูบอกว่าจะสอนวิธีการชกมวยให้รู้ไว้เพื่อป้องกันถูกรังแก        และครูมีลูกศิษย์คนหนึ่งตัวผอมกระหร่อง  หัวโต  

เขาเดินเข้ามาใส่นวมเรียบร้อย     คงเป็นเด็กที่ครูหัดไว้แล้ว   ครูก็มองหานักเรียนที่อยู่ตรงหน้าที่จะมาเป็นคู่ซ้อม   และสายตาของครูก็มาหยุดที่ผม  พร้อมกับบอกว่า

        
        "รูปร่างท่าทางใหญ่แข็งแรงดี   คงจะได้"      แล้วสั่งให้คนเอานวมมา         ความเป็นเด็กบ้านนอกผมจึงไม่เคยเห็นนวมมาก่อน  เห็นแต่ไกล ๆ นึกว่าลูกมะพร้าว

เขาก็เอานวมมาใส่ให้      ครูบอกว่าต้องต่อยกัน  เสร็จแล้วห้ามถือโทษโกรธกัน  เพราะนี่เป็นการกีฬา   แต่ประสบการณ์ชกมวยนั้น  ผมเคยเห็นแต่เด็กวัดเขาชกกันเหมือนควายขวิด

ซึ่งผมคิดว่าเป็นแบบฉบับที่สมบูรณ์แล้ว

         พอครูบอกเริ่ม   เขาก็ก้มหน้าก้มตาเข้ามา ตุ้บ   ตุ้บ   ตุ้บ   ผมไม่กล้าเงยหน้าเลย  กลัวเจ็บ

แต่ก็เห็นหนังลูกกลม ๆ ลอยมาทุบ ตุ้บ       โอ๊ยเสียงในหูดังวี๊ด  วี๊ด    แล้วเขาก็เต้นโยกตัวมองหาไม่เห็นเลย   มีแต่เสียงลมวืด  วืด

ผมจะต่อยก็ไม่โดน  เป็นแบบควายขวิดทุกที             แล้วก็นึกได้ว่าก่อนอื่นต้องหาว่าเท้าเขาอยู่ไหน  ตัวเขาถึงจะอยู่ตรงนั้น

พอผมจับจังหวะเท่าของเขาได้   ผมก็ชกพั่บเข้าไป   ไม่ทราบถูกตรงไหน   แต่เขาล้มโครม          ครูบอกพอ ๆ ให้จับมือกัน

ตังแต่นั้นผมได้ยินครูว่า

        "ตานี่หมัดหนัก  น่าจะพัฒนา"    แต่หลังจากนั้น  ผมก็ไม่มีโอกาสได้ต่อยมวยอีกเลย   จนได้ไปแสดงฝีหมัดอีกครั้งหนึ่งยังต่างเมือง"
บันทึกการเข้า
Wandee
หนุมาน
********
ตอบ: 4006


ความคิดเห็นที่ 26  เมื่อ 30 มิ.ย. 12, 11:17



        "ผมเรียนอยู่ที่วชิราวุธราว ๑ ปี   ผลการสอบออกมาได้ที่ ๓    ครูบอกว่าเรียนเก่งเหมือนกับหมัดหนัก

และต้องพยายามรักษาสองเรื่องนี้ต่อไปให้ได้         ต่อมาก็โปรดเกล้าให้ผมกลับมาเรียนที่โรงเรียนราชกุมารได้

วันที่กลับมาก็มีรับสั่งให้เข้าเฝ้าฯ   ซึ่งผมรู้สึกใจเต้นและกลัวว่าจะกริ้วอะไรอีกหรือเปล่า    แต่แล้วกลับยื่นพระหัตถ์พระราชทาน

เสมาพระปรมาภิไทยย่อ ป.ป.ร. แก่ผม        เป็นเครื่องหมายว่าพระราชทานอภัยโทษในการ 'เนรเทศ' ไปอยู่โรงเรียนวชิราวุธ

ผมก็ไม่สร้างพฤติกรรมเป็นหัวโจกอีก   และปรากฎว่าผลการเรียนกลับดีขึ้น  ถึงกลับสอบได้ที่ ๑ ทุกวิชา   เป็นปีที่ผมคิดว่าผมฉลาดและเรียนเก่งที่สุดอยู่ปีหนึ่ง"
บันทึกการเข้า
Wandee
หนุมาน
********
ตอบ: 4006


ความคิดเห็นที่ 27  เมื่อ 01 ก.ค. 12, 06:55



         "ในพระราชพิธีสวนสนามเมื่อราว พ.ศ. ๒๔๗๒  ทูตทหารฝรั่งเศสได้กราบบังคมทูลว่า  ขณะนี้ไม่มี

นักเรียนไทยไปเป็นนักเรียนนายร้อยฝรั่งเศสเหมือนแต่ก่อน   พระองค์ท่านจึงรับสั่งว่า  แล้วจะหาให้ไปสักคนหนึ่ง

หลังจากนั้นก็โปรดเกล้าฯ ให้พระยาบรมบาทย์บำรุงมาสอนภาษาฝรั่งเศสที่โรงเรียนราชกุมาร      ไม่นานผมก็ต้อง

เตรียมตัวเดินทางอย่างเร็ว     พระเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้คุณสอาด  มีชูธนพาผมไปทำหนังสือเดินทางที่กระทรวงต่างประเทศ

และไปตัดเสื้อผ้าสำหรับใส่ที่ห้าง S.T. Dost ของชาวเยอรมัน  อยู่แถวสี่กั๊กพระยาศรี  ตรงบริเวณเจริญกรุงตัดกับถนนบำรุงเมือง

จำได้ว่าตัดเสื้อเชิ้ตกับกางเกงขาสั้น ๒ ชุด         เป็นผ้าสักหลาดสีเทาแก่  มีเน็คไทและถุงเท้าด้วย


         ผมเข้าไปกราบบังคมทูลลาพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระราชินีในคืนก่อนวันเดินทาง   พระเจ้าอยู่หัวมีรับสั่งว่า

        "ให้ไปเรียนนะ  ไม่ใช่ไปเที่ยว   ตั้งใจเรียนให้ดี   ฉันอยากเห็นแกเป็นนายพลก่อนฉันตาย  อย่าเผลอไปก็แล้วกัน"


วันเดินทางคือตอนเช้าของวันที่ ๘ พฤศจิกายน  พ.ศ. ๒๔๗๒    ขึ้นรถไฟที่หัวลำโพง          การเดินทางไปเมืองนอกแต่ก่อนเป็นเรื่องใหญ่มาก

พ่อแม่พี่น้องและญาติผู้ใหญ่ต้องมาส่งกันคับคั่ง      เด็จพ่อ  แม่  แลัยายก็มาส่งพร้อมพี่น้องหลายองค์        ตอนแรกผมคิดว่ายายจะร้องไห้แน่

แต่ไม่เป็นเช่นนั้น        ยายให้พรน่ารักตามประสาว่า

        "ท่านชายของยายต้องไปเรียนให้เก่งเหมือนทวี(ลูกของป้าคนหนึ่ง)  แต่ต้อง 'ไล่'  ให้ได้ที่ ๓ นะ"  (ยายหมายความถึงสอบไล่)

        "ทำไมต้องได้ที่ ๓ ด้วยล่ะยาย"

        "ไม่ได้หรอก   ที่หนึ่ง ต้องเป็นของพระองค์ชาย  ( พระองค์เจ้าจุมภฎบริพัตร )        ที่สองต้องเป็นของท่านกาติ๊บ ( หม่อมเจ้าคัสตาวัส  จักรพันธุ์​) 

ยายได้ข่าวท่านเรียนเก่งมาก     อย่าบังอาจไปแข่งกับท่านนะ"

       
        ความจริงทั้งพระองค์เจ้าจุมภฎบริพัตร  และ  พี่คัสตาวัส  กำลังศึกษาอยู่ประเทศอังกฤษ          แต่ความเข้าใจของยายคือ 

เมืองนอกทั้งหมดเป็นประเทศเดียวกัน  และเรียนอยู่โรงเรียนเดียวกัน"


(ต่อมาท่านชายการวิกได้ไปเรียนหนังสือที่ Lycee Perier  ประเทศฝรั่งเศส ระหว่าง พ.ศ. ๒๔๗๓ - ๒๔๗๘
พ.ศ. ๒๔๗๔ - ๒๔๘๔   ถวายการรับใช้พระบทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณีฯ ประเทศอังกฤษ
พ.ศ. ๒๔๘๔ - ๒๔๘๘  เป็นเสรีไทยสายอังกฤษ
พ.ศ. ๒๔๘๙ - ๒๔๙๑  เสด็จกลับไปถวายการรับใช้สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี ฯ ณ ประเทศอังกฤษ
พ.ศ. ๒๔๙๑             เสด็จกลับประเทศไทย)

บันทึกการเข้า
lantum
อสุรผัด
*
ตอบ: 13


ความคิดเห็นที่ 28  เมื่อ 02 ส.ค. 12, 03:41

อ่านเพลินและสนุกมากคะ ชอบๆๆคะ
บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 29  เมื่อ 02 ส.ค. 12, 06:27

นั่นน่ะสิครับ

ถ้าคุณlantumไม่ดึงกระทู้นี้ขึ้นมาผมคงลืมว่าได้ติดตามอ่านอยู่
นึกว่าจบไปแล้ว

น่าจะยังมีต่อนะครับ
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 [2] 3 4
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.099 วินาที กับ 20 คำสั่ง