เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 21 22 [23]
  พิมพ์  
อ่าน: 131496 กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12600



ความคิดเห็นที่ 330  เมื่อ 02 ก.ค. 22, 15:35

ความจริงปรากฏว่าป้ายชื่อ "สะพานท่าราบ" เป็นเพียงป้ายอะคริลิก นำมาติดกาวปิดทับป้ายชื่อเดิม ผู้อำนวยการสำนักการโยธา กรุงเทพมหานคร สั่งให้รื้อทิ้ง โดยใช้ค้อนและชะแลงงัดแงะออกมา ทำให้ป้ายเดิมได้รับความเสียหาย เศษปูนหลุดลอกตามป้ายออกมาเป็นจุด ๆ และได้แจ้งความให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการต่อไป

จะสามารถหาชื่อผู้สั่งงานปฏิบัติการนี้ได้ไหมหนอ ⁉️


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 331  เมื่อ 02 ก.ค. 22, 15:36

อ้าว พลิกล็อค
ปฏิบัติการลบเลือนน่าจะมี   แต่เป้าหมายไม่ใช่ประวัติศาสตร์คณะราษฏรซะแล้ว


ฮือฮา! เปลี่ยนชื่อสะพานพิบูลสงคราม เป็นสะพานท่าราบ กทม.โวยมือดีกลั่นแกล้ง

โลกโซเชียลฯ ฮือฮา เปลี่ยนชื่อสะพานข้ามคลองบางซื่อ จากเดิม "สะพานพิบูลสงคราม" เป็น "สะพานท่าราบ" ด้าน สำนักการโยธา กทม. ระบุเป็นการกลั่นแกล้ง สั่งรื้อออกและแจ้งความแล้ว

วันนี้ (2 ก.ค.) ในโลกโซเชียลฯ วิจารณ์กรณีที่มีการเปลี่ยนชื่อสะพานข้ามคลองบางซื่อ บนถนนประชาราษฎร์ สาย 1 แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กรุงเทพฯ ซึ่งรับผิดชอบโดยสำนักการโยธา กรุงเทพมหานคร จากเดิมมีชื่อว่า "สะพานพิบูลสงคราม" ระบุเลข พ.ศ. 2514 เป็น "สะพานท่าราบ" พร้อมระบุเลข พ.ศ. 2565

อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า นายไทวุฒิ ขันแก้ว ผู้อำนวยการสำนักการโยธา กรุงเทพมหานคร ตรวจสอบพบว่าเป็นป้ายอะคริลิกข้อความ สะพานท่าราบ มาติดทับชื่อสะพานพิบูลสงคราม ซึ่งเป็นชื่อเดิม เชื่อว่าเป็นการกลั่นแกล้ง จึงได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ ศูนย์ก่อสร้างและบูรณะ ไปแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.บางโพ รวมทั้งรื้อป้ายดังกล่าวออกเรียบร้อยแล้ว

อ่านรายละเอียดได้ที่
https://mgronline.com/onlinesection/detail/9650000062930


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 332  เมื่อ 03 ก.ค. 22, 08:58

จาก FB ของคุณ  Nitipat Bhandhumachinda

เหตุการณ์เมื่อวานที่มีคนมือบอนเอาป้ายปลอมไปปิดทับป้ายจริงชื่อสะพาน จนมีคนออกมาโวยวายดิ้นกันว่า เป็นการ"ทำลายประวัติศาสตร์"นั้น
จริงๆแล้วชื่อสะพานพิบูลสงครามเอง ก็ไม่ได้มีประวัติศาสตร์อะไร นอกจากตั้งชื่อนี้เพราะ เป็นสะพานที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ ที่ทำงานเก่าของท่านจอมพลฯ คือกองพลทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน
ส่วนความพยายามที่จะนำนามสกุล ท่าราบ ของท่านพระยาศรีสิทธิสงคราม หรือ ดิ่น ท่าราบ มาโยงว่า เป็นกบฏฝ่ายขวาต่อต้าน รัฐบาลของกลุ่ม คณะราษฎร เพื่อจะลากต่อไปว่า เป็นการพยายามบิดเบือนประวัติศาสตร์ ของฝ่ายรักสถาบันนั้น
นอกจากจะปลอมมากแล้ว ยังเป็นการกระทำของคนที่สักแต่จะอ้างชื่อคนในประวัติศาสตร์ โดยมิได้ศึกษาหาความรู้ใดๆในหน้าประวัติศาสตร์เลย
พระยาศรีสิทธิสงคราม หรือท่านดิ่น ท่าราบนั้น จริงๆแล้วเป็นสหายสนิทของ พระยาพหลพลพยุหเสนา  และพระยาทรงสุรเดช เพราะไปศึกษาวิชาทหารที่เยอรมันนีด้วยกัน และตัวท่านเองนั้น ก็เป็นหนึ่งในคนรุ่นใหม่ที่มีมุมมองว่า ระบอบการปกครองแบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์นั้นล้าสมัย และต้องหาแนวทางสันติที่จะเปลี่ยนแปลงให้เป็นระบอบประชาธิปไตย
ครั้นมีการวางแผนจะปฏิวัติล้มล้างระบบการปกครองนั้น ก็มีการทาบทามท่านดิ่น โดยคนของคณะราษฎรอยู่หลายครั้ง จนมีการตกปากรับคำแล้วด้วย แต่มาถอนตัวเมื่อทราบว่า สหายสนิทของท่านทั้งสองนายนั้น เป็นผู้นำการปฏิวัติ
แต่ทั้งนี้ ท่านก็ไมไ่ด้ต่อต้านการปฏิวัติอะไรใดๆ และแม้จะทราบข้อมูลรายละเอียดในการจะปฏิวัติ ก็ไม่ได้นำความลับไปบอกกล่าวกับใครที่ไหน
และวันที่ทำการปฏิวัติกันนั้น ท่านก็นั่งฟังรายงานข่าวอยู่ที่เรือนท่านพระยาทรงฯ สหายของท่านนั่นเอง
หลังจากมีการปฏิวัติสำเร็จแล้ว อาชีพการงานของท่านก็เจอมรสุมจากความขัดแย้งกันของบุคลากรในคณะราษฎร ที่เมื่อมีอำนาจแล้วก็แย่งชิงกันจนแตกแยกเป็นก๊ก เป็นขั้ว จนเมื่อเกิดความไม่พอใจมากๆ ท่านก็ไปเข้าร่วมกับคณะของ พลเอก พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบวรเดช ก่อการรัฐประหาร ที่ไม่สำเร็จ และจบด้วยการเสียชีวิตของท่านเอง ในเหตุการณ์ที่เรียกกันในปัจจุบันนี้ว่า "กบฏบวรเดช"
 ส่วนท่านบวรเดช ผู้นำก่อการกบฏ นั้น จริงๆก็ไมไ่ด้เป็นขวาจัดเทิดทูนสถาบันฯ เพราะแท้จริงแล้วก็แสดงท่าทีต่อต้าน ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่หก และก็เคยได้รับการเชิญชวนให้เข้าร่วมคณะราษฎร และได้พูดคุยเสนอแนะให้กับคณะราษฎรมาก่อนการปฏิวัติด้วยเช่นกัน
แต่เมื่อปฏิวัติสำเร็จ และตัวท่านบวรเดช ที่แม้จะไม่ได้ถูกควบคุมตัวเหมือนเชื่อพระวงศ์พระองค์อื่นๆ แต่ก็ถูกคัดค้าน จนไม่ได้รับตำแหน่งใดๆทางการเมือง อีกทั้ง ยังถูกเฝ้าระวังจากกลุ่มคณะราษฎร ด้วยความระแวงในอิทธิพลของท่านในกองทัพ จึงนำไปสู่ความอัดอั้นจน นำมาสู่การพยายามจะทำรัฐประหารในที่สุด
สรุปง่ายๆว่า ทั้งท่านบวรเดช และท่านดิ่น ท่าราบนั้น แม้จะก่อกบฏต่อต้านรัฐบาลของคณะราษฎร แต่ก็ไม่ได้ เกิดจากความต้องการจะฟื้นฟูระบอบสถาบันฯโดยตรง
แต่มาจาก ความขัดแย้งแย่งชิงอำนาจและการระแวงกัน ของบุคลากรในคณะราษฎรนั้นเอง เป็นมูลเหตุหลัก
ในยุคสมัยที่ บุคลากรหลายท่าน ในหน้าประวัติศาสตร์ ต่างใช้ชีวิตอยู่กลางความขัดแย้ง แบบ ชีวิตสีเทาๆ แต่คนยุคใหม่ ที่ได้รับข้อมูลเพียงครึ่งกลางๆ แต่พยายามยัดเยียด ให้บุคคลเหล่านั้น ไม่เป็น สีขาว ก็เป็น สีดำ เพื่อจะหยิบยกขึ้นมา สร้างความขัดแย้งกันเองอย่างนี้
จึงไม่ใช่แนวทางที่ฉลาด ถูกต้อง หรือเป็นธรรมอะไรใดๆ อีกทั้งเป็นการเพิ่มความขัดแย้งอย่างไร้ประโยชน์ใดๆต่อสังคมไทยในปัจจุบันนะครับ
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12600



ความคิดเห็นที่ 333  เมื่อ 03 ก.ค. 22, 17:35

จะสามารถหาชื่อผู้สั่งงานปฏิบัติการนี้ได้ไหมหนอ ⁉️

ทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนที่รับผิดชอบได้ไล่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณดังกล่าวจนทราบว่า ช่วงเวลาเกิดเหตุอยู่ระหว่างคืนวันที่ ๓๐ มิถุนายน ต่อเนื่องวันที่ ๑ กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยมี ชาย ๒ คน ผมสั้นเตียน ใส่หน้ากากอนามัยปิดบังใบหน้า สวมเสื้อคลุมแขนยาว ขับรถกระบะสีเลือดหมู มุ่งหน้ามาจากถนนสามเสน ผ่านแยกเกียกกายมาบริเวณดังกล่าว ก่อนนำป้าย ๔ แผ่นติดบริเวณดังกล่าว โดยใช้เวลาประมาณ ๑๗ นาที เนื่องจากออกไปช่วงเวลาประมาณ ๐๐.๒๒ น.

ก่อนที่จะออกจากบริเวณดังกล่าวได้ใช้เส้นทางกลับรถไปยังถนนสามเสน ตรงมาเลี้ยวซ้ายแยกบางกระบือ ก่อนวนอยู่บริเวณดังกล่าว จนกระทั่งตรวจสอบพบว่าใช้เส้นทางถนนสวรรคโลกแล้วหายไปจากบริเวณดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ยังมีการตั้งข้อสังเกตด้วยว่า ป้ายดังกล่าวมีการจัดทำมาค่อนข้างดี เนื่องจากขนาดพอดีกับป้ายชื่อสะพาน เหมือนมีการวัดขนาดมาเป็นอย่างดี และตั้งใจจะให้ติดอยู่บริเวณสะพานดังกล่าวแบบถาวรโดยใช้กาวร้อนติดทับ

จาก ข่าวสด

ได้ข้อมูลผู้ปฏิบัติงานแล้ว แต่จะสาวถึงผู้สั่งการคงยาก ‼️
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 334  เมื่อ 03 ก.ค. 22, 18:25

น่าตีผู้สั่งการสัก ๒-๓ ผัวะ   
อุตส่าห์วางแผนให้ลูกน้องสวมเสื้อมิดชิด สวมหน้ากากอนามัยปิดบังใบหน้า   แต่ไม่ยอมให้สวมหมวกแก๊ป  ปล่อยทรงผมที่ไม่เหมือนชาวบ้านได้โชว์ในกล้องวงจรปิดกันเต็มตา
เท่านั้นยังไม่พอ  ยังเลือกสีรถกระบะที่ไปซ้ำกับสีหน่วยงานราชการแห่งหนึ่งด้วย
เพื่อชี้เป้าให้เห็นทั่วกันว่า..นั่นไง ฝีมือพวกตัดผมสั้นแน่ๆ  หลักฐานเห็นชัดๆ    ถ้าเป็นก๊วนกวนเมืองยังไงก็ต้องผมยาว ผมรองทรง  ไม่มีวันตัดผมทรงนี้ได้หรอก 
อีกอย่าง ก๊วนอื่นไม่มีวันหารถกระบะธรรมดาๆมาใช้  ต้องใช้กระบะสีนี้แหละ 
บันทึกการเข้า
ทิพยุทธ
อสุรผัด
*
ตอบ: 28


ความคิดเห็นที่ 335  เมื่อ 09 ก.ค. 23, 18:19

ทั้งหมดมาจากความขัดแย้งของสองฝ่ายระหว่างอนุรักษ์นิยมกับสังคมยุคใหม่​ ไม่ใช่แค่ที่ประเทศไทย​ แต่ทุกประเทศจะมีวัฒนธรรมการเมืองการปกครองในรูปแบบศักดินา​ แทบทุกประเทศตั้งแต่สมัยอียิปต์โบราณมาจนปัจจุบัน​ ฝ่ายนึงใช้ความยึดมั่น​ อีกฝ่ายใช้อาวุธที่ทันสมัยพร้อมด้วย​ แผนการเมืองในแบบใหม่​ มีประชาธิปไตย​ ความเท่าเทียม​ มีการเรียน​ การรักษาโรคที่ทันสมัย​ โลกในยุคใหม่นี้ที่ดูเหมือนอะไรก็น่าจะดีกว่าของเดิม​ แต่นี่คือสิ่งที่ทำให้โลกเราเกิดสงครามไม่จบสิ้น​ ทุกคนแย่งชิงโอกาสที่จะเหนือกว่าคนอื่น​ ตั้งแต่เด็กเรายกย่องคนที่สอบได้ที่หนึ่งว่าเป็นเด็กดี​ ส่วนคนที่ไม่อ่านหนังสือสอบไม่ผ่านถูกตราหน้าว่าเป็นเด็กไม่ดี​ เราถูกสอนให้แข่งขันแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกันมาตั้งแต่เราเกิด​ คนเราถึงพยายามทำทุกทางเพื่อให้เหนือกว่าคนอื่น​ แต่กลับไม่รู้ว่าสิ่งนี้แหละคือต้นเหตุแห่งกลียุคนี้​ ผู้คนทำสงครามกันฆ่ากันได้แม้กระทั่งไม่รู้จักกันมาก่อน​ เพราะโลกเราทุกวันนี้ทุกคนถูกสอนให้ไร้ความเมตตา​ ถูกสอนให้แต่เอาชนะ​ ถึงสามารถมองเห็นเด็กที่อดอยากกำลังหิวตายได้โดยไม่รู้ว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งน่าเสียดายในความได้เกิดเป็นมนุษย์เรา​ เรียนเก่งชนะคนอื่นได้เป็นหมอได้เป็นครู​ เรียนไม่เก่งก็รับราชการทำงานเอกชน​ แต่ก็ยังไม่พ้นแย่งชิงดีชิงเด่นชิงตำแหน่งกัน​ เลยพยายามทำทุกทางเพื่อให้ได้มา​ วันนี้สงครามไม่ได้เคยจบเลย​ เหมือนสเก็ดไฟที่อยู่ในกองฟาง​ รอวันประทุขึ้นมาใหม่​ เพียงแค่ครั้งนี้​ อาจเป็นครั้งที่หนักหนาที่สุดของไทยเรา​ ไม่ว่าที่ผ่านมาการเมืองไทยจะเป็นยังไงเราก็ยังสามารถรักษาความเป็นไทยมาได้จนถึงวันนี้​ บางทีก็เหมือนโชคช่วยในหลายๆสถานะการณ์ในประวัติศาสตร์​ แต่ผมเชื่อมั่นว่าโชคอย่างเดียวไม่เพียงพอให้เรามีชาติเรามาได้ถึงทุกวันนี้​ เรามีสิ่งศักสิทธิ์คู่บ้านเมือง​ และ​ สิ่งศักสิทธิ์นี้จะต้องคุ้มครองไทยให้เป็นไทยอยู่ดี​
ขออภัยที่นอกเรื่องไปหน่อยครับ​ เหตุการณ์บวรเดช​ผมก็เพิ่งมาสนใจครับ​ ทราบแค่ว่าคุณตาผมอยู่ฝ่ายนึง​ คุณแม่อยู่อีกฝ่ายนึง​ ผมยังแอบหยอกท่านเล่นๆว่าตอนพ่อแม่ผมแต่งงานกัน​ผู้ใหญ่ฝ่ายพ่อกับแม่เขาจะรู้ไหมนี่​ ว่าลุงของแม่เป็นฝ่ายยิงพ่อของน้าของพ่อ  แล้วลุงแม่ก็ต้องหนีออกไปพม่า​
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 21 22 [23]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.064 วินาที กับ 20 คำสั่ง