เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 10 11 [12] 13 14 ... 23
  พิมพ์  
อ่าน: 131195 กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 165  เมื่อ 29 มิ.ย. 12, 01:54

ย้อนกลับมาเรื่องกบฏบวรเดช
ยุทธวิธีล้อมกวาง หรืออาจเรียกได้ว่าใช้กำลังขู่ให้อีกฝ่ายยอมจำนน  น่าจะเป็นยุทธวิธีหนึ่งที่ชอบใช้กันในหมู่ทหารไทย  นอกเหนือจากจี้จับตัวประกัน    ในเมื่อพระองค์เจ้าบวรเดชทรงใช้เป็น  หลวงพิบูลก็ย่อมใช้เป็นเหมือนกัน
ต่อเมื่อขู่ไม่ได้ผลถึงจะใช้กำลังปราบปรามขั้นเด็ดขาด  

กบฎบวรเดชนี้เท่าที่อ่านจากท่านนวรัตนนำมาเล่าไว้    มีนายทหารที่ตัดสินใจทุ่มสุดตัวในสมรภูมิตั้งแต่ยกแรกไม่กี่คน   นอกจากพระยาศรีสิทธืสงคราม  ก็มีหลวงสรสิทธฯคนหนึ่งที่เห็นชัดๆ    ส่วนคนอื่นๆเหมือนกับคุมเชิงอยู่รอบนอกมากกว่าจะลงลุยเอง   สาเหตุท่านนวรัตนก็เฉลยไว้แล้วคือส่วนใหญ่แม้ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาล แต่ก็ไม่เต็มใจจะกลับไปสู่ระบอบเจ้าอีก  จึงไม่อยากจะเดินตามพระองค์เจ้าบวรเดช  เผื่อท่านรัฐประหารสำเร็จท่านก็หยิบชิ้นปลามันไป     พวกนายทหารก็อด  ทุกอย่างก็เดินกลับไปสู่สภาพก่อนปี 2475 ซึ่งทหารไม่ต้องการ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 166  เมื่อ 29 มิ.ย. 12, 02:06

บางทีพันโทหลวงพิบูลสงครามอาจจะอ่านเกมนี้ออก   จึงคิดว่าไม่ควรจะฆ่าฟันกันให้เลือดท่วมท้องช้าง   สู้ใช้สงครามจิตวิทยาผสมเข้าไปตามจังหวะดีกว่า   เกลี้ยกล่อมให้นายทหารที่ใจคอยังรวนๆเรๆ เหยียบเรือสองแคมอยู่ ให้กลับมาเหยียบแคมเรือรัฐบาล      เพราะถ้าปราบปรามรุนแรงไม่หยุดยั้ง   พวกที่รวนเรก็เลิกรวนเร หันมาสู้รัฐบาลสุดชีวิต  ทำให้ปราบยากหนักขึ้น   ดีไม่ดีรัฐบาลจะปราบไม่ไหว

จึงเห็นว่ามีหลายครั้งที่รัฐบาลใช้ไม้โอ๋  อ้าแขนยินดีต้อนรับผู้กลับใจ อย่างนายสิบนักบินที่พาเครื่องบินหนีจากฝ่ายตัวเองมาฝ่ายรัฐบาล ก็ได้รับปูนบำเหน็จเลื่อนยศ   เพื่อจูงใจให้คนอื่นๆทำกันบ้าง
แต่เมื่อกบฏบวรเดชสิ้นสุดลง   ก็ใช่ว่าผู้กลับใจหรือผู้ยอมแพ้จะได้รับการอภัยโทษอย่างที่หวัง   จากไม้อ่อน หลวงพิบูลฯเปลี่ยนมาใช้ไม้หน้าสามลงโทษฝ่ายตรงข้ามไม่เว้นหน้า  เป็นโทษที่แม้ไม่ถึงกับประหารชีวิต แต่ก็ทนทุกข์ทรมานยิ่งกว่าถูกประหารรู้แล้วรู้รอดเสียอีก

ทั้งหมดข้างบนนี้เดาเอาล้วนๆนะคะ     ห้ามอ้างอิง
บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 167  เมื่อ 29 มิ.ย. 12, 06:49

ตรงใจกับที่ผมคิดเลยครับ


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 168  เมื่อ 29 มิ.ย. 12, 06:58

^
อะฮ่า...กลับบ้านเมื่อไรจะไปซื้อลอตเตอรี่ 
คราวนี้คงถูกกะเขาบ้าง


บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 169  เมื่อ 29 มิ.ย. 12, 07:59

^
ดีใจอะไรกัน

ประชาชนน่ะ ถูกเขาหลอกวันยังค่ำ ป่านฉนี้ยังเชื่อว่า พวกกบฏบวรเดชเป็นพวกเจ้าที่ต้องการจะทำลายประชาธิปไตย แล้วเอาระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชกลับมา เพราะนักการเมืองเขาปรุงให้เชื่อเช่นนั้น

นักการเมืองที่ผมว่ามีหลายระดับ ขอยืมสำนวนแบบปกรณ์ ปิ่นเฉลียวมาใช้หน่อย คือมีระดับตีน ระดับมือ ระดับหัวใจ และระดับสมอง พวกตีนพวกมือผมไม่ต้องอธิบาย พวกหัวใจคือพวกอุดมคติ แต่พวกสมองนี่อันตราย เพราะสมองมนุษย์ถูกจิตที่มีกิเลศครอบงำ เป็นธรรมชาติทุกระดับชนชั้น  ลึกๆแล้วส่วนใหญ่ระบอบไหนๆก็บริหาร(เล่น)การเมืองเพราะคำนึงถึงประโยชน์ของฝ่ายตน โดยมีตนเป็นศูนย์กลาง การเมืองทุกระบอบจึงใช้ไม่ได้ทั้งนั้นถ้าพวกสมองนิยมเผด็จการ

หลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง เผด็จการเมื่อก่อนต้องเป็นทหาร เพราะมีอาวุธ แต่สมัยนี้เขาสามารถใช้เงินเป็นอาวุธก็ได้ เลือกตั้งทีก็ขน“กระสุน”ไปยิงแถวบ้านนอกกันเป็นวัฒนธรรม คนที่มีเงินมากก็มีอำนาจมาก เพราะกระสุนกระดาษซื้อได้แม้ทหาร

ฉะนั้น พวกที่ประชาชนกลัว ก็ควรจะเป็นพวกเผด็จการ และต้องอย่ายอมโดนเขาหลอกเป็นขี้มือขี้ตีนของเขาง่ายๆ

สยามเป็นประชาธิปไตยเพราะนักการเมืองระดับหัวใจทั้งในเครื่องแบบและสวมสูทได้เสี่ยงชีวิตนำมามอบให้ไม่ทันถึงปี เผด็จการระดับสมองก็เอาปืนมาจี้ชิงอำนาจที่ควรจะเป็นของปวงชนไป จนพวกคณะกู้บ้านกู้เมืองทนไม่ได้ ต้องการที่จะชิงอำนาจนั้น อ้างว่าเพื่อจะคืนให้ประชาชนดังเดิม สมกับที่พระราชปฏิภาณของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯที่ทรงสละพระราชอำนาจเพื่อมอบให้ประชาชน ไม่ใช่คนกลุ่มหนึ่งกลุ่มใดโดยเฉพาะ  แล้วทำตนเป็นกษัตริย์ที่ไม่สวมมงกุฏแทน แย่ยิ่งกว่าระบอบราชาธิปไตยที่เคยก่นด่าเสียอีก

เพราะพระนามของพระองค์เจ้าบวรเดชแท้ๆที่บดบังอุดมการณ์ของคณะกู้บ้านกู้เมือง นอกจากจะทำให้คนกลุ่มนี้จะพ่ายแพ้แล้ว ประชาธิปไตยยังตกเป็นเครื่องมือที่เผด็จการเอาไปอ้างใช้อีกสิบปีเศษ กว่าจะตั้งรัฐบาลประชาธิปไตยที่เป็นพลเรือนได้ แต่รากของเผด็จการที่ยังฝังอยู่ในนักการเมืองระดับตีนระดับมือ ไม่นานเผด็จการจึงกลับมาอีก ในยุคต่อๆมาจนปัจจุบัน ปวงชนชาวไทยไม่เคยได้เสพย์ประชาธิปไตยเต็มอิ่มเสียที แต่เวลาเขารบกัน ก็ออกไปถือหางกับเขาด้วย ไม่ได้รู้หรอกว่า ระดับสมองนั้น เขาไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวร บางครั้งก็ออกมาเอ๊กเซอไซด์กันนิดหน่อยพอให้รู้หมู่รู้จ่า แล้วก็เปิดทางให้หลบ ฝ่ายตรงข้ามที่เป็นระดับหัวใจนั่นแหละที่ต้องกำจัด ส่วนพวกตีนพวกมือ โยนเศษอาหารให้นิดๆหน่อยๆ เดี๋ยวมันก็แปรพักตร์ พวกขี้ตีนขี้มือนั้นเล่า จะตายก็ตายไป ถ้าโวยหนักเดี๋ยวจัดให้ก็เงียบ

ประวัติศาสตร์มันเป็นมาอย่างนี้ ปัจจุบันมันจะเป็นอย่างไร? ประชาชนต้องรู้ ต้องคิด และต้องเข้าใจ

โปรดอย่าย้อนกลับมาถามผมนะครับ ว่าประชาชนควรจะทำอย่างไรเพื่อให้ได้มาซึ่งประชาธิปไตยบริสุทธิ์ ผมไม่ได้ฉลาดถึงขนาดจะตอบท่านได้
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 170  เมื่อ 29 มิ.ย. 12, 08:45

^
ดีใจอะไรกัน

อ้าว  ท่านอาจารย์เสียงเขียวขึ้นมาหรือนี่
ที่ดีใจ ไม่ได้ดีใจเรื่องรัฐบาลพระยาพหลฯหรือพระองค์เจ้าบวรเดช  แต่ดีใจว่าได้ like เป็นคำตอบ  นึกว่าจะปล่อยไก่ออกมาทั้งฝูง ให้คุณเพ็ญชมพูช่วยกวาดต้อนไปกระทู้สัตว์ประหลาดเสียแล้วต่างหากล่ะคะ

อ้างถึง
โปรดอย่าย้อนกลับมาถามผมนะครับ ว่าประชาชนควรจะทำอย่างไรเพื่อให้ได้มาซึ่งประชาธิปไตยบริสุทธิ์ ผมไม่ได้ฉลาดถึงขนาดจะตอบท่านได้

วันหนึ่งข้างหน้า  เมื่อคุณนวรัตนกับดิฉัน และอาจจะรวมสมาชิกเรือนไทยหนุ่มๆสาวๆ อีกหลายท่านไปเกิดใหม่กันเรียบร้อยแล้ว   ไทยอาจจะมีระบอบการปกครองที่ถูกต้อง ตรงตามความประสงค์ และจริตของคนไทยทั้งชาติก็ได้ค่ะ  อย่าเพิ่งละทิ้งความหวัง

แต่ตอนนี้...ไม่มีคำตอบเหมือนกัน



บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 171  เมื่อ 29 มิ.ย. 12, 08:54

อ้างถึง
อ้างถึง
อ้างจาก: NAVARAT.C ที่ วันนี้ เวลา 07:59

^
ดีใจอะไรกัน


อ้าว  ท่านอาจารย์เสียงเขียวขึ้นมาหรือนี่
ที่ดีใจ ไม่ได้ดีใจเรื่องรัฐบาลพระยาพหลฯหรือพระองค์เจ้าบวรเดช  แต่ดีใจว่าได้ like เป็นคำตอบ  นึกว่าจะปล่อยไก่ออกมาทั้งฝูง ให้คุณเพ็ญชมพูช่วยกวาดต้อนไปกระทู้สัตว์ประหลาดเสียแล้วต่างหากล่ะ

เข้าใจอยู่ละครับ เข้าใจอยู่ ไม่ได้เสียงเขียวด้วย เสียงไม่มี



มาดูคนสมัยโน้นเขียนไว้สักแปดสิบปีแล้ว
ตัดตอนมาจาก “ชีวิตแห่งการกบฏสองครั้ง”


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 172  เมื่อ 29 มิ.ย. 12, 09:16

ชอบตอนนี้ด้วยค่ะ

"แกอาจยังไม่รู้ว่า พวกเจ้าหรือพวกขุนนาง ก็คือกษัตริย์ ซึ่งสืบเชื้อสายจากพวกพเนจร ในยุคต้นประวัติศาสตร์ พวกพเนจรนี้ ได้เข้าแย่งดินแดนของพวกกสิกร แล้วเลยทึกทักเอาว่า ตนเป็นเจ้าของแผ่นดิน และพวกกสิกรเป็นข้าทาสบริวาร ตรงไหนล่ะ เป็นความสูงของพวกกษัตริย์ ควรหรือที่เราจะนับถือฝีมือในการต่อสู้ว่าเป็นความสูง เดี๋ยวนี้ ขอให้เรานับถือกษัตริย์แห่งปรัชญา และเลิกนับถือกษัตริย์แห่งสงครามเสียที เดี๋ยวนี้ พวกกษัตริย์แห่งสงคราม ก็ยังกุมอำนาจบริหารอยู่ โดยเป็นข้าราชการตามกระทรวงต่างๆ รัฐจึงกลายเป็นองคาพยพแห่งสงคราม"


เดี๋ยวนี้ พวกกษัตริย์แห่งสงครามก็ยังกุมอำนาจบริหารอยู่    โดยเป็นข้าราชการตามกระทรวงต่างๆ รัฐจึงกลายเป็น องคาพยพแห่งสงคราม"

หลังจากที่ท่านเจ้าของบทประพันธ์เขียนมากว่า 60 ปีแล้ว ก็ยังเห็นภาพเหล่านี้อยู่


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 173  เมื่อ 29 มิ.ย. 12, 10:18

ถ้าท่านเจ้าของเรื่อง "“ชีวิตแห่งการกบฏสองครั้ง” มีชีวิตยืนยาวมาถึงปัจจุบัน  ท่านอาจจะบอกได้ว่าการเมืองปัจจุบันก็ไม่ได้ผิดแปลกไปจากสมัยของท่านกี่มากน้อย  เพียงแต่บุคคลชุดเก่าล่วงลับไป  ชุดใหม่ก็เข้ามาแทนที่  ประชาธิปไตยที่เป็นความฝันของคนหนุ่มในสมัยพ.ศ. 2475  ผ่านไป 80 ปีแล้วก็ยังเป็นแสงสว่างปลายอุโมงค์อยู่

บางที คุณชายนิมิตรมงคลอาจจะเห็นด้วยว่า สยามก็จะพัฒนาไปตามรูปแบบของตัวเอง  จนได้ระบอบการปกครองที่เหมาะสมกับตัวเองในที่สุด
อย่าลืมว่าในอาณาจักรต่างๆที่เราเคยมีมาบนดินแดนขวานทอง ร่วมพันปีแล้ว   ไม่เคยมีอาณาจักรไหนปกครองด้วยระบอบการโหวตจากคนหมู่มากเลย    เราใช้ระบบผู้นำทั้งสิ้น
การรุกรานจากเจ้าอาณานิคมในศตวรรษที่ 19 ทำให้สยามต้องขวนขวายให้ตัวเองเป็นประเทศศิวิลัยซ์ เพื่อการอยู่รอด   ส่งนักเรียนไทยไปเรียนวิทยาการต่างๆจากเจ้าอาณานิคมพวกนั้นก็เพื่อให้รู้เท่าทันเขา  ไม่ใช่ไปลอกเลียนเขา    แต่ผลกลับมาเป็นยังไงไม่ต้องพูดซ้ำดีกว่า  เดี๋ยวกระทู้นี้จะออกทะเลไปอีก
บันทึกการเข้า
werachaisubhong
องคต
*****
ตอบ: 449



เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 174  เมื่อ 29 มิ.ย. 12, 10:32

สยามเราได้มีการ ขอพระราชทานรัฐธรรมนูญจากพระมหากษัตริย์มาตั้งแต่ สมัย รัชกาลที่ 5 มาแล้วครั้งหนึ่ง ถือเป็นครั้งแรกก็ว่าได้ จุดเริ่มต้นจาก “เจ้านาย” พระองค์แรกที่ “กล้า” เสนอให้เปลี่ยนแปลงการปกครองโดยมี “ธรรมนูญ” คือ “พระองค์เจ้ากฤษฎางค์” เอกอัคราชฑูต ณ กรุงปารีส โดยในเวลาน้ันตรงกับช่วงรัชสมัยรัชกาลที่ ๕
ครั้งที่สองจึงเกิดเป็นกบฏ ร.ศ. 130 เกิดขึ้นก่อนการปฏิวัติสยาม พ.ศ. 2475 นานถึง 24 ปี โดยเกิดขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 6 เมื่อปี พ.ศ. 2455 (ร.ศ. 130) เมื่อนายทหารและปัญญาชนกลุ่มหนึ่ง วางแผนปฏิบัติการโดยหมายให้พระมหากษัตริย์ทรงพระราชทานรัฐธรรมนูญให้ และเปลี่ยนแปลงการปกครองสู่ระบอบประชาธิปไตย แต่แผนการแตกเสียก่อน จึงมีการจับกุมผู้คิดก่อการหลายคนไว้ได้ มีการพิจารณาตัดสินลงโทษให้จำคุกและประหารชีวิต แต่ท้ายที่สุดได้รับการพระราชทานอภัยโทษ ด้วยทรงเห็นว่าผู้ก่อการมิได้คิดประทุษร้ายแก่พระองค์
ครั้งที่สามคณะราษฎรกลุ่มบุคคลที่ดำเนินการการปฏิวัติสยาม พ.ศ. 2475 ยึดอำนาจจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองของประเทศสยาม จากสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ คณะราษฎรประกอบด้วยกลุ่มบุคคลผู้ต้องการให้มีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักเรียนและนักเรียนทหารที่ศึกษาและทำงานอยู่ในทวีปยุโรป ได้ทำการประชุมครั้งแรกเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2469 ณ หอพัก Rue du summerard ในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส และได้ตกลงที่จะทำการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ มาเป็นการปกครองในระบอบประชาธิปไตยที่มีกษัตริย์อยู่ใต้กฎหมาย โดยตกลงที่ใช้วิธีการ "ยึดอำนาจโดยฉับพลัน"
ผมสังเกตุดูทุกท่านและทั้งสามเหตุการณ์ที่คิดจะเปลี่ยนแปลงการปกครองในสมัยนั้นส่วนมากจะเป็นนักเรียนนอกสายประเทศฝรั่งเศสเกือบทั้งสิ้นไม่ทราบว่าสมัยนั้นเขามีการเรียนการสอนในเรื่องประชาธิปไตรกันอย่างไรพวกท่านๆทั้งหลายจึงมีแนวคิดเปลี่ยนแปลงกันแบบแรงกล้า หรือว่าร้อนวิชาที่เรียนมา
บันทึกการเข้า

ฅนเมียงแป้ มาอยู่ เจียงฮาย
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 175  เมื่อ 29 มิ.ย. 12, 10:59

ไม่เคยเรียนที่ฝรั่งเศสเสียด้วย   อยากจะเชิญสมาชิกเรือนไทยที่เคยเรียนที่ฝรั่งเศสมาออกความเห็นบ้างค่ะ 

โดยส่วนตัวคิดว่า นักเรียนสยามที่ถูกส่งตัวไปเรียน  ราชการก็ต้องคัดเลือกกันแต่หัวกะทิ   (ไม่รวมพวกที่พ่อแม่รวยส่งไปเรียน อย่างลูกๆของแม่พลอย)  นักเรียนเก่งหัวดีพวกนี้ ไม่ว่าทหารหรือพลเรือน ประทับใจในประเทศสาธารณรัฐที่ศรีวิไลไปทุกซอกทุกมุม  มีการปกครองที่นักเรียนชาวสยามไม่เคยเห็นมาก่อน คือสาธารณรัฐ  เปิดโอกาสให้สามัญชนแสดงฝีมือจนขึ้นเป็นผู้นำประเทศได้   มีเลือกตั้ง มีรัฐสภา  ซึ่งเอื้อให้คนสามัญมีสิทธิ์มีเสียงปกครองประเทศ
นอกจากนี้  วิชาการเมืองของฝรั่งเศสก็มีนักคิดนักเขียนต่างๆที่มีความคิดเข้มข้นทางการเมือง เช่นรุสโซ ส่งเสริมให้เห็นว่าระบอบนี้เป็นระบอบดีกว่าระบอบโบร่ำโบราณที่สืบทอดผู้นำกันมาตามตระกูล    ระบอบใหม่เปิดโอกาสให้คนเก่งอย่างพวกเขาได้โอกาสที่เมื่อก่อนอยู่ในมือคนกลุ่มอื่น    เขาจะไม่เลื่อมใสระบอบใหม่ละหรือ
ทั้งหมดนี้อาจจุดประกายให้นักเรียนชาวสยามคิดก่อความเปลี่ยนแปลงขึ้นมา เพื่อให้สยามก้าวไกลอย่างฝรั่งเศสบ้าง
บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 176  เมื่อ 29 มิ.ย. 12, 11:49

นี๊ดเดียวเท่านั้นแหละครับคุณวี อยากให้เข้าไปดูเรื่อง “ชีวิตดั่งนิยาย-พระองค์เจ้าปฤษฎางค์ กระดูกสันหลังพระปิยะมหาราช?” ตามลิงค์นี้หน่อย
 
http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2009/07/K8075368/K8075368.html

จะเข้าใจว่าพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่๕ ไม่ได้ทรงกริ้วว่า ท่านบังอาจเสนอให้สยามมีธรรมนูญการปกครองดิน หากทรงแป่กพระองค์เจ้าปฤษฎางค์ที่เอาเรื่องที่ทรงปรึกษามาเป็นการส่วนพระองค์ไปตีแผ่ แล้วลงชื่อกันมาเป็นบัญชีหางว่าว คนสำคัญที่ทรงเป็นธุระร่างธรรมนูญที่ว่านี้ คือนักเรียนกฏหมายในลอนดอนพระนามว่าพระองค์เจ้าสวัสดิโสภณ  ท่านพระองค์นี้และอื่นๆที่ปรากฏพระนามและนามท้ายหนังสือกราบบังคมทูลเจริญดีทุกคน
 
การปฏิวัติโดยประชาชนเพื่อล้มล้างสถาบันกษัตริย์ที่เกิดเป็นแฟชั่นระบาดขึ้นในโลกนั้น เจ้านายในพระราชวงศ์จักรีท่านทรงหวั่นไหวมากขอให้เชื่อเถอะ ทรงแก้ไขจุดอ่อนของระบอบมาตลอด เช่น การปฏิรูปการปกครองแผ่นดินในสมัยรัชกาลที่๕ การปูพื้นการปกครองแบบประชาธิปไตยในรัชกาลที่๖ และการเตรียมพระราชทานธรรมนูญการปกครองแผ่นดินโดยรัชกาลที่๗ คือความพยายามให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดี แต่ไม่เป็นที่ทันใจของพระเดชพระคุณส่วนหนึ่ง จึงได้เกิดกบฏในรัชกาลที่๖จนถึงการปฏิวัติ๒๔๗๕ขึ้น

และปัญหาที่พวกเจ้านายรั้งรอไว้เพราะเกรงว่าจะเกิด ก็เกิดกับคณะปฏิวัติเอง แปร๊บเดียวเท่านั้นก็ถูกปฏิวัติซ้อนโดยพวกเดียวกันที่มีอุดมการณ์ต่างกัน  คนไทยไม่เข้าใจระบอบประชาธิปไตย จึงยอมให้นักการเมืองเอาพระราชอำนาจไปใช้แบบเผด็จการ พวกนี้ไม่ได้ทำอะไรให้ชาติมีพัฒนาการทางการเมืองขึ้นเลย คนทั่วไปยังกราบทั่นหัวถลา เหมือนที่เคยกราบเจ้านาย เมียๆก็ได้เป็นคุณหญิงท่านผู้หญิงกันสลอน ทุกวันนี้ยังไม่มีใครทำลายสถิติท่านผู้หญิงอายุน้อยที่สุดที่ตั้งกันขึ้นมาสมัยประชาธิปไตยจอมปลอมเลย ตอนนั้นทั่นอยากจะได้อะไรเอาอะไร ก็สั่งให้คณะผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน ซึ่งกระทำภายใต้พระปรมาภิไธยจัดให้  แล้วยังใจร้าย ทำตัวเป็นกษัตริย์แล้วยังป้ายสีสถาบันกษัตริย์ตลอด ประชาชนบางส่วนก็เชื่อตามเค้า

ผมไม่รู้ว่าที่เมืองนอกเขาสอนวิชารัฐศาสตร์กันอย่างนี้หรือเปล่า หรือมันมากลายพันธุ์ในประเทศของเราเอง



บันทึกการเข้า
samun007
องคต
*****
ตอบ: 446


ความคิดเห็นที่ 177  เมื่อ 29 มิ.ย. 12, 14:02

พระยาศรีสิทธิสงครามมีลูกสาว 3 คน  ลูกชาย 1 คน  คนโตเรียนจบแพทย์ ชื่อพญ.โชติศรี ท่าราบ
  


ถ้าจำไม่ผิด คุณป้าโชติศรี ท่านเป็นบุตรีคนที่ ๒ นะครับ ส่วนพี่สาวของท่านคือมารดาของ ท่านสุรยุทธ์ จุลานนท์ ครับ
บันทึกการเข้า
samun007
องคต
*****
ตอบ: 446


ความคิดเห็นที่ 178  เมื่อ 29 มิ.ย. 12, 14:09

ภาพนั้นผมถ่ายมาจากหลังปกหนังสือที่คุณหมอโชติศรีเขียน ผมพยายามหาภาพที่ชัดและใหม่กว่านี้ทางอินเทอร์เน็ทแต่ไม่มีเลย ได้แต่ภาพสถานีหินลับ

คงอาจจะมีใครเอาป้ายที่ว่าออกไปแล้วก็ได้


ในหนังสือของคุณลุงสรศัลย์ แพ่งสภา ระบุไว้ว่า ทุก ๆ วันที่ (จำไม่ได้แล้ว) ทางการรถไฟจะต้องมีพิธีกรรมเพื่อระลึกถึงท่านเจ้าคุณศรีสิทธิสงคราม โดยการยิงสลุต โดยจะให้ผู้บังคับรถไฟที่วิ่งผ่านบริเวณเนินที่เป็นจุดเสียชีวิตของท่านเจ้าคุณฯ เป็นผู้ยิงครับ นอกจากนี้คุณลุงสรศัลย์ ก็ยังบอกอีกว่าชาวบ้านแถวนั้นก็รู้จักเขาลูกที่ท่านเจ้าคุณฯ เสียชีวิตว่า "เขาพระยาศรีฯ"

แต่ทั้งนี้ ผมไม่แน่ใจว่าประเพณียิงสลุตให้ และชื่อเขาพระยาศรีฯ จะเลือนหายไปตามกาลเวลาหรือไม่นะครับ

ส่วนป้ายจารึกนั้น ผมว่ายังไม่น่าจะหายไป เพราะผู้เสียชีวิตก็เป็นถึงคุณตาของท่านองคมนตรี เมื่อไม่นานมานี้ ราว ๆ ปี พ.ศ. ๒๕๔๖  ทางโรงพยาบาลพระมงกุฎฯ ก็ยังได้สร้างสะพานข้ามคลอง โดยตั้งชื่อว่า "สะพานศรีสิทธิสงคราม" ด้วยครับ

ถ้าท่านใดขับรถผ่านทางยกระดับ มุ่งหน้าไปยังงามวงศ์วาน ก่อนจะสุดอาณาบริเวณของโรงพยาบาลพระมงกุฎ ให้สังเกตด้านซ้ายมือจะเห็นชื่อสะพานนี้ชัดเจนครับ
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 179  เมื่อ 29 มิ.ย. 12, 15:04

^
^
อ่านเพิ่มเติมที่ พันทิป

 ยิงฟันยิ้ม
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 10 11 [12] 13 14 ... 23
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.09 วินาที กับ 20 คำสั่ง