เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 6 7 [8] 9 10 ... 23
  พิมพ์  
อ่าน: 131181 กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 105  เมื่อ 27 มิ.ย. 12, 17:11

ไปเร็วเลย





บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 106  เมื่อ 27 มิ.ย. 12, 17:14

ผ่านบุรีรัมย์ไปแล้ว ไม่มีร่องรอยพวกกบฏเหลืออยู่





บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 107  เมื่อ 27 มิ.ย. 12, 17:21

ทางจากโคราชไปอุบลราชธานี เป็นฝีมือของทหารกบฏซ้อนกบฏ=ฝ่ายรัฐบาลรื้อเอาไว้เอง กลัวพระองค์บวรเดชจะตามทวงเอาคืนพร้อมดอกเบี้ย




บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 108  เมื่อ 27 มิ.ย. 12, 17:23

จบภารกิจ หายเครียด ได้เวลาชักรูปหมู่



บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 109  เมื่อ 27 มิ.ย. 12, 17:27

ภาพชุดสุดท้ายก่อนพัก เพราะตาลายแล้ว ตาใสเมื่อไหร่จะมาลงต่อ




บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 110  เมื่อ 27 มิ.ย. 12, 18:34

ควันหลงภาพนายทหารกระดูกเหล็กฝ่ายรัฐบาล

๑๕ ตุลาคม

วันนี้ฝ่ายรัฐบาลแจกข้าวห่อสำหรับสองมื้อแล้วเปิดการรุกตั้งแต่เช้ามืด ฝ่ายคณะกู้บ้านเมืองซึ่งปักหลักตั้งรับบริเวณวัดหลักสี่ ห่างกันไม่ถึงสองกิโลเมตรอยู่ในวิธีกระสุนด้วยกันทั้งคู่ แม้ทหารในแนวหน้าจะต้องหาอาหารกินกันตามมีตามเกิดเพราะทางดอนเมืองไม่สามารถส่งเสบียงแล้ว ทหารหัวเมืองก็ยังสู้รบเต็มที่ จนถึงเวลา๑๖.๐๐ น.เศษ ขณะที่ฝ่ายรัฐบาลกำลังรุกคืบหน้าใกล้สถานีสถานีหลักสี่เข้ามา จนห่างจากแนวต้านทานของทหารม้าสระบุรีไม่ถึง ๒๐๐ เมตร เห็นจะเอาไม่อยู่แล้ว พระยาศรีสิทธิสงครามจึงกระซิบหม่อมเจ้าสุขปรารภ กมลาสน์ ด้วยภาษาเยอรมัน เพื่อไปบอกให้พระยาเสนาสงครามที่ดอนเมือง สั่งนายอรุณ บุนนาค ขับหัวรถจักรไอน้ำฮาโนแมกซ์ เบอร์๒๗๗ วิ่งฟืดฟาดออกจากสถานีดอนเมืองช้าๆ แล้วสับคันเร่งสุดเกจ์ก่อนกระโดดลง ให้รถวิ่งด้วยความเร็วเต็มฝีจักรผ่านทหารฝ่ายเดียวกันที่สถานีหลักสี่ และแม้จะโดนกระสุนปืนใหญ่ของฝ่ายตรงข้ามถึง๔นัด แต่ด้วยโมเมนตั้ม ตอร์ปิโดบกคันนั้นก็พุ่งเข้าชนขบวนรถบรรทุกปืนใหญ่และรถถังของฝ่ายรัฐบาลอย่างรุนแรงจนตกรางและถอยครูดไปกว่าร้อยเมตร แรงกระแทกทำให้ทหารเสียชีวิตทันที ๑๓ นาย บาดเจ็บอีกมากมาย การสู้รบวันนั้นยุติลงในบัดดล

 ยิงฟันยิ้ม


บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 111  เมื่อ 27 มิ.ย. 12, 18:51

คุณวิกกี้ บรรยายภาพข้างบนให้ข้อมูลเพิ่มเติมไว้ดังนี้

ในเหตุการณ์กบฏบวรเดช เดือนตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๖ หลวงกาจสงคราม ได้นำกำลังทหารฝ่ายรัฐบาล ขึ้นรถจักรดีเซลที่สถานีรถไฟบางซื่อ เพื่อเดินทางไปกวาดล้างทหารกบฏของพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบวรเดช ที่จังหวัดนครราชสีมา ฝ่ายพระองค์เจ้าบวรเดชได้ใช้รถจักรฮาโนแม็ก เบอร์ ๒๗๗ หรือที่เรียกว่า “รถตอปิโดบก” พุ่งชนรถไฟของกองทัพรัฐบาล ทำให้ทหารฝ่ายรัฐบาลบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก และทำให้หลวงกาจสงครามได้รับบาดเจ็บ หูแหว่ง จากเหตุการณ์ครั้งนี้ รัฐบาลได้ปูนบำเหน็จและย้ายให้ไปควบคุมกรมอากาศยาน (กองทัพอากาศ) และหลังจากนั้นหลวงกาจสงครามได้ดำรงตำแหน่งเป็นเสนาธิการกองทัพอากาศคนแรก แต่เนื่องด้วยหลวงกาจสงครามมีความขัดแย้งกับนายทหารในกองทัพอากาศ ทำให้รัฐบาลย้ายหลวงกาจสงครามไปเป็นอธิบดีกรมศุลกากร

 ยิงฟันยิ้ม
บันทึกการเข้า
art47
องคต
*****
ตอบ: 739


ความคิดเห็นที่ 112  เมื่อ 27 มิ.ย. 12, 19:09

มาแทรกอีละครับ
ผมเห็นรูปๆหนึ่งในความคิดเห็นที่ 48  ผมปะรูปให้ดูนะครับ มีท่านไดเห็นเหมือนผมบ้างว่าในรูปเป็นกล้องถ่ายวีดีโอใช่หรือไม่ครับ ที่คนเสื้อขาวข้างกลังทหารจับอยู่ ถ้าเป็นการถ่ายด้วยวีดีโอจริงก็คงมีภาพเหตุการณ์จากกล้องหลงเหลือบ้างนะครับ

เป็นการบันทึกภาพยนตร์การสู้รบของคณะศรีกรุง
ที่มี หลวงกลการเจนจิต (เภา วสุวัต) กับขุนวิจิตรมาตรา (สง่า กาญจนาคพันธุ์) เป็นผู้รับผิดชอบ
มีความยาว ๗ ม้วน ถ่ายทำระหว่างการสู้รบจริงๆ ในสมรภูมิ

แต่ในปัจจุบันไม่ทราบว่าจะหลงเหลืออยู่หรือไม่  ฮืม

อาจจะสูญหายเหมือน ภาพยนตร์วันเปลี่ยนแปลงการปกครอง ๒๔ มิถุนายน ๒๔๗๕
หรือ ภาพยนตร์การพระราชทานรัฐธรรมนูญ วันที่ ๑๐ ธันวาคม ๒๔๗๕
ก็เป็นไปได้  ร้องไห้
บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 113  เมื่อ 27 มิ.ย. 12, 19:44

หลวงกาจ หึหึ หลวงกาจ เอาหนังซ้ำจากจอมพลป2-ไม่ผ่านขึ้นป3มาฉายหน่อย

อ้างถึง
NAVARAT.C:
ไหนๆคุญเพ็ญชมพูก็เอาดีวีดีมาฉายให้ท่านผู้อ่านดูตอนจบของหลวงกาจแล้ว ผมจะขอย้อนไปเก็บตอนต้นมาเล่าให้ฟังเพิ่มอีกสักหน่อย

หลวงกาจสงครามมีชื่อปรากฏในทำเนียบนักการเมืองตั้งแต่สมัยปฏิวัติ2475 ตอนนั้นเป็นนายร้อยเอก เมื่อเกิดกบฏบวรเดช หลวงกาจได้รับคำสั่งให้คุมทหารขึ้นรถไฟไปแนวหน้า พอดีฝ่ายกบฏส่งหัวรถจักรเปล่าๆที่เรียกว่าตอร์ปิโดบกลงมาปะทะขบวนรถทหารรัฐบาลที่วิ่งขึ้นไป ลงเค้เก้ไปข้างทางทหารเสียชีวิต2นาย บาดเจ็บระนาว หลวงกาจกระเด็นตกรถไฟหน้าแหวะต้องตัดหูทิ้งไป1ข้าง จึงได้ฉายาใหม่ว่านายพันหูเดียว เวลาถ่ายรูปจะต้องเอียงข้างหล่อให้ถ่าย

เสร็จศึกได้รางวัลปลอบใจให้ไปเป็นใหญ่ในกรมอากาศยานที่กำลังปรับขึ้นเป็นกองทัพอากาศ เพราะผลจากกบฏบวรเดชทำให้นายทหารอากาศชั้นผู้ใหญ่หลายคนมีอันจะต้องเป็นไป ถูกปลดจากราชการกันระนาว จึงได้เลื่อนยศพรวดๆขึ้นไปเป็นนาวาอากาศเอก ตำแหน่งเสนาธิการกองทัพอากาศ ทำให้เกิดขัดแย้งกับนายทหารอากาศแท้ๆมากมายแต่ก็ทนอยู่ได้ กระทั่งได้คั่วตำแหน่งผู้บัญชาการอยู่แล้ว หลวงกาจก็เอาเครื่องบินทิ้งระเบิดมาร์ตินที่จอมพลป.เห่อมากเพราะสั่งเข้ามาใหม่ๆ ไปตกเสียหายยับเยินข้างรันเวย์ระหว่างร่อนลง หนังสือพิมพ์โจมตีว่าเครื่องบินถูกนำไปใช้ในภารกิจส่วนตัวไม่เป็นที่เปิดเผย หลวงกาจยอมรับและบอกว่าจะให้หักเงินเดือนตนเองใช้หลวงแต่ก็ถูกท่านผู้ชมโห่กันเกรียว เพราะแม้ว่าจะหัก100%ทุกเดือนจนตายก็ยังไม่ได้ครึ่งค่าเครื่องบินลำนั้น หลวงกาจจึงถูกย้ายออกจากกองทัพอากาศ แต่โดยปรานีให้ไปเป็นอธิบดีกรมศุลกากร

หลวงกาจเป็นที่โปรดปรานของจอมพล.ป ได้เป็นรัฐมนตรีในคณะหลวงพิบูลบ่อยครั้ง และสนิทกับนายปรีดีด้วยจนถึงขั้นร่วมมือกันก่อตั้งขบวนการเสรีไทยสายในประเทศเพื่อต่อต้านญี่ปุ่น ได้ลาออกจากรัฐมนตรีและลักลอบเดินทางไปจีนด้วยเรื่องของเสรีไทยจนจบสงครามจึงได้กลับมาบ้าน

หลวงกาจเป็นคนแรกที่คิดจะทำรัฐประหารในปี2490 ถึงขนาดร่างรัฐธรรมนูญไว้แล้วและซ่อนไว้ใต้ตุ่มแดงดังที่เล่ากันในกระทู้ก่อนๆ เมื่อชวนจอมพลผินกระทำการสำเร็จแล้ว หลวงกาจได้ไปบังคับอธิบดีกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลังขอเบิกเงิน8ล้านบาทเป็นค่าทำรัฐประหาร กลายเป็นข่าวหนังสือพิมพ์ที่ไม่มีผู้ใดกล้าออกมาปฏิเสธ ต่อมารัฐบาลควงจำเป็นต้องอนุมัติเงินจำนวนนี้ให้ถูกต้องตามกฏหมายไป หลังรัฐประหาร หลวงกาจได้เป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก พอหนังสือพิมพ์ขอสัมภาษณ์เรื่องการได้รับเลื่อนยศทีเดียวจากพันเอกเป็นพลโท หลวงกาจก็ประกาศอมตะวาจาด้วยเสียงอันดังฟังชัดว่า “ใครอยากได้เลื่อนยศเร็ว ก็ทำรัฐประหารเอา”

ต่อมาหลวงกาจก็ตกม้าตายเพราะใช้อำนาจเบิกเงินจากกระทรวงการคลังอีก อ้างว่าจะเอาไปใช้จ่ายในกองทัพ แต่หลวงกาจเอาเงินดังกล่าวไปแลกเงินปอนด์กับเงินรูปีในตลาดมืดเสียก่อนที่จะเอาเงินสองสกุลนั้นมาคืนให้กลาโหมในอัตราแลกเปลี่ยนที่รัฐบาลกำหนด ทำให้หลวงกาจได้กำไรไปจากส่วนต่างอันนี้ถึง3,738,030.00บาท เลยโดนวุฒิสมาชิกตั้งกระทู้ถามในสภาและรัฐมนตรีกลาโหมต้องยอมรับว่าเป็นการกระทำที่ผิดระเบียบจริง ต่อมากระทรวงกลาโหมได้สั่งระงับการแลกเปลี่ยนและสั่งตั้งกรรมการสอบสวน ปรากฏว่ากรรมการมีมติว่าหลวงกาจผิดจริงให้ดำเนินคดี แต่เรื่องไปดองอยู่ที่กรมพระธรรมนูญและกรมอัยการนานและกลับความเห็นว่าไม่สั่งฟ้อง

หลวงกาจเลยรอดคดีอาญาไป
แต่โทษที่โฉ่งฉ่างให้เขาจับได้ ทำความอับอายให้คณะรัฐประหารยังมีอยู่ ไล่เรี่ยกันนั้นหลวงกาจจึงโดนจอมพลป.ปลดออกจากราชการและโดนเนรเทศดังเนื้อความตามกระทู้ก่อนหน้านี้


เพ็ญชมพู:
อ้างถึง
อ้างจาก: NAVARAT.C ที่  10 ส.ค. 10, 09:09

เสร็จศึกได้รางวัลปลอบใจให้ไปเป็นใหญ่ในกรมอากาศยานที่กำลังปรับขึ้นเป็นกองทัพอากาศ เพราะผลจากกบฏบวรเดชทำให้นายทหารอากาศชั้นผู้ใหญ่หลายคนมีอันจะต้องเป็นไป ถูกปลดจากราชการกันระนาว จึงได้เลื่อนยศพรวดๆขึ้นไปเป็นนาวาอากาศเอก ตำแหน่งเสนาธิการกองทัพอากาศ ทำให้เกิดขัดแย้งกับนายทหารอากาศแท้ๆมากมายแต่ก็ทนอยู่ได้ กระทั่งได้คั่วตำแหน่งผู้บัญชาการอยู่แล้ว หลวงกาจก็เอาเครื่องบินทิ้งระเบิดมาร์ตินที่จอมพลป.เห่อมากเพราะสั่งเข้ามาใหม่ๆ ไปตกเสียหายยับเยินข้างรันเวย์ระหว่างร่อนลง หนังสือพิมพ์โจมตีว่าเครื่องบินถูกนำไปใช้ในภารกิจส่วนตัวไม่เป็นที่เปิดเผย หลวงกาจยอมรับและบอกว่าจะให้หักเงินเดือนตนเองใช้หลวงแต่ก็ถูกท่านผู้ชมโห่กันเกรียว เพราะแม้ว่าจะหัก100%ทุกเดือนจนตายก็ยังไม่ได้ครึ่งค่าเครื่องบินลำนั้น หลวงกาจจึงถูกย้ายออกจากกองทัพอากาศ แต่โดยปรานีให้ไปเป็นอธิบดีกรมศุลกากร

พล.อ.อ. ทวี จุลทรัพย์ ได้เล่าถึงหลวงกาจสงคราม ขณะดำรงตำแหน่งเสนาธิการกองทัพอากาศว่า

วันหนึ่งข้าพเจ้าเป็นนายทหารเวรประจำสนาม เห็นนักบินผู้หนึ่งนำเครื่องฮอว์คสามลงมา เสื้อที่สวมเป็นเสื้อสีเนื้อซึ่งผิดข้อบังคับการบิน ข้าพเจ้าก็เดินรี่เข้าไปข้างเครื่องบินเพื่อจะไปสอบสวนว่าเรื่องอะไรจึงได้อุตริสวมเสื้อสีเนื้อขึ้นไปทำการบิน พอเดินเข้าไปใกล้เครื่องจึงได้ทราบว่านักบินผู้นั้นคือเสนาธิการทหารอากาศ และเสื้อที่ข้าพเจ้าเห็นแต่ไกลว่าเป็นเสื้อสีเนื้อนั้น ความจริงไม่ใช่เสื้อ  แต่เป็นเนื้อจริง ๆ เสนาธิการมิได้สวมเสื้ออะไรเลย บินไปด้วยตัวล่อนจ้อนเช่นนั้นเอง ข้าพเจ้าก็ถามท่านว่า ท่านไม่หนาวดอกหรือ ท่านบอกว่า หนาวก็ต้องทน เพราะท่านจะไปนอกในวันสองวันนี้ ทราบว่าอากาศทางเมืองนอกหนาวมาก ดังนั้นท่านจึงทดลองทำการบินขึ้นไปสูงถึง ๓,๐๐๐ เมตร เพื่อทดลองความต้านทานของร่างกายของท่าน เพราะอากาศในขณะที่บินอยู่สูง ๓,๐๐๐ เมตรนั้นหนาวมาก และเครื่องบินสมัยนั้นเราทำการบินโดยไม่ปิดประทุน ท่านลงจากเครื่องบินน้ำมูกน้ำตาไหล เพราะหนาวมาก เรียกบรั่นดีมาแก้หนาวแล้วก็เดินกลับบ้าน

นี่แหละข้าพเจ้าจึงได้กล่้าวไว้แล้วว่า ท่านเป็นมนุษย์เหล็กจริง ๆ ....

คราวหนึ่งมีจ่าคนหนึ่งนำหมู่แล้วบินต่ำ พาลูกหมู่ขนดินตาย ตัวเองบาดเจ็บสาหัส ท่านไปเยี่ยมและด้วยความเสียดายเครื่องบินซึ่งหาได้ยากในสมัยนั้น ท่านก็บอกว่าบินเสียวินัยอย่างนี้แล้วทำให้คนอื่นตาย และของหลวงเสียหาย ควรจะยิงตัวตายเสียดีกว่าอยู่ จ่าผู้นั้นก็มิได้โต้ตอบประการใดเพราะผิดไปแล้ว ได้แต่ยกมือไหว้ท่านประหลก ๆ  ต่อมาไม่นานมีเหตุร้ายเกิดแก่ตัวท่านเอง โดยขณะที่ท่านทำการบินเครื่องมาร์ตินบอมเบอร์ ท่านได้นำเครื่องลงนอกสนาม เพราะเครื่องยนต์ดับปรากฏว่าเครื่องบินเครื่องนั้นเสียหายใช้การไม่ได้ ตัวท่านบาดเจ็บเล็กน้อย หมอพาไปตรวจที่ห้องพยาบาล เผอิญไปนอนอยู่ใกล้จ่าผู้นั้น จ่าทราบเรื่องเกี่ยวกับท่านนำเครื่องบินลงนอกสนาม ทำให้เครื่องเสียหาย จ่าคนนั้นก็บอกกับท่านว่า

"เสนาธิการครับ ปืนของผมได้เตรียมมาแล้วตามที่เสนาธิการได้สั่งเอาไว้ จะเอาไปใช้ก่อนก็ได้ครับ"

sirinawadee:
อ้างถึง

^
^
ถ้าไม่ติดว่าอยู่ในห้องเรียนละก็ อยากจะกรี๊ดให้กับจ่าท่านนี้เหลือเกินค่ะ




บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 114  เมื่อ 27 มิ.ย. 12, 21:19

ไม่รู้ว่าชะตากรรมของจ่าใจเด็ดหลังพูดประโยคนั้น จะเป็นอย่างไรบ้างนะคะ
บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 115  เมื่อ 27 มิ.ย. 12, 22:02

^
คุณเพ็ญคร้าบ มาตอบหน่อยยยยย
บันทึกการเข้า
ประกอบ
สุครีพ
******
ตอบ: 1342


ความคิดเห็นที่ 116  เมื่อ 27 มิ.ย. 12, 23:08

 
ครับผม….รบกันยิงกันดุเดือดเลือดพล่านกระสุนแทบจะทะลุจอมาโดนคนอ่านอย่างนี้ ทหารตายแค่เนี๊ยะ ท่านที่อ่านมาถึงบันทัดนี้คงจะงงว่า สงครามกลางเมืองที่อื่นเขารบกัน คนตายหลักร้อยหลักพันหลักหมื่น สงครามปราบปราบกบฏครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดของสยาม รวมทั้งสองฝ่ายเฉลี่ยแล้วตายวันละ๒คน
นี่ใครหลอกใคร? เขารบกันจริงๆหรือหลอกคนดู???

ทางฝ่ายรัฐบาลเองก็เถอะ ผมแหม่งๆตั้งแต่ตอนที่อ่านเจอว่าหลวงพิบูลเอาปืนใหญ่เรียงเป็นตับไปโหมโรงก่อนการรบวันแรก ยิงไป๔๐นัด กระสุนลงน้ำลงนาหมด นี่มันไม่ใช่เรื่องไร้ฝีมือแล้ว
 
หนังสือเล่มหนึ่งเล่าว่า ตอนเข้าตีปากช่องที่มั่นสุดท้ายของฝ่ายกบฏ ผู้พันสั่งมาจากกองบ.ก.ให้รถถังยิงเบิกทางเข้าไป ผู้หมวดตาเหลือกเพราะฝ่ายกบฏกระจายกำลังอยู่ในชุมชน ถ้ายิงไปจริง ราษฎรคงโดนลูกหลงตายเกลื่อน แต่ผู้กองบอกว่าแล้วคุณจะเล็งไปบ้านคนทำไม ยิงไปโน่น บนเขาโน่น


ผมไม่คิดว่าท่านจอมพล ป ที่รักยิ่งของผมจะเป็นห่วงชีวิตพี่น้องทหารไม่ว่าจะฝั่งไหนทั้งนั้น จนแกล้งให้ยิงปืนใหญ่พลาดลงน้ำหมด 40 นัดหรอกครับ มองแบบนั้นน่าจะมองโลกในแง่ดีกับท่านจอมพลมากไปหน่อย เพราะผลงานทั้งหมดในชีวิต ผมยังไม่เคยเห็นว่าท่านจอมพลของผมจะเคยห่วงใยชีวิตคนอื่นมากไปกว่าอำนาจของตัวซักครั้งเลยนะเนี่ย

ดังนั้นที่ยิงกันพลาด น่าจะเพราะแม้จะเป็นทหารปืนใหญ่ มีดีกรีนักเรียนฝรั่งเศส  แต่ภารกิจแต่ละวันท่านพันโท(ยศขณะนั้น)คงไม่ได้ใช้เวลาฝึกฝนวิชาการทหารหรอกกระมังครับ  น่าจะหมดไปกับการเล่นการเมือง วางฐานอำนาจ หมดเวลาไปกับเหล่าบริวารคนแวดล้อมมากกว่า  ดังนั้นพอจะถึงเวลาต้องโชว์ออฟ  มันเลยไม่มีอะไรจะโชว์กลายเป็นไอ้เสือปืนฝืดไปซะงั้น

ขอแจมซะหน่อยมิให้เงียบเหงา
บันทึกการเข้า

วิรุศฑ์ษมาศร์ อัฐน์อังการจณ์
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 117  เมื่อ 28 มิ.ย. 12, 01:51

พันโทหลวงพิบูลสงครามท่านก็บู๊ดุเดือดเป็นเหมือนกันนะคะ คุณประกอบ  ลองอ่านดู

เมื่อคณะกู้บ้านกู้เมืองเปิดฉากถล่มฝ่ายรัฐบาลด้วย "ตอร์ปิโดบก"  ที่ทุ่งบางเขน  ก็ได้ผล  ฝ่ายพระนครระส่ำระสายกันตลอดแนวรบ  หลวงพิบูลฯผู้ซึ่งเป็นแม่ทัพฝ่ายรัฐบาล จึงรีบเร่งจัดทหารเป็นกองหนุนขึ้นไปเสริมกำลังแนวหน้ากันอุตลุด  แต่มีทหารกองหนึ่งของพันเอกพระสิทธิเรืองเดชพล (แสง พันธุประภาส)   ขึ้นตรงกับคำสั่งของนาย ยืนยันกับหลวงพิบูลฯว่าได้รับคำสั่งจากพระสิทธิ์ฯให้ไปประจำรักษาปีก
พอหลวงพิบูลฯได้ฟังก็ยัวะขึ้นมาสุดขีด   หาว่าพระสิทธิ์ฯไม่ร่วมมือ ซ้ำขัดคำสั่งของตน จึงวิ่งปราดเข้าเข้าหาพระสิทธิ์ฯ  และยกปืนขึ้นจะยิง   เคราะห์ดีที่มีนายทหารช่วยกันยึดมือไว้ทัน  ไม่งั้นคุณพระท่านก็คงเสียชีวิตอยู่ตรงนั้นแล้ว   เรื่องนี้ เป็นข่าวที่โจษขานกันมาก  การที่หลวงพิบูลฯเกิดโมโหโทโสรุนแรงถึงขนาดนั้น  ก็เพราะมีความระแวงแคลงใจว่า พระสิทธิ์ฯเอาใจฝักใฝ่เข้าข้างทหารฝ่ายหัวเมือง  เพราะเป็นพรรคพวกของพระยาทรงสุรเดชมาก่อน

ถ้าถามว่าเรื่องอะไรพระสิทธิ์ฯ  ผู้มียศเป็นนายพันเอก แต่กลับต้องมารับคำสั่งนายพันโท หลวงพิบูลสงคราม ก็เพราะเมื่อเกิดกบฏบวรเดช   พระยาพหลฯได้แต่งตั้งให้พระสิทธิ์ฯทำหน้าที่เป็นผู้รักษาพระนคร  และให้หลวงพิบูลฯ เป็นผู้บัญชาการกองทหารผสมในการปราบกบฏ   หลวงพิบูลจึงออกไปปฏิบัติการอยู่แนวหน้า  ครั้นเมื่อหลวงพิบูลฯขอนายทหารผู้ใหญ่ไปเป็นผู้ช่วย  พระยาพหลฯ ก็ตั้งพระสิทธิ์ฯขึ้นไปช่วย 

ขณะนั้นหลวงพิบูลฯ ไม่ได้ตั้งแนวรักษาปีกตามหลักยุทธวิธี  พระสิทธิ์ฯจึงสั่งถอนทหารจากแนวหลังขึ้นไประวังรักษาปีก  ก็พอดีกับเวลาที่หลวงพิบูลฯต้องการจะส่งทหารเป็นกองหนุนขึ้นไปเสริมกำลังแนวหน้า  หลวงพิบูลฯจึงสั่งทหารหน่วยที่กำลังเคลื่อนย้ายจะไปรักษาปีกให้ไปอยู่แนวหน้า  ครั้นได้รับคำตอบว่าไปไม่ได้ เพราะพระสิทธิ์ฯท่านสั่งให้ไปรักษาปีก    หลวงพิบูลฯก็เดือดดาล  ถึงกับชักปืนจะยิง...อย่างไรก็ตามต่อมาในวันเดียว กันนั้น  หลวงพิบูลฯได้ขออภัยโทษต่อพระสิทธิ์ฯว่าเข้าใจผิด  จึงได้แสดงกิริยาไม่สมควรดังนั้น 

แต่บุคคลทั้งสองก็ไม่ได้จบลงแฮปปี้เอนดิ้งอยู่ดี ทั้งๆปราบกบฏได้สำเร็จ   อีกไม่กี่ปีต่อมา  พระสิทธิ์ฯก็ถูกศาลพิเศษตัดสินประหารชีวิต  ในยุคที่หลวงพิบูลฯขึ้นสู่อำนาจสูงสุดทั้งทางทหารและการเมือง
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 118  เมื่อ 28 มิ.ย. 12, 03:44

ขอเล่าเกร็ดแทรกอีกเรื่องหนึ่ง ถึงนายทหารฝ่ายพระยาศรีสิทธิฯ ที่น่าจะเรียกได้ว่า "เอาจริง" กับศึกครั้งนี้   ไม่ใช่เล่นๆ อย่างที่ท่านนวรัตนตั้งข้อสังเกตไว้
คือคนอื่นๆจะเอาเล่น หรืออะไรก็ตามแต่  แต่ท่านนี้ถือเป็นเรื่องจริงจังขั้นเอาเป็นเอาตาย
ท่านผู้นี้คือพ.ต. หลวงสรสิทธยานุการ  (สิทธิ์ แสงชูโต)  ผู้บังคับการกองพันทหารล่างแห่งจ.เพชรบุรี

หลวงสรสิทธยานุการสำเร็จวิชาทหารจากประเทศญี่ปุ่น เป็นฝ่ายเข้าร่วมกับพระยาศรีสิทธิสงครามแต่แรก  มุ่งมั่นชิงชัยมาแต่แรก   พอทัพของพระองค์เจ้าบวรเดชยกจากอีสานมาถึงกรุงเทพ  ทางใต้หลวงสรสิทธ ฯ ก็ประกาศยึดอำนาจการปกครองในจังหวัดเพชรบุรี ประกาศกฏอัยการศึก  และระดมพลใหญ่เรียกทหารกองหนุนกลับเข้าประจำการทันที   เพื่อให้เพชรบุรีเป็นเมืองสนับสนุนคณะกู้บ้านกู้เมืองเต็มตัว

ความจริงใจของหลวงสรสิทธฯยังดำเนินต่อไปไม่หยุดยั้ง   เห็นได้จากส่งโทรเลขกราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ให้ทรงทราบว่ากองพันทหารเพชรบุรีได้ประกาศตนเป็นอิสระไม่ขึ้นต่อรัฐบาลกรุงเทพฯ  และขอมอบกายถวายชีวิตด้วยความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็พระเจ้าอยู่หัว 

แต่หลวงสรสิทธฯก็รอบคอบพอที่จะไม่สาธยายรายละเอียดหมดทุกเรื่อง  คือมิได้กราบบังคมทูลว่าทหารเพชรบุรีจะสู้รบกับรัฐบาล  เพื่อสนับสนุนฝ่ายพระองค์เจ้าบวรเดช     เพราะไม่ต้องการจะเอาโทรเลขนี้เป็นหลักฐานผูกมัดว่า ตัวเองได้โยงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาให้รับรู้การพยายามยึดอำนาจจากรัฐบาล  ซึ่งถ้ายังทำไม่สำเร็จก็เป็นกบฏชนิด 100 %  โทษขั้นประหารชีวิต
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 119  เมื่อ 28 มิ.ย. 12, 03:53

    เมื่อโทรเลขเสร็จ  หลวงสรสิทธฯ  ก็รุกคืบหน้าสายฟ้าแลบ ส่งกำลังทหารไปยึดสถานีบ้านน้อยซึ่งติดกับราชบุรีเอาไว้ทันที  เพราะรู้ว่ากองทหารราชบุรีได้ประกาศตัวเป็นฝ่ายรัฐบาลแล้ว    กองพันทหารเพชรบุรีของหลวงสรสิทธฯจึงต้องสกัดกั้น ตรึงทหารราชบุรีไว้ มิให้มีเคลื่อนไหวใดๆ  ที่จะเป็นการขัดขวางทหารเพชรบุรี หรือส่งกำลังไปหนุนทหารรัฐบาลในกรุงเทพ

     ในตอนต้น  ผลงานของหลวงสรสิทธฯคืบหน้าไปด้วยดี  เพราะมีบุคคลสำคัญของจังหวัดเข้าร่วมมือด้วยเต็มที่  คือนายพันเอก พระยาสุรพันธ์เสนีย์(อิ้น  บุนนาค) สมุหเทศาภิบาล  และที่สำคัญยิ่งก็คือพระยาวิเศษฦาชัย (ม.ล.เจริญ  อิศรางกูร)  เจ้าเมืองหรือผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี 
     พระยาทั้งสองท่านเป็นขุนนางผู้ใหญ่ที่ชาวเมืองเพชรบุรีเคารพนับถือกันมาก    เมื่อท่านประกาศแข็งข้อกับรัฐบาล  ชาวบ้านชาวเมืองก็เฮโลกันเข้ามาสนับสนุน   เห็นได้จากเมื่อระดมพลใหญ่  ก็มีทหารกองหนุนรีบรุดมารายงานตัวเข้าประจำการมากมาย  จนเกินจำนวนที่ต้องการ

     ขณะที่ทุกอย่างทางเพชรบุรีกำลังดำเนินไปด้วยความคึกคักเข้มแข็ง    หลวงสรสิทธฯก็เหมือนกับเจอฟ้าผ่าลงมาบนหัวอย่างจัง  เมื่อมีพระราชโทรเลขจากหัวหินตอบมาว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  ไม่ทรงพอพระทัยในการกระทำของ หลวงสรสิทธฯ เพราะไม่มีพระราชประสงค์จะให้เกิดการรบราฆ่าฟันให้เสียชีวิตเลือดเนื้อของคนไทยด้วยกัน  แต่เมื่อไม่สามารถจะทรงห้ามฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้แล้ว  ก็จำต้องตั้งพระองค์เป็นกลางไม่ยุ่งเกี่ยวกับฝ่ายใดทั้งสิ้น   นอกจากนี้ทรงห้ามมิให้ทหารของฝ่ายใดล่วงล้ำเข้าเขตหัวหิน  ถ้ามีการฝ่าฝืนดังกล่าวจะถูกจับปลดอาวุธโดยทันที       

บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 6 7 [8] 9 10 ... 23
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.112 วินาที กับ 20 คำสั่ง