เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 5 6 [7] 8 9 ... 23
  พิมพ์  
อ่าน: 131183 กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 90  เมื่อ 27 มิ.ย. 12, 12:13

วันที่ ๒๔ ตุลาคม
ข่าวว่าพระยาศรีสิทธิสงครามถูกยิงเสียชีวิตในที่รบ สร้างความตื่นตระหนกให้แก่เหล่าทหารกบฏที่ปากช่องสุดประมาณ พอทหารรัฐบาลเอารถถังบุกนำหน้าทหารราบเข้าไปตามถนนสู่ตลาด แค่ยิงขู่ไม่กี่นัด ทหารกบฏที่แนวรับดงพระยาเย็นก็แพ้ยะย่าย พ่ายจะแจ

ก่อนหน้านั้นพันโทหลวงจรูญฤทธิไกรเดินทางจากปากช่องมาเฝ้าพระองค์เจ้าบวรเดชที่นครราชสีมาแต่เช้าเพื่อรายงานว่าหินลับแตกแล้ว พระยาศรีสิทธิสงครามหายตัวไป  ไม่นานเกินรอก็ได้ยินวิทยุกระจายเสียงของรัฐบาลประกาศข่าวการเสียชีวิตของท่าน
แม้คณะกู้บ้านกู้เมืองจะล่มสลายกลายเป็นกบฏต่อแผ่นดินอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว ยังอุตส่าห์มีผู้เสนอให้พระองค์เจ้าบวรเดชฮึดใช้ตัวเมืองโคราชเป็นฉากกำบังทำการรบยืดเยื้อต่อไป แต่พระองค์ทรงฉลาดแล้ว เงินทองที่เหลืออยู่สู้เอาไปเลี้ยงชีวิตในฐานะผู้ลี้ภัยในอินโดจีนฝรั่งเศส ดีกว่าจะเอามาละลายกับพวกตีสองหน้า ชิวหาสองแฉก ยุให้ทุ่มสุดตัวในการต่อสู้ที่ไม่มีหนทางชนะ และรังแต่จะสร้างความเดือดร้อนให้ชาวโคราชก่นด่าหนักขึ้นไปอีก ดังนั้น สำหรับนายทหารชั้นผู้น้อยที่ปฏิบัติตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา ทรงบอกให้รอมอบตัวต่อฝ่ายรัฐบาลที่กำลังจะมาถึงโดยดี ส่วนนายทหารชั้นผู้ใหญ่ให้หนี ตัวใครตัวมัน

เมื่อตัดสินพระทัยดังนั้นแล้ว พระองค์เจ้าบวรเดชก็ทรงมอบภารกิจให้พลตรีพระยาเสนาสงคราม นายทหารอาวุโสรองลงมาให้เป็นผู้สั่งการต่อ ส่วนพระองค์เองและพระชายาก็รีบเสด็จโดยเครื่องบินเบร์เกต์ออกจากสนามบินทหารนครราชสีมา ให้ร้อยเอกหลวงเวหนเหินเห็จคนสนิทเป็นนักบิน มุ่งสู่พนมเปญเมื่อเวลา๑๓.๓๐น.  


บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 91  เมื่อ 27 มิ.ย. 12, 12:19

วันที่๒๕ตุลาคม
ตั้งแต่เช้ามืด พลตรีพระยาเสนาสงครามซึ่งนัดนายทหารที่ยังเหลืออยู่ทุกนไปรวมพลอยู่ที่สถานีรถไฟบุรีรัมย์  ได้สั่งการให้ร.อ.หลวงหาญรอนรบ ผู้บังคับกองร้อยทหารม้านำทหารและอาวุธกลับไปนครราชสีมารอมอบตัวกับฝ่ายรัฐบาลที่นั่น

ส่วนนายทหารระดับผู้ก่อการอันได้แก่ พลตรีพระยาเสนาสงคราม พันเอกพระยาไชยเยนต์ฤทธิรงค์ พันเอกพระยาเทพสงคราม พันเอกพระยาศรีสุรศักดิ์ พันโทพระปัจจานึกพินาศ พันโทหลวงจรูญฤทธิไกร พันตรีหลวงลพบาดาล พันตรีหลวงเร้าเร่งพล พันตรีหลวงแผลงสะท้าน ร้อยเอกหลวงไล่พลรบ ร้อยเอกหลวงโหมรอนราญ ร้อยโทขุนสารภีพิชิต ร้อยโทขุนโรจน์วิชัย และอีกหลายคน ใช้ม้าของกองพันทหารม้าที่๓ มีนายสิบคุ้มกันพร้อมปืนกลเบาอีก๔ม้า รวมทั้งหมดกว่า๓๐ม้า ออกเดินทางจากบุรีรัมย์ผ่านช่องเสม็ดเข้าดินแดนเขมร  เพื่อมอบตัวกับรัฐบาลอินโดจีนฝรั่งเศส
.
.
หลังจากนั้นก็แยกย้ายทางใครทางมัน


บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 92  เมื่อ 27 มิ.ย. 12, 12:23

ดูรูปไปพลางๆสงบสติอารมณ์กันหน่อยก่อน




บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 93  เมื่อ 27 มิ.ย. 12, 12:31

ต่อครับ




บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 94  เมื่อ 27 มิ.ย. 12, 13:15

หินลับในปัจจุบัน

บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 95  เมื่อ 27 มิ.ย. 12, 13:28

^
แสดงว่า ผาเสด็จ กับช่องเขาขาด ถูกระเบิดทิ้งเพื่อขยายทางแล้วหรือไร?
บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 96  เมื่อ 27 มิ.ย. 12, 13:31

ในที่สุด กบฏบวรเดชตามที่เรียกกันอย่างเป็นทางการ ได้อุบัติขึ้นและจบลงในเวลา๑๕วัน ถูกบันทึกว่าทหารฝ่ายรัฐบาลเสียชีวิตในการสู้รบ๑๗นาย ฝ่ายกบฏเสียชีวิตจำนวนพอๆกันแต่ไม่ทราบจำนวนแน่ชัด
 
ครับผม….รบกันยิงกันดุเดือดเลือดพล่านกระสุนแทบจะทะลุจอมาโดนคนอ่านอย่างนี้ ทหารตายแค่เนี๊ยะ ท่านที่อ่านมาถึงบันทัดนี้คงจะงงว่า สงครามกลางเมืองที่อื่นเขารบกัน คนตายหลักร้อยหลักพันหลักหมื่น สงครามปราบปราบกบฏครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดของสยาม รวมทั้งสองฝ่ายเฉลี่ยแล้วตายวันละ๒คน
นี่ใครหลอกใคร? เขารบกันจริงๆหรือหลอกคนดู???

นายแมคแคลเวย์ บรรณาธิการแผนกภาษาอังกฤษของกรุงเทพเดลิเมล์ที่ไปทำข่าวการรบในสมรภูมิทุ่งบางเขนถึงกับบ่นว่า นี่มันรบอะไรกัน  ถ้าปรินซ์บวรเดชจะไปจ้างพวกเม็กซิกันสักสิบคนมารบ ก็จะทำให้การรบมีรสชาดมากกว่านี้ ซึ่งนายหลุยส์ คีรีวัต บ.ก.ใหญ่ตอบว่าก็เพราะปรินซ์บวรเดชไม่ต้องการเสียเลือดเนื้อทหารไทยด้วยกันนะซี แค่เอากำลังมาขู่ไม่ได้จะรบกันจริงจัง นายหลุยส์เป็นอินไซเดอร์ของฝ่ายกบฏ จบเหตุการณ์แล้วมีธุระไปติดคุกกับเขาด้วย ความเห็นที่ว่าจึงมีน้ำหนัก

ทางฝ่ายรัฐบาลเองก็เถอะ ผมแหม่งๆตั้งแต่ตอนที่อ่านเจอว่าหลวงพิบูลเอาปืนใหญ่เรียงเป็นตับไปโหมโรงก่อนการรบวันแรก ยิงไป๔๐นัด กระสุนลงน้ำลงนาหมด นี่มันไม่ใช่เรื่องไร้ฝีมือแล้ว
 
หนังสือเล่มหนึ่งเล่าว่า ตอนเข้าตีปากช่องที่มั่นสุดท้ายของฝ่ายกบฏ ผู้พันสั่งมาจากกองบ.ก.ให้รถถังยิงเบิกทางเข้าไป ผู้หมวดตาเหลือกเพราะฝ่ายกบฏกระจายกำลังอยู่ในชุมชน ถ้ายิงไปจริง ราษฎรคงโดนลูกหลงตายเกลื่อน แต่ผู้กองบอกว่าแล้วคุณจะเล็งไปบ้านคนทำไม ยิงไปโน่น บนเขาโน่น พอรถถังปล่อยกระสุนตูมๆ ทหารชั้นผู้น้อยฝ่ายกบฏรอจังหวะอยู่แล้วก็ทิ้งที่มั่นเปิดแน่บ ทหารรัฐบาลแทบจะเดินเซิ้งเข้าไปยึดปากช่อง ทางกองบัญชาการก็ดีใจว่าภารกิจสำเร็จตามเป้าหมายไม่ได้คำนึงว่ายิงข้าศึกตายได้กี่คน นี่คล้ายๆเรื่องที่นักบินได้รับคำสั่งให้ไปทิ้งระเบิด แต่ก็เอาลูกระเบิดไปทิ้งไปขว้างให้ดังตูมๆแต่พอให้ข้าศึกข้างล่างหัวหด


บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 97  เมื่อ 27 มิ.ย. 12, 13:33

ผมคิดเลยเถิดไปว่า วันแรกที่รัฐบาลสั่งให้ทหารเรือเอาเรือปืนสุโขทัยขึ้นไปยิงดอนเมือง เอาแผนที่ดอนเมืองของคุณหนุ่มสยามมาประกอบ อาคารกรมอากาศยานมีกระจุ๋งเดียว นอกนั้นเป็นท้องไร่ท้องนาหาบ้านน้อยมาก  ถ้าทหารเรือทำแบบทหารปืนใหญ่ป.ต.อ.หรือทหารรถถัง ยิงคล่อมๆเป้าไปพอให้เห็นฤทธิ์กระสุนสักตับสองตับ ศึกอาจจะจบได้เร็วกว่าที่เป็นไป และผู้บัญชาการทหารเรือคงไม่ตกเป็นจำเลย ต้องติดคุกในคดีกบฎ


บันทึกการเข้า
samun007
องคต
*****
ตอบ: 446


ความคิดเห็นที่ 98  เมื่อ 27 มิ.ย. 12, 14:02

สำหรับศพของท่านเจ้าคุณศรีสิทธิสงคราม ก็มีอันให้พิศวง งงงวย กันอยู่นาน

อ้างอิงจากหนังสือของคุณลุงสรศัลย์ผู้ล่วงลับท่านบอกไว้ว่า แรกเริ่ม ทางการปิดข่าวและรีบจัดการฌาปนกิจที่วัดมะกอก ข้าง ๆ โรงพยาบาลพระมงกุฏในปัจจุบัน โดยมีเพื่อนร่วมรุ่นขเด็ทเยอรมันไปกันพอสมควร เพื่อนรักเจ้าคุณศรีฯ อย่าง พระยาศรีพิชัยสงคราม ถึงกับเป็นผู้ขอเปิดดูศพให้แน่ใจว่าเป็นเจ้าคุณศรีสิทธิสงครามจริง ๆ

หลังจากฌาปนกิจแล้ว ก็ไม่รู้ว่าใครกำลังเล่นสงครามจิตวิทยากับใคร เพราะอัฐิเจ้าคุณล่องหนไปอยู่หลายปี บางครั้งก็บอกว่าอยู่ที่นั่นบ้าง พอครอบครัวจะไปขอรับก็ไม่มี

สุดท้ายหลังจากเหตุการณ์สงบไปหลายปี ก็มีหนังสือจากทางราชการบอกมายังครอบครัวท่านเจ้าคุณฯ ว่า ให้ไปรับอัฐิได้ที่วัดน้อยนพคุณ (ถนนเกษะโกมล)

คุณป้าโชติศรีบุตรีท่านเจ้าคุณฯ บอกว่าของใช้ส่วนตัวท่านเจ้าคุณฯ หายไปหลายรายการ ทั้งพระสมเด็จ(น่าจะวัดระฆัง แต่พิมพ์อะไรไม่ทราบนะครับ) แล้วก็อีกหลายรายการ หายแล้วก็หายเลย.....


และจากหนังสือ คนไทยในกองทัพนาซี ของท่านพันเอกวิชา ฐิตวัฒน์ นายร้อยรุ่นน้องที่ไปเรียนต่อเยอรมัน เล่าให้ฟังว่า

หลังจากที่เยอรมันแพ้สงคราม ท่านโดนคุมขังไว้ในค่ายกักกันนาซีไปด้วย ท่านได้ไปเจอเพื่อนร่วมรุ่นสามทหารเสือไทย มีอยู่รายเป็นนายพลอากาศ เป็นเพื่อนสนิทมากของท่านเจ้าคุณศรีสิทธิสงคราม ตั้งแต่ยังอยู่นายร้อยเยอรมันด้วยกัน ยังถามท่านผู้พันวิชาถึงเพื่อนรักว่าเป็นไปอย่างไรบ้าง ท่านวิชาก็เลยบอกไปว่าเสียชีวิตไปแล้ว แล้วก็เล่าเรื่องของท่านอื่น ๆ ให้ฟังด้วย

ถ้าจำไม่ผิด นายพลอากาศผู้นี้ได้สอนวิชาการวางกลยุทธให้ท่านวิชาอีกรอบด้วยนะครับ
บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 99  เมื่อ 27 มิ.ย. 12, 14:03

คดีกบฏบวรเดชมีผู้ต้องหาและผู้ต้องสงสัยทั้งที่มอบตัวและถูกจับกุมเป็นนายทหารและทหารชั้นผู้น้อย รวมทั้งข้าราชการและพลเรือนกว่าห้าร้อยคน ซึ่งมีพวก“ปากพาซวย”ทั้งหลายรวมอยู่ด้วย เช่นนายหรั่งเจ้าของลิเกเจ้าดังในย่านดอนหวายยันดาวคะนอง ที่ร้องออกแขกเอาฮาว่า
 
“เจ้าคุณพหลเป็นต้นเหตุ
พระองค์บวรเดชเป็นต้นเรื่อง
ขับเจ้าเข้าป่า
แล้วเอาหมามานั่งเ มื อ ง ง งงงงงงง  ”

มีพวกลูกหมาเอาไปรายงานนาย สอบสวนแล้วจำเลยยอมรับ ..งี้ก็เสร็จซิครับ

รัฐบาลตั้งศาลพิเศษขึ้นพิจารณาคดีที่อัยการสั่งฟ้องผู้ต้องหา๒๕๐คน ใช้เวลาพิจารณาคดี๑ปีเต็มพิพากษาจำเลย ให้ประหารชีวิต ๖ คน จำคุกตลอดชีวิต๖๑คน  จำคุก๒๐ปี๖คน  จำคุก๑๖ปี๑๗คน  จำคุก๑๕ปี๒คน  จำคุก๑๔ปี๑๓คน  จำคุก๑๒ปี๘๙คน  จำคุก๑๐ ปี๙คน  จำคุก๙ปี๓๘คน  จำคุก๕ปี๑คน  จำคุก๓ปี๒คน  จำคุก๒ปี๒คน  จำคุก๑ปี๑คน  จำคุก๖เดือน๒คน  จำคุก๔เดือน๑คน  รวมทั้งสิ้น๒๕๐คน
 
จำเลยที่ต้องคำพิพากษาให้ประหารชีวิต ต่อมาสมเด็จพระปกเกล้าฯไม่ทรงยอมลงพระปรมาภิไธย ถึงทรงสละราชสมบัติไปแล้ว ก็ไม่มีผู้สำเร็จราชการแผ่นดินท่านใดยอมลงนามให้ประหารเหมือนกัน รัฐบาลจึงได้ยอมลดโทษลงมาเป็นจำคุกตลอดชีวิต แต่ถูกส่งไป”ปล่อยเกาะ”ที่ตะรูเตา
ห้าปีเศษต่อมา รัฐบาลได้จัดทำการอบรมนักโทษการเมืองที่เป็นนายทหารชั้นผู้น้อย แล้วปลดปล่อยเป็นอิสระ
ยี่สิบสี่ปีหลังจากนั้น เมื่อสงครามโลกครั้งที่๒ยุติลง รัฐบาลนายควง อภัยวงศ์ได้ออกกฎหมายนิรโทษกรรมนักโทษการเมืองทุกยุคทุกสมัย ทำให้บรรดานายทหารและข้าราชการที่ยังต้องโทษอยู่ หรือพ้นโทษไปแล้ว แต่ถูกถอดยศและบรรดาศักดิ์เพราะต้องคำพิพากษาจำคุก เป็นอิสระชนและได้รับพระราชทานยศถาบรรดาศักดิ์คืนทั้งหมดเสมือนไร้ความผิด สิ้นมลทิน


บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 100  เมื่อ 27 มิ.ย. 12, 14:13

อ้างถึง
และจากหนังสือ คนไทยในกองทัพนาซี ของท่านพันเอกวิชา ฐิตวัฒน์ นายร้อยรุ่นน้องที่ไปเรียนต่อเยอรมัน เล่าให้ฟังว่า

หลังจากที่เยอรมันแพ้สงคราม ท่านโดนคุมขังไว้ในค่ายกักกันนาซีไปด้วย ท่านได้ไปเจอเพื่อนร่วมรุ่นสามทหารเสือไทย มีอยู่รายเป็นนายพลอากาศ เป็นเพื่อนสนิทมากของท่านเจ้าคุณศรีสิทธิสงคราม ตั้งแต่ยังอยู่นายร้อยเยอรมันด้วยกัน ยังถามท่านผู้พันวิชาถึงเพื่อนรักว่าเป็นไปอย่างไรบ้าง ท่านวิชาก็เลยบอกไปว่าเสียชีวิตไปแล้ว แล้วก็เล่าเรื่องของท่านอื่น ๆ ให้ฟังด้วย

ถ้าจำไม่ผิด นายพลอากาศผู้นี้ได้สอนวิชาการวางกลยุทธให้ท่านวิชาอีกรอบด้วยนะครับ


คงเล่าจากปากต่อปากจนเพี้ยนจากพระประศาสตร์เป็นนายพลอากาศ

พ.ท.พระประศาสตร์พิทยายุทธ ๑ใน๔ทหารเสือคณะราษฏร์ ได้ถูกนายปรีดี"จัดให้"หนีหลวงพิบูลไปเป็นทูตที่เบอร์ลิน และติดอยู่จนสงครามยุติ กองทัพโซเวียตได้เอาตัวไปขังไว้ในค่ายเชลยในไซบีเรีย(อย่าลืมว่าไทยประกาศร่วมรบกับญี่ปุ่น จึงถูกถือว่าอยู่ในฝ่ายอักษะด้วย) ถึงรอดจากความหนาวเย็นโครตๆๆกลับมาได้ก็เสียศูนย์ ตายอย่างถูกลืม

ในเรื่องพระยาทรงมีความโดยละเอียดครับ
บันทึกการเข้า
werachaisubhong
องคต
*****
ตอบ: 449



เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 101  เมื่อ 27 มิ.ย. 12, 14:43

วันที่๒๕ตุลาคม
ตั้งแต่เช้ามืด พลตรีพระยาเสนาสงครามซึ่งนัดนายทหารที่ยังเหลืออยู่ทุกนไปรวมพลอยู่ที่สถานีรถไฟบุรีรัมย์  ได้สั่งการให้ร.อ.หลวงหาญรอนรบ ผู้บังคับกองร้อยทหารม้านำทหารและอาวุธกลับไปนครราชสีมารอมอบตัวกับฝ่ายรัฐบาลที่นั่น

ส่วนนายทหารระดับผู้ก่อการอันได้แก่ พลตรีพระยาเสนาสงคราม พันเอกพระยาไชยเยนต์ฤทธิรงค์ พันเอกพระยาเทพสงคราม พันเอกพระยาศรีสุรศักดิ์ พันโทพระปัจจานึกพินาศ พันโทหลวงจรูญฤทธิไกร พันตรีหลวงลพบาดาล พันตรีหลวงเร้าเร่งพล พันตรีหลวงแผลงสะท้าน ร้อยเอกหลวงไล่พลรบ ร้อยเอกหลวงโหมรอนราญ ร้อยโทขุนสารภีพิชิต ร้อยโทขุนโรจน์วิชัย และอีกหลายคน ใช้ม้าของกองพันทหารม้าที่๓ มีนายสิบคุ้มกันพร้อมปืนกลเบาอีก๔ม้า รวมทั้งหมดกว่า๓๐ม้า ออกเดินทางจากบุรีรัมย์ผ่านช่องเสม็ดเข้าดินแดนเขมร  เพื่อมอบตัวกับรัฐบาลอินโดจีนฝรั่งเศส
.
.
หลังจากนั้นก็แยกย้ายทางใครทางมัน

ส่วนนายทหารที่ขี่ม้าหนีเข้าเขมรนั้นรอดจากการจับกุมหรือไม่ครับ
บันทึกการเข้า

ฅนเมียงแป้ มาอยู่ เจียงฮาย
samun007
องคต
*****
ตอบ: 446


ความคิดเห็นที่ 102  เมื่อ 27 มิ.ย. 12, 15:02


คงเล่าจากปากต่อปากจนเพี้ยนจากพระประศาสตร์เป็นนายพลอากาศ


ต้องขออภัยครับ ผมอาจจะสื่อความไม่ชัดเจน นายพลอากาศที่ท่านผู้พันวิชาไปพบที่ค่ายกักกันนาซีในออสเตรียนั้น เป็นคนเยอรมันครับ และเป็นเพื่อนรักท่านเจ้าคุณศรีสิทธิสงครามครับ

ส่วนคุณพระประศาสตร์ ก็แทบจะหมดตัวครับ เพราะสถานทูตโดนบอมบ์ แถมยังเจอทหารรัสเซียปล้นซ้ำอีกรอบครับ
บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 103  เมื่อ 27 มิ.ย. 12, 16:22

อ้างถึง
ส่วนนายทหารที่ขี่ม้าหนีเข้าเขมรนั้นรอดจากการจับกุมหรือไม่ครับ

รอดจากรัฐบาลสยามน่ะรอดครับ ฝรั่งเศสเขาไม่ส่งตัวคืนหรอก แต่ต้องอยู่แบบอยู่อย่างอยากและอย่าน่ะครับ อย่าคือห้ามยุ่งกับการเมืองอีก พวกนี้ที่ไม่ใช่เศรษฐีทางบ้านมีเงินส่งไปให้ ก็ต้องใช้ชีวิตอย่างยากจนหาเช้ากินค่ำ จึงมีบางคนยอมกลับมามอบตัวติดคุกเมืองไทยก็มี
ดูเหมือนในเรื่องพระยาทรงผมจะเขียนเล่าไว้ด้วย ตอนที่พระยาทรงถูกเนรเทศไปที่นั่นและพบกับพวกที่หนีไปอยู่เก่านี้
บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 104  เมื่อ 27 มิ.ย. 12, 17:08

อ้างถึง
ต้องขออภัยครับ ผมอาจจะสื่อความไม่ชัดเจน นายพลอากาศที่ท่านผู้พันวิชาไปพบที่ค่ายกักกันนาซีในออสเตรียนั้น เป็นคนเยอรมันครับ และเป็นเพื่อนรักท่านเจ้าคุณศรีสิทธิสงครามครับ

ส่วนคุณพระประศาสตร์ ก็แทบจะหมดตัวครับ เพราะสถานทูตโดนบอมบ์ แถมยังเจอทหารรัสเซียปล้นซ้ำอีกรอบครับ

อ้อ..ครับ

สงสัยเค้ารบกันดุเดือดเกินโน๊ตบุ๊คของผมพังไปแล้ว นี่ไปขอยิ้มของศรีภรรยามาเปิดดู ตัวอักษรยังเล็กๆไม่ได้ปรับ อ่านที่คุณสมุน007เขียนทหารรัสเซียปล้นอีกรอบเป็นปล้ำอีกรอบ สดุ้งเฮือก พระประศาสตร์น่ะนะโดนทหารรัสเซียปล้ำ? แต่พอขยายขนาดมาแก๊กหนึ่งก็หมดปํญหา

ภาพยังมีอีกเยอะ ผมจะทยอยเอาลงไปเรื่อยๆ ตอนนี้ผู้อ่านทุกท่านมีพื้นแล้ว จะเข้ามาแจมก็เชิญช่วงไหนก็ได้




บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 5 6 [7] 8 9 ... 23
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.078 วินาที กับ 20 คำสั่ง