ช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้ นักบินชั้นประทวนที่ถูกจำกัดบริเวณอยู่ที่สนามบินดอนเมือง ได้จังหวะนำเครื่องบินรบแบบ “นิเออปอรต์ เดอลาส" ๒เครื่อง หนีไปสวามิภักดิ์รัฐบาลโดยไปวนจะลงสู่สนามหลวงทางด้านทิศใต้ เครื่องหนึ่งผ่านพระบรมมหาราชวังในระดับต่ำมากจนพุ่งเข้าชนมุมชายคาพระที่นั่งองค์หนึ่งในเขตพระราชฐานชั้นใน เครื่องบินตกลงพังพินาศ สิบตรีแฉล้ม นักบินสลบคาที่ใกล้จะหมดลมรอมร่อ เจ้าหน้าที่สำนักพระราชวังต้องรีบหามออกไปให้สิ้นใจภายนอกกำแพงวัง เพื่อหลีกเลี่ยงที่จะต้องทำพิธี“กลบบัตรสุมเพลิง"ณ จุดที่ถึงแก่กรรม ตามประเพณีของราชสำนัก
อีกลำหนึ่งสิบตรีเสริม ชุมแสง เป็นนักบิน ลงไปปะทะกิ่งมะขามที่สนามหลวงแต่นักบินปลอดภัย รัฐบาลติดยศร้อยตรีให้ทันทีพร้อมออกวิทยุกระจายข่าวใหญ่โต โฆษณาชักจูงให้นักบินนำเครื่องมาสวามิภักดิ์ต่อรัฐบาลอีก ทำให้นักบินที่เหลือและประกาศวางตนเป็นกลางถูกทหารนครราชสีมากักบริเวณในฐานทัพดอนเมืองอย่างเข้มทันที
ขอแทรกนิดหนึ่งค่ะ
การรบกันครั้งนี้ ประชาชนผู้ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ก็อกสั่นขวัญแขวนไปตามๆกัน ผลกระทบรวมไปถึงเจ้านายฝ่ายในในพระบรมมหาราชวังด้วย ดังที่บันทึกเอาไว้ในหนังสือ "ดวงแก้วแห่งพระมงกุฎเกล้า" ตอนที่เครื่องบินสิบตรีแฉล้มตกในเขตพระบรมมหาราชวังว่า
“ในกำแพงพระบรมมหาราชวังหาใช่ปลอดภัยอย่างที่คิด เพราะมีเครื่องบินเล็กลำหนึ่งประสบอุบัติเหตุตกลงบริเวณกำแพงแก้ว ด้านหลังพระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน ใกล้กับตำหนักที่พระนางสุวัทนาฯ และสมเด็จเจ้าฟ้าเพชรรัตนฯประทับอยู่พอดี...ประตูพระบรมมหาราชวังทุกชั้นถูกปิดลั่นดาลหมด คนในไม่ได้ออก คนนอกไม่ได้เข้า เหมือนถูกขังอยู่”
“เหตุการณ์นี้ทำให้พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯ ยิ่งทรงปริวิตกถึงสวัสดิภาพของเจ้านายฝ่ายในเป็นอย่างยิ่ง จึงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯให้เจ้าพระยาวรวงศ์พิพัฒน์ (หม่อมราชวงศ์เย็น อิศรเสนา) นำเสด็จสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสามาตุจฉาเจ้า สมเด็จเจ้าฟ้ากรมขุนเพชรบุรีราชสิรินธร สมเด็จเจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดาฯ พระนางเจ้าสุวัทนาฯ รวมทั้งเจ้านายฝ่ายในอีกหลายพระองค์ หลีกลี้วิกฤตทางการเมืองในพระนคร ไปประทับที่ตำหนักเขาน้อย จังหวัดสงขลา ซึ่งเคยเป็นตำหนักของสมเด็จเจ้าฟ้ากรมหลวงลพบุรีราเมศวร์”