เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 8 9 [10] 11 12 ... 23
  พิมพ์  
อ่าน: 131503 กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12600



ความคิดเห็นที่ 135  เมื่อ 28 มิ.ย. 12, 11:45

พระยาสุรพันธ์เสนีต้องหนีเข้าป่ากะเหรี่ยงเพื่อข้ามเขตแดนไปยังฝั่งพม่าด้านตำบลสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี แต่ก็ต้องถูกจับกุมได้ในที่สุด แล้วถูกส่งตัวไปจำคุกบางขวางในฐานะนักโทษการเมือง ภายหลังถูกส่งไปยังที่เกาะตะรุเตา

คนที่ให้เบาะแสกับตำรวจที่ตามจับพระยาสุรพันธ์เสนีคือกำนันตาไม้ ผู้นำกระเหรี่ยงสวนผึ้ง

คุณ karen หลานของกำนันตาไม้เล่าไว้ในกระทู้พระยาทรงสุรเดช

เกริ่นนำ  พันเอก พระยาสุรพันธ์เสนีย์  อิ้น  บุนนาค เทศาภิบาลมณฑลราชบุรี
 สายตระกูลบุนนาค เมืองเพชรบุรี  พ่อตาของ  มนัส  ยรรยงค์
            มนัส  ยรรยงค์  ได้เขียน ประวัติในหนังสือชื่อ   " ฝันร้ายในชีวิตจริงของข้าพเจ้า " ( ถูกพิมพ์ในหนังสือเครือต่วยตูน)
ตอนหนึ่งกล่าวถึง  พระยาสุรพันธ์ หนีฝ่ายรัฐ หวังจะออกไปพม่า ทาง ทวาย ไปทางหมู่บ้านกะเหรี่ยงสวนผึ้ง ราชบุรี 
เพราะรู้จักคุ้นเคยกับผู้นำกะเหรี่ยงสวนผึ้ง คือ  กำนัน ตาไม้  และ ลูกชาย ระเอิน  บุญเลิศ ( ท่านแรกคือ ปู่ ท่านที่ 2 คือ พ่อ ผมครับ)
วันที่ท่านพระยาสุรพันธ์หนีมาถึงสวนผึ้ง    อาผมคือ  โสภา  แต่งงานพอดี คนที่พระยาสุรพันธ์ รับไปเลี้ยง หวังจะให้คนป่า เป็นคนเมือง ที่จวนราชบุรี

                                    ....................................ฯลฯ............................

วันที่ตำรวจโรงพัก จอมบึง มาขู่บังคับ ให้  ตาไม้ ตามจับ พระยาสุรพันธ์   
ช่วงเวลาที่ พระยาสุรพันธ์ "จนตรอก"
วันเวลาที่กะเหรี่ยงสวนผึ้ง สยายเส้นผม ล้างเท้า พระยาสุรพันธ์ ด้วยผงขมิ้นและน้ำส้มป่อย
สุดท้าย  กำนัน กะเหรี่ยง สวนผึ้งที่ชื่อ ตาไม้   ถูกหาว่าทรยศ ต่อ เพื่อนและผู้บังคับบัญชา ( พระยาสุรพันธ์ )

  เรื่องราวเหล่านี้ ยังคงถูกเล่าต่อปากต่อปาก  ส่งต่อจากคนรุ่นหนึ่งสู่รุ่นหนึ่ง
  กาลเวลา  ย่อมกลืนกินสรรพสิ่ง  อีกไม่นาน  ประวัติศาสตร์ท้องถิ่น เรื่องราวของ " คนใน" คงจะลบเลือน
  ดังคำกล่าวของคนกะเหรี่ยงสวนผึ้งที่ว่า

          ...เส้นทางเดิน  ถ้าไม่มีคนใช้  อีกไม่นานก็จะลบเลือน
             ญาติพี่น้อง    ถ้าไม่ไปมาหาสู่กัน  อีกไม่นานก็ไม่รู้จักกัน
             เรื่องเก่าๆ  ถ้าไม่นำมาเล่า  อีกไม่นานก็จะหลงลืม.."

                    karen suanphung



 เศร้า
บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 136  เมื่อ 28 มิ.ย. 12, 14:20

เรื่องราวของพันตรี หลวงสรสิทธยานุการ(สิทธิ์ แสง-ชูโต)หายไปจากหน้าประวัติศาสตร์ ผมตามเจอเพียงเล่มเดียวที่เอ่ยถึงท่านขณะต้องโทษจำคุกอยู่ที่บางขวาง ตามที่สำเนามาลงไว้ข้างท้าย

และหนังสือเล่มนี้มิได้เอ่ยชื่อท่านอีกเลย แม้เมื่อกล่าวถึงตะรูเตาและเกาะเต่าซึ่งรัฐบาลเอานักโทษการเมืองครั้งกบฏบวรเดชที่มีโทษสูงกว่า๑๕ปีไปกักขังไว้ มีการเอ่ยชื่อนักโทษหลายต่อหลายคน แต่ไม่ปรากฏชื่อท่าน แต่ก็มิได้แปลว่าท่านมิได้อยู่ที่นั่น เพราะผู้ที่มีโทษผิดคล้ายๆกันคือ นาวาเอกพระวิชิตชลธี ผู้บัญชาการทหารเรือ ศาลพิเศษ๒๔๗๕ ยังได้ระบุโทษถึงจำคุกตลอดชีวิต แต่ท่านหลังนี้โชคดีกว่า หลังจากอยู่บางขวางเพียง๘เดือนก็มีเหตุที่ทำให้หลุดคดีออกมาได้อย่างอัศจรรย์

ต้องเล่าซะหน่อยแล้ว

เมื่อท่านไม่ยอมนำเรือหลวงสุโขทัยขึ้นไปยิงถล่มดอนเมืองตามบัญชาของวังปารุสก์ อันหมายถึงพระยาพหลคนดีนายกรัฐมนตรีนั่นแหละ ก็สั่งให้เรือรบทุกลำ"ไปบางนา"เมื่อ๑๓ตุลาคม๒๔๗๖ ขณะเคลื่อนขบวนเรือในแม่น้ำ นาวาตรี หลวงศุภชลาศัย(บุง ศุภชลาศัย) ผู้ก่อการคนหนึ่งของคณะราษฏร์ก็นำรถรบจากวังปารุสก์ไปสกัดกั้นที่สะพานพระพุทธยอดฟ้า โดยสั่งให้ปิดสะพาน แต่ไม่ทัน จึงยิงสกัดไปที่เรือจูงบรรทุกนาวิกโยธิน แต่ถูกยิงสวนจนพลประจำรถตาย  เรือหลวงพาลีรั้งทวีป เรือหลวงสุริยมณฑล ทราบเหตุการณ์ปะทะจึงขออนุญาตไม่ร่วมขบวน เพราะเกรงจะถูกสกัดมิให้ผ่านไปได้  ต่อมา เห็นอนาคตสดใสก็อาสาไปช่วยรัฐบาลปราบกบฏ ทั้งที่อยุธยาและที่หินลับ ดังภาพที่ผมนำลงไปแล้ว

เมื่อจอดเติมเสบียงที่บางนาแล้ว ตัวผู้บัญชาการทหารเรือก็ลงหลวงสุโขทัยออกทะเลไปกับเรือหลวงเจ้าพระยาเพื่อตรวจอ่าวตามแผนเดิมที่มีอยู่แล้ว ครั้นมาถึงสงขลา ขณะทอดสมออยู่นอกฝั่งมีเรือเล็กวิ่งเข้าเทียบ ปรากฏว่าเป็นสมุหราชองครักษ์มาเพื่อแจ้งว่า ขณะนั้นพระเจ้าอยู่หัวเสด็จประทับอยู่ที่สงขลาพร้อมเจ้านายฝ่ายในสูงพระชนมายุหลายพระองค์ ขออย่าให้ส่งทหารเรือขึ้นบกให้เป็นที่ตกพระทัย ท่านจึงตามไปเฝ้ากราบบังคมทูลว่ามิได้มาตามคำสั่งของรัฐบาล ทรงทราบทราบเช่นนั้นจึงขอให้ท่านอยู่ถวายอารักขาซึ่งท่านก็เต็มใจ แต่ขอให้ทรงแจ้งให้ทางฝ่ายรัฐบาลทราบพระราชประสงค์นี้ด้วย จึงทรงโทรเลขถึงวังปารุสก์แล้วพระราชทานสำเนาให้พระยาพระวิชิตชลธีเก็บไว้

เหตุดังกล่าวทำให้รัฐบาลไม่พอใจพระยาพระวิชิตชลธียิ่งขึ้น แม้ฝ่ายกบฏจะพ่ายไปแล้วแต่ยังคงไม่เสด็จกลับพระนครอีกหลายเดือน ความแตกแยกในวงการทหารเรือจึงได้ปรากฏขึ้นอย่างชัดเจน มีการยุยงให้ทหารในเรือหลวงสุโขทัยและเรือหลวงเจ้าพระยาแข็งข้อต่อผู้บังคับบัญชาของตน จะให้นำเรือกลับโดยกล่าวหาว่าท่านเป็นกบฏ แต่พระยาวิชิตชลธี ก็สามารถระงับเหตุการณ์และจับพันจ่าโท จำรัส บุญญะสูต ตัวหัวหน้ากักขังไว้ เมื่อตามเสด็จกลับมาถึงฐานก็ส่งตัวเข้าเรือนจำทหารเรือ สร้างความไม่พอใจให้แก่กลุ่มของหลวงศุภชลาศัยเป็นอย่างมาก เรือเอกประเสริฐ ศุขสมัย ผู้บังคับกองร้อยคนหนึ่งได้นำทหารนาวิกโยธินหมวดตนเข้ายึดที่ทำการกองบังคับการกองทัพเรืออย่างอุกอาจ เมื่อ๙มกราคม๒๔๗๗  หลังสอบสวน เรือเอกประเสริฐซัดทอดหลวงศุภชลาศัยว่าอยู่เบื้องหลัง พระยาพหลจึงมีคำสั่งย้ายนายทหารเรือหัวรุนแรงคนนี้ไปดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมพลศึกษา ส่วนนาวาเอกพระยาวิชิตชลธี สุภาพบุรุษแห่งราชนาวี แม้ลาออกจากราชการไปเพื่อให้ยุติเหตุร้าวฉานในกองทัพเรือ ก็ยังถูกจับในข้อหากบฏเมื่อ๒มีนาคม๒๔๗๗  และถูกจองจำทีบางขวาง ทุกครั้งที่มีการพิจารณาคดี เจ้าหน้าที่จะนำผู้ต้องหาใส่กุญแจมือลงเรือจากเมืองนนท์มาขึ้นที่ท่าช้าง ผ่านเรือรบลำใด จ่ายามจะเป่านกหวีดและทหารในเรือทุกคนจะยืนรายกราบแสดงความเคารพในขณะที่เรือบรรทุกนักโทษผ่านไป เพราะเรือลำนั้นมีอดีตผู้บังคับบัญชาผู้เสียสละตนเพื่อคนส่วนใหญ่ของพวกเขาอยู่ด้วย การกระทำนี้มาถึงหูของรัฐบาลเนืองๆ แต่จะหาเรื่องเอาผิดกับใครก็ไม่ได้

เมื่อใกล้พิพากษา วังปารุสก์เอาโผมาดูเห็นว่านักโทษรายพระยาวิชิตชลธีนี่ อยู่ในบัญชีที่ต้องโทษจำคุกตลอดชีวิต แต่ขณะนั้นคดีความของเรือเอกประเสริฐ ศุขสมัยยังค้างอยู่ที่ศาลทหารเรือเหมือนกันและทำท่าจะลามมาถึงหลวงศุภชลาศัย ดังนั้นเพื่อตัดไฟแต่ต้นลม จึงอ้างเหตุเพื่อความปรองดองของทหารเรือ ตัดจำหน่ายคดีเรือเอกประเสริฐ ศุขสมัย และเพื่อให้เจ๊ากันไป จึงเรียกอัยการศาลพิเศษมาถอนฟ้องพระยาวิชิตชลธีด้วย เมื่อ๑๘ ธันวาคม ๒๔๗๗

อ้อ หลวงสรสิทธยานุการ(สิทธิ์ แสง-ชูโต) มีชื่ออยู่ในรายนามวุฒิสภาชุดที่๒ พ.ศ.๒๔๘๙ ซึ่งเป็นรัฐบาลหลังสงครามโลกครั้งที๒เมื่อสิ้นอำนาจของรัฐบาลเผด็จการหลวงพิบูล แสดงว่าท่านหนังเหนียว รอดช่วงชีวิตอันขมขื่นมาได้อย่างอยู่ในสภาพดี 
อดีตนักโทษการเมืองครั้งกบฏบวรเดชลงมาเล่นการเมืองฉลองรัฐธรรมนูญฉบับใหม่กันมาก และชนะการเลือกตั้งเข้าสภากันแบบยกทีม แต่ไม่นาน สภาก็ล่มอีก ไม่รู้เป็นอะไรสิน่า การเมืองไทย
 




บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 137  เมื่อ 28 มิ.ย. 12, 14:58

อ้างจาก: NAVARAT.C
อ้างถึง
อ้างถึง
ถามคุณเพ็ญชมพู
ถ้าทหารไม่ว่าฝ่ายรัฐบาลหรือฝ่ายพระองค์เจ้าบวรเดช จะไปถึงหัวหินให้ได้ โดยไม่ผ่านเพชรบุรี ทำได้ไหม?

อ้างถึง
โห ลำเอียงแท้ ทีคำถามง่ายๆท่านให้คุณเพ็ญตอบ

ไปทางเรือซีครับ ไปเยอะๆก็ได้
หรือทางอากาศ ทั้งรัฐบาลและพระองค์เจ้าบวรเดชก็ใช้วิธีนี้ส่งสาส์นมาในวังบ่อยๆ


อ้างจาก: เพ็ญชมพู
อ้างถึง
ตอบไม่ทันคุณนวรัตน

คำตอบเดียวกัน ทางเรือและทางอากาศ


อ้างถึง
ก็อยากได้ยินคำตอบนี้ละค่ะ ช่วยย้อนกลับไปอ่านคำตอบของเจ้าคุณสุรพันธ์เสนีอีกทีซีคะ นึกหรือว่าท่านจะไม่รู้ข้อนี้
แต่อะไรเขียนได้ท่านก็เขียน อะไรไม่ควรเขียนท่านก็คงไม่เขียน

หน้า ๑๗, ๑๙, ๒๑

"แม้ข้าพเจ้าไม่มีความประสงค์ที่จะยกกำลังทหารทั้งราชบุรีและเพชรบุรีไปต่อสู้กับทหารของรัฐบาล ข้าพเจ้ามีความประสงค์อยู่อย่างเดียวเท่านั้น คือ จะป้องกันและรักษาความปลอดภัยของพระมหากษัตริย์ตามหน้าที่ของข้าพเจ้าเท่านั้น"

"ในวันที่ ๑๒ สื่งที่สำคัญที่สุด ก็คือได้กำชับไปว่า เราไม่ได้ระดมทหารครั้งนี้เพื่อไปรบราฆ่าฟันกับใตร เพียงแต่เราต้องการกำลังทหารมาเพื่อป้องกันและถวายความปลอดภัยแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเราเท่านั้น"

"ข้าพเจ้าเป็นทหารตั้งแต่น้อยคุ้มใหญ่ ก็ได้ยินแต่คำว่า ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ มันจับเข้าไปในสายเลือดแล้ว ละลายอยู่ในนั้น ในสายเลือดของข้าพเจ้า"

"เราเริ่มจ่ายทหารออกประจำอยู่ตามจุดสำคัญ ๆ หลายแห่ง เพื่อป้องกันมิให้ทหารฝ่ายใดก็ตามไม่ว่าจะฝ่ายพระองค์เจ้าบวรเดช หรือทหารฝ่ายรัฐบาล ไม่ให้ล่วงล้ำเลยจังหวัดเพชรบุรีลงไปทางใต้ได้ ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพื่อจะถวายความปลอดภัยแด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นที่ตั้ง


พิโธ่เอ๋ย ท่านขุดหลุมดักคุณเพ็ญ พ๋มก็ทะเล่อทะล่าพุงหลาวลงไปซะก่อน


บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 138  เมื่อ 28 มิ.ย. 12, 19:51

ต่อภาพอีกชุดหนึ่ง เป็นวันทำขวัญเมืองหลังจากเกิดเหตุการณ์กบฏไปแล้ว โดยทหารพระนครที่ตามไปถึงอุบลราชธานีได้ถอยมาตั้งกองบัญชาการรักษาความสงบที่โคราชต่อ และตามธรรมเนียมต้องมีการสวนสนามประกาศชัยชนะ จึงได้กระทำในวันที่๑๗พฤศจิกายน๒๔๗๖




บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 139  เมื่อ 28 มิ.ย. 12, 19:55

สงสัยข้าวยากหมากแพงหรือไงไม่ทราบ บนโต๊ะเครื่องเซ่นสังเวยที่ศาลหลักเมืองจึงรู้สึกจะน้อยๆไปหน่อย



บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 140  เมื่อ 28 มิ.ย. 12, 19:57

เริ่มการสวนสนาม



บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 141  เมื่อ 28 มิ.ย. 12, 19:59

เคลื่อนขบวน




บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 142  เมื่อ 28 มิ.ย. 12, 20:04

ไม่รู้สินะ ผมดูรูปวงโยธะวาฑิตทั้งสองวงนี้แล้ว ดูจะงานวัดๆชอบกล วงทหารเรือไม่ทราบว่าได้กรึ๊บกันแต่เช้าหรือเปล่า ส่วนวงลูกเสือก็น่าสงสารมาก บางคนถุงเท้ารองเท้ายังไม่มีใส่เลย


บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 143  เมื่อ 28 มิ.ย. 12, 20:07

จุดหลักอยู่ที่หน้าประตูชุมพล ตอนนั้นยังไม่ได้สร้างอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี



บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 144  เมื่อ 28 มิ.ย. 12, 20:10

กำลังรบทั้งหมด เดินทัพสวนสนามผ่านประตูชุมพล เป็นอันเสร็จพิธี




บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 145  เมื่อ 28 มิ.ย. 12, 21:10

เรื่องราวของพันตรี หลวงสรสิทธยานุการ(สิทธิ์ แสง-ชูโต)หายไปจากหน้าประวัติศาสตร์ ผมตามเจอเพียงเล่มเดียวที่เอ่ยถึงท่านขณะต้องโทษจำคุกอยู่ที่บางขวาง ตามที่สำเนามาลงไว้ข้างท้าย

อ้อ หลวงสรสิทธยานุการ(สิทธิ์ แสง-ชูโต) มีชื่ออยู่ในรายนามวุฒิสภาชุดที่๒ พ.ศ.๒๔๘๙ ซึ่งเป็นรัฐบาลหลังสงครามโลกครั้งที๒เมื่อสิ้นอำนาจของรัฐบาลเผด็จการหลวงพิบูล แสดงว่าท่านหนังเหนียว รอดช่วงชีวิตอันขมขื่นมาได้อย่างอยู่ในสภาพดี 
อดีตนักโทษการเมืองครั้งกบฏบวรเดชลงมาเล่นการเมืองฉลองรัฐธรรมนูญฉบับใหม่กันมาก และชนะการเลือกตั้งเข้าสภากันแบบยกทีม แต่ไม่นาน สภาก็ล่มอีก ไม่รู้เป็นอะไรสิน่า การเมืองไทย

ดิฉันก็จำได้คลับคล้ายคลับคลาว่าคุณหลวงสรสิทธฯกลายเป็นนักโทษการเมือง แต่ไม่แน่ใจว่าที่ตะรุเตาหรือที่ไหน   ท่านรอดชีวิตมาได้ เข้าใจว่ากลับมาอยู่กับบุตรภรรยาและถึงแก่กรรมในวัยชรา
ขอบคุณสำหรับคำตอบค่ะ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 146  เมื่อ 28 มิ.ย. 12, 21:17


พิโธ่เอ๋ย ท่านขุดหลุมดักคุณเพ็ญ พ๋มก็ทะเล่อทะล่าพุงหลาวลงไปซะก่อน

หย่อนเบ็ดครั้งเดียว  ได้ปลาตัวโตติดมาอีกตัวนึง


บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 147  เมื่อ 28 มิ.ย. 12, 21:24

^


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 148  เมื่อ 28 มิ.ย. 12, 22:02

อ้าว อย่าเพิ่งโยนคอมซีคะ  กระทู้มหากาพย์ยังอีกยาว   ตกใจ

เคยอ่านพบในอินทรเนตรนี่ละค่ะว่า พระยาศรีสิทธิสงคราม มีอนุสรณ์ที่ระลึกในการเสียชีวิตของท่านอยู่ที่ไหนสักแห่ง   แต่หาไม่พบว่าตรงไหน
ไม่ได้หมายถึงอนุสาวรีย์ปราบกบฏที่รัฐบาลสร้างขึ้นมาเป็นหลักฐานของชัยชนะในครั้งนี้นะคะ

ใครพอจำได้บ้าง
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12600



ความคิดเห็นที่ 149  เมื่อ 28 มิ.ย. 12, 22:06

หลังเหตุการณ์สู้รบจบลง ข้าราชการพลเรือนและทหารของจังหวัดนครราชสีมาจำนวนมากถูกสอบสวนและลงโทษฐานร่วมมือกับฝ่ายกบฏ โดยเฉพาะผู้นำเมืองนครราชสีมาคืออำมาตย์เอกพระยานายกนรชน (เจริญ ปริยานนท์) สมุหเทศาภิบาล มณฑลนครราชสีมา ซึ่งขณะเกิดเหตุได้ให้ความร่วมือกับฝ่ายกบฏ แม้ว่าพระยานายกนรชนจะเปลี่ยนใจหันมาสวามิภักดิ์ต่อฝ่ายรัฐบาลเมื่อเห็นว่าฝ่ายกบฏถูกปราบปรามจนเกือบจะพ่ายแพ้แล้ว ถึงกับเดินทางมาต้อนรับกองรบฝ่ายรัฐบาลที่สถานีรถไฟสูงเนินเมื่อว้นที่ ๒๕ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๖ เพื่อรายงานให้ทราบว่าบรรดานายทหารที่เข้ากับฝ่ายกบฏพร้อมที่จะกลับมาสวามิภักดิ์ต่อรัฐบาล แต่ก็ไม่ทำให้พระยานายกนรชนรอดพ้นจากการถูกลงโทษได้ ศาลพิพากษาให้จำคุกพระยานายกนรชน ๒๐ ปี แล้วกระทรวงมหาดไทยยังมีคำสั่งให้ถอดยศและบรรดาศักดิ์ตลอดจนเรียกเครื่องราชอิสริยาภรณ์และสัญญาบัตรยศต่าง ๆ ที่เคยได้รับกลับคืนอีกด้วย

ผู้นำสำคัญของเมืองนครราชสีมาอีกคนหนึ่งคือพันเอกพระประยุทธอริยั่น (เชื้อ มโหตตระ) ผู้บังคับการทหารบกนครราชสีมา ถูกนำตัวขึ้นศาลพิเศษในข้อหา "ซ่องสุมผู้คนและสรรพศาสตราวุธโดยเจตนาเพื่อทำลายล้มล้างรัฐบาล เพื่อเปลี่ยนการปกครองของประเทศสยามตามระบอบรัฐธรรมนูญให้เป็นอย่างอื่น" ศาลพิพากษาให้ประหารชีวิต ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงให้จำคุกไว้มีกำหนด ๑๖ ปี

นอกจากนี้ยังมีทหาร ข้าราชการ และประชาชนถูกจับในฐานะร่วมมือกับฝ่ายกบฏ ๒๓๕ คน

รัฐบาลมีคำสั่งให้พระยากำธรพายัพทิศ (ดิศ อินทโสฬศ) ปลัดมณฑลประจำจังหวัดลำปาง มาดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาและทำการแทนสมุหเทศาภิบาลมณฑลนครราชสีมาตั้งแต่วันที่ ๑๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๖ และะให้พันโทพระเริงรุกปัจจามิตร (ทอง รักสงบ) ซึ่งขณะเหตุการณ์กบฏปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้บังคับการกองรบของฝ่ายรัฐบาลและมีตำแหน่งรองจากหลวงพิบูลสงครามมารักษาการตำแหน่งผู้บังคับการจังหวัดนครราชสีมาแทนพันเอกประยุทธอริยั่น ตั้งแต่วันที่ ๒๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๖ และได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้บังคับการจังหวัดทหารบกนครราชสีมาตั้งแต่วันที่ ๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๖ อีกยี่สิบวันต่อมายังได้รับแต่งตั้งเป็นผู้บังคับการมณฑลทหารบกที่ ๓

 ยิงฟันยิ้ม
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 8 9 [10] 11 12 ... 23
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.047 วินาที กับ 19 คำสั่ง