เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33477
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ซานตา เฟเป็นเมืองเล็กๆในรัฐนิวเมกซิโก บ้านช่องร้านรวงต่างๆก็เป็นแบบเมกซิกัน คล้ายๆกับเมืองเทา แต่ว่าขยายใหญ่กว่า เป็นเมืองท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวเดินแทบชนกัน ตามถนนหนทาง ทุกคนที่มาที่นี่ตั้งใจจะไปดู "บันไดมหัศจรรย์" ของเมืองนี้ค่ะ มหัศจรรย์ยังไง เดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง
รูปซ้าย เป็นภาพถ่ายของบันได ในลักษณะดั้งเดิมเหมือนเมื่อแรกสร้าง รูปขวาเป็นบันไดอย่างที่เห็นในปัจจุบัน คือเพิ่มราวบันไดเข้าไป
|
 คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33477
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 1 เมื่อ 12 มิ.ย. 12, 22:04
|
|
สถานที่ในรูปข้างบนนี้คือ Loretto Chapel คงจะแปลเป็นไทยว่าวิหารลอเร็ตโต (ส่วน church = โบสถ์) ตำนานย้อนกลับไปถึงค.ศ. 1853 เมื่อมีคณะแม่ชีของคริสตศาสนานิกายโรมันคาทอลิค มาตั้งโรงเรียนสตรีขึ้นที่ซานตา เฟ มีนักเรียนราว 300 คน ซึ่งก็ถือว่าใหญ่เอาการในสมัยนั้น วิหารน้อยหลังนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งของโรงเรียน สร้างเสร็จเมื่อปี 1878
เมื่อช่างก่อสร้างสร้างวิหารเสร็จ ออกแบบยังไงก็ไม่ทราบ ทั้งๆข้างในก็สวยงามดี แต่ปรากฎว่าระเบียงชั้นบนกับชั้นล่างของวิหารกลับไม่มีทางเชื่อมให้ขึ้นลงถึงกันได้ มีทางเดียวคือต้องสร้างบันไดขึ้นลง ทางคณะชีก็เรียกช่างไม้มาทำบันได แต่ไม่ว่ารายไหนมาเห็นก็ส่ายหน้า บอกว่าไม่ว่าจะสร้างบันไดแบบ ladder หรือ staircase มันก็ทำไม่ได้ทั้งนั้น เพราะที่ว่างสำหรับจะสร้างบันไดตรงนั้น มีไม่กว้างพอ
บันได 2 อย่างนี้ต่างกันยังไง ladder คือบันไดแบบพาด อย่างที่ช่างทาสีใช้กัน staircase คือบันไดเป็นขั้นๆ ก้าวเหยียบขึ้นไปตามขั้น อย่างบันไดตามบ้าน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33477
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 2 เมื่อ 12 มิ.ย. 12, 22:28
|
|
ตำนานเล่าต่อไปว่า เมื่อมาเจออุปสรรคเข้าโดยไม่คาดฝัน คณะแม่ชีก็มีทางออกทางเดียวคือหันเข้าสวดมนตร์อ้อนวอนขอความช่วยเหลือนักบุญโจเซฟ ผู้เป็นนักบุญอุปถัมภ์ของช่างไม้ หลังจากสวดมนตร์อยู่ 9 วัน คำตอบก็มาถึงในร่างของช่างไม้แปลกหน้าคนหนึ่ง จูงลาบรรทุกแผ่นไม้มาที่หน้าโบสถ์ พร้อมด้วยหีบเครื่องมือ แล้วอาสาทำบันไดให้เสร็จ ตำนานยังให้รายละเอียดต่อไปว่า ช่างไม้คนนั้นทำงานคนเดียว และทำเฉพาะเวลากลางคืนเมื่อแม่ชีทั้งหลายไม่เข้ามาในโบสถ์อีกแล้ว หลังจากทำงานอยู่ 2 เดือน บันไดมหัศจรรย์แห่งนี้ก็เสร็จเรียบร้อย สามารถแก้ปัญหาที่ช่างไม้อื่นๆทำไม่ได้ โดยทำเป็นบันไดเวียนซึ่งกินเนื้อที่นิดเดียว เชื่อมเส้นทางจากชั้นบนและชั้นล่างได้อย่างสมบูรณ์
ที่น่าอัศจรรย์ก็คือ เมื่อทำงานเสร็จ ช่างไม้ก็หายตัวไปโดยไม่รับค่าจ้าง ไม่มีแม้แต่จะรอฟังคำขอบคุณ จนป่านนี้ก็ยังไม่รู้ว่าเป็นใครมาจากไหน
ความมหัศจรรย์ของบันไดมีอีกหลายอย่าง จะค่อยๆเล่าต่อไปค่ะ
คณะแม่ชีเชื่อว่านี่คือปาฏิหาริย์จากสวรรค์ ช่างไม้ลึกลับคนนั้นคงไม่ใช่ใครอื่นนอกจากนักบุญโจเซฟ หรือที่ไทยเรียกว่า เซนต์โยเซฟ หรือเซนต์ยอแซฟ ในพระคัมภีร์ไบเบิ้ลเล่าว่า ท่านเป็นบิดาบุญธรรมของพระเยซูคริสต์ คริสตศาสนานิกายโรมันคาทอลิคเชื่อว่า พระนางมารีอา หรือแมรี่มารดาของพระเยซูให้กำเนิดบุตรโดยยังเป็นพรหมจารี มิได้เกี่ยวข้องกับชายใด รวมทั้งช่างไม้โจเซฟผู้เป็นคู่หมั้น แต่ได้รับจากพระเจ้า จึงมีชื่อเรียกว่า The Virgin Mary ส่วนนักบุญโจเซฟนั้นก็รับเป็นผู้ดูแลทั้งแม่และลูกมาด้วยดี สัญลักษณ์ของนักบุญผู้นี้ที่ปรากฏในพระคัมภีร์ก็คือมีลาเป็นพาหนะ และยึดอาชีพช่างไม้ จึงได้รับการยกย่องให้เป็นนักบุญผู้อุปถัมภ์ช่างไม้ทั้งหลาย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33477
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 3 เมื่อ 12 มิ.ย. 12, 22:42
|
|
จากนี้ก็ถึงตอนสำคัญ
บันไดที่ช่างไม้ลึกลับคนนั้นสร้างขึ้นมาเป็นบันไดที่ออกแบบได้มหัศจรรย์มาก คือเป็นบันไดเวียนมีความโค้ง 360 องศา ไม้ที่สร้างเป็นไม้ที่เจ้าตัวบรรทุกหลังลามาเอง หาไม่ได้จากร้านค้าไม้ในถิ่นนั้น เป็นไม้อะไรไม่ทราบแต่หนาและแข็งแรงมาก
วิธีออกแบบก็น่าทึ่งมาก นอกจากสามารถดัดแผ่นไม้ให้โค้งได้สวยงามแล้ว ยังเป็นบันไดเวียนที่ไม่มีแกนกลาง หรือเสายึด( ต้องถามท่่านสถาปนิกใหญ่ในเรือนไทยว่า คำนี้เขาเรียกว่าอะไร) คือเหมือนบันไดมันลอยขึ้นไปเฉยๆจากพื้น บันไดทุกขั้นไม่มีตะปูยึดเลยจนตัวเดียว มีแต่ลิ่มไม้ตอกยึดเข้าไว้ด้วยกันในแต่ละขั้น ดิฉันอ่านคำอธิบายจากอินทรเนตรแล้วก็ยุ่งยากพอสมควร เพราะไม่มีความรู้เรื่องก่อสร้าง เห็นจะต้องพึ่งสถาปนิกหรือวิศวกรโยธาให้มาช่วยคลี่คลายอีกที
เอาเป็นว่า...เขาว่ากันว่าบันไดนี้สร้างให้รับน้ำหนักได้ด้วยการออกแบบอันมหัศจรรย์ ให้ขั้นบันไดยึดกันเองอยู่กับที่ และคำนวณน้ำหนักคนที่ก้าวขึ้นไปแต่ละขั้นอย่างเหมาะเจาะ ว่ารับกับขั้นบันไดได้พอดี ต้องเป็นการคำนวณที่เป๊ะมากๆ มิฉะนั้นบันไดจะพังลงมา หรือไม่ก็คว่ำหกคะเมนเสียตั้งแต่สร้างครั้งแรก ยกตั้งฉากไม่ได้
ตอนเข้าไปยืนดูบันไดนี้ ก็นึกอะไรไม่ออกเหมือนกัน นอกจากรู้สึกว่าเป็นบันไดที่สวยมาก ฝีมือสร้างเนียนประณีต วนโค้งขึ้นไปเป็นวงกลม กินเนื้อที่นิดเดียวเพราะวิหารนี้ค่อนข้างแคบ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33477
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 4 เมื่อ 12 มิ.ย. 12, 22:45
|
|
รูปนี้ เห็นชัดว่าระเบียงชั้นบนกับชั้นล่างนั้นยากจะหาบันไดเชื่อมถึงกันได้ ด้วยการสร้างบันไดขึ้นไปแบบตรงไปตรงมา เพราะเนื้อที่โบสถ์ชั้นล่างแคบ ตั้งที่นั่งไว้สองข้างทางเดินก็เต็มเนื้อที่แล้ว จะพาดบันไดขึ้นไปจากพื้นล่างก็เกะกะไม่งาม จะทำบันไดเป็นขั้นๆขึ้นไปก็ไม่มีเนื้อที่พอ บันไดเวียนจึงน่าจะเป็นคำตอบลงตัวที่สุด
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33477
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 5 เมื่อ 12 มิ.ย. 12, 23:07
|
|
จากอินทรเนตร
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33477
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 6 เมื่อ 12 มิ.ย. 12, 23:13
|
|
รูปนี้แสดงให้เห็นบันได ตามแบบที่แรกสร้าง คือไม่มีราวบันได ตำนานเล่าต่อมาว่า แม่ชีที่ไต่บันไดขึ้นไปไม่มีใครกลัวบันไดพัง แต่กลัวจะกลิ้งตกหรือพลัดหล่นลงมาทางด้านข้าง การขึ้นบันไดจึงต้องใช้มือและเข่า(ก็คือคลานนั่นแหละค่ะ) แต่ยังนึกภาพไม่ออก ขาขึ้นมองออกว่าคงจะคลานขึ้นไป แต่ขาลงค่อยๆถัดลงมา หรือว่าหันหลัง คลานปีนป่ายลงมาทีละขั้นกันแน่
ด้วยเหตุนี้ ในเวลาต่อมาจึงมีการสร้างราวบันไดด้วยเหล็กขึ้นมาเสริมไว้ อยู่มาจนทุกวันนี้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33477
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 7 เมื่อ 12 มิ.ย. 12, 23:36
|
|
ตอนที่ไปดูบันได ทางวิหารกั้นเชือกเอาไว้ไม่ให้นักท่องเที่ยวเข้าไปแตะต้องได้ ก็เลยได้แต่ถ่ายรูปให้ได้ใกล้ที่สุดเพื่อดูรายละเอียดการออกแบบและสร้าง ต้องพยายามมองแบบตัดราวบันไดออกไป เพื่อจะเห็นดีไซน์ของเดิม สังเกตว่าบันไดนี้สลักด้านข้างอย่างสวยงามประณีตด้วย ไม่แน่ใจว่าสลักเพิ่มภายหลังหรือไม่ เพราะในรูปดั้งเดิมมองไม่เห็นลายสลัก
คำถามที่ถามตัวเอง(และฝากถามผู้เชี่ยวชาญในเรือนไทย) ว่า บันไดแบบนี้สร้างยากเย็นแสนเข็ญจนเป็นสิ่งมหัศจรรย์จริงหรือคะ หรือว่าเล่าลือกันไปเกินเหตุ เพราะฝรั่งเองก็ยังถกเถียงกันอยู่ในเรื่องนี้ เรือนไทยภาคกลางของเราก็สร้างขึ้นมาทั้งหลัง โดยไม่มีตะปูเลยจนตัวเดียว แต่ก็ไม่มีใครบอกว่ามหัศจรรย์
ที่อยากถามอีกข้อคือบันไดนี้ สร้างด้วยการคำนวณน้ำหนักแบบไหน มีส่วนใดรับน้ำหนักเอาไว้ไม่ให้พังลงมา
|
 คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33477
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 8 เมื่อ 14 มิ.ย. 12, 07:19
|
|
ตอนที่ไปยืนจดๆจ้องๆเก็บภาพบันไดมานั้น รู้สึกว่าไม้ที่ทำบันไดแต่ละขั้น หนาหนักเอาการ ไม่เบาอย่างไม้อัดแน่นอน ด้านบนยึดกับระเบียงบน ด้านล่างตั้งตรงอยู่บนพื้นวิหาร มีเสาไม้หนาๆแผ่นหนึ่งค้ำยันบันไดขั้นสุดท้ายเอาไว้ ก็เลยคิดว่า บันไดคงจะมีที่ยึดทั้งจากด้านบนด้านล่าง ให้แม่ชีทั้งหลายไต่ขึ้นลงได้โดยไม่พังลงมา
ตามประวัติ บันไดนี้ก็คงทนมากว่าหนึ่งร้อยปีแล้ว แต่ปัจจุบันดูเหมือนจะไม่มีใครใช้อีก คงเก็บไว้เป็นความมหัศจรรย์ของโบสถ์ให้นักท่องเที่ยวดูกัน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33477
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 9 เมื่อ 14 มิ.ย. 12, 07:29
|
|
ถ้าตัดเรื่องปาฏิหาริย์ออกไป เหลือแต่เรื่องงานฝีมือล้วนๆ ก็ต้องยอมรับว่าบันไดสร้างด้วยช่างผู้เชี่ยวชาญชนิดไม่ธรรมดาทีเดียว ไม้แผ่นตรงๆหนาๆที่ช่างไม้นำมาประดิษฐ์ให้โค้งได้ขนาดนี้ ทั้งตัวขั้นบันได และแผ่นไม้ที่รองรับข้างใต้ ฝีมือเรียบเนียนราวกับทำด้วยวัสดุอ่อนดัดได้ ยิ่งถ้านึกว่าคนทำเป็นช่างไม้ ทำอยู่คนเดียวจนเสร็จ ก็น่าอัศจรรย์ในการดัดไม้ได้สวย และคำนวนรูปทรงได้ดีขนาดนี้
ถ้าหากว่าช่างไม้คนนี้ เป็นช่างฝีมือระดับครูจากถิ่นอื่นมาสร้างบันไดให้วิหารลอเร็ตโต แกก็น่าจะสร้างงานระดับนี้มาก่อนหน้านี้แล้ว เพราะคนที่ทำงานได้แบบนี้คงสร้างบันไดมาจนชำนาญ ไม่ใช่มาริอ่านสร้างบันไดเวียนเป็นครั้งแรก แต่อ่านข้อมูลเท่าใดก็ไม่พบ ว่ามีผู้ค้นคว้าเจอว่าบันไดแบบนี้เป็นฝีมือใคร อยู่ที่ไหนอีก เหมือนกับว่าบันไดแบบนี้มีอยู่แห่งเดียวในรัฐนี้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 10 เมื่อ 14 มิ.ย. 12, 07:48
|
|
อึมม์ เก่งจริงๆครับช่างงานไม้ฝรั่ง
ในสมัยที่ยังไม่มีคอมพิวเตอร์ช่วยในการออกแบบ ทำชิ้นงานออกมาได้ขนาดนี้ถือว่าไม่ใช่ธรรมดาทีเดียว เรียกว่าระดับอัจฉริยะ ทั้งการคำนวณความสูงของขั้น รูปแบบและขนาดของชิ้นส่วนต่างๆที่มาประกอบเป็นบันไดเวียนขนาดนี้
และฝีมือช่างไม้ก็เป็นที่สุด ถึงแบบจะดีแค่ไหนแต่ช่างไม่สามารถทำให้เหมือนแบบได้ก็คงจบกัน
งานนี้ เข้าใจว่าช่างแบบและช่างก่อสร้างน่าจะเป็นคนเดียวกัน
ผมกำลังจะออกไปนอกบ้าน ค่ำๆจะกลับมาต่อครับ ตอนนี้ขอเชิญผู้เชี่ยวชาญในเรือนไทยช่วยวิจารณ์ตามเทียบของจขกท.
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33477
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 11 เมื่อ 14 มิ.ย. 12, 07:58
|
|
ตามตำนานบอกว่าเป็นช่างไม้คนเดียว ทำงานตั้งแต่ต้นจนจบ ก็มั่นใจว่าทั้งออกแบบและก่อสร้างเองค่ะ
บันไดเวียนแบบที่สร้างในตอนแรก (คือไม่มีราวบันได) ชาวคริสต์เรียกว่าบันไดสวรรค์ ตามรูปเก่าๆในพระคัมภีร์ไบเบิ้ล เคยวาดบันไดที่วกวนแบบนี้ทอดขึ้นสวรรค์ สำหรับวิญญาณมนุษย์ดีๆที่ล่วงลับไปแล้ว ได้ขึ้นบันไดไปเสวยสุขเป็นนิรันดร์กับพระผู้เป็นเจ้า ดิฉันหารูปเก่าไม่ได้ ได้แต่รูปวาดใหม่ที่วาดบันไดสวรรค์ตามจินตนาการของคนรุ่นเก่า
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33477
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 12 เมื่อ 14 มิ.ย. 12, 08:03
|
|
ผู้เชี่ยวชาญท่านที่หนึ่งให้ความเห็นไปแล้ว ขอเชิญท่านต่อๆไปมาร่วมวงออกความเห็นบ้างค่ะ ระหว่างนี้เอารูปข้างในวิหารที่ถ่ายไว้ มาให้ดูพลางๆก่อน
โบสถ์วิหารคาทอลิคมักมีการประดับประดาอลังการมากกว่าโบสถ์โปรแตสแตนท์ ที่น่าชมอีกอย่างคือเขารักษาสภาพไว้เอี่ยมอ่องมาก คงจะบูรณะกันตลอดมาไม่ทอดทิ้งให้โทรม
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33477
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 13 เมื่อ 14 มิ.ย. 12, 08:06
|
|
บรรยากาศภายในวิหาร
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33477
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 14 เมื่อ 14 มิ.ย. 12, 08:11
|
|
งานไม้ที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่งในวิหาร ที่เห็นเหมือนตู้ขนาดใหญ่ คือที่สำหรับสารภาพบาป คงเคยเห็นฉากนี้กันในหนังนะคะ แบ่งเป็นห้องเล็กๆสองห้องมีผนังโปร่งๆกั้นกลาง พอได้ยินเสียงกันได้ ฝ่ายหนึ่งคือผู้อยากสารภาพบาป อีกฝ่ายคือบาทหลวงผู้รับฟัง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|