เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 8 9 [10] 11 12 ... 37
  พิมพ์  
อ่าน: 172148 เก็บตกมาจากการเดินทาง
naitang
หนุมาน
********
ตอบ: 5823


ความคิดเห็นที่ 135  เมื่อ 27 มิ.ย. 12, 19:56

....เดี๋ยวนี้สาวไทยมีรูปร่างที่เปลี่ยนไป ขายาว เล็ก เรียว จนแต่งตัวตามแฟชั่นได้สบาย ไม่ว่าจะขาสั้น สักแค่ไหนเธอก็สู้...โดยไม่หวั่นเกรงสายตาใคร
และถ้าสังเกตก็จะเห็นว่ากระแสนี้แรง และครอบคลุมทุกระดับสังคม...

เรื่องนี้ผมกลับเห็นต่างครับ  หนุ่มสาวทรงผอมนี้ จะเห็นเป็นส่วนมากก็ในหมู่คนในระดับอุดมศึกษา แต่ทรงเจ้าเนื้อนั้นจะพบได้ทั่วไปอย่างมากมายเลยทีเดียว ก็ยังดีที่ยังไม่ถึงขนาดที่จะเรียกว่าตุ้มต๊ะตุ้มตุ้ยได้อย่างเต็มปาก

คนหนุ่มสาวของไทยสมัยนี้เกือบจะไม่กินอาหาร (แกง ผัด) แบบผักใส่เนื้อ แต่จะเป็นลักษณะของเนื้อใส่ผักมากกว่า เรียกได้ว่าแทบจะไม่รู่้จักผักอื่นใดมากไปกว่าที่มีขายอยู่ในซุบเปอร์มาเก็ต แถมยังไม่ค่อยจะชอบกินผักสดอีกด้วย

บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 136  เมื่อ 27 มิ.ย. 12, 21:33

ขอเพิ่มเติมจากข้อสังเกตของคุณตั้งว่า ในรัฐทางตะวันตก (เท่าที่เห็นผ่านๆแบบขี่ม้าชมดอกไม้)    หนุ่มสาวในเมืองใหญ่อย่างตามเมืองหลวงของรัฐ มักรักษาหุ่นได้เพรียวสวยงามกว่าในเมืองเล็กๆ    เรียกว่าหนุ่มสาวทันสมัยจะพิถีพิถันเรื่องเนื้อตัวมากกว่า    แต่ถ้าเป็นเมืองเล็กแบบบ้านนอกเท่าไร  หุ่นคนในเมืองจะเป็นปฎิภาคกับเมืองมากเท่านั้น  คืออ้วนเผละเชียวละค่ะ

สาเหตุหนึ่งก็คืออาหารแป้งและเนื้อราคาถูก   ส่วนผักผลไม้กลับแพง 

คนที่อยู่เมืองเล็ก รายได้น้อยกว่าเมืองใหญ่    อาหารที่หากินได้ง่าย ราคาถูก เหมาะกับพ่อแม่ลูกไปนั่งโจ้กันจนอิ่มคือฟาสต์ฟู้ด  ขนมปังชิ้นมหึมา  ไส้เนื้อบดแผ่นใหญ่ มีผักประกอบเล็กน้อย   ไก่ชุบแป้งทอดหนาเตอะ  มีไอศกรีมและน้ำอัดลมแก้วเบ้อเริ่ม  เด็กๆชอบ   กินมื้อหนึ่งจนเต็มอิ่มก็ไม่กี่เหรียญ   แต่ถ้าเข้าซูเปอร์ซื้อผักผลไม้กินนี่แพงกว่า    ถ้าไม่กินของสด แต่ไปกินเครื่องกระป๋องแทนก็หล่อน้ำเชื่อมกันเสียส่วนใหญ่  เพิ่มน้ำหนักทันตาเห็น

เด็กสาวๆเรียนไฮสกูลในเมืองที่ดิฉันอยู่  มีทั้งหุ่นเพรียวสวยดูแข็งแรงแบบคนสุขภาพดี  กับสาวหุ่นเหมือนโอ่งที่ดูออกว่าพัฒนามาจากเด็กอ้วน แล้วลดไม่ลง    แต่พวกหุ่นดีนี้เมื่ออายุมากขึ้น หลัง ๒๐ กว่าๆ แต่งงานแต่งการไปแล้วกระเตงลูกมาจ่ายของ  เกือบจะร้อยละร้อย กลายเป็นสาวตัวใหญ่  หนักมากบ้างน้อยบ้าง   แต่ไม่เพรียวเลยสักคน

พออายุมากขึ้นสัก ๕๐ กว่าๆมะเร็งก็เริ่มมาเยือน  ถ้ารอดจากนี้ไปได้โรคหัวใจก็มาเยี่ยมแล้วอยู่ด้วยถาวร  ๖๐ ก็มักเรียบร้อยโรงเรียนฝรั่งไปแยะแล้วค่ะ
บันทึกการเข้า
naitang
หนุมาน
********
ตอบ: 5823


ความคิดเห็นที่ 137  เมื่อ 28 มิ.ย. 12, 19:48

เท่าที่พอจะรู้ ผู้หญิงในอาชีพแอร์โฮสเตรส จะเป็นพวกที่รักษาน้ำหนักและหุ่นได้อย่างคงที่ได้นานมากๆ คงจะเนื่องมาจากว่าบริษัทการบินเขาตัดชุดให้และมีเงื่อนไขว่าจะต้องรักษาหุ่นทรงนี้ไปกี่ปี  (แต่ก็เคยเจอประเภทยักษ์และมีอายุเหมือนกัน) ซึ่งเท่าที่สังเกตมา จะเป็นของสายการบินในเอเซียและสายการบินตะวันตกที่บินเข้าออกเอเซียเท่านั้น
เรื่องนี้คงจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้พวกฝรั่งชอบที่จะเดินทางโดยใช้สายการบินของเอเซีย เนื่องจากเจริญหูเจริญตามากกว่า แถมยังได้รับการบริการที่ดีและอ่อนโยนแบบ ready & prompt to render a service ซึ่งกลับทางกันที่คนเอเซียซึ่งดูจะไม่นิยมเดินทางด้วยสายการบินของประเทศของตน (นอกจากจะถูกบังคับด้วยกฎระเบียบ) ทั้งหมดมาจากฐานของเรื่อง look down  เขาเหล่านั้นถูกจัดให้เป็นบุคคลชั้นสองเกือบจะในทุกแง่มุม

เรื่องคนในประเทศของตนถูกจัดให้เป็นบุคคลชั้นสองนี้ ไม่ต้องไปดูอื่นไกล ในไทยนี้แหละครับ นักเดินทางทั้งหลายคงได้เห็นภาพที่คนต่างชาติสามารถขนของพะรุงพะรังน้ำหนักเกินได้ ในขณะที่เราเองถูกเข้มงวด คนของบางประเทศได้รับสิทธิสามารถขนสัมภาระได้เกินมากกว่าเราไปอีกครึ่งหนึ่งของน้ำหนักที่อนุญาต
 
นี่ก็คงจะเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่นักเดินทางจะนิยมเดินทางด้วยสายการบินอื่นที่มิใช่ของประเทศของตน ก็พอเข้าใจได้ว่ามันเป็นเรื่องของการตลาด แต่หากเอาแต่รายได้และเงินเป็นที่ตั้งโดยขาดการคำนึงถึงในมุมของ Dignity ของชนชาติของตน ผมก็ว่ามันแย่มากๆ


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 138  เมื่อ 28 มิ.ย. 12, 21:26

เคยเดินทางด้วยสายการบินฝรั่งบางสาย    พบว่าแอร์และสจ๊วตของเขานอกจากวัยลุงกับป้ากันทุกคน (บางคนน่าจะตากับยาย) น้ำหนักยังเกินมาตรฐานไม่ต่ำกว่า ๒๐ กิโล จนสงสัยว่าทางสายการบินเขาไม่กลัวหนักเครื่องบ้างหรือ  ไม่รวมความอุ้ยอ้ายในการเคลื่อนไหวให้บริการ    ผิดกับของเราและสายการบินเอเชียที่ล้วนหนุ่มหล่อสาวสวย หุ่นเพรียวกระฉับกระเฉง

การบริการของฝรั่งที่เคยเจอก็ใช่ย่อย  คือมองคนเอเชียอย่างค่อนข้างดูถูก และบริการอย่างเสียไม่ได้     ผิดกับเวลาพูดหรือบริการกับฝรั่งด้วยกันจะสุภาพเป็นมิตรมากกว่า   เขาอาจจะไม่รู้ตัวก็ได้ ยกประโยชน์ให้จำเลยไว้ก่อนค่ะ แต่ก็ทำให้หลีกเลี่ยงเลิกใช้สายการบินพวกนี้ เว้นแต่จะไม่มีทางเลือก เช่นบินภายในประเทศ

บันทึกการเข้า
กระต่ายหมายจันทร์
พาลี
****
ตอบ: 284


ศศ (สะสะ) แปลว่ากระต่ายและกวาง


ความคิดเห็นที่ 139  เมื่อ 29 มิ.ย. 12, 20:53

เดี๋ยวนี้สายการบินหลายสายดีขึ้นนะคะ หลายแห่งมีลูกเรือที่พูดภาษาท้องถิ่นของประเทศปลายทางร่วมในกลุ่มลูกเรือด้วย

จำไม่ได้แล้วว่าสายการบินไหนแล้วค่ะ จากกรุงเทพไปที่ไหนซักที่ บนเครื่องนอกจากลูกเรือฝรั่งแล้ว มีสาวน้อยชาวไทยอยู่หนึ่งคน เดินผ่านไปมาได้แอบคุยกัน อบอุ่นทั้งพนักงานทั้งผู้โดยสาร  ยิ้ม ยิ้ม
บันทึกการเข้า
naitang
หนุมาน
********
ตอบ: 5823


ความคิดเห็นที่ 140  เมื่อ 29 มิ.ย. 12, 21:28

^
มีเกือบจะทุกสายการบินครับ โดยเฉพาะสายการบินที่วิ่งเข้าวิ่งออกเอเซีย สายการบินเหล่านี้จะจัดให้มีพนักงานอย่างน้อยหนึ่งคนที่พูดภาษาท้องถิ่นในเครื่อง และก็จะประจำอยู่ในที่นั่งส่วนที่นักท่องเที่ยวใช้กัน

สำหรับในยุโรปนั้น ส่วนมากก็จะพูดได้ 3-4 ภาษากันอยู่แล้ว อย่างน้อยก็ฟังออก เนื่องจากเรียนมาตั้งแต่เด็ก  ในสหรัฐฯนั้นก็มักจะสามารถพูดหรือฟังภาษาสเปนได้

ที่จัดว่าแย่ก็คือของญี่ปุ่น พนักงานจะฟังและเข้าใจภาษาอังกฤษได้ดี แต่ไม่ค่อยจะพูด อาการเหมือนกระดากปาก    ครั้งหนึ่งเคยเจอสายการบินภายในของญี่ปุ่น ตั้งแต่เช็คอิน ขึ้นเครื่อง อธิบายความปลอดภัยบนเครื่อง จนเครื่องลงที่หมายปลายทาง เข้าอาคารสนามบิน จนออกจากสนามบิน ไม่ได้ยินภาษาอังกฤษสักคำเดียวเลยครับ 
บันทึกการเข้า
กระต่ายหมายจันทร์
พาลี
****
ตอบ: 284


ศศ (สะสะ) แปลว่ากระต่ายและกวาง


ความคิดเห็นที่ 141  เมื่อ 29 มิ.ย. 12, 21:31

^

สายการบินญี่ปุ่นที่เคยนั่ง ประทับใจในความสนุกค่ะ คงเพราะจุดหมายในการเดินทางเป็นประเทศแหล่งพักผ่อน เล่นเกมกันทั้งเครื่องบิน บิงโกบ้าง ตอบคำถามบ้าง สนุกสนานเฮฮาปาจิงโกะ  ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม
บันทึกการเข้า
naitang
หนุมาน
********
ตอบ: 5823


ความคิดเห็นที่ 142  เมื่อ 29 มิ.ย. 12, 21:55

^
ที่จริงแล้ว คนญี่ปุ่นวัยหนุ่มสาวจะฟังภาษาอังกฤษออกและเข้าใจในระดับดี สำหรับผู้สูงอายุเท่าที่เคยพบมา พวกที่มีอายุเกิน 75 นั้นมีเป็นจำนวนน้อยมากที่ฟังภาษาอังกฤษออก  สำหรับพวกที่ต่ำกว่า 75 ปี พวกนี้หากเป็นคนที่ทำงานด้านบริหารของธุรกิจที่มีสินค้าขายอยู่ในต่างประเทศ มักจะฟังภาษาอังกฤษออกแต่จะพูดได้ดีในระดับต่างๆกัน

ระบบการเรียนภาษาอังกฤษของญี่ปุ่นนั้น เน้นด้านการอ่านการเขียนมากกว่าด้านการพูด คนญี่ปุ่นในเมืองใหญ่ในปัจจุบันจึงฟังภาษาอังกฤษออก แต่พูดไม่ค่อยจะได้ ซึ่งผมเห็นว่าเป็นเรื่องที่เขารู้สึกอายที่ไม่สามารถจะออกเสียงได้อย่างถูกต้องและชัดเจนเสียมากกว่า อันเป็นลักษณะเฉพาะของคนญี่ปุ่นที่จะทำอะไรก็จะต้องถูกต้องและแม่นยำ พวกนี้เขียนภาษาอังกฤษได้อย่างน่าทึ่งเลยทีเดียว ดีกว่าเราที่พูดได้เป็นต่อยหอยเสียอีก ดีจนในบางครั้งผมคิดว่าฝรั่งเป็นคนเขียนเสียอีก

ดังนั้น หากไปญี่ปุ่นแล้วถามอะไรแล้วไม่ได้คำตอบ ลองเริ่มจากการลดความสมบูรณ์ของประโยคภาษาอังกฤษนั้นๆดู ลดลงไปเรื่อยๆจากประโยคยาวให้สั้นลง เปลี่ยนไวยากรณ์ จนกลายเป็นคำๆไป จากศัพท์ยากก็ให้เป็นง่ายๆด้วย Synonym   สุดท้ายก็ลองใช้วิธีเขียนดูนะครับ อาจจะได้เรื่องก็ได้
 
บันทึกการเข้า
naitang
หนุมาน
********
ตอบ: 5823


ความคิดเห็นที่ 143  เมื่อ 29 มิ.ย. 12, 22:00

สายการบินญี่ปุ่นที่เคยนั่ง ประทับใจในความสนุกค่ะ คงเพราะจุดหมายในการเดินทางเป็นประเทศแหล่งพักผ่อน เล่นเกมกันทั้งเครื่องบิน บิงโกบ้าง ตอบคำถามบ้าง สนุกสนานเฮฮาปาจิงโกะ  ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม

โชคดีกว่าผม ผมเจอแต่นั่งกันเงียบกริบ ตัวใครตัวมัน
 
คุณกระต่ายฯ คงจะพูดญี่ปุ่นได้ เลยสนุกไปด้วย และอาจจะเป็นการเดินทางในช่วงวันหยุดหรือช่วงเทศกาลกระมังครับ
บันทึกการเข้า
กระต่ายหมายจันทร์
พาลี
****
ตอบ: 284


ศศ (สะสะ) แปลว่ากระต่ายและกวาง


ความคิดเห็นที่ 144  เมื่อ 29 มิ.ย. 12, 22:11

สายการบินญี่ปุ่นที่เคยนั่ง ประทับใจในความสนุกค่ะ คงเพราะจุดหมายในการเดินทางเป็นประเทศแหล่งพักผ่อน เล่นเกมกันทั้งเครื่องบิน บิงโกบ้าง ตอบคำถามบ้าง สนุกสนานเฮฮาปาจิงโกะ  ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม

โชคดีกว่าผม ผมเจอแต่นั่งกันเงียบกริบ ตัวใครตัวมัน
 
คุณกระต่ายฯ คงจะพูดญี่ปุ่นได้ เลยสนุกไปด้วย และอาจจะเป็นการเดินทางในช่วงวันหยุดหรือช่วงเทศกาลกระมังครับ


ต่ายพูดญี่ปุ่นไม่ได้ค่ะ แต่แอร์ก็พยายามเต็มที่ ภาษาอังกฤษแบบญี่ปุ่นๆ แต่เนื่องจากเป็นเกมนานาชาติอย่างบิงโกเลยไม่ยากนักที่จะเข้าใจค่ะ ส่วนตอบคำถามนี่มีโจทย์ขึ้นให้ที่หน้าจอเป็นภาษาอังกฤษด้วยค่ะ สนุกที่ต้องแข่งกันยกมือตอบ เฮฮาจริงๆ เที่ยวบินนั้น ยังประทับใจไม่หาย  ยิงฟันยิ้ม
บันทึกการเข้า
naitang
หนุมาน
********
ตอบ: 5823


ความคิดเห็นที่ 145  เมื่อ 29 มิ.ย. 12, 22:22

ต่อครับ

ภาษาอังกฤษของผมเข้าสู่ขั้นโคม่าอย่างสมบูรณ์ ก็จากเหตุเหล่านี้แหละครับ

กลเม็ดเล็กๆน้อยๆที่อยากจะเล่า คือ เมื่อไปซื้อของตามห้างร้านต่างๆ ถามคนขายในสิ่งที่อยากจะได้ก็พอนะครับ ได้ของแล้วหากไม่มีเวลามากพอก็อย่าได้ไปพูดอะไรต่อไป หากคนขายฟังไม่ออกเมื่อไรก็จะเป็นเรื่องเลยทีเดียว แทนที่จะเสียเวลาไม่กี่นาที จะกลายเป็นสิบนาที่ขึ่นไปเอาทีเดียว เขาจะพยายามฟัง เราก็จะพยายามพูดซ้ำ พอเขาเห็นว่าไม่ได้การแน่ๆ ก็จะไปเรียกพรรคพวกที่ใช้ภาษาได้ดีกว่าเขามาช่วย คราวนี้ก็จะต่อกันเป็นทอดๆไป จากเรื่องที่จะจบแล้ว ก็ด้วยปากของเราพาไปทำให้เสียเวลาไปโดยไม่จำเป็น ไม่มีอะำไรมากหรอกครับ ต่างคนต่างก็พยายามจะ nice (แปลว่าอะไรดีครับ) ต่อกัน ของเราคือแสดงความพอใจที่ได้ของถูกใจ แต่ของเขามันเป็น mindset ที่ฝังรากมาทั้งจากวัฒนธรรมประเพณีและ Productivity movement ที่เริ่มมาตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่สองโน่น  
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 146  เมื่อ 30 มิ.ย. 12, 07:39

ภาษาอังกฤษของดิฉันก็กลับบ้านเก่าไปแล้วค่ะ

ตั้งแต่เรียนจบมา มีโอกาสพูดกับฝรั่งน้อยมาก  เพื่อไม่ให้ลืมภาษาอังกฤษก็เลยอ่านอย่างเดียว  ในอินทรเนตรมีให้อ่านเยอะแยะ ทั้งข่าวและคอลัมน์ต่างๆ   ก็อ่านกันเพลินไป   
เพิ่งมารู้ตัวว่าภาษาเรากลับบ้านเก่า  ก็ในการเดินทางครั้งนี้ เมื่อมีเหตุจำเป็นต้องไปหาหมอที่คลีนิค 

ขอเล่าเกร็ดให้ท่านที่ยังไม่เคยเห็นว่า คลีนิคที่นี่  คนตรวจอาการปวดหัวตัวร้อนไม่ใช่นายแพทย์ พ.บ. อย่างบ้านเรา  แต่เป็นพยาบาลหรือ nurse  สวมเสื้อกาวน์อย่างหมอ  ไม่ได้แต่งขาวอย่างพยาบาล  มีป้ายชื่อและตัวย่อปริญญาแขวนให้เห็นอยู่หน้าห้องตรวจ    พยาบาลที่ไปหาเป็นคุณป้าท่าทางใจดี   ก็อธิบายอาการให้เธอฟัง   มีลูกสาวไปนั่งฟังอยู่ด้วย
พูดกันพอรู้เรื่อง  คุณพยาบาลสั่งยาให้เรียบร้อยแล้ว  ลูกสาวพาแม่กลับบ้าน ขำภาษาของแม่มาก   เขาบอกว่าไม่มีใครเขาใช้ภาษาอย่างแม่หรอก   มันเป็นภาษาทางการมากๆเลย
เช่นแม่ใช้คำว่า painful  ที่นี่เขาพูดว่า hurt สั้นๆ แค่นี้แหละ

แม่ก็บอกว่า อ้าว ไม่รู้นี่  แม่ไม่ได้ใช้ภาษาในชีวิตประจำวันมานานนมกาเลแล้ว   ต้องคนที่มีโอกาสพูดกับฝรั่งอยู่ทุกวัน ถึงจะรู้ว่าเขาพูดกันยังไง
สองสามวันก่อนไปกินข้าวกับคณบดีมหาวิทยาลัยและภรรยา ที่เป็นอาจารย์เหมือนกัน    เผลออีกแล้ว ไปชมว่าละแวกบ้านที่เขาอยู่นั้น peaceful neighborhood  เขาก็ตอบง่ายๆว่า yes, it's quiet.
ต่อไปนี้เห็นจะพูดอะไรลำบากเสียแล้ว
บันทึกการเข้า
han_bing
นิลพัท
*******
ตอบ: 1622



ความคิดเห็นที่ 147  เมื่อ 30 มิ.ย. 12, 23:28

ผมเองเป็นคนที่ภาษาอังกฤษคืนอาจารย์ไปเยอะมาก จนอาจารย์ที่เคยสอนครั้งกระโน้นบ่นว่าเสียแรงเคยนั่งเรียนวรรณคดีอังกฤษมา ทำไมภาษาสื่อสารใช้ประหลาดเหลือแสน

คนจีนใช้ภาษาอังกฤษยอดเยี่ยมเลยก็มี แต่ที่ร้ายคือนิยมใช้เสียงภาษาจีนทับศัพท์ภาษาอังกฤษ และเวลาพูดภาษาอังกฤษ เขาก็บางครั้ง หรือหลายครั้งเอามาใช้ หรือเอาสำเนียงจีนมาปน

อาทิ โคคาโคล่า ที่เมืองจีนเรียกว่า "เค่อโคว่เค่อเล่อ" (可口可乐:ke kou ke le) แม๊คโดนัล เรียกว่า "ม่ายตังเหลา" (麦当劳:mai dang lao)

นี้แค่ตัวอย่างเล็กๆน้อยๆเท่านั้น  เจ๋ง
บันทึกการเข้า
naitang
หนุมาน
********
ตอบ: 5823


ความคิดเห็นที่ 148  เมื่อ 02 ก.ค. 12, 13:35

^
แม็คโดนัล ญี่ปุ่นเรียกว่า มักกะโดนาหลึ ครับ   
เคยสั่งน้ำอัดลม ขอโค๊ก ขวดหนึ่ง ญี่ปุ่นงง ผมก็งง พูดซ้ำอยู่สองสามครั้ง  ลองใหม่ใช้ชื่อเต็มเลย  อ๊ะ๊ ได้ผลแฮะ ก็เพิ่งรู้ว่าเขาเรียกชื่อเต็มกัน โคคาโคล่า

คนจีนและคนญี่ปุ่น อาจจะเป็นตัวอย่างที่ดีของการออกเสียงคำในภาษาอื่นๆในกรณีที่ไม่มีพยัญชนะในภาษาของเขาแทนเสียงนั้นๆ  ผมคิดว่า ในอนาคต คนไทยก็อาจจะเป็นคนที่ออกเสียงภาษาอังกฤษแล้วคนอื่นฟังไม่ออกได้เหมือนกัน
 
ภาษาไทยของเราในปัจจุบันเกือบจะขาดเสียง ร ไปแล้ว แถมยังขาดเสียงควบกล้ำ ล อีกด้วย และที่ค่อนข้างจะสาหัส ก็คือ บรรดาพิธีกรของรายการต่างๆ และผู้อ่านข่าวออกทางสื่อต่างๆนั้น ขาดทั้ง ร และ ล  ออกเสียง ร เป็ร ล ไม่มีเสียงควบกล้ำ ปลา เป็น ปา เกลียด เป็น เกียด และยังอ่านชื่อสถานในประเทศไทยผิดๆก็มี  เคยสนทนากับคนที่แนะนำตนเองว่า ชื่อ ดร. นำหน้า พูดกันถึงการส่งออกผลิตภัณฑ์ต่างๆของทุเรียน เขาก็บอกว่า ฟิตดาย ก็น่าจะเป็นสินค้าที่ดี ผมต้องชะงักไป ไถลไปพูดเรื่องอื่นๆขั้นกลาง ในสมองก็พยายามนึกและทำความเข้าใจกับคำว่า ฟิตดาย มันคืออะไร จนนึกออกได้ว่า อ้อ คือ ฟรีซดราย (freeze dry) นั่นเอง 

อันนี้นอกเรื่อง เคยได้ยินพ่อสอนลูกตอนนั่งอยู่บนรถเมล์ผ่านสวนสัตว์เขาดิน ว่า เขาเรียกว่า เขาลิง ทั้งๆที่พูดภาษาไทยอื่นๆอย่างชัดเจน 

   

บันทึกการเข้า
naitang
หนุมาน
********
ตอบ: 5823


ความคิดเห็นที่ 149  เมื่อ 02 ก.ค. 12, 14:23

ภาษาอังกฤษที่ใช้กันอยู่ในปัจุบันทั่วโลกเป็น American English และเราคุ้นกับมันมาก  ภาษาอเมริกันนี้มีความต่างจากภาษาอังกฤษแบบ English English อยู่พอควรเลยทีเดียว ซึ่งมากพอที่อาจจะทำให้ต้องอ่านซ้ำหรือฟังซ้ำภาษาอังกฤษแบบอังกฤษ เพื่อความเข้าใจ  ทั้งสองภาษามีวิธีการเรียงเนื้อเรื่องที่มีเอกลักษณ์อยู่พอสมควร

ตัวผมเองต้องใช้เวลาประมาณหนึ่งเดือนกว่าจะสื่อสารกันได้อย่างเข้าใจและอย่างถ่องแท้กับคนแคนาดา ใช้เวลาประมาณ 2 อาทิตย์กับคนออสเตรเลีย   ต้องตั้งใจฟังอย่างจริงจังกับคนอังกฤษโดยทั่วไปจึงจะรู้เรื่อง แต่กับคนชาวสก็อตแลนด์นั้นฟังอย่างไรก็ออกและเข้าใจชัดเจนดี   กับคนอินเดียต้องมีการเดาประกอบอยู่มาก อยู่ร่วมกันมาเป็นเดือนก็ยังลำบากฟังอยู่ดี    กับพวกอัฟริกาฟังออกบ้างไม่ออกบ้าง คงเป็นเพราะใช้ภาษาอังกฤษอังกฤษด้วยเสียงแบบอัฟริกา แถมใน S.Africa ยังใช้ภาษา Afrikaans ผสมด้วย    อังกฤษแบบปากีสถาน ผมจอดสนิทเลย   แม้ในภาษาอังกฤษสหรัฐเองก็ยังแยกเป็นเหนือ-ใต้-ออก-ตก  ที่ตลกก็คือภาษานิวยอร์คเป็นภาษาที่ทุกชาติทุกภาษาฟังออกและสื่อสารกันได้

ที่กล่าวมานี้ก็เป็นตัวอย่างที่จะบอกว่า จริงๆแล้วอย่าไปกลัวว่าภาษาของเราไม่ดี พูดไปเถอะครับ ตราบใดที่ใช้สื่อสารกันได้อย่างรู้เรื่องกัน ครูสอนภาษาของเราเองก็มีทั้งคนไทยและฝรั่งจากชาติต่างๆ จึงไม่มีใครที่จะบอกได้ว่ามาตรฐานของภาษาอังกฤษต้องเป็นอย่างไร

แม้กระทั่งการใช้คำศัพท์หลายๆคำ ก็ต่างกัน แถมสะกดต่างกันอีกด้วย ใช้ปนกันก็มี

generator ของอเมริกัน = dynamo ของอังกฤษ,  elevator ของอเมริกัน = lift ของอังกฤษ  tire ของอเมริกัน = tyre ของอังกฤษ  ฯลฯ

program กับ programme  ใช้ทั้งสองคำมั่วกันไปมา   นอกตึก UN อเมริกันใช้ program เป็นหลัก แต่ในตึก UN ใช้ programme เป็นหลัก แถมยังแยกอีกด้วยว่า program ใช้กับเรื่องของคอมพิวเตอร์เท่านั้น   
 
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 8 9 [10] 11 12 ... 37
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.058 วินาที กับ 20 คำสั่ง