เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 [2] 3 4 ... 37
  พิมพ์  
อ่าน: 172110 เก็บตกมาจากการเดินทาง
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 15  เมื่อ 07 มิ.ย. 12, 09:11

ตอนนี้เข้าหน้าร้อน จึงมี thunder storm หรือพายุฤดูร้อนเกิดขึ้นประจำ    เป็นผลจากอากาศโลกปรวนแปรมาสิบกว่าปีแล้ว     ผลจากพายุฤดูร้อน ที่เจอกันคือ ลูกเห็บ (hail) ตก    ฟ้าผ่า  ฝนหนัก  และถ้าแรงมากๆมันก็กลายเป็นพายุหมุนทอร์นาโด 
นับว่าแปลกมาก   เพราะตามตำราและตามที่เคยเจอๆกันมา  ทอร์นาโดจะเกิดบนพื้นราบเป็นส่วนใหญ่   ไม่เกิดบนพื้นที่ภูเขา   บ้านช่องที่นี่จึงไม่เคยสร้างเอาไว้เพื่อป้องกันพายุทอร์นาโด  (เพราะไม่เคยมี)   แต่หลังๆนี้ ทอร์นาโดแวะมาเยือนทุกปี   มากบ้างน้อยบ้าง


บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12600



ความคิดเห็นที่ 16  เมื่อ 07 มิ.ย. 12, 09:20

เรื่องที่จะเล่าตอนนี้  ขอเหมาว่าอยู่ในหัวข้อก็แล้วกัน   เพราะไม่รู้จะเอาไปลงกระทู้ไหนอีก  ยังไงก็ถือว่ามันเกิดขึ้นตอนเดินทางมาที่นี่( แก๊งค์ลูกน้ำยังไม่ออกมาทายกันสักคน ว่าที่ไหน)
 

ถ้าเข้าใจไม่ผิด "ที่นี่" ของคุณเทาชมพูคงอยู่ซึกโลกฝั่งตรงกันข้ามกับ "ที่นี่" ของชาวเรือนไทย

เวลาก็น่าจะช้ากว่าอย่างน้อย ๑๒ ชั่วโมง  ตัวเลข วัน เดือน ปี ๐๗ ๐๖ ๒๐๑๒ ที่มุมล่างขวาของรูปถ่าย น่าจะไม่ตรงกับเวลาจริงของ "ที่นี่" ของคุณเทาชมพู

ลืมเปลี่ยนตัวเลขในกล้องถ่ายรูปหรือเปล่าหนอ

 ยิงฟันยิ้ม
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 17  เมื่อ 07 มิ.ย. 12, 09:21

ถ้าอยู่ในทุ่งกว้าง จะเห็นทอร์นาโดชัดเจนว่าหน้าตาเป็นอย่างนี้
แต่ไม่เห็นเสียดีกว่า   เพราะถ้าเห็น จะเคราะห์ร้ายเกินกว่าจะรดน้ำมนต์ทัน    พายุหมุนพวกนี้มันวิ่งเร็วกว่ารถ     ป่วยการจะไปเหยียบคันเร่งหนีมันค่ะ  ต้องหาที่กำบังที่แข็งแรงอย่างเดียว  


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 18  เมื่อ 07 มิ.ย. 12, 09:23

จริงๆด้วย  ไม่ได้สนใจเรื่องวันเดือนปีในกล้องถ่ายรูป  เพราะเปลี่ยนสักพักก็ต้องเปลี่ยนกลับมาเหมือนเดิมอีก
เวลาที่นี่ช้ากว่าประเทศไทย 13 ชั่วโมง ค่ะ

ป.ล. เปลี่ยนตามคำท้วงแล้วนะคะ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 19  เมื่อ 07 มิ.ย. 12, 12:06

ฟังข่าวจากทีวีทุกระยะ   พายุผ่านไปแล้ว ไม่มีทอร์นาโดมาลงแถวนี้
แต่ในเมืองเชิงเขา  ฝนตกหนักจนต้องประกาศภาวะน้ำท่วมฉุกเฉิน      เหตุการณ์ทันยุคไม่แพ้บ้านเราตอนนี้เลยทีเดียวค่ะ
บันทึกการเข้า
naitang
หนุมาน
********
ตอบ: 5823


ความคิดเห็นที่ 20  เมื่อ 07 มิ.ย. 12, 17:35

....เอ...นี่ไม่รู้ว่าผมเขียนลงผิดกระทู้หรือเปล่า หรือว่าควรจะไปลงไว้ที่กระทู้ว่าด้วยอาหารป่า


กระทู้นี้เป็นการคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน แบบเบาๆ อย่างที่คุณตั้งบอกไว้ในค.ห.แรก   เพราะฉะนั้นจะเลี้ยวไปทางไหนก็ถือว่าไม่ออกนอกทาง  ขอให้เกี่ยวกับการเดินทางก็พอ.....

ไม่ผิดกระทู้หรอกครับ ขอเรียนเชิญด้วยความยินดียิ่ง
ใช่ครับ เป็นเรื่องสัพเพเหระที่เกี่ยวกับการเดินทาง

ผมเลือกที่จะเริ่มต้นเรื่องเกี่ยวกับการเดินทาง ตั้งแต่ด่านแรก คือ เรื่องหนังสือเดินทาง ต่อไปด้วยเรื่องวีซ่า แล้วจะต่อไปเรื่องตั๋วเครื่องบิน  เรื่องการเดินทางบนเครื่องบิน เรื่องสนามบิน เรื่อง ตม. แล้วก็เรื่องศุลกากร จากนั้นก็แยกสาย  ผมคิดว่าแต่ละคนก็จะมีประสบการณ์หลากหลายมากๆมาเล่าสู่กันฟัง
นึกอะไรออกก่อนจะแยกซอยก็ไม่ว่ากัน ผมเพียงตั้งแนวเพื่อกรุยทางไปเพื่อสะกิดความทรงจำและรื้อฟื้นเรื่องราวต่างๆของท่านทั้งหลายที่ประสบพบเห็นและรู้เรื่องต่างๆมาเท่านั้นแหละครับ
เช่น คุณนวรัตน์เล่าเรื่องงูมา ก็ทำให้ผมนึกถึงเรื่องปลาร้า หรือคุณเทาชมพูเล่าเรื่องภูมิอากาศและทอร์นาโด ก็ทำให้ผมนึกถึงเรื่องพายุหิมะ เป็นต้น
(จะขอขยักไว้ก่อนนะครับ)

บันทึกการเข้า
naitang
หนุมาน
********
ตอบ: 5823


ความคิดเห็นที่ 21  เมื่อ 07 มิ.ย. 12, 18:09

เรื่องของวีซ่านี้ ก็มีอยู่เรื่องหนึ่ง
 
ข้าราชการผู้หนึ่งจะเดินทางไปโตรอนโต แคนาดา  ขอวีซ่าเข้าแคนาดาได้เรียบร้อย ได้ตั๋วเครื่องบินการบินไทย (ตามระเบียบต้องใช้การบินไทยเท่านั้น) ก็ออกเดินทาง สมัยนั้นเครื่องการบินไทยบินไปถึงโตรอนโตโน่นเลย แต่ต้องแวะที่ซีแอตเติล เพื่อส่งผู้โดยสารและเติมน้ำมันก่อนที่จะบินต่อไปอีกประมาณ 4 ชม.ถึงโตรอนโต

ที่สนามบินซีแอตเติล เขาก็ให้ผู้โดยสารลงหมด เพื่อเป็นการป้องกันอันตรายจากอุบัติเหตุจากการเติมเชื้อเพลิง  เราคงจะทราบโดยความรู้สึกว่าลักษณะนี้เป็นเรื่องของการเดินทางผ่าน (Transit) ซึ่งหมายความว่าไม่มีการเข้าเมือง ไม่ต้องผ่านกระบวนการ ตม.และศุลกากร   ผิดถนัดเลยครับ อเมริกันถือว่าเป็นการเดินทางเข้าเมือง ซึ่งต้องผ่านพิธีการดังกล่าว ข้าราชการผู้นั้นถูกซักอยู่นานยังกับกระทำผิดร้ายแรง แต่ด้วยสารพัดเอกสารที่หอบไปเพื่อปฏิบัติราชการ ก็เป็นหลักฐานที่เพียงพอที่ ตม.อเมริกาจะเชื่อ จึงรอดตัวเดินทางต่อไปได้   ใครจะไปรู้ครับว่า ที่สนามบินซีแอตเติลไม่มีส่วนของพื้นที่สำหรับ Transit หรือมีก็ไม่รู้เหมือนกัน และก็จะต้องของวีซ่าอีกด้วย   อย่างว่าแหละครับ ฉันจะทำแบบนี้  ทำยังกับแคนาดาเป็นพื้นที่ในเขตอาณาของสหรัฐ  แม้จะเดินทางไปจุดหมายปลายทางในแคนาดา เพียงเครื่องบินต้องแวะลงในเขตอาณาของสหรัฐก็ต้องขอวีซ่าเข้าเมืองสหรัฐ
บางทีก็อาจจะดีนะครับ ทำเรื่องหนึ่งแต่ก็อาจจะได้อีกเรื่องหนึ่งที่ได้ยากเย็นกว่า เรื่องนี้ผมไม่แน่ใจว่าหากไปขอวีซ่าที่สถานทูตสหรัฐจริงๆจะได้วีซ่าประเภทใด
ผมจำเรื่องไม่ได้ว่าตอนขากลับเป็นอย่างไร
 
บันทึกการเข้า
naitang
หนุมาน
********
ตอบ: 5823


ความคิดเห็นที่ 22  เมื่อ 07 มิ.ย. 12, 19:07

ตัวผมเองก็เคยเจอเหมือนกัน แต่ในอีกลักษณะหนึ่ง
 
ในช่วงที่ไปคุมงานที่แคนาดา ช่วงนั้นพอจะแก่วัดแล้วก็ใช้วิธีเดินทางโดย TG (การบินไทย) ไปต่ออีกสายการบินหนึ่งบินตรงเข้า Toronto เลย แล้วค่อยต่อสายการบินภายในไป Ottawa เพื่อจะได้ไม่ต้องมีเรื่องยุ่งยากกับวีซ่า 
เมื่อมีโอกาสก็นัดเจอเกลอเก่าชาวอเมริกันช่วงคริสมาส    ต้องบินจาก Ottawa แคนาดาไป Toronto แล้วต่อไป Chicago เพื่อต่อเครื่องไป Dallas-Fort Worth จะไปนอนกินปูกินกุ้งกันที่ Corpus Christi แวะผ่าน San Antonio เพื่อกิน steak และซี่โครง Long Horn ย่างกัน 
ต้องไปขอวีซ่าเข้าสหรัฐฯที่สถานทูตสหรัฐฯในแคนาดา อันนี้ง่ายมากและเร็วมากด้วย (คงจะเป็นด้วยหลายๆเหตุผล) ที่แปลกก็คือ ต้องผ่านกระบวนการเข้าเมืองของสหรัฐฯที่ Toronto  ก็อดนึกไม่ได้ว่า อเมริกานี้หนอ ช่างยิ่งใหญ่จริงๆ ขนาดยกเอาที่ทำการตรวจคนเข้าเมืองมาอยู่ในเขตของแคนนาดาได้  และที่แปลกอีกก็คือ ขาออกจากสหรัฐฯไม่ต้องผ่านกระบวนการ ตม.เลย ไม่มีการประทับตราใดๆทั้งสิ้น ผมเข้าใจว่าข้อมูลการเดินทางขาออกคงจะเชื่อมโยงอยู่กับข้อมูลเมื่อเราได้ Boarding Pass สำหรับขึ้นเครื่องบินเที่ยวบินที่บินออกนอกประเทศ (Outbound flight) 

นึกย้อนไปไกลอีกนิดหนึ่ง ช่วงที่ยังเรียนอยู่ก็มีโอกาสท่องไปในรัฐทางตะวันออกกับเพื่อนอเมริกันคนที่กล่าวมานี้ ด้วยรถและรถแค้มป์แบบพ่วงลากไป ข้ามไปแคนาดาทาง Illinois ไป Toronto แล้วไปดูน้ำตก Niagara เพื่อข้ามสะพานที่เชื่อมระหว่างสองประเทศกลับเข้าสหรัฐฯ     เป็นเรื่องเลยครับ ขาออกจากเขตสหรัฐฯ แคนาดาก็ไม่คิดอะไรมาก ไม่มีวีซ่า ก็ประทับตราให้ พอขาเข้า ตม.สหรัฐฯจะไม่ยอม เพราะเป็นวีซ่านักเรียนแถมเป็น Single entry อีกด้วย ต้องอธิบายกันอยู่นาน ต้องควักบัตรสารพัดออกแสดง ทั้งใบขับขี่รถยนต์ บัตร Social security  พอดีที่เพื่อนอเมริกันคนนี้เป็นนายทหารอากาศของกองทัพอากาศสหรัฐฯ ต้องเป็นผู้รับรองจึงรอดมาได้ มิฉะนั้นก็คงจะต้องเคว้งและต้องทำเรื่องอีกมากมาย

เล่ามาเพื่อจะสะกิดว่า วีซ่ากับการเดินทางนี้ เป็นเรื่องที่ต้องระวังกันให้มากพอสมควรทีเดียว   

บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12600



ความคิดเห็นที่ 23  เมื่อ 07 มิ.ย. 12, 19:31

นึกย้อนไปไกลอีกนิดหนึ่ง ช่วงที่ยังเรียนอยู่ก็มีโอกาสท่องไปในรัฐทางตะวันออกกับเพื่อนอเมริกันคนที่กล่าวมานี้ ด้วยรถและรถแค้มป์แบบพ่วงลากไป ข้ามไปแคนาดาทาง Illinois ไป Toronto แล้วไปดูน้ำตก Niagara เพื่อข้ามสะพานที่เชื่อมระหว่างสองประเทศกลับเข้าสหรัฐฯ  

เผอิญมีรูปสะพานที่คุณตั้งพูดถึง ถ่ายไว้ปีที่แล้ว

จากระเบียงร้านอาหารบนโรงแรมเชอราตัน

เอามาประกอบเรื่อง

 ยิงฟันยิ้ม



คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 24  เมื่อ 07 มิ.ย. 12, 22:22

เข้ามาสลับฉาก

เหตุการณ์ที่ผมคงจะจำไปตลอดไม่ลืมเลยเกิดขึ้นเมื่อประมาณสักสามสิบปีมาแล้ว จำเป็นต้องบินAeroflot(สายการบินของโซเวียตรัสเซีย)ไปลงมอสโควเพื่อจะต่อเครื่องไปมิลาน เวลานั้นระบอบคอมมิวนิสต์ของโซเวียตยังไม่ล่มสลาย ทว่าใกล้เต็มทีแล้ว

เครื่องที่ผมไปไม่ได้จอดเทียบที่งวง แต่จอดบนลานบินต้องเดินลงบันไดจากเครื่องแล้วเดินมาที่อาคารสักร้อยเมตรมั้ง ขณะนั้นฟ้ายังมืดอยู่ อากาศของเดือนธันวาคมหนาวเข้ากระดูกดำ ได้ยินเสียงฝรั่งคุยภาษาอังกฤษกันตอนนั้นว่าอุณหภูมิน่าจะติดลบใต้ศูนย์องศาเซลเซียส
ทุกคนต่างรีบจ้ำเดินเพื่อจะให้ถึงตัวอาคารโดยเร็ว แต่พอถึงประตูทางเข้ากลับผ่านเข้าไปไม่ได้ ทหารดาวแดงสะพายอาก้าหมู่หนึ่งสั่งให้ผู้โดยสารทุกคนหยุดตรงนั้นแล้วเข้าแถวเรียงสอง  ใครเงอะงะชักช้าก็โดนขึ้นเสียง กว่าจะเป็นแถวก็เสียเวลาพอสมควร แล้วทหารก็สั่งให้คนที่ถือพาสปอร์ตของโซเวียตไปอยู่ข้างหน้า ค่อยๆให้ผ่านเข้าไปในประตูที่ละคู่สองคู่ ช้ามาก อากาศที่หนาวอย่างทารุณกระทั่งคนยุโรปเองยังทนไม่ได้และเริ่มโวย ผมเตรียมการไปทั้งโอเวอร์โค๊ตทั้งหมวกขนสัตว์ แต่ลืมคิดถึงรองเท้า ใส่คู่ประจำที่ใส่ในเมืองไทยนั่นแหละมา ขณะนั้นรู้สึกเหมือนยืนอยู่บนก้อนน้ำแข็งโดยมีเพียงกระดาษแผ่นบางๆรองรับ
 
ฝรั่งบางคนเริ่มวิ่งอยู่กับที่ผมก็วิ่งมั่ง แต่ไม่ได้ช่วยอะไร ยิ่งปวดฉี่หนักเข้าไปอีก ถึงตอนนี้คนเป็นร้อยเริ่มหมดความอดทนแล้ว ต่างพากันตะโกนให้ทหารยอมปล่อยให้เข้าไปข้างใน ผมก็อยากช่วยเขาตะโกนเหมือนกันแต่ร้องไม่ออก คางสั่นจนฟันกระทบกันกั่กๆๆๆ สักพักจึงมีนายทหารออกมา แล้วตะโกนสั่งลูกน้องให้ปล่อยแถวแขกบ้านแขกเมืองให้เดินเข้าไปในอาคารได้ ผมจึงรอดจากถูกแช่แข็งทั้งเป็นกลางลานบิน เข้าไปได้แล้วจึงทราบว่า เค้ากำลังซ่อมแซมปรับปรุงส่วนตรวจคนเข้าเมืองนี้อยู่ อะไรต่อมิอะไรวางเละเทะเกะกะไปหมด  คล้ายกับคนที่นี่ไม่มีชีวิตจิตใจที่จะทำงานทำการให้มันดีกันแล้ว อีกนาน กว่าจะผ่านเคาน์เตอร์ตรวจคนเข้าเมืองชั่วคราวนี้ไปได้  แต่ยังดีที่ฮีตเตอร์กับห้องน้ำสาธารณะยังพอทน คนก็เลยไม่โวย พอขึ้นไปชั้นบนแล้ว สภาพอาคารสนามบินจึงค่อยดูศิวิไลยขึ้นมานิด

คนโซเวียตยุคนั้นแต่ละคนเหมือนผู้ร้ายในหนังฮอลิวู๊ด หน้าตาบอกบุญไม่รับ พูดจามะนาวไม่มีน้ำ แม้พนักงานขายในDuty Free ผมเข้าไปเดินเล่น เห็นของMade in USSRน่าซื้อหลายอย่าง เลยจะซื้อไปเป็นของฝากคนที่มิลาน ระหว่างรอจ่ายเงินกับRobotตัวเมียที่มีชีวิต ฝรั่งก่อนหน้าที่ซื้อเหล้าไปแล้วได้หันกลับมาขอถุงพลาสติกเพื่มอีกใบหนึ่ง นางรำพึงเบาๆว่า No ฝรั่งคงคิดว่านางเข้าใจอะไรผิดสักอย่าง กะอีขอถุงห่วยๆเพิ่มอีกใบเดียวนางบอกว่าโน เลยเอื้อมมือไปชี้ที่ถุง นางก็ทำเป็นไม่มอง แกเลยขยับมือไปดึงออกเสียเองมา เท่านั้น แม่ก็แผดเสียงก้องไปทั้งร้าน NOOOโน ผมอยู่ตรงนั้นยังตลึงพลึงเพริด ฝรั่งตกใจตัวแข็ง นางก็กระชากเอาถุงคืนไป   โอ่ย…อะไรจะขนาดนั้น ทุกคนในร้านเลยทะยอยวางของแล้วเดินออกไปหมดอย่างตัวลีบๆ ผมจ่ายเงินไปแล้ว จำเป็นต้องอยู่รับของกับเงินทอน ก่อนจะเดินตามออกไป
ลูกค้าหายไปหมด คนทั้งร้านก็ไม่ยี่หระ ดีซะอีก ไม่มีงานต้องทำ

ผมเลยได้บทเรียนสองอย่าง

อย่างแรกคือไม่ไปเหยียบมันอีกแล้ว ประเทศนี้
อย่างที่สอง ถ้าจะไปเหยียบยุโรปหน้าหนาว ให้เอารองเท้าพื้นหนามากๆถึงหนาที่สุดไป ไม่เท่ก็ช่างมัน ขอไม่ตายก็แล้วกัน


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 25  เมื่อ 08 มิ.ย. 12, 00:00

ขอต่อความยาวเรื่อง transit อย่างที่คุณตั้งเล่าไว้อีกหน่อยค่ะ  เผื่อใครเจอเข้าบ้าง
เมื่อก่อนนี้นั่งสายการบิน UA  ต้องไป transit คือแวะที่ญี่ปุ่นเพื่อเปลี่ยนเครื่องเป็นลำใหญ่ บินไปอเมริกา     ไปที่นี่ไม่มีปัญหา  ถึงเวลา   เขาก็ต้อนให้เดินไปนั่งๆนอนๆ อยู่ในห้องพักแบบห้อง premier  มีอาหารการกินและที่นั่งให้สัปหงก  จนกว่าเครื่องบินลำของเราจะมาถึง   ห้องก็อยู่ที่สนามบินนั่นเอง
แต่ต่อมาขี้เกียจจะเสียเวลาทรานสิท   ก็เลยเลือกสายการบินไทย ที่บินตรงจากกรุงเทพไปแอลเอเลยทีเดียว  ขาไปประมาณ ๑๘-๑๙ ช.ม. ขึ้่นกับลมต้านและลมส่งท้าย

ต่อมาอีก  เที่ยวบินสายตรงนี้ถูกยกเลิก พูดง่ายๆว่าเจ๊ง    มีการบินไทยบินไปแอลเอแต่ต้องแวะเติมน้ำมันที่เกาหลี     คือเที่ยวล่าสุดนี้เอง
นึกว่าเขาจะทำแบบง่ายๆ  คือต้อนไปนั่งรอ แล้วก็ต้อนออกอีกเกทหนึ่งไปขึ้นเครื่องใหม่   เปล๊า  เกาหลีทำแบบตรวจคนเข้าเมือง  คือตรวจตราสัมภาระที่เราต้องหอบหิ้วลงจากเครื่องอย่างละเอียด    ตรวจเนื้อตัวด้วยว่ามีอะไรซุกซ่อนรึเปล่า  ก่อนจะปล่อยออกไปได้
เป็นขั้นตอนที่น่าหงุดหงิดมาก    เพราะตรวจไปมันก็เท่านั้น   เราไม่ได้เหยียบแผ่นดินเกาหลีแม้แต่หนึ่งก้าว    เหยียบอยู่แค่ห้องในสนามบิน   แต่ขั้นตอนนี้เสียเวลา ทำให้ใจหายใจคว่ำด้วยว่าจะวิ่งขึ้นเครื่องไม่ทัน เพราะคิวยาวมาก
บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 26  เมื่อ 08 มิ.ย. 12, 00:33

เล่าต่อเรื่องหงุดหงิดมั่ง

อีกหนึ่งความทรงจำที่ยากจะลืมเลือนคือ เดกกา บังคลาเทศ

ไปธุรกิจ อยากจะใช้เวลาให้น้อยที่สุด ถ้าบินการบินไทย มีสัปดาห์ละสองวัน ไม่ลงตัว ไปสายการบินแห่งชาติของเขาดีกว่า “บังคลาเดสพิมาน” มีสัปดาห์ละสามวัน  ไปเช้าถึงเที่ยงๆ บ่ายคุยกับบริษัทลูกค้า นอนคืนนึง อีกวันไปติดต่อกับราชการ๒กรม นอนอีกคืนนึง เช้าวันรุ่งขึ้นก็กลับได้ จึงติดต่อนัดหมายกันเสร็จสรรพตามนั้น

เช้าวันเดินทางที่ดอนเมือง ถึงเวลาแล้ว เครื่องไม่ออก ขอเลื่อน๑ชั่วโมง พอหมดชั่วโมง ขอเลื่อนอีก๑ชั่วโมง ทำอย่างนี้๔ครั้งกว่าจะได้ขึ้นเครื่องก็เลยเที่ยง แต่เครื่องวิ่งแทกซี่จะบินขึ้นอยู่แล้วแอร์ยังไม่เย็น ถามพนักงานบริการบนเครื่องเธอก็บอกว่าเดี๋ยวคงจะเย็น แต่เครื่องขึ้นไปตั้งนานจนกัปตันสั่งให้ปลดเข็มขัดได้ แอร์ก็มีแต่ลมโชยไม่มีความเย็น ผู้โดยสารต่างกระสับกระส่าย ร้อนก็ร้อน หิวก็หิว สักพักพนักงานก็เข็นรถเครื่องดื่มออกมารินให้คนละแก้ว ผมยิ่งใจแป้วหนักขึ้น รถที่เข็นออกมานั้นช่างเก่าเต็มที โยกหน้าโยกหลังจะพับฐานเสียให้ได้ เคยทำให้คิดไกลไปว่า แค่เงินจะเปลี่ยนรถเครื่องดื่มมันยังไม่มี แล้วมันจะมีเงินซ่อมเครื่องบินเร๊อะ น้ำที่เสริฟก็มีแต่น้ำมะม่วงกับน้ำอัดลมสีดำ นี่International Flightนะเพ่

กว่าจะได้กินอาหารกลางวันมื้อนั้น ก็ลมออกหู ฝรั่งที่นั่งข้างๆกันบ่นกับผมว่า ไอ้นี่มันMickey Mouse Airways เทียบกับThai International ไม่ได้เลยTravel Agentของไอหลอกกันชัดๆว่าเป็นสายการบินระดับเดียวกัน บ่นกันไปสักชั่วโมงกว่ามั้ง อยู่ดีๆระบบแอร์เย็นก็ทำงาน ผู้โดยสารก็เลยเปลี่ยนอิริยาบท จากท่าบ่นไปพัดแย๊กๆไป  มาเป็นท่าหุบปากนอนหลับตา  เฮ้อ เห็นทีจะรอดตาย

บินมาสี่ชั่วโมงกว่า ถึงจุดหมายก็เย็นแล้ว เป็นอันว่าวันนี้ผิดแผน งานทั้งหมดต้องรวบยอดไปทำวันรุ่งขึ้นวันเดียว พนักงานบนเครื่องบินแจ้งให้ทราบว่า การที่เครื่องดีเลย์นานทำให้ผู้โดยสารอาจจะพลาดConnecting Flight บังคลาเดสพิมานยินดีจะชดเชยให้ ใครอยากพักโรงแรมในดักกา สายการบินจะนำไปอยู่ยังโรงแรมของบริษัท โดยจะให้อยู่ฟรี๑คืน ผมก็คิดว่าดีเหมือนกัน ผมยังไม่ได้จองโรงแรมมา กะจะให้ลูกค้าชาวบังคลาเทศที่จะมารับผมที่สนามบินแนะนำโรงแรมให้  ภายหลังจึงรู้ว่าเขาไม่ได้มารับ โดยอ้างว่าเขานึกว่าเที่ยวบินเที่ยวนี้ยกเลิกไปเลย

การตรวจคนเข้าเมืองช้ามาก ที่เคาน์เตอร์มีเจ้าพนักงานมุงๆกันหลายคนแต่ที่ทำงานมีคนเดียว กว่าจะผ่านไปเอากระเป๋าเดินทางเสร็จเจ้าหน้าที่ของบังคลาเดสพิมานก็บอกให้นั่งรอก่อน เดี๋ยวจะมีคนของอีกฝ่ายหนึ่งจะมารับไปโรงแรม แล้วตนเองก็ขึ้นรถบริษัทเข้าเมืองไป  
ตอนนั้นมีผู้โดยสารต่างชาติที่ต้องการจะไปโรงแรมที่ว่านั้นเพียงสิบกว่าคน ที่เหลือเป็นคนท้องถิ่นเขากลับบ้านกันหมดแล้ว  เครื่องที่ผมมาเป็นเที่ยวบินสุดท้ายของวันนั้น  พอคนทะยอยออกไปกันหมดไม่นาน สนามบินที่หน้าตาเหมือนสถานีรถทัวร์เก่าๆในเมืองไทยก็เริ่มปิดไฟ  ในห้องโถงเหลือแขกยามคนหนึ่งลากเตียงถักเชือกไปหลังเคาน์เตอร์ตรวจคนเข้าเมือง ผมชักใจไม่ดี มันมีอะไรผิดพลาดหรือเปล่า ถามฝรั่งที่นั่งคอยกันอยู่ก็ไม่ได้เรื่องว่าเขาจะมารับเมื่อไหร่ จึงเกร่ไปจะไปถามแขกยาม เผื่อจะพูดภาษาอังกฤษได้ในฐานะที่ประเทศเคยเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษมาก่อน  พอเข้าไปใกล้ๆ เห็นหน้าแล้วจึงพบว่า ที่นึกว่าเป็นแขกยามนั้น ที่แท้คือเจ้าหน้าที่กองตรวจคนเข้าเมืองเมื่อกี้ แกเปลี่ยนชุดข้าราชการออกไป แล้วนุ่งโสร่ง ใส่เสื้อกล้ามขาดตรงพุงรูเบ้อเร่อ ผมถามว่ายูเองหรือนี่ แกบอกว่าใช่ เมื่อกี้ไอนั่งตรวจพาสปอร์ต  คืนนี้ไออยู่เวรนอนเฝ้าที่ทำงาน ยูมีปัญหาอะไร ผมบอกว่าสนามบินไม่มีเจ้าหน้าที่สายการบินอยู่เลยหรือ แกบอกว่าไม่มี นอกจากยาม(จริงๆ)แล้วมีไอคนเดียว แต่พวกยูไม่ต้องวิตกหรอก เขากำลังเอารถจากในเมืองมารับพวกยู   โฮ้ย..เป็นงี้บ่อย ไม่มีปัญหาหรอก เดี๋ยวก็มา ว่าแล้วก็เดินออกไปอธิบายให้พวกต่างชาติที่นั่งจับกลุ่มกันอยู่ด้วย เห็นพยักหน้ากันหงึกๆ แล้วแกก็กลับมานอนปัดยุงของแกต่อ

รถที่มาสภาพดีกว่ารถสองแถวหน่อยนึง คลานบ้างวิ่งบ้าง บีบแตรไปทุกๆ๑๐วินาที(รถทุกคันในดักกาทำเช่นนี้) กว่าจะไปถึงโรงแรม ซึ่งผมวาดภาพไว้หรูเกินความจริงมาก มันก็สี่ทุ่มแล้ว หิวจนแทบหน้ามืด ทานอาหารที่โรงแรมที่บังคลาเดสพิมานจัดให้แบบกินกันตายไปมื้อนึง ก็มีปัญหาเรื่องห้องอีก เพราะเขาจะให้อยู่ห้องละสองคน เห็นแขกอินตระเดียที่เขาจะให้อยู่ห้องเดียวกับผมแล้ว  เฮ๋..อีนี่..ผมขอจ่ายเพิ่มเพื่ออยู่คนเดียวดีกว่าน่ะนายจ๋า

พอแค่นี้ละกันนะครับ ขืนยาวกว่านี้เดี๋ยวต้องถามว่าผิดกระทู้หรือเปล่าอีก


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 27  เมื่อ 08 มิ.ย. 12, 08:16

เล่าถูกกระทู้ แต่เล่าไว้ครึ่งเดียว มันก็น่าหงุดหงิดสำหรับคนฟังนะคะ ท่าน

อยากฟังการผจญภัยต่อไปในเดคคา จนถึงวันกลับ ว่าจะมีรสชาติเผ็ดเค็มประการใดบ้าง    จากนั้นจะเล่าประสบการณ์อันหาได้ยากของการผจญห้องน้ำเมืองจีน  รวมแล้ว 5 ทริปให้ฟังกัน   
เรื่องห้องน้ำเมืองจีนเป็นเรื่อง thriller ของนักท่องเที่ยวไทย   จะเป็นรองก็แต่อินเดียเท่านั้นค่ะ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 28  เมื่อ 08 มิ.ย. 12, 11:56

กลับมาเล่าต่อเรื่องทอร์นาโด
พายุเมื่อวานผ่านไปแล้ว   ไม่มีความเสียหาย   กำลังโล่งใจก็พอดีมีประกาศฉุกเฉินทางทีวีในตอนค่ำ   ว่าพายุฤดูร้อนลูกใหม่ที่มีท่าทีว่ากลายจะเป็นทอร์นาโดได้  ผ่านมาอีกลูกหนึ่งแล้ว    อยู่เลยเมืองออกไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ

เมื่อกี้ออกไปดูที่ลานจอดรถ    เมฆฝนทะมึน  ฟ้าแลบฟ้าร้องเปรี้ยงปร้างราวกับอยู่ในเขตมรสุม ซึ่งไม่น่าเกิดในเขตหนาว    ครู่เดียวลูกเห็บก็ร่วงกราวลงบนพื้นดิน    เสียดายว่าถ่ายรูปไม่ทัน มันละลายไปเร็วมาก
เลยเอารูปในกูเกิ้ลมาให้ดูพลางๆค่ะ



บันทึกการเข้า
naitang
หนุมาน
********
ตอบ: 5823


ความคิดเห็นที่ 29  เมื่อ 08 มิ.ย. 12, 20:05

ตามไปเรื่องทอร์นาโดของคุนเทาชมพูก่อนที่จะตามไปเรื่องลงไปยืนอยู่บนลานบินของคุณนวรัตน์

ก่อนอื่น ไปเรื่องบ่นก่อน คำภาษาไทยที่เขียนทับศัพท์นี้ อย่าไปออกเสียงตามคำที่เขียนนะครับ ฝรั่งเขาฟังไม่ออกไม่รู้เรื่องหรอก ไปออกเสียงว่า ทอร์นาโด ฝรั่งเขาออกเสียงว่า ทอร์เน้โด้ หรือ ทอร์เนโด (ตามที่คุณเทาชมพูว่าไว้) ไปออกเสียงว่าเมืองแมสซาชูเสด เขาก็ไม่รู้เพราะเขาก็ออกเสียงว่า แมสเซิดชู้เสท หรือเมืองออตตาวา เขาก็ออกเสียงว่า อ๊อดตะว่า  แล้วจะไปเมือง Sioux ไม่ทราบว่าภาษาไทยจะเขียนทัพศัพท์ว่าอย่างไร ซีอุก ฮืม     ออกเสียงว่า ซู ใช่ใหมครับ

ผมไปออสเตรเลีย บอกให้เจ้าหน้าที่ทางการออสเตรเลียช่วยยืนยันการเดินทางที่จะต่อไปเมืองหลวง แคนเบอร่า (Canberra)  เขายังอุตส่าห์จะช่วยให้ไปเมือง Cairns  อยู่กันคนละทิศ ห่างกันหลายพัน กม. เพียงเพื่อนผมออกเสียงชัดไปหน่อยว่า แคนเบอร่า แทนที่จะเป็น แค้นบะร่า ก็เลยจะได้อีกเมืองหนึ่ง
 ซึ่งก็พอจะทราบเหตุผลและเข้าใจอยู่บ้างหรอกสำหรับหลักของภาษไทย  แต่ผมเห็นว่ามันมีผลตามมาเยอะ มันทำให้เด็กไทยไปพูดกับฝรั่งกับคนอื่นไม่รู้เรื่อง เขาฟังไม่ออก มีวรรณยุกต์แล้วก็ไม่ใช้ จะบอกว่าภาษาอังกฤษไม่มีวรรณยุกต์ก็จริง แต่เขาก็มีโทนเสียงเหมือนกัน   คนไม่เคยได้ยินจะไปรู้ได้อย่างไรว่า เขียนแบบไทยดังกล่าวนี้ แต่ต้องออกเสียงไปอีกอย่างหนึ่ง   (ขออภัยท่านอาจารย์ทั้งหลายด้วยนะครับ ที่บ่นมาอย่างนี้ มิได้มีเจตนาอื่นใด)
 
แยกซอยไปนิดนึง เพื่อนผมคนหนึ่งเดินทางครั้งแรกไปเรียนหนังสือ ขึ้นเครื่องบิน ขอน้ำกิน "เม ไอ แฮฟ อะ คับ อ๊อฟ วอเต้อ พลีส"  พนังงานการบินก็ฟังไม่ออก ขนาดขอน้ำกินก็ยังไม่ได้  พูดซ้ำอยู่หลายครั้งจนเธอนึกขึ้นได้จึงพูดออกมาว่า โอ้ ว้อเท่อร์  เพื่อนผมคนนี้รู้สึกปลงตนเองในบัดดลว่า นี่เราจะอยู่รอดหรือ

กลับมาเรื่องทอร์นาโดดีกว่า ในระหว่างที่เรียน ได้ท่องเที่ยวไป ก็ได้เห็นสภาพของความพินาศ อำนาจของการทำลายล้างของพายุนี้หลายครั้งใหลายพื้นที่ คือราบเป็นหน้ากลอง เป็นช่อง เป็นแถบไป  แต่ที่เคยประสบมาเองด้วยความกลัวนั้น ก็มีอยู่ครั้งหนึ่ง
เช่าห้องอยู่ชั้นล่างของบ้านชั้นเดียวที่เล่นระดับอยู่บนเนิน กำลังเขียนวิทยานิพนธ์อย่างขมักเขม่น ใกล้จะจบแล้ว ไม่มีใครอยู่เลย อยู่คนเดียว ก็ทราบจากข่าวตอนบ่ายแก่ๆว่า เมืองที่อยู่นั้นอยู่ในเส้นทางที่ทอร์นาโดจะผ่าน นึกอะไรไม่ออกจริงๆครับว่าจะต้องทำอย่างไร คิดแต่ว่าห้องที่เราอยู่นี้อยู่ต่ำกว่าพื้นบ้าน มีผนังดินอยู่ด้านหนึ่ง ก็น่าจะพอรอดตัวได้ พอใกล้จะมืด ก็มีลมโชยมาเรื่อยๆอย่างกับเปิดพัดลมอ่อนๆเป่า ใบไม้ก็ค่อยๆร่อนปลิวไป วังเวงพิลึกเลยครับ แล้วลมก็เงียบ ตามฟังทีวี เขาก็รายงานเป็นระยะว่ามันจะเกิดที่ใหน สุดท้ายก็บอกว่ามันเกิดขึ้นและผ่านไปแล้ว เฉียดจากที่ผมอยู่ไปไม่ไกลมากนัก น่ากลัวทีเดียว  คิดอยู่ว่าหากผ่านมาทางที่อยู่ของเราแล้วจะเป็นอย่างไร ไม่รู้ว่าจะไปหลบที่ใหน ไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร รู้แต่ว่าหากได้ยินเสียงมา ดีที่สุดก็ต้องหลบอยู่ตรงผนังที่เป็นกำแพงดินเท่านั้น ใจหายหมดจริงๆ รู้สึกอ้างว้างและเปล่าเปลี่ยวจริงๆในขณะนั้น

เคยสังเกตใหมครับว่า ทอร์นาโดนั้นมักจะไม่ผ่านเมืองที่เป็นเมืองใหญ่ มักจะผ่านพื้นที่ๆเป็นเมืองเล็กๆที่ตั้งอยู่ในพื้นที่รอบตัวเปิดโล่ง หรือเป็นพื้นที่แหล่งอาศัยของพวกบ้านรถพ่วง     
 
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 [2] 3 4 ... 37
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.05 วินาที กับ 20 คำสั่ง