เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33416
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 75 เมื่อ 14 มิ.ย. 12, 23:27
|
|
ใช่ค่ะ ข่าวออกว่า สันนิษฐานว่าต้นตอไฟป่าเกิดจากฟ้าผ่า เพราะมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นในช่วงนั้นพอดี เคยเล่าไว้แล้วว่าดิฉันเดินออกมาดูนอกบ้าน เห็นเมฆกลางคืนดำทะมึน ฟ้าแลบแปลบปลาบ ฟ้าร้องครืนๆ ราวกับอยู่ในเขตมรสุมบ้านเรา ปกติอากาศในรัฐนี้แห้งและเย็น ฟ้าโปร่ง ฝนตกเป็นละออง แทบจะนับครั้งได้ ตกเดี๋ยวเดียวก็หยุด
ไฟป่าที่นี่น่ากลัว เขาบอกว่ามันมาเร็วมาก แต่สูญเสียชีวิตคนน้อยมากเพราะทางการแจ้งเตือนได้รวดเร็วทันการ ใช้วิธีโทรศัพท์ต่อไปถึงทุกบ้านบนภูเขาด้านที่เกิดไฟ ชาวบ้านก็เลยขึ้นรถขับหนีลงมาได้ทัน เส้นทางรถของเขาก็รวดเร็วและสะดวก ผู้เสียชีวิตมีคนเดียว เป็นหญิงชราอยู่ตามลำพังในล็อคเคบิน เธอนอนหลับหรือมัวทำอะไรอยู่ไม่ทราบ ไม่รับโทรศัพท์ เลยไม่รู้ว่าเกิดไฟไหม้ จึงถูกไฟคลอกเสียชีวิต
พูดถึงชีวิตคนอเมริกันที่นี่ก็แปลกไปจากบ้านเรา คนที่นี่พอแก่ตัวเขาไม่ชอบอยู่กับลูกหลาน อย่างที่คนไทยเห็นเป็นความอบอุ่น ส่วนใหญ่พอลูกจบไฮสกูล ก็บินออกจากรังไป เหลือพ่อแม่อยู่กันสองคนด้วยความสุขว่าหมดภาระแล้ว ลูกไม่ออกจากบ้านเสียอีกพ่อแม่กลุ้มใจว่าไม่รู้จักโต หลังจากนั้น อีกสิบยี่สิบปี เมื่อคู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งตายจากไป คนที่เหลือก็อยู่คนเดียว บางคนแต่งงานใหม่ในตอนแก่ๆเพื่อหาเพื่อน แต่ก็มีจำนวนมากที่พอใจกับอิสรภาพที่ได้อยู่ตามลำพัง อยากทำอะไรทำ ไม่อยากทำอะไรก็ไม่ทำ ไม่ขึ้นกับใครนอกจากตัวเอง
คุณยายคนที่ขึ้นไปอยู่ในล็อคเคบินบนภูเขาเพียงลำพังก็คงเป็นแบบนี้ละค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33416
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 76 เมื่อ 16 มิ.ย. 12, 09:10
|
|
วันนี้ ออกไปนอกเมือง ก็ยังเห็นควันไฟสีขาวม้วนตัวขึ้นจากเทือกเขา ๒ แห่งด้วยกัน ควันน้อยกว่าวันก่อนๆ แต่ยังไม่หมด พลุ่งขึ้นมาไม่ขาดสาย แสดงว่าไฟยังไหม้ High Park อยู่ค่ะ
อ่านข่าวในเน็ตพบว่า ตอนนี้บ้านบนภูเขาสังเวยไฟไปแล้ว ๑๑๒ หลัง เนื้อที่ไฟไหม้อยู่ในบริเวณ ๕๒,๐๐๐ เอเคอร์ของ High Park ไฟเริ่มตั้งแต่คืนวันเสาร์เมื่อฟ้าผ่าลงมา จนบัดนี้พนักงานดับเพลิงที่ระดมกันมา ๑๔๐๐ คนก็ยังสู้ไฟอยู้ไม่ลดละ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33416
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 77 เมื่อ 16 มิ.ย. 12, 09:12
|
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 78 เมื่อ 16 มิ.ย. 12, 18:44
|
|
ดูภาพไฟป่าของคุณเทาชมพูแล้วก็น่ากลัวเหมือนกันนะครับ
ไฟไหม้ไปแล้วหลายหมื่นเอเคอร์ ไหม้มาหลายวันแล้ว ใช้พนักงานดับเพลิง 1400 คน ระดมแรงช่วยกัน เดาได้เลยครับว่าจะเหนื่อยสาหัสเพียงใด และก็แสดงว่าการสนับสนุนและการส่งกำลังบำรุงจะต้องดีด้วย ผมเห็นภาพเจ้าหน้าที่แบกน้ำคนละประมาณ 20 ลิตร และไม้ตีแมลงวัน (เครื่องมือสำหรับดับไฟอย่างหนึ่ง) เดินตบไฟใ้ห้ดับบ้าง เอาน้ำฉีดบ้าง เอาเครื่องพ่นไฟไปจุดไฟให้ติดเพื่อไล่ไฟบ้าง (กำจัดเชื้อเพลิงให้หมดไป) เมื่อน้ำหมดก็ต้องเดินไปยังแอ่งน้ำหรือเดินมาเติมน้ำที่รถแท้งค์น้ำที่จอดรออยู่ แล้วก็คงจะต้องมีรถดับเพลิงไปจอดรออยู่ในบางบริเวณ อาจจะมีรถแืทร็กเตอร์กำลังกรุยพื้นดินเอาใบไม้ใบหญ้าแห้งออกไป เพื่อทำแนวกันไฟ
ภาพเหล่านี้ ในต่างประเทศเคยเห็นจากภาพข่าวทางทีวีหรือจากสารคดี ซึ่งก็เป็นภาพเดียวกันกับที่ตนเองได้ประสบและเข้าร่วมกับชาวบ้านเมื่อไฟป่าลามเข้ามาใกล้สวนหรือที่พักอาศัยที่อยู่บริเวณชายขอบของพื้นที่เขตหมู่บ้าน ภาพที่แตกต่างออกไปนั้นเห็นจะมีเพียง ของเราใช้เครื่องพ่นยาที่ใช้พ่นปุ๋ยพ่นยาฆ่าแมลงตามเรือกสวนไร่นา เท่าที่มีตามมีตามเกิด เท่าที่พอจะมีกัน แล้วก็มีท่อนไม้บ้าง กิ่งไม้ที่ตัดมาแบบให้มีใบไม้ติดปลายอยู่บ้าง รถน้ำก็เป็นรถกระบะที่ใช้ประจำวัน บรรทุกกระป๋องกระแป๋งเท่าที่จะหาได้ เอาใส่น้ำบรรทุกมา เราจะช่วยกันคนละไม้ละมือด้วยความสมัครใจ ไม่ไปดับทั้งป่าหรอกครับ เอาเพียงไม่ให้ไฟมันลามเข้ามาในพื้นที่สวนหรือบ้านเรือนก็พอแล้ว พอไฟราแล้วก็นั่งเฝ้าอีกสักหนึ่งถึงสองชั่วโมง ระหว่างนี้ก็อาจมีหน่วยสนับสนุนไปหาเหล้าหาน้ำเอามาดื่มกินกัน เป็นทั้งการพักเหนื่อย เฝ้าระวัง และแสดงความขอบคุณซึ่งกันและกัน ภาพดังกล่าวนี้ คนที่อยู่ในเมืองคงจะไม่มีโอกาสได้เห็นกัน สำหรับตัวผมเองนั้น ได้ร่วมอยู่หลายครั้ง บางครั้งก็กลางวัน บางครั้งก็ตอนหัวค่ำเมื่อฟ้ามืดสนิทแล้ว ครั้งหลังสุดก็เมื่อปีที่แล้ว สวนของผมอยู่ติดกับเขตป่าสงวนฯครับ ต้องทำแนวกันไฟทุกปี พยายามกำจัดเชื้อไฟใ้ห้เหลือน้อยที่สุดทุกปี เฝ้าระวังกันทุกปี อุปกรณ์ดับไฟก็ดังที่เล่ามา ไม่มีอะไรมากไปกว่านี้ ปีๆหนึ่งก็หมดเหล้าไปหลายขวด หน่วยดับไฟป่าของทางราชการเขาไม่มายุ่งด้วยหรอกครับ ไฟก็ใหม้มาจากเขตป่านั่นแหละ เราก็ต้องช่วยเหลือกันเอง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 79 เมื่อ 16 มิ.ย. 12, 18:59
|
|
เคยสังเกตใหมครับว่า เครื่องบินที่บรรทุกน้ำมาดับไฟป่านั้น มักจะเป็นเครื่องบินสะเทินน้ำสะเทินบกเก่า รุ่นสมัยสงครามโลกครั้งที่สองโน่น ซึ่งยังมีใช้อยู่ในแคนาดา เนื่องจากในแคนาดานั้นมีทะเลสาบมากมาย (lake ที่เกิดมาจากการกัดเซาะและการละลายของธารน้ำแข็ง_Glacier) ซึ่งมีอยู่เป็นจำนวนมากที่มีขนาดกว้างยาวพอที่จะให้เครื่องบินเหล่านี้ร่อนลงสูบเอาน้ำเข้าท้องเครื่องอุ้มเอาไปปล่อยดับไฟ สำหรับในพื้นที่ป่าของสหรัฐฯนั้น มีข้อจำกัดในเรื่องขนาดของแหล่งน้ำที่กว้างใหญ๋นี้ จึงใช้เฮลิคอปเตอร์แทน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เพ็ญชมพู
|
ความคิดเห็นที่ 80 เมื่อ 16 มิ.ย. 12, 19:04
|
|
ภาพเหล่านี้ ในต่างประเทศเคยเห็นจากภาพข่าวทางทีวีหรือจากสารคดี ซึ่งก็เป็นภาพเดียวกันกับที่ตนเองได้ประสบและเข้าร่วมกับชาวบ้านเมื่อไฟป่าลามเข้ามาใกล้สวนหรือที่พักอาศัยที่อยู่บริเวณชายขอบของพื้นที่เขตหมู่บ้าน ภาพที่แตกต่างออกไปนั้นเห็นจะมีเพียง ของเราใช้เครื่องพ่นยาที่ใช้พ่นปุ๋ยพ่นยาฆ่าแมลงตามเรือกสวนไร่นา เท่าที่มีตามมีตามเกิด เท่าที่พอจะมีกัน แล้วก็มีท่อนไม้บ้าง กิ่งไม้ที่ตัดมาแบบให้มีใบไม้ติดปลายอยู่บ้าง รถน้ำก็เป็นรถกระบะที่ใช้ประจำวัน บรรทุกกระป๋องกระแป๋งเท่าที่จะหาได้ เอาใส่น้ำบรรทุกมา เราจะช่วยกันคนละไม้ละมือด้วยความสมัครใจ ไม่ไปดับทั้งป่าหรอกครับ เอาเพียงไม่ให้ไฟมันลามเข้ามาในพื้นที่สวนหรือบ้านเรือนก็พอแล้ว
ที่พม่า เท่าที่สังเกตระหว่างเดินทางในย่างกุ้ง หน้าหน่วยราชการต่าง ๆ จะมีอุปกรณ์ดับไฟไว้ประจำ ลักษณะคล้าย ๆ กันดังภาพ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 81 เมื่อ 16 มิ.ย. 12, 19:32
|
|
ในออสเตรเลียก็มีปัญหาไปอีกแบบหนึ่ง เมื่อพ้นเขตชายฝั่งทะเล ต้นไม้ที่ขึ้นเป็นป่านั้น จะมีอยู่สองพวกใหญ่ คือ พวกต้นยูคาลิบตัส และที่เขาเรียกกันว่า Gum tree ป่าพวกนี้จะหายไปในพื้นที่ลึกเข้าไปในแผ่นดินเมื่อความชื้นลดลง และเมื่อระดับน้ำใต้ดินอยู่ลึกลงไปเรื่อยๆ หากเกิดไฟไหม้ป่าเมื่อใดจึงเป็นเรื่องยากที่จะดับ เนื่องจากต้นไม้เองก็มีน้ำมันหอมและมียางไม้ที่ติดไฟได้ง่าย แล้วก็ขาดแหล่งน้ำที่จะใช้ในการดับไฟ แต่ด้วยที่เป็นพื้นที่ราบ เขาจึงใช้วิธีกรุยพื้นดินให้เป็นทางเป็นแนวกันไฟเป็นบล็อกๆ แต่ละบล็อกจะกว้างยาวเพียงไดไม่ทราบ การกรุยดินเป็นทางนี้ยังใช้ประโยชน์ทั้งในด้านการใช้เป็นถนนสำหรับเจ้าหน้าที่ และในอีกลักษณะหนึ่ง คือ กันโรคพืช (เชื้อรา) เพื่อมิให้ข้ามจากป่าบล็อกหนึ่งไปยังป่าอีกบล็อกหนึ่ง ที่รู้ก็เพราะ เมื่อครั้งไปอบรมดูงานนั้น เขาห้ามมิให้เราเดินข้ามจากบล็อกที่เราเข้าไปเหยียบย่ำไปยังอีกบ็อกหนึ่ง จากกระทู้นี้ ก็ได้แยกไปเรื่องสุขานานาชาติเรื่องหนึ่งแล้ว สงสัยว่า กำลังใกล้ๆจะแยกออกไปเป็นเรื่องไฟป่าอีก 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 82 เมื่อ 16 มิ.ย. 12, 19:45
|
|
ที่พม่า เท่าที่สังเกตระหว่างเดินทางในย่างกุ้ง หน้าหน่วยราชการต่าง ๆ จะมีอุปกรณ์ดับไฟไว้ประจำ ลักษณะคล้าย ๆ กันดังภาพ  ภาพนี้เคยเห็นในเมืองไทยมาเหมือนกัน เมื่อสักสี่ห้าสิบปีก่อน แต่ของเราด้ามของอุปกรณ์จะไม่ยาวเท่านี้ พม่าท่าทางจะกลัวไฟมาก  แต่ก่อนนั้น ของเราจะพบเห็นได้ตามหน้าที่ว่าการอำเภอเป็นหลัก มีเป็นส่วนน้อยที่พบในบริเวณหมู่บ้าน ด้ามของอุปกรณ์ดับไฟของเราสั้นมาก เพียงประมาณสองเมตรเห็นจะได้ แถมยังมีถังน้ำแขวนไว้อีกสามสี่ใบ แล้ว (ถ้าจำไม่ผิด) ก็จะมีถังน้ำขนาดประมาณ 150-200 ลิตร อีกหนึ่งใบ แล้วก็มีกองทรายกองเล็กๆอยู่ด้วย ครังสุดท้ายที่ได้เห็น หากจำไม่ผิดนะครับ ก็ที่หน้า อ.แม่ระมาดน้อย จ.ตาก คิดว่าประมาณ 20 ปีมาแล้ว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33416
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 83 เมื่อ 16 มิ.ย. 12, 22:07
|
|
รัฐนี้มีสถานที่เดินทางท่องเที่ยวหลักใหญ่คือเทือกเขาร็อคกี้ หน้าร้อนเที่ยววนอุทยานแห่งชาติซึ่งมีมากมายหลายแห่ง ไปดูกวาง ดูหมี หน้าหนาวไปเล่นสกีซึ่งก็มีมากมายเหมือนกัน ถ้าจะไปเที่ยวรัฐใกล้เคียง ก็ขับรถข้ามภูเขาไป แต่ไฟป่าทำให้การท่องเที่ยวชะงักไปหลายจุดเหมือนกัน
ฝนที่มีเค้าว่าจะตกลงมาวันสองวันนี้อาจจะช่วยดับไฟป่าได้ค่ะ เขาหวังกันอย่างนั้น
มาติดตามคุณตั้งเดินทางท่องเที่ยวต่อไป
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 84 เมื่อ 18 มิ.ย. 12, 18:39
|
|
... ฝนที่มีเค้าว่าจะตกลงมาวันสองวันนี้อาจจะช่วยดับไฟป่าได้ค่ะ เขาหวังกันอย่างนั้น...
สงสัยจะเป็นหวังลมๆ (ก็ได้ลม) แล้งๆ (ก็ได้แล้งมากขึ้น) เสียแล้ว อิๆ ข่าวว่าเมื่อวานนี้มีลมแรง ความเร็วประมาณ 80 กม./ชม. เฮลิคอปเตอร์ที่ช่วยดับไฟต้องจอด ขึ้นบินไม่ได้ มีการอพยพคนมากขึ้น เมื่อพื้นที่ไฟใหม้ขยายตัวเป็นวงกว้าง ความร้อนสะสมในพื้นที่นั้นก็จะมากขึ้น กลายเป็นลักษณะของ Heat island อยู่กลางป่า อากาศร้อนลอยตัวสูงขึ้น อากาศที่เย็นกว่าพัดเข้ามาแทนที่ กลายเป็นลมแรง ลมตามช่องเขาหุบเขา (Wind gap) จากเดิมที่อาจจะพัดขึ้น (Upward wind) หรือพัดลง (Downward wind) ตามใหล่เขาตามลักษณะของพื้นที่และช่วงเวลา ก็จะแปรปรวน จับทางไม่ได้ ผลก็คือไฟขยายไปในทิศทางที่คาดได้ยาก เริ่มเป็นเรื่องน่ากลัว กำลังก้าวย่างจากระดับภัย (Hazard) เข้าไปสู่ความหายนะ (Disaster) แล้วนะครับ อย่างไรก็คงไม่มาถึงเขตชุมชนเมืองที่คุณเทาชมพูไปพัก เข้าใจครับว่าต้องติดตามข่าวตลอดเวลา เอ แต่ว่าได้ยินคำพูดจากเจ้าหน้าที่บ้างหรือยังว่า able to confine
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 85 เมื่อ 18 มิ.ย. 12, 19:36
|
|
ต่อเรื่องเก็บตก
ว่าจะกล่าวถึง Schengen Visa แต่ก็ลืมไป จึงจะขอถอยหลังกลับเล็กน้อย
เมื่อจะเดินทางไปยุโรป ก็ควรจะมีความเข้าใจพื้นฐานบางประการ
สหภาพยุโรป คือ EU (European Union) เป็นองค์กรระหว่างประเทศ เป็นเรื่องของการรวมตัวของประเทศต่างๆในยุโรปเป็นหนึ่งเดียวกัน ในปัจจุบันมีทั้งหมด 27 ประเทศ ประชาคมยุโรป คือ EC (European Community) หรือ EEC (European Economic Community) เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เกิดก่อน EU Schengen คือ กลุ่มประเทศของ EU (21 ประเทศ) ที่ปฏิบัติต่อกันเหมือนไร้พรมแดน ซึ่งมีประเทศที่มิใช่เป็นสมาชิกของ EU อีก 4 ประเทศเข้าร่วมด้วย และก็มีประเทศที่เป็นสมาชิกของ EU ยังไม่เข้าร่วมอีก 4 ประเทศ Euro Zone คือ ประเทศใน EU ที่ใช้เงินสกุลเดียวกัน (เงิน Euro) มีอยู่ 17 ประเทศ ประเทศ (สถานทูต) ที่สามารถไปขอ Schengen Visa ได้ มีอยู่ 15 ประเทศ พื้นที่ในเขตอาณา (โพ้นทะเล) ก็ต่างกันไป ต้องศึกษาเอาเองนะครับ
สรุปดังตารางนี้
EURO Zone Schengen (25) Member States (27) Apply for Visa (15) Austria, Austria Austria Austria Belgium Belgium Belgium Belgium Bulgaria Cyprus Cyprus Czech Czech Denmark Denmark Denmark Estonia Estonia Estonia Finland, Finland Finland Finland France France France France Germany Germany Germany Germany Greece Greece Greece Greece Hungary Hungary Iceland Iceland Ireland Ireland Italy Italy Italy Italy Latvia Latvia Liechtenstein Lithuania Lithuania Luxembourg Luxembourg Luxembourg Luxembourg Malta Malta Malta Netherlands Netherlands Netherlands Netherlands Norway Norway Poland Poland Portugal Portugal Portugal Portugal Romania Slovakia Slovakia Slovakia Slovenia Slovenia Slovenia Spain Spain Spain Spain Sweden Sweden Switzerland UK
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
กระต่ายหมายจันทร์
พาลี
   
ตอบ: 284
ศศ (สะสะ) แปลว่ากระต่ายและกวาง
|
ความคิดเห็นที่ 86 เมื่อ 18 มิ.ย. 12, 19:49
|
|
^ ^ หวังว่ากรีซจะไม่ออกจาก EU นะคะ เดี๋ยว Schengen จะหายไปหนึ่งประเทศ ลุ้นสถานการณ์ยุโรปมากค่ะ กลัวโดมิโนตลาดเงินและตลาดทุน 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
CrazyHOrse
|
ความคิดเห็นที่ 87 เมื่อ 18 มิ.ย. 12, 21:12
|
|
อีกเรื่องหนึ่งที่เป็นเรื่องสำคัญสำหรับการเดินทางในปัจจุบันคือเรื่องการรักษาความปลอดภัยในสนามบินครับ
หลายปีที่แล้วผมเดินทางไปกัษมีร (Kashmir) ซึ่งมีปัญหาเรื่องการแบ่งแยกดินแดนอันเนื่องมาจากความแตกต่างทางเชื้อชาติและศาสนา สนามบินของเขามีการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดมาก นอกจากของเหลวแล้ว ห้ามนำแบ็ตเตอรี่และถ่านไฟฉายขึ้นเครื่องครับ ต้องโหลดอย่างเดียว ขาออกจากสนามบินที่กัษมีรยังเห็นไม่ชัด สังเกตได้แต่ว่ามีทหารถือปืนกลมืออยู่ทั่วไป แต่เมื่อจะขึ้นเครื่องออกจากกัษมีรสิครับ แค่ผ่านเข้ารั้วสนามบิน ผู้โยสารทุกคนต้องลงจากรถ หิ้วกระเป๋าเดินทางของตัวเองผ่านเข้าเครื่องเอ็กซเรย์ แล้วยกกลับขึ้นไปบนรถ รถวิ่งไปสักพัก ลงมาทำอย่างเดิมซ้ำอีกหนึ่งครั้ง จนเมื่อถึงอาคารสนามบิน ก็เข้าเครื่องเอ็กซเรย์อีกเป็นครั้งที่สามจึงครบกรรมวิธี เรื่องที่แอนตี้ไคลแม็กซ์มาที่สุดคือ ในสนามบินที่มีการป้องการเข้มงวดขนาดนี้มีครอบครัวแมววิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนานอยู่ในห้องพักรอขึ้นเครื่องด้วยครับ : )
อีกหนหนึ่งผมขึ้นเครื่องจากเมืองอุทัยปุระจะกลับมายัง Delhi (ที่เข้าใจว่าควรจะต้องเขียนว่า ทิลลี)
ความที่รีบมาก ผมลืมเก็บกวาดเอาสิ่งของต้องห้ามออกจากเป้หลัง เมื่อเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของสนามบินเจอขวดน้ำในเป้ เธอผู้นั้นบอกกับผมว่า "Drink!" เธอคงเห็นใบหน้ากึ่งหัวร่อกึ่งร่ำไห้ของผมจึงหระหนาบซ้ำว่า "Drink... please!" ผมได้แต่เปิดขวด ดื่มน้ำเข้าไปหนึ่งอึก วางลง แล้วหัวเราะกับตัวเองในขณะเธอผู้นั้นพูดว่า "more!" สิ่งที่ต่อจากนั้นคือน้ำผลไม้อีกกล่องหนึ่ง ตั้งแต่เดินทางมา ก็มีหนนี้หนเดียวนี่แหละครับที่เจอแบบนี้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"Postel's Law": "be conservative in what you do, be liberal in what you accept from others"
|
|
|
กระต่ายหมายจันทร์
พาลี
   
ตอบ: 284
ศศ (สะสะ) แปลว่ากระต่ายและกวาง
|
ความคิดเห็นที่ 88 เมื่อ 18 มิ.ย. 12, 22:30
|
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33416
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 89 เมื่อ 19 มิ.ย. 12, 00:07
|
|
เมื่อวานนี้ อากาศในเมืองร้อนมาก ขึ้นถึง 97 องศา F วันนี้จะขึ้นถึง 99 แดดเปรี้ยงเหมือนเดินแถวทุ่งกุลาร้องไห้ แต่ที่นี่ร้อนแบบแห้งๆ ไม่มีเหงื่อเหนียวเหนอะตัวอย่างบ้านเรา ความแห้งทำให้คอแห้ง ผิวแห้ง ตามบ้านต้องมีเครื่องพ่นไอน้ำให้ความชุ่มชื้นในห้องค่ะ ชาวบ้านร้านถิ่นฝรั่งอายุตั้งแต่ 6 ขวบถึง 60 เหลือแต่เสื้อสายเดี่ยวกับกางเกงขาสั้น ลากรองเท้าแตะไปจ่ายของกันเป็นแถว
เปิดประตูออกไป พบว่ามีกลิ่นควันลอยมาอีกแล้ว กระแสลมจากภูเขาพัดมาถึงที่นี่ ตอนค่ำๆมองดูขอบฟ้ารอบเมือง เหมือนมีหมอกบางๆคลุมอยู่ ไฟยังไม่ดับ นับเป็นข่าวที่ควรแก่ความไม่ยินดีอย่างยิ่งค่ะ อีกสองสามวัน ดิฉันจะหนีไปเที่ยวรัฐอื่นแล้วค่ะ คงจะเก็บเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยมาฝากกันตามเคย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|