เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 21 22 [23] 24 25 ... 37
  พิมพ์  
อ่าน: 171789 เก็บตกมาจากการเดินทาง
naitang
หนุมาน
********
ตอบ: 5823


ความคิดเห็นที่ 330  เมื่อ 30 ส.ค. 12, 20:42

อาหารไทยนี้ ลึกๆแล้วคงดังมาก   แม่ครัวพ่อครัวของสถานทูตหลายประเทศ แม้กระทั่งของประเทศในตะวันออกกลาง ยังใช้คนไทย ซึ่งผมคิดว่าคงมิใช่เรื่องอื่นใดนอกเสียจากรสลิ้นของคนไทย ที่สามารถปรุงรสทำให้อาหารต่างชาติใดๆเกิดมีรสชาติที่อร่อยนุ่มนวลขึ้น  อีกประการหนึ่ง พ่อครัวแม่ครัวไทยแปลงอาหารเก่งและเนียนมาก จนทำให้อาหารต่างๆของประเทศต่างๆยังดูหน้าตาเสมือนเดิม แม้เนื้อในและรสอาจต่างไป
บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 331  เมื่อ 30 ส.ค. 12, 20:46

^
จัดมาเล้ย

แล้วจะให้ล่อtap waterก็ย้อม


บันทึกการเข้า
naitang
หนุมาน
********
ตอบ: 5823


ความคิดเห็นที่ 332  เมื่อ 30 ส.ค. 12, 20:53

^
ออสเตรียกับญี่ปุ่นกินน้ำก๊อกได้ครับ สะอาดพอและไว้ใจได้

ออสเตรียนั้น ยังกินน้ำที่แปลกไปอีก คือ เป็นน้ำอัดแกส มีฟองอากาศละเอียดเล็กๆ ซึ่งเขาเรียกว่าโซดา แต่ฟองไม่ใหญ่เหมือนโซดาจริงๆ แล้วมีมะนาวฝานเป็นแว่นใส่ลอยมาด้วย  



 
บันทึกการเข้า
CrazyHOrse
แขกเรือน
นิลพัท
*******
ตอบ: 1899



เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 333  เมื่อ 31 ส.ค. 12, 14:17

น้ำก๊อกเมืองไทยกินได้หรือไม่ก็ไม่ทราบครับ แต่กินมาเยอะแล้วสมัยเรียนรักษาดินแดนเมื่อยี่สิบกว่าปีที่แล้ว คิวขายน้ำอัดลมยาวเสียจนรอไม่ไหว มีคนใช้บริการน้ำก๊อกกันเยอะเลยครับ ไม่เคยได้ยินว่ามีใครเป็นอะไร (ในระยะสั้น) นะครับ   ยิงฟันยิ้ม

เรื่องน้ำอัดแก๊สนั้น ดูเหมือนชาติในยุโรปจะนิยมกันเกือบทุกชาตินะครับ เวลาสั่งน้ำแร่ต้องระบุชัดเจนว่าจะเอาแบบ con gas (มีแก๊ส) หรือ sin gas (ไม่มีแก๊ส) แต่ผมกินแบบ con gas ไม่เคยอร่อย เหมือนกิน soda เปล่าๆ ท้องอืดชอบกลครับ

ขออนุญาตกรอกลับไปเรื่องตะเกียบสักหน่อยนะครับ เรื่องมรรยาทในการใช้ตะเกียบของคนจีน ผมถูกสอนว่าห้ามปักตะเกียบลงในชามข้าวครับ นัยว่าคล้ายกับการปักธูปในกระถาง จะปักตรงปักเอียงก็ไม่ได้ทั้งนั้น ถ้าจะพักตะเกียบต้องวางไว้บนชาม หรือจะวางบนโต๊ะข้างชามก็ไม่ผิดกติกาครับ

อีกอย่างหนึ่งคือการจับตะเกียบ จะต้องจับตรงกลางค่อนขึ้นมาข้างบนเล็กน้อย จับต่ำบางทีโดนแซวว่าใฝ่ต่ำ จับสูงไปก็ว่าหัวสูง ผมจึงแปลกใจว่าถ้าห้ามจับสูงแล้วจะทำตะเกียบยาวขนาดนี้ไปเพื่ออะไร คนญี่ปุ่นเขาคงคิดเหมือนผม เขาก็เลยตัดตะเกียบให้สั้นลงแล้วจับตรงปลายตะเกียบเลย ประหยัดไม้อีกต่างหากด้วยครับ  ยิงฟันยิ้ม
บันทึกการเข้า

"Postel's Law": "be conservative in what you do, be liberal in what you accept from others"
naitang
หนุมาน
********
ตอบ: 5823


ความคิดเห็นที่ 334  เมื่อ 31 ส.ค. 12, 19:02

^
ถูกต้องเลยครับ น้ำประปาไทยนั้นก็ดื่มได้ครับ เพราะต้องเป็นไปตามมาตรฐานของสากล แต่เป็นเรื่องของคุณภาพที่ต้นทาง คุณภาพที่ปลายทางนั้นอีกเรื่องหนึ่ง  ระหว่างทางก็มีท่อแตก มีการซ่อมท่อ มีดินโคลนเข้าไปผสมปนเปอยู่เรียบร้อย ซ่อมท่อเสร็จก็ปล่อยน้ำเดินเลย ยังไม่เคยเห็นที่มีการปล่อยน้ำล้างท่อก่อนกันสักครั้งครับ

ขณะนี้ก็นิยมซื้อเครื่องมากรองกัน ประกอบไปด้วยส่วนที่เป็นใส้กรองตะกอนหยาบ ส่วนที่เป็นใส้กรองกลิ่น (Activated carbon) ส่วนที่เป็นเรซิ่น (Resin) เพื่อทำให้น้ำลดความเป็นน้ำกระด้าง และส่วนสุดท้ายที่ผนวกเข้ามา คือ ส่วนที่เรียกว่า RO (Reverse osmosis) ซึ่งจริงๆแล้วไม่ใช่ RO  เพราะกรองได้เพียงกับอนุภาคขนาดที่ใหญ่กว่า 0.3 micron ออกไป โดยนัยแล้วก็สะอาดมากพอแล้ว  หากเป็น RO จริงๆ จะเป็นการกรองเอาขนาดของอนุภาคที่ใหญ่กว่า 0.0001 micron ออกไป ซึ่งเป็นระบบการกรองที่ใช้กับการกรองน้ำทะเลให้เป็นน้ำจืด 
บันทึกการเข้า
พวงแก้ว
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 335  เมื่อ 02 ก.ย. 12, 12:06

ไปยุโรปครั้งแรกแปลกใจมาก น้ำสะอาด ราคาแพงกว่าน้ำผลไม้เกือนเท่าตัว เช่นน้ำแอปเปิ้ล...

ในขณะที่บ้านเราน้ำผลไม้ราคาแพงกว่าน้ำสะอาดหลายเท่า ถึงเขาจะบอกว่าน้ำก็อกทานได้

แต่คนไทยก็จดๆจ้องๆ เพราะความคิดยังติดอยู่กับน้ำประปาบ้านเราที่.....เฮ้อ

ก็เลยถือโอกาสชิมน้ำผลไม้แทนซะเลย รู้แล้วรู้รอดไป

ส่วนน้ำผลไม้อัดโซดา ก็แปลกลิ้นดี ชื่นใจคนไทยคะ
บันทึกการเข้า
naitang
หนุมาน
********
ตอบ: 5823


ความคิดเห็นที่ 336  เมื่อ 02 ก.ย. 12, 21:00


ขออนุญาตกรอกลับไปเรื่องตะเกียบสักหน่อยนะครับ เรื่องมรรยาทในการใช้ตะเกียบของคนจีน ผมถูกสอนว่าห้ามปักตะเกียบลงในชามข้าวครับ นัยว่าคล้ายกับการปักธูปในกระถาง จะปักตรงปักเอียงก็ไม่ได้ทั้งนั้น ถ้าจะพักตะเกียบต้องวางไว้บนชาม หรือจะวางบนโต๊ะข้างชามก็ไม่ผิดกติกาครับ

อีกอย่างหนึ่งคือการจับตะเกียบ จะต้องจับตรงกลางค่อนขึ้นมาข้างบนเล็กน้อย จับต่ำบางทีโดนแซวว่าใฝ่ต่ำ จับสูงไปก็ว่าหัวสูง ผมจึงแปลกใจว่าถ้าห้ามจับสูงแล้วจะทำตะเกียบยาวขนาดนี้ไปเพื่ออะไร คนญี่ปุ่นเขาคงคิดเหมือนผม เขาก็เลยตัดตะเกียบให้สั้นลงแล้วจับตรงปลายตะเกียบเลย ประหยัดไม้อีกต่างหากด้วยครับ  ยิงฟันยิ้ม

กรอกลับมาเหมือนกันครับ นิดหน่อยสั้นๆ

ตะเกียบที่ใช้ในร้านอาหารญี่ปุ่น เท่าที่ประสบมา ไม่ว่าจะเป็นร้านราคาสุดแพงหรือราคาถูก ต่างก็ใช้ตะเกียบแบบใช้แล้วทิ้งเลย ตะเกียบพวกนี้มีส่วนปลายด้ามติดกันอยู่ ต้องฉีกออกจากกัน ก็ยังมีคนอุตส่าห์คิดไปได้ว่า ต้องอธิษฐานภาวนา เพื่อให้แยกตะเกียบออกจากกันได้อย่างสวยงาม สองข้างเท่าๆกัน
 
เรื่องการจับตะเกียบนั้น ทราบว่าคนจีนยังถือกันในอีกสองความเชื่อ นอกจากใฝ่สูงกับใฝ่ต่ำแล้ว ยังแสดงถึงเป็นนายหรือเป็นรองบ่อน และกลัวหรือไม่กลัวแม่ทูนหัวเจ้าของบ้านอีกด้วย    คนญี่ปุ่นดูจะไม่ถือเลยว่าจะต้องจับส่วนใหน ประการหนึ่งคงจะเป็นเพราะตะเกียบสั้น  ที่เห็นมา ทั้งหญิงและชายต่างก็จับที่โคนตะเกียบกันทั้งนั้น แสดงว่าไม่มีใครกลัวใคร  ของเกาหลียิ่งแล้วไปใหญ่ สั้นมากขนาดส่วนด้ามของตะเกียบแทบจะไม่โผล่พ้นมือออกมา ฤๅเพื่อแสดงว่าทุกคนเป็นใหญ่หมดเลย  ยิงฟันยิ้ม

เรื่องห้ามเอาตะเกียบทิ่มคาชามนั้น เป็นข้อห้ามเหมือนกันหมด 
บันทึกการเข้า
naitang
หนุมาน
********
ตอบ: 5823


ความคิดเห็นที่ 337  เมื่อ 04 ก.ย. 12, 18:50

ก่อนจะขอเว้นวรรคเรื่องกิน ขอต่ออีกหน่อยครับ

ดังที่กล่าวกันมา ทัวร์จะจัดให้เรากินอาหารจีน เพราะง่ายในการจัดโต๊ะ เมนูอาหาร และการจัดการเรื่องที่นั่ง

เท่าที่ผมเข้าไปเกี่ยวข้องในการรับทัวร์ราชการทั้งหลาย ผมเลยได้รู้ว่า แท้จริงแล้วเราสามารถขอให้เขาพาเราไปกินในร้านอาหารลักษณะอื่นๆใดๆก็ได้ ไกด์ท้องถิ่นเขาจะถามหัวหน้าทัวร์ไทยว่า โอเคใหม ซึ่งหมายความว่าจะสามารถจ่ายค่าหัวเพิ่มได้หรือไม่ ทั้งสองฝ่ายกำไรอยู่แล้ว ดังนั้นเพียงเพิ่มเงินเล็กๆน้อยๆหรืออาจจะไม่ต้องเพิ่มเลยก็ได้ เราก็จะได้มีโอกาสเปลี่ยนอาหาร ไกด์ท้องถิ่นเขามีวิธีการทำให้เรากินตามที่เราต้องการได้ไม่ยาก ร้านอาหารทั้งหลายก็อยากจะโชว์ฝีมือและรับทัวร์อยู่แล้วเช่นกัน เป็นอันว่าทุกคนได้ประโยชน์ร่วมกัน   ข้อสำคัญไกด์ท้องถิ่นเองก็ได้สถานที่เพิ่มเติมสำหรับพาคณะทัวร์ไปกิน ซึ่งก็หมายความว่าเขาก็ได้เครดิตเพิ่มขึ้นในการให้บริการและธุรกิจของเขา  ผมเองก็เป็นคนหนึ่งที่บอกทั้งหัวหน้าไกด์ทัวร์ไทยและไกด์ท้องถิ่นว่าควรจะไปกินที่ใหนที่คณะทัวร์ไทยจะชอบและประทับใจ และในราคาที่รับกันได้ ไม่เกินงบที่เขากำหนดให้แก่กัน หรือไม่กินกำไรที่เขาพึงได้รับไปมากนัก  อย่างว่าแหละครับ  เขาเคยอย่างไรก็ทำอย่างนั้น

ไปเที่ยวกับทัวร์เที่ยวหน้า ขอเลยนะครับ จะได้ไม่ต้องกินอาหารที่จำเจ หรือถูกบังคับให้กิน    ส่วนมากที่เห็นขอกัน คืือ ขอเวลาให้พาไปช็อปปิ้ง และขอเวลาช็อปปิ้งกันนานๆเสียมากกว่า   
บันทึกการเข้า
พวงแก้ว
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 338  เมื่อ 04 ก.ย. 12, 21:05

ขอบคุณสำหรับคำแนะนำที่มีค่ายิ่งค่ะ (ต่อไปนี้คงจะเที่ยวได้อย่างมีความสุขมากขึ้น)
บันทึกการเข้า
naitang
หนุมาน
********
ตอบ: 5823


ความคิดเห็นที่ 339  เมื่อ 07 ก.ย. 12, 19:19

อีกเรื่องหนึ่งที่เรามักจะเสียเวลาอันมีค่าไปกับมันในระหว่างการท่องเที่ยว คือ การซื้อเสื้อผ้าและรองเท้า ซึ่งมีอยู่ 3 เรื่องใหญ่ๆ คือ ขนาด รูปทรง และวัสดุ ที่ควรพิจารณา

เรื่องของขนาดนั้น แม้ว่าจะมีมาตรฐานกลางๆกำหนดอยู่ก็ตาม แต่ก็เป็นมาตรฐานที่ต่างกัน อย่างน้อยที่สุดสหรัฐฯและยุโรปก็ต่างกัน ไม่นับรวมที่ยังแยกไปของแต่ละประเทศอีก เช่น ของอังกฤษ ของแผ่นดินใหญ่ยุโรป ของเกาหลี ของญี่ปุ่น ฯลฯ  ตามปรกติคนขายเขาจะถามเราว่าใช้ขนาดอะไร  เพื่อมิให้เป็นการเสียเวลา เราก็ควรจะทราบขนาดของเราแล้วบอกว่าขนาดอะไรตามมาตรฐานของใคร จะได้ไม่เสียเวลาในการลองแล้วลองอีก คนขายเขามักจะสามารถเทียบขนาดได้ว่า เสื้อผ้าหรือรองเท้าที่ขายอยู่ในร้านของเขานั้นผลิตมาจากประเทศใด จะเทียบได้เป็นขนาดใดกับขนาดที่เราบอก

เรื่องของรูปทรงนั้น ก็ควรจะทราบว่า ทุกๆ 3 หรือ 5 ปี สมาคมผู้ประกอบธุรกิจผลิตเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มนานาชาติ เขาจะมีการวัดขนาดและรูปทรงของคนชาติพันธุ์ต่างๆว่ามีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง รูปทรงของคนชาติพันธุ์ต่างๆนี้ ไม่เหมือนกันจริงๆครับ บางชาติพันธุ์ก็ขายาว บ้างก็แขนยาว บ้างก็สูงชลูด บ้างก็เตี่ยกว้าง ฯลฯ  รูปทรงของเท้าก็เช่นกัน  ประเด็นอยู่ที่ว่า ดูให้ดีๆก็แล้วกัน เสื้อผ้าและรองเท้าที่เราคิดว่าเหมาะกับเราและซื้อได้นั้น ส่วนมากจะผลิตมาจากประเทศในย่านบ้านเรานั่นเอง  พวกแบรนด์ทั้งหลายเขากระจายโรงงานผลิตไปตามทวีปและภูมิภาคต่างๆเพื่อผลิตให้เหมาะสมกับรูปทรงของคนในพื้นที่นั้นๆ  ตัวเราเอง หากเคยซื้อของที่ผลิตในประเทศอื่นๆแล้วรู้สึกว่าพอเหมาะพอดีกับตัวเรา ก็อาจจะแสดงว่ารูปทรงของเราไปอยู่ในเกณฑ์ของชาติพันธุ์นั้น ก็คงจะต้องจำไว้เพื่อในคราวต่อไปจะได้ไม่เสียเวลาไปเลือกรูปทรงของชาติพันธุ์อื่น  หลายคนพยายามจะไป Outlet ของแบรนด์ที่ชอบ เอาเข้าจริงๆอาจจะเสียเวลาไปเปล่าๆ เพราะใส่ไม่ได้ ไม่สบาย ไม่พอดี  หากสามารถซื้อได้ มากกรณีก็จะเป็นของที่ผลิตมาจากแถบบ้านเรา

เรื่องวัสดุ สำหรับเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มนั้น ผ้าที่ดูสวยงามนั้นมักจะเป็นผ้าขนสัตว์  ไปซื้อในที่ประเทศที่อากาศเย็นและแห้ง ก็ดูจะใส่สบายดี แต่พอเอามาใส่ในที่อากาศร้อนชื้นละก็ คันจังเลย ต้องมีซับในซึ่งก็จะทำให้ร้อนเหงื่อแตกขึ้นไปอีก   กรณีผ้าฝ้ายนั้น ที่จริงแล้วซื้อในประเทศเราถูกกว่า ความต่างมีอยู่นิดเดียว คือ สีไม่ค่อยจะเป็นไปตามเทรนด์  สาเหตุก็เพราะผู้ผลิตของเราตามไม่ทัน ข้อเท็จจริงก็คือ เทรนด์ของสีและลายผ้านั้น ผู้ผลิตในต่างประเทศเขากำหนดมาแล้วประมาณสองปีก่อนที่จะมีการผลิตขายทั่วไป  ก็มาจากแฟชั่นที่เดินโชว์ให้เห็นกันเมื่อปีหรือสองปีก่อนนั่นเอง  เป็นเรื่องของธุรกิจในวงกว้างของกลุ่มผู้ประกอบการอุตสาหกรรมด้านสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มครับ

ผมไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญในเรื่องเหล่านี้ เพียงมีโอกาสได้ทราบจากผู้เชี่ยวชาญของ UNIDO เมื่อครั้งไปประจำการ ก็เลยเล่าสู่กันฟังครับ
บันทึกการเข้า
นอแรด
มัจฉานุ
**
ตอบ: 99


ความคิดเห็นที่ 340  เมื่อ 02 ต.ค. 12, 13:56

ในฐานะสมาชิกใหม่ได้อ่านกระทู้ตั้งแต่ต้นจนจบ ก็ได้ความรู้หลายเรื่องด้วยกัน ต้องขอขอบคุณประสบการณ์ที่ท่านทั้งหลายได้มาแบ่งปันให้ทราบด้วยครับ

และในฐานะที่เคยทำงานสายการบินดูแลหลายแผนกรวมทั้งแผนก Claim อยากจะแนะนำเรื่องกระเป๋าเดินทางครับว่า

1.ควรเลือกใช้กระเป๋าที่แข็งแรง กันน้ำได้ดีพอสมควร ไม่ควรใช้วัสดุที่เป็นผ้า เพราะว่าพวกนี้จะซึมซับน้ำซ๊อสหรือน้ำอื่นที่แตกมาจากกระเป๋าอื่น หรือโดนฝนจากการเปลี่ยนถ่าย และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง วัสดุที่ไม่กันของมีคม  ดอนเมืองเคยเป็นแหล่งที่โจร ( porter  )แอบไปตั้งแค้มป์ในสายพานลำเลียง กรีดกระเป๋ามานักต่อนัก
สมัยก่อนนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นมักมีกระเป๋าผ้าเล็กๆกันคนละใบ มักโดนกรีดกันเป็นประจำ   พอหายหนักเข้าก็มีการสอบสวน จนไปเจอ เศษข้าวปลาอาหารใน สายพานลำเลียง ที่แก๊งค์โจรเข้าไปหลับนอน ทำการโจรกรรมเป็นเรื่องเป็นราว

2. กระเป๋าควรเลือกกระเป๋าที่มีลูกล้อครับ ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋าติดตัวขึ้นเครื่อง หรือที่จะโหลดเข้าใต้ท้อง เพราะว่าสมัยนี้ Gate แต่ละGate ยาวมาก การต่อเครื่องแต่ละFlight บางทีเดินกันเป็นกิโล . และอย่าหวังไปพึ่งใคร

3. ถ้ากระเป๋าของเราสูญหายหรือชำรุดมักจะได้เงินชดใช้น้อยมากไม่เกิน ประมาณ $20 ต่อกิโล ( ถ้าจำไม่ผิด ) สาเหตุเนื่องจากสายการบินใช้ Geneva convention ที่ใช้มาตราฐานของ ทองคำ สมัยนู๊นอยู่

แต่เนื่องจากราคาทองคำ ในสมัยนี้สูงมาก ดังนั้นถ้าเป็นไปได้ การเดินทางต่างประเทศครั้งต่อไปพยายามออกเป็นตั๋วเครื่องบิน ( เพราะว่าตามปก ของตั๋วเครื่องบิน
มักจะมี Liability พิมพ์ตัวเล็กๆอยู่  ) ถ้ายามปะเหมาะ..เคราะห์ดี  กระเป๋าท่านทั้งหลายเกิดหายขึ้นมา  จะได้ Claim กันแบบถูกหวยกันเลย ยิ้มเท่ห์
หรือเครื่องบินเกิดหกคะล้ม ก็สั่งได้ กะลูกหลานไว้ว่า ขอค่าชดใช้เป็น ทองคำ ตาม Geneva Convention (หรือ IATA convention หว่า )

4. เวลาไปซื้อของควรเก็บใบเสร็จทุกใบ และเก็บแยกไว้ติดตัว ( ไม่ใช่ใส่ในกระเป๋าที่จะหาย  แลบลิ้น )

ปล. อย่าไปบอกใคร นะครับ กะเดี๋ยวสายการบินรู้เข้า

ปล. 2 ผมไม่รับรองว่า จะclaimได้นะครับ เพราะว่าของยังไม่หาย และผมยังมีชีวิตอยู่ แต่เข้าใจว่าคนส่วนใหญ่จะไม่ทราบเรื่องนี้
(  แต่เห็นใจผู้ที่กระเป๋าหายมากเพราะของในกระเป๋ามีค่ามากกว่า กก.ละ 4-500 บาท ) และทองคำก็เพิ่งมาขึ้นราคากว่า 1,500 ต่อ ออนซ์เมื่อเร็วๆนี้เอง

  
บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 6362


ความคิดเห็นที่ 341  เมื่อ 02 ต.ค. 12, 15:51

กระทู้กลับขึ้นมาอีกครั้ง แล้วนึกได้ว่ายังมีเรื่องที่เก็บค้างไว้ จึงขอนำมาแสดงในที่นี้
และคิดว่าคุณ..นอแรด คงช่วยอธิบาย ขยายความได้

                  จากกระทู้เก่าที่ pantip เกิดมีประเด็น  2 เรื่องดังนี้  ครับ

      1. กรณีจนท.เช็คอินของสายการบินขอดูเงินของผดส.

(ความเห็นชี้แจงจากจนท.เช็คอินบอกว่า)

        เรื่องการเช็คเงินติดตัวโดยปกติเราจะไม่ได้เช็คทุกคนแต่จะเช็คกรณีที่ผู้โดยสารเดินทางครั้งแรก
และจะแนะนำให้ผู้โดยสารแลกเป็นเงินดอลล่าร์หรือสกุลเงินของประเทศที่จะไป โดยจำนวนเงินมาก
หรือน้อยขึ้นอยู่กับจำนวนวันที่ผู้โดยสารพำนัก ณ ประเทศนั้น มาตราฐานประมาณ 500usd 

        เครดิตการ์ด ทางตม.ของเขาไม่เชื่อถือ เพราะไม่สามารถเช็คได้ว่าบัตรที่ถือวงเงินเท่าไร บัตรจริง
หรือปลอมเพราะฉะนั้นจะเช็คเงินสดเป็นมาตราฐาน
          ถ้าเป็นวีซ่าท่องเที่ยว ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง วีซ่าชนิดนี้มีความเสี่ยงที่จะถูกขอดูเงินติดตัวมาก
และ
          พนักงานเช็คอินมีสิทธิปฎิเสธการให้บอร์ดิ้งพาสกับผดส.ได้กรณีที่

      -เอกสารการเดินทางไม่สมบูรณ์
      -น้ำหนักสัมภาระเกินจากจำนวนที่อนุญาตบนบัตรโดยสารที่ซื้อมาและไม่ประสงค์ที่จะจ่ายในส่วนเกินนั้น
      -ผดส.มีอาการมึนเมาและมีโอกาสที่จะขึ้นไปสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้อื่น
บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 6362


ความคิดเห็นที่ 342  เมื่อ 02 ต.ค. 12, 15:53

         เอกสารการเดินทางที่สมบุรณ์คือเอกสารทุกอย่างที่ประเทศปลายทางต้องการไม่เฉพาะวีซ่า
แต่ รวมถึงค่าใช้จ่ายเดินทางขั้นต่ำที่ประเทศนั้นกำหนด บางประเทศอาจขอดูใบจองโรงแรมหรือ
ใบสปอนต์เซอร์รับรอง
         การเดินทางไปแล้วไม่สามารถเข้าประเทศเขาได้อันเนื่องมากจากเอกสารไม่สมบูรณ์ เช็คอินต้อง
รับผิดชอบ อันดับแรกเลยคือสายการบินต้องโดนปรับ บางประเทศอาจจะไม่ปรับแต่ระหว่างที่รอการเดินทางกลับ
สายการบินต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด นั่นเป็นเหตุผลที่ทำไม ต้องขอดูตั๋วกลับ เพราะถัาไม่มี สายการบิน
จะต้องรับผิดชอบตั๋วกลับให้
          บ่อยครั้งเจอผดส.มาหลอก อย่างเคสผดส. ไปมอสโกแต่ไปต่อเครื่องที่โคเปนฮาเกน เป็นผู้หญิง
เดินทางครั้งแรก แล้วเธอก็มีพาสปอตฝรั่งเศสปลอม ใช้พาสปอตปลอมเข้าเดนมาร์ค แล้วก็โดนส่งกลับมา
สายการบินโดนปรับไป 2 แสนบาท

           ทุกวันนี้ที่มีปัญหาบ่อยที่สุดคือเกาหลี เขาไม่ปรับแต่เราเสียค่าห้องกักตัวให้คนไทยที่ลักลอบไปทำงาน
แล้วไม่สามารถผ่านตม.ได้เดือนละเป็นล้าน จนเกาหลีปล่อยข่าวมาว่าจะออกวีซ่าให้คนไทย             
บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 6362


ความคิดเห็นที่ 343  เมื่อ 02 ต.ค. 12, 15:59

และเหตุการณ์
       
               2. การหลอกเรียกเงินผดส. โดยพนักงานที่เช็คอิน
(แบบตัดต่อย่อย่น)

             พนง.เช็คอินถามผดส.ว่ามีเงินมาเท่าไหร่ มีเงินมาแสดงไหมคนละ 5,000 บาท
             ผดส.ตอบว่าไม่มี พนง.ถามว่าจะไปไหน ตอบว่าจะไปสวีเดน จะไปหาพี่สาว
พนง. ก็บอกว่า ไม่ใช่หรอก จะไปทำงานเก็บผลไม้ ผมทำงานที่นี่มากี่ปีแล้ว ผมรู้ว่าพวกคุณไป
ทำอะไรกัน แล้วก็ไม่ยอมให้เชคอิน ไม่คืนพาสปอร์ตให้
                หลังจากนั้น พนง. ก็เดินออกมาถามว่า อยากเช็คอินผ่านไหม เอามาให้ผมคนละ
หนึ่งพันบาท พอรับเงินแล้วก็คืนบอร์ดดิ้งพาสให้ ถึงได้ผ่านมาได้

ความเห็นในกระทู้แนะนำว่า

                ถ้าพบเห็นอะไรผิดหูผิดตาแบบนี้ให้ แจ้งตำรวจที่ชั้น 2 สน.ราชาเทวะ แต่ที่ดีที่สุดคือ
ต้องทำตัวเองให้พร้อมอย่าให้คนพวกนี้มีช่องทางหากิน 
บันทึกการเข้า
นอแรด
มัจฉานุ
**
ตอบ: 99


ความคิดเห็นที่ 344  เมื่อ 02 ต.ค. 12, 19:00


ขอตอบท่าน SILA ว่า
ที่อ้างว่า.... พนักงานเช็คอินมีสิทธิปฎิเสธการให้บอร์ดิ้งพาสกับผดส.ได้กรณีที่

      -เอกสารการเดินทางไม่สมบูรณ์
      -น้ำหนักสัมภาระเกินจากจำนวนที่อนุญาตบนบัตรโดยสารที่ซื้อมาและไม่ประสงค์ที่จะจ่ายในส่วนเกินนั้น
      -ผดส.มีอาการมึนเมาและมีโอกาสที่จะขึ้นไปสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้อื่น
....นั้นถูกต้องครับ

ส่วนจำนวนเงินสดที่จะต้องมีติดตัวอย่างต่ำนั้น ปกติก็ควรจะมีนิดหน่อยสำหรับ ค่าใช้จ่ายบางอย่างที่สนามบิน หรือค่ารถแท๊กซี่อยู่แล้ว แต่ไม่ใช่หน้าที่ของ จนท.เช็คอินจะขอดู หรือตรวจเช็ค หรือปฎิเสธการขึ้นเครื่องได้ ยกเว้นแต่เป็น requirement ของ ตม.ของประเทศที่เที่ยวบินนั้นกำลังจะบินไป กำหนดขึ้นมาว่า
คนไทยจะต้องนำเงินสดติดตัวเข้าไปอย่างต่ำเท่าใด  ถ้าไม่มี  ....ห้ามเข้าประเทศ  อย่างนี้พนง.สายการบินนั้นจึงจะมีสิทธิขอตรวจ ตาม requirement นั้น
 และถ้ามี requirement แปลกๆเกิดขึ้นมาอย่างนี้ ปกติแล้วเจ้าหน้าที่ออกตั๋วโดยสารมักจะแจ้งให้ผู้โดยสารทราบ ก่อนจะไปมีปัญหาเวลาเช็คอิน

ส่วนการตบเงินตาม ข้อ 2 ถ้าเกิดขึ้นจริงสามารถ complain ได้กับสายการบินโดยตรง ทำจดหมาย เป็นเรื่องเป็นราว ว่า เกิดเหตุการณ์ วันไหน เที่ยวบินอะไร
เจ้าหน้าที่ที่เรียกตบเงินนั้น ....โดนไล่ออกแน่นอน

ขอแนะนำว่า การเดินทางโดยสายการบินนั้น ถ้ามีปัญหาขึ้นมา ควรจะ complain กับสายการบินโดยตรงครับ คนไทยส่วนใหญ่มักจะขี้เกรงใจ หรือไม่อยากจะมีเรื่องมีราว  ก็ปล่อยผ่านๆไป   ทางสายการบินถือว่าการบริการคือหัวใจ ของเขา มี complain เกิดขึ้นก็เดือดร้อน ดังนั้นจะพยายามลดการ complain ให้น้อยที่สุด
นี่เป็นหลักของสายการบิน inter ที่มีมาตราฐานนะครับ ( น่าจะรวมถึง TG ด้วย ) 

แต่ถ้าท่านไปนั่งสายการบิน Low cost แล้วละก้อ มักจะไม่ค่อยรับผิดชอบเท่าใดนัก อาจต้องเล่นถึงสคป.เลยถึงจะได้เงินค่าเสียหายคืนมา. โกรธ

ในทางตรงกันข้าม ถ้าเจอพนักงานที่บริการท่านดี ก็ควรเขียนจดหมายชมเชยไปยังสายการบินด้วยนะครับใ ยิงฟันยิ้ม




บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 21 22 [23] 24 25 ... 37
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.08 วินาที กับ 19 คำสั่ง