SILA
|
ความคิดเห็นที่ 195 เมื่อ 11 ก.ค. 12, 15:44
|
|
และ ข่าวนี้เป็นการบินไทย เที่ยวบินในประเทศ ครับ เหตุเกิดเมื่อเดือนพ.ค.ปีนี้
ผู้ต้องหาชาวจีนแผ่นดินใหญ่ก่อเหตุขโมยเงินสกุลไต้หวันของผู้เสียหายจากกระเป๋าเดินทาง ที่วางไว้ในช่องเก็บของบนเครื่องบิน โดยมีผู้โดยสารใช้มือถือไอโฟนบันทึกภาพขณะก่อเหตุเอาไว้ได้ จึงแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตรวจค้น และพบเงินของผู้เสียหายอยู่ในกระเป๋าสะพายของผู้ต้องหา
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33477
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 196 เมื่อ 11 ก.ค. 12, 18:30
|
|
คำบอกเล่าของคุณ SILA ทำให้ต้องขอบอกเรื่องควรรู้อีกเรื่องในการเดินทาง คือเมื่อเดินทางเข้าและออกอเมริกา ต.ม.ของเขาไม่ให้เราใส่กุญแจกระเป๋าเดินทาง เพื่อเขาจะได้มีสิทธิ์เปิดตรวจได้โดยไม่ต้องขออนุญาต (และไม่ต้องรับผิดชอบด้วยถ้าของในกระเป๋าเราเกิดล่องหนไป) แต่เขาอาจติดเครื่องหมายบอกให้รู้ว่ากระเป๋านี้ถูกเขาตรวจแล้ว กระเป๋าเดินทางของดิฉันก็ถูกตรวจมาหยกๆ ยังดีที่ไม่มีอะไรหาย เพราะไม่มีอะไรน่าสนใจพอที่ใครจะอยากโยนทิ้ง หรือหยิบเอาไปใช้เอง
แต่ถ้าเดินทางไปยุโรป อย่างไปออสเตรีย จะถูกกำชับตั้งแต่ต้นทางให้ใส่กุญแจกระเป๋าเดินทาง มิฉะนั้นของอาจหายได้ เรื่องนี้คุณตั้งคงจะรู้ดีกว่าค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 197 เมื่อ 11 ก.ค. 12, 20:03
|
|
TG เลิกบินตรงระหว่างกรุงเทพฯ-เวียนนา มานานสิบกว่าปีแล้ว เลิกก่อนที่ผมจะไปประจำการเมื่อปลายปี 2542 ได้ทราบจากฝรั่งใน UN และคนไทยหลายคนว่า ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมถึงเลิกบิน ด้วยเหตุผลใดก็ไม่ทราบ เป็นการเลิกเส้นทางการบินนี้ในขณะที่ Passenger load factor (PLF) อยู่ในระดับที่ดีมาก ขนาดที่สายการบินอื่นต้องอิจฉา (EVA Air และ Lauda Air) พอเลิกบินแล้วสายการบินที่ทำกำไรบนเส้นทางการบินนี้ได้ในระดับที่ดีในทันที คือ Lauda Air และสำหรับ EVA Air ก็ได้รับประโยชน์ด้วย ฝรั่งนิยมที่จะบิน Lauda เนื่องจากสาเหตุเพียงนิดเดียวคือเรื่องของอาหาร เช่น EVA เสิร์ฟอาหารเช้าเป็นข้าวต้ม หรือบะหมี่+ตะเกียบด้วย ก็คงพอจะเข้าใจได้นะครับ ข้าวต้มหรือบะหมี่กับกาแฟ ต่างกับไข่+ขนมปัง+กาแฟในอรรถรสของฝรั่งเขา สำหรับผมเมื่อเดินทางเป็นการส่วนตัว ผมเลือกใช้ EVA และก็เช่นเดียวกับคนเอเซียทั้งหลาย เพราะเขาให้สิทธิเราบางประการด้วยเป็นคนเอเซียด้วยกัน ไม่เรื่องมากและทุกอย่างเป็นไปไม่ได้หากออกนอกแนวเส้นไม้บรรทัดตามกระบวนทัศน์ของฝรั่ง
มีเรื่องที่ยังติดอยู่ในใจของผมอยู่เรื่องหนึ่ง คือ เมื่อต้องย้ายไปประจำการต่อที่ญี่ปุ่น มันก็มีเครื่องที่บินตรงระหว่างเวียนนากับโตเกียว แต่ด้วยระเบียบทางราชการให้การบินไทยผูกขาดในการจัดการบินให้กับข้าราชการ ผมต้องบินจากเวียนนาไปต่อเครื่อง TG ที่ Munich บินกลับมากรุงเทพฯ เพื่อรอต่อเครื่องอีกประมาณครึ่งวันเพื่อบินด้วย TG จากกรุงเทพฯไปยังญี่ปุ่น เล่นเอาแฮกเลยครับ ก็อย่างที่เคยเล่าเรื่องตั๋วเครื่องบินของ TG ที่่ออกให้กับข้าราชการที่จำกัดไปเสียทุกอย่าง (Non-refundable, non-reroutable, fixed date, fixed flight,) แถมคำนวนค่าโดยสารตามระยะทางที่ไม่ค่อยจะตรงกับคนอื่นเขาและรวมทั้งค่า fee ต่างๆ ก็เรียกว่าจำกัดมากพอที่ทำให้หมดสิทธิที่จะไปคุยและเปลี่ยนไปตามความจำเป็นในเรื่องใดๆ
สมัยที่ประจำการอยู่ที่ออสเรียนั้น ไม่เคยได้ยินข่าวเรื่องของมีค่าหายจากกระเป๋าเดินทางครับ คิดว่าได้ยินแต่เพียงเลาๆว่า (ไม่แม่นในความทรงจำและยืนยันในเรื่องนี้นะครับ) ของที่อันตรธานไปนั้นจะเป็นพวกของต้องห้ามประเภทของกินที่แอบซ่อนมาในกระเป๋า ซึ่งดูเหมือนวาจะเกิดเหตุการณ์นี้อยู่ในหลายประเทศด้วยกัน ก็คงจะเป็นสิทธิของเจ้าหน้าที่ศุลการกรตามที่คุณเทาชมพูได้เล่ามา
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33477
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 198 เมื่อ 12 ก.ค. 12, 04:21
|
|
TG. เที่ยวบินสายตรง กรุงเทพ แอลเอ ทั้งที่ผู้โดยสารเต็ม ก็ยกเลิกไปแล้วค่ะเพราะขาดทุน. เช่นเดียวกับสายตรงไปนิวยอร์ค ยกเลิกไปก่อนหน้านี้แล้ว เวลานี้ต้องแวะเติมน้ำมันที่โซล ให้ผู้โดยสารลงมานั่งรอหน้า. Gate. หนึ่งช.ม. ก่อนจะบินต่อ อ่านที่คุณตั้งเดินทางวกวนหลายรอบกว่าจะถึงที่หมายแล้วพลอยสงสารข้าราชการอื่นๆที่เจอระเบียบการแบบนี้เข้าไปด้วย
ได้รับการกำชับนักหนาว่าอะไรที่หายได้. อย่าโหลดใต้เครื่อง ให้หิ้วติดตัวไปด้วย. แต่พอมาเห็นมือกาวในเครื่องบินที่คุณ SILA มาเล่าให้ฟัง ก็ชักจะต้องปลงเสียแล้วละค่ะ อ้อ มีอีกเรื่องนึกได้. เพื่อนฝูงที่มีประสบการณ์เตือนว่า กระเป๋าเดินทางที่ของจะหายง่ายที่สุดคือกระเป๋าหน้าตาดีมีสกุล ราคาแพงๆทั้งหลาย. ยิ่งมีนามบัตรวีไอพีผูกติดว่าเป็นคนดังละก็. จะถูกเปิดถูกงัดก่อนเพื่อนเพราะแน่ใจว่าต้องมีของแพงอยู่ในนั้น. ผู้เกี่ยวข้องก็คือคนทำงานในด้านนี้ระดับเล็กๆ ที่กระเป๋าต้องผ่านมือ. จริงเท็จยังไงไม่มีโอกาสพิสูจน์ค่ะ. แต่เพื่อความไม่ประมาท. กระเป๋าเดินทางของดิฉันเป็นประเภทโนเนมทุกใบ. แถมยังใช้งานจนเลยเกษียณอีกด้วย. ใครเห็นก็คงไม่อยากเสียเวลางัด
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33477
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 199 เมื่อ 12 ก.ค. 12, 06:12
|
|
พูดถึงกระเป๋าเดินทาง ทำให้นึกได้ว่าควรมีเรื่องเก็บตกมาฝากเล็กน้อย เวลาไปซื้อกระเป๋าเดินทาง เรามักจะเล็งไปในแง่ของการใช้สอย ดูรูปทรงขนาดกระเป๋า ดูน้ำหนักว่าเบาหรือหนักเกินไปหรือไม่ ดูความคงทนว่าระหว่างกระเป๋าวัสดุแข็งๆกับกระเป๋าผ้าที่ยืดหยุ่นได้อย่างไหนเหมาะกว่ากัน แล้วก็ไม่ลืมดูราคาด้วยว่าคุ้มกับซื้อหรือไม่ ถ้าไปเจอกระเป๋าถูกใจตรงตามสเป็ค แถมทางห้างลดราคาพอดีละก็ ถือเป็นโชคที่มิอาจมองข้ามทีเดียว
เรื่องทั้งหมดนี้เจ้าของกระเป๋าพิถีพิถันกันอยู่แล้ว
แต่มีอีกเรื่องที่เรามักจะมองข้ามกันไป ดิฉันก็มองข้ามเหมือนกัน คือลืมไปว่าเวลาไปรับกระเป๋าที่ baggage claim มันมีกระเป๋าเป็นร้อยๆใบเลื่อนตามกันมาเป็นตับบนสายพาน ยิ่งถ้าเป็นเครื่องบินใหญ่ผู้โดยสารเยอะละก็ แม่เจ้า กระเป๋าไม่รู้ว่ากี่ร้อยใบแห่กันมาเป็นขบวนภายในไม่กี่นาที ผู้โดยสารที่คอยกันใจจดใจจ่อก็เฮโลกันเข้าไปยกกระเป๋าตัวเองออกมาใส่รถเข็น เบียดเสียดชุลมุนวุ่นวาย ตรงนี้ละค่ะ ดิฉันพบว่ากระเป๋าเดินทางที่เราอุตส่าห์เลือกมาอย่างดิบดี หน้าตามันไปคล้ายๆกับกระเป๋าของคนอื่นซะเยอะแยะไม่รู้กี่เจ้าทีเดียว เพราะกระเป๋าเดินทางที่ไหนๆก็มักเป็นสีน้ำเงินแก่ สีดำ สีน้ำตาลแก่ รูปทรงก็เหมือนๆกัน ถ้าจะสังเกตยี่ห้อ หรือผูกอะไรไว้ที่หูกระเป๋าพอสังเกต ยี่ห้อดังมันก็ซ้ำกันเยอะ บางทีกระเป๋ามันก็คว่ำเค้เก้มาบ้าง ดูไม่ทัน หรือดูทัน มันก็ถูกทับด้วยกระดาษป้ายของสายการบิน หรือของบริษัททัวร์จนรุงรัง เหมือนๆกันอีกหลายใบ แยกไม่ออก ไปยกกระเป๋าผิดก็เคยมาแล้ว ต้องยกกลับขึ้นสายพานไปอีกอย่างทุลักทุเล ไม่งั้นเจ้าของเขาที่รอรับอยู่จะไม่เห็น ใบที่โดดเด่นเห็นมาแต่ไกลบนสายพาน มักจะเป็นใบที่ไม่มีใครเขาเลือกกัน เช่นใบหนึ่งจำได้ติดตาว่าเป็นกระเป๋าเดินทางสีเขียวดอกสีแดง เห็นในร้านเราก็เมิน รู้สึกเหมือนกระเป๋าตุ๊กแก ใครจะไปซื้อลง แต่พอมันอยู่บนสายพาน รับรองว่าเจ้าของจำไม่ผิดแน่นอนค่ะ สังเกตเห็นได้ในระยะห้าร้อยเมตร เพราะฉะนั้นเวลาเลือกกระเป๋าเดินทางใบใหม่ เลือกกระเป๋าที่สีสันไม่ค่อยจะเหมือนใบอื่นๆก็จะช่วยได้มาก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33477
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 200 เมื่อ 12 ก.ค. 12, 06:24
|
|
ขอพูดถึงกระเป๋าเดินทางอีกเล็กน้อย บางคนชอบกระเป๋าเดินทางที่เป็นวัสดุแข็ง เพราะถือว่าป้องกันแรงกระทบกระแทกได้ดี ยิ่งถ้าเจ้าของใส่ข้าวของที่แตกได้ไว้ในกระเป๋า เอาฝาแข็งๆไว้ดีกว่า เวลาขนกระเป๋าเขาไม่ได้ค่อยๆอุ้มกระเป๋าขึ้นไป แต่เหวี่ยงโยนกันแรงๆ อยู่ใต้ท้องเครื่องบินก็ซ้อนทับกันไม่รู้กี่ชั้น แต่บางคนก็บอกว่าเอากระเป๋าผ้าที่ยืดหยุ่นได้ดีกว่า มันไม่แตก ส่วนของอะไรในนั้นที่แตกได้ก็เอาเสื้อห่อไว้หลายๆชั้นตรงกลาง อย่าวางชิดฝาหรือก้นกระเป๋า
จากประสบการณ์ มันดีกันคนละอย่าง กระเป๋าแข็งของดิฉันใช้งานได้ดีถ้าต้องประคับประคองของเปราะบางใส่กระเป๋ามา โดยใส่กล่องและยัดวัสดุกันกระแทกไว้แน่นหนาอีกชั้นหนึ่ง เสียแต่ว่าความแข็งของกระเป๋าทำให้ยัดอะไรลงไปเกินรูปทรงกระเป๋าไม่ได้ ไม่เหมาะกับคนที่ขาไปของน้อยขากลับของมากอย่างดิฉัน กระเป๋าผ้าแก้ปัญหาข้อนี้ได้ดีมาก ขนาดของในกระเป๋าเต็มแล้วยังสามารถยัดของฝากจากคนนั้นคนนี้จนฝากระเป๋าโป่งได้อีก เสียอย่างเดียว ถ้าเอาอะไรที่แตกได้ใส่มา มักจะแตกเรียบร้อยเมื่อถึงปลายทาง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 201 เมื่อ 12 ก.ค. 12, 09:47
|
|
เมื่อเดินทางเข้าและออกอเมริกา ต.ม.ของเขาไม่ให้เราใส่กุญแจกระเป๋าเดินทาง เพื่อเขาจะได้มีสิทธิ์เปิดตรวจได้โดยไม่ต้องขออนุญาต (และไม่ต้องรับผิดชอบด้วยถ้าของในกระเป๋าเราเกิดล่องหนไป) แต่เขาอาจติดเครื่องหมายบอกให้รู้ว่ากระเป๋านี้ถูกเขาตรวจแล้ว หากจะล็อค ให้ใช้ล็อคด้วย TSA (Transportation Security Administration of the USA)-recognized locks ครับ เพราะ TSA จะมีแม่กุญแจที่สามารถไขเปิดล็อคกุญแจชนิดนี้ของเรา(ที่ล็อคด้วยเลขรหัส)ได้ ครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 202 เมื่อ 12 ก.ค. 12, 09:50
|
|
กระเป๋าเดินทางหลายยี่ห้อก็ทำที่ล็อคแบบเลขรหัสและมีช่องสำหรับให้แม่กุญแจ ของ TSA ไขเปิดได้ ครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 203 เมื่อ 14 ก.ค. 12, 20:43
|
|
เรื่องของกระเป๋าอีกเรื่องหนึ่งคือ
ในปัจจุบันนี้ เรามักจะนิยมซื้อกระเป๋าที่มีล้อลาก นัยว่าเพื่อความสะดวกในการเคลื่อนย้ายลากไปลากมา
ประเด็นมันไปอยู่ที่ว่า ในกรณีที่ไปเที่ยวเป็นคณะกับทัวร์นั้น เราเกือบจะไม่ได้แตะต้องและเคลื่อนย้ายกระเป๋าด้วยตัวเราเองเลย ผมเห็นว่าท่านที่ไม่ได้เดินทางด้วยตนเอง คงจะไม่ต้องไปซื้อหากระเป๋าเดินทางประเภทมีล้อมาใช้ เอาน้ำหนักและเนื้อที่เก็บก้านและล้อเพื่อการลากกระเป๋าที่ไปเบียดเบียนปริมาณความจุและน้ำหนักของกระเป๋าทั้งใบนั้นไปบรรจุของจะดีกว่า รวมทั้งกระเป๋าแบบที่หิ้วขึ้นเครื่องด้วย เราต้องการกระเป๋าแบบมีล้อไปทำไมให้มันกินน้ำหนักและเนื้อที่ แถมมีความยากเย็นมากขึ้นที่จะหาเนื้อที่ว่างพอที่จะเอามันขึ้นไปเก็บ จะต้องเดินลากกระเป๋าซื้อหาของกันอย่างเป็นล่ำเป็นสันกระนั้นหรือ จะขึ้นจะลงสนามบินใหนๆเขาก็มีรถเข็นสำหรับกระเป๋าแบบ Carry on และสัมภาระให้อยู่แล้ว
ผมเห็นว่า แม้จะมีความจำเป็นจริงๆที่จะต้องใช้กระเป๋าแบบมีล้อ ก็อาจจะต้องพิจารณาซื้อหากระเป๋ามีล้อประเภทที่เขาออกแบบมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ มิใช่แบบที่เอาโครงสร้างของล้อเลื่อนตัดแปะประกอบเข้าด้วยกัน ทำให้มีแต่อะไรต่อมิอะไรยื่นออกมาเกะกะไปหมด
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 204 เมื่อ 14 ก.ค. 12, 21:10
|
|
แล้วก็อีกเรื่องหนึ่ง
ดังที่คุณเทาชมพูเล่าเรื่องกระเป๋าเหมือนๆกัน ยี่ห้อเดียวกัน ทางออกอย่างหนึ่ง คือ การผูกโบว์สีที่หูหิ้ว เืพื่อการสังเกตและแยกแยะของเรากับของผู้อื่น
ผมเห็นหลายคนชอบที่จะยังคงป้ายชื่อห้อยกระเป๋าของบริษัททัวร์ที่เคยเดินทาง นัยว่าจะได้ไม่ต้องซื้อหาใหม่และต้องการโชว์ว่าฉันก็เป็นคนเดินทางมากนะ รวมถึงที่ไม่ชอบจะฉีก Tag ที่สายการบินเขาติดเมื่อเช็คอินเพื่อการจำแนกแยกแยะสายการบินที่จะเดินทางและสติกเกอร์อื่นๆ เป็นไม่ดีเลยครับ Tag และสติกเกอร์เหล่านั้นมีบาร์โค๊ต เมื่อกระเป๋าของเราผ่านการเช็คอินและไหลไปตามสายพานลงไปสู่ชั้นล่างของอาคาร ในการแยกแยะว่ากระเป๋าใบนั้นๆจะไปกับเครื่องบินลำใดนั้น เขาใช้ระบบการอ่านบาร์โค๊ตแบบอัตโนมัติ และแยกกระเป๋าไปสำหรับแต่ละเครื่องบินโดยระบบอัตโนมัติเช่นกัน เมื่อเราไม่แกะของเก่าออกโอกาสเกิดความมั่วของเครื่องก็มีมาก กระเป๋าของเราจึงมีโอกาสเดินทางไปเที่ยวด้วยตนเองรอบโลกได้ง่ายมาก ดังนั้น จึงควรยอมเสียเวลาแกะแผ่นอะไรก็ตามที่มีบาร์โค็ตออกให้หมดเมื่อจะต้องเดินทางขึ้นเครื่องครั้งต่อไป
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 205 เมื่อ 14 ก.ค. 12, 21:32
|
|
ประสบการณ์สอนผมว่า ไปสนามบินแต่เนิ่นๆเพื่อการเช็คอินเป็นลำดับต้นๆ เมื่อถึงสนามบินปลายทาง กระเป๋าเราก็จะออกมาก่อน นอกจากนั้นแล้วเรื่องน้ำหนักเกินก็มักจะไม่เป็นปัญหา แถมยังเลือกที่นั่งได้ตามที่ต้องการพอสมควร ยกเว้นที่นั้งกลางเครื่องแถวหน้าสุดที่สายการบินมักจะเก็บสำรองไว้สำหรับผู้โดยสารที่มีเด็ก การเช็คอินในลำดับหลังๆกระเป๋าก็จะออกมาทีหลัง เลือกที่นั่งไม่ได้และหากมีกรณ๊น้ำหนักเกินเล็กน้อยๆก็อาจจะกลายเป็นปัญหาใหญ่ได้ กระเป๋าเดินทางที่หนักและไม่เข้าทรงไม่เข้าขนาดมาตรฐานของผู้อื่นมักจะได้ออกมาทีหลังเสมอ
หากเมื่อมาทำการเช็คอินแล้วเห็นว่ามีผู้โดยสารเข้าคิวยาว สำหรับผม เมื่อเห็นว่าไม่ค่อยจะมีเด็กผมก็จะขอที่นั่งแถวหน้าสุดในทันที ทั้งแถวติดประตูเครื่องหรือแถวกลางเครื่อง ซึ่งเป็นแถวที่ไม่ค่อยจะมีคนสนใจ แต่แท้จริงแล้วนั่งสบาย ลุกออกเดินได้ง่าย สำหรับกรณีมีของมากและน้ำหนักเกินในกระเป๋าใบใหญ่ อาจจะลองเอามาใส่ในกระเป๋าหิ้วขึ้นเครื่องก็ได้ ก่อนจะเข้าประตูเครื่องเจ้าหน้าที่เขาจะดูอีกรอบ พอเห็นว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะยัดใส่บน overhead lock เขาก็จะขอแยกลงไปเก็บใต้ท้องเครื่อง ก็สบายเราเลยซิครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33477
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 206 เมื่อ 15 ก.ค. 12, 06:29
|
|
เคยซื้อกุญแจล็อคด้วยเลขรหัสมาใช้ค่ะ ปรากฏว่าผ่านไปเป็นปี กว่าจะลากกระเป๋าเดินทางมาปัดฝุ่นเตรียมเดินทางใหม่ ลืมรหัสล็อคเสียสนิท เลยต้องมาไล่เปลี่ยนตัวเลขไปทีละตัว จนเจอ ขอเตือนท่านทั้งหลายที่ใช้กุญแจล็อคแบบนี้จดตัวเลขรหัสไว้กันลืมด้วยนะคะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33477
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 207 เมื่อ 15 ก.ค. 12, 11:01
|
|
ขอคั่นจังหวะเรื่องการเดินทาง ด้วยเรื่องไฟป่าในโคโลราโดอีกครั้ง ว่าจนบัดนี้ก็ยังดับไม่ได้ ล่าสุด ไฟป่าเกิดขึ้นแล้ว 12 จุดทั่วรัฐนี้ เรียกได้ว่าโคโลราโดกำลังลุกเป็นไฟ อากาศที่ปกติแล้วเย็นจนหนาวก็วิปริต กลายเป็นร้อนกว่าประเทศไทยเสียอีก ในตอนบ่ายๆ ประธานาธิบดีโอบาม่าบินไปเยี่ยมประชาชนที่โคโลราโดสปริงส์แล้ว เมืองนี้เป็นเมืองใหญ่ทางใต้ มีทั้งพื้นราบเชิงเขาและบนภูเขา ที่ตั้งของร.ร.นายเรืออากาศ บ้านเรือนแถวนี้มักจะเป็นบ้านของคนฐานะดี ตอนนี้ไฟป่าลามไปแล้วกว่า 18,000 เอเคอร์ ผู้คนอพยพไปแล้วกว่า 35,000 คน
ภาพข้างล่างนี้ราวกับบ้านเมืองถูกถล่มด้วยภัยระเบิดสงคราม ความจริงคือไฟป่าค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 208 เมื่อ 15 ก.ค. 12, 21:34
|
|
เห็นภาพแล้ว ทำให้นึกถึงคำว่า Inferno และ engulfed by forest fire คงจะไม่ผิดความหมายไปใช่ใหมครับ ผมเข้าใจว่าป่าที่ถูกไฟใหม้ในครั้งนี้ น่าจะเป็นป่าที่มีต้นสนเป็นหลัก ไฟจึงดูจะลุกลามไปรวดเร็วมาก ใบต้นสนที่ร่วงลงมากองที่พื้นดินนั้นเป็นเชื้อเพลิงอย่างดีพอๆกับใบสดที่ต้นของมัน ผมเคยเห็นภาพไฟใหม้ใบสนที่ยังสดติดอยู่กับต้น เหมือนกับการจุดคบเพลิงเลยทีเดียว เกิดเร็ว ลุกโชติช่วงเร็ว แล้วก็มอดเร็ว การลามต่อเนื่องของไฟอย่างรวดเร็วจึงเกิดจากการที่ไฟที่กระจายเชื่อมต่อกันเหนือพื้นดิน ลูกไฟที่ตกลงมาสู่พื้นก็จะช่วยทำหน้าที่กระจายไฟไปตามพื้นดินด้วยความเร็วที่น้อยกว่าตามกิ่งก้านสาขาของต้นไม้ ต้นสนเป็นต้นไม้ที่มียาง (resin) บางพันธุ์ก็มียางมาก บางพันธุ์ก็น้อย ยางสนนี้เมื่อนานปีเข้าก็จะแข็งตัว หลายร้อยล้านปีเข้าก็กลายเป็น อำพัน (Amber) ที่เอามาทำเป็นเครื่องประดับอันสวยงาม ในภาคเหนือของไทยในสมัยก่อน มีการนำยางจากต้นสนมาต้มกลั่น ได้น้ำมันใสๆออกมาที่เรียกว่าน้ำมันสน ส่วนต้นสนที่มียางนี้ เขาเีรียกชื่อว่า สนเกี๊ยะ ชาวบ้านจะสับไม้ของสนเกี๊ยะนี้เป็นชิ้นเล็กขนาดประมาณครึ่งไม้บรรทัด เรียกว่า ไม้เกี๊ยะ เอามาเป็นเชื้อสำหรับจุดถ่านในเตาไฟ ปัจจุบันก็ยังพอมีการนำมาขายกันอยู่บ้าง มัดเป็นกำๆขนาดของแต่ละกำก็ประมาณขวดน้ำดื่ม จำราคาไม่ได้ครับ แต่ไม่แพง เอาละครับ resin กับ gum ซึ่งต่างก็เป็นยางไม้ด้วยกันนั้น ต่างกันอย่างไร 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 209 เมื่อ 16 ก.ค. 12, 09:46
|
|
ลอกคำตอบจากกระทู้เก่า ครับ
resin จากวิกกี้ บอกว่า
ความหมายที่เฉพาะเจาะจงที่สุด หมายถึง สารคัดหลั่งประเภท hydrocarbon จากต้นไม้หลายชนิด,โดยเฉพาะพวก coniferous trees
ในกรณีความหมายอย่างกว้าง เรซิน ยังรวมไปถึงสารสังเคระห์ที่มีคุณสมบัติเหมือนๆ กัน นั่นคือ เป็นของเหลวที่เมื่อแข็งตัวจะกลายเป็นของแข็งโปร่งใส ซึ่งรวมถึง shellacs ที่ได้จาก แมลงของ superfamily Coccoidea ส่วน gum รอคุณเพ็ญมาตอบ ครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|