เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 2 [3] 4 5 ... 20
  พิมพ์  
อ่าน: 165578 รูปถ่ายสมัยรัชกาลที่ 4-5
ศรีษรคม
อสุรผัด
*
ตอบ: 1


ความคิดเห็นที่ 30  เมื่อ 31 พ.ค. 12, 21:29

นี่ก็ยังนึกไม่ออกว่าที่ไหน

ที่เห็นป้อมนั้นน่าจะเป็นป้อมพรหมอำนวยศิลป์ หรือไม่ก็อาจเป็นป้อมอินทร์อำนวยศร หรือป่าวครับ ^^ ไม่แน่ใจว่าเป็นป้อมไหนแน่ครับ
บันทึกการเข้า
siamese
หนุมาน
********
ตอบ: 7165


หนุ่มรัตนะกับภูเขาทอง


ความคิดเห็นที่ 31  เมื่อ 31 พ.ค. 12, 21:45

นี่ก็ยังนึกไม่ออกว่าที่ไหน

ที่เห็นป้อมนั้นน่าจะเป็นป้อมพรหมอำนวยศิลป์ หรือไม่ก็อาจเป็นป้อมอินทร์อำนวยศร หรือป่าวครับ ^^ ไม่แน่ใจว่าเป็นป้อมไหนแน่ครับ

ท่าทางเสด็จลงเรือ ก่อเขื่อนทำสระเปนที่สรงสระ ๑ ก่อกำแพงเปนบริเวณข้างในทั้ง ๓ ด้าน มีป้อมริมน้ำปลายแนวกำแพงด้านเหนือ พระราชทานชื่อว่า ป้อมพรหมอำนวยศิลป์ป้อม ป้อมข้างใต้ตรง กันชื่อ ป้อมอินทร์อำนวยศรป้อม ๑ โปรดให้เรียกรวมกันทั้งบริเวณว่าท่าราชวรดิฐ

ดังนั้นภาพถ่ายที่เห็น จึงเป็น "ป้อมพรหมอำนวยศิลป์" ครับ
บันทึกการเข้า
siamese
หนุมาน
********
ตอบ: 7165


หนุ่มรัตนะกับภูเขาทอง


ความคิดเห็นที่ 32  เมื่อ 31 พ.ค. 12, 21:58

ภาพนี้งามแท้ ภาพถ่ายขุนนางไทยต้อนรับทูตออสเตรียในสยาม ในปี 1869 ได้แก่ นั่งที่สอง จากซ้ายคาร์ลฟอน Ritter Scherzer ยืนที่สอง จากด้านซ้ายด้านหลังพลเรือเอก-Anton เฟรเฮอร์ฟอน Petz


คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
บันทึกการเข้า
V_Mee
สุครีพ
******
ตอบ: 1436


ความคิดเห็นที่ 33  เมื่อ 31 พ.ค. 12, 23:02

ผ้าที่คาดเอวในความเห็นที่ ๑๗  เรียกว่า "สำรด" มีลักษณะเป็นผ้าแถบปักลายเหมือนที่ขอบเสื้อครุย  ใช้สำหรับคาดเอวแสดงเกียรติยศแทนการสวมเสื้อครุย
ดวงตราที่อกเสือนั้นสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพประทานคำอธิบายไว้ใน "ตำนานเครื่องราชอิศริยาภรณ์สยาม" ว่า เป็นดวงตราช้างเผือกทำในกรุงเทพฯ  พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดให้สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๒๔๐๔ ดาราสำหรับพระราชทานไทยทำรูปพระมหามงกุฎอยู่บนหลังช้าง  ที่สำหรับพระราชทานชาวต่างประเทศ  ทำเป็นรูปเสาธงอยู่บนหลังช้าง

ภาพตราช้างเผือกจาก "ตำนานเครื่องราชอิศริยาภรณ์สยาม"


คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
บันทึกการเข้า
V_Mee
สุครีพ
******
ตอบ: 1436


ความคิดเห็นที่ 34  เมื่อ 31 พ.ค. 12, 23:08

พระรูปกรมพระราชวังบวรวิไชยชาญในความเห็นที่ ๑๓ นั้น  มีภาพที่ใกล้เคียงกันใน "ตำนานเครื่องราชอิศริยาภรณ์สยาม" ซึ่งสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพได้ประทานคำอธิบายไว้ว่า
กรมพระราชวังบวรวิไชยชาญ  ทรงสายสะพายและดาราออสเตรีย  กับดารานพรัตน  และดาราช้างเผือกพิเศษครั้งรัชกาลที่ ๔


คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
บันทึกการเข้า
luanglek
นิลพัท
*******
ตอบ: 2894


ความคิดเห็นที่ 35  เมื่อ 01 มิ.ย. 12, 07:57

ภาพนี้น่าสนใจ  เป็นมุมที่แตกต่างจากที่เคยเห็นมา  ได้เห็นตำหนักแพ
และสิ่งก่อสร้างในท่าราชวรดิฐ  แต่  อาคารแต่ละหลังมีชื่อว่าอะไรบ้างหนอ
แล้วเดี๋ยวนี้ยังเหลืออยู่ครบไหม ยิงฟันยิ้ม


บันทึกการเข้า
siamese
หนุมาน
********
ตอบ: 7165


หนุ่มรัตนะกับภูเขาทอง


ความคิดเห็นที่ 36  เมื่อ 01 มิ.ย. 12, 08:25

ไม่รู้ท่านเจ้าจอม กำลังทำอาหารอะไรอยู่นะครับเพราะเห็นมีการย่างไฟและข้างๆท่านเห็นถุงใส่ของเป็นตัวภาษาอังกฤษ Co**** อะไรสักอย่างครับ

ที่เห็นเหมือนตัวหนังสือไม่ใช่ถุงหรือซองอักษร Co*** ครับ หากแต่เป็นลายดอกไม้ ส่วนตัว C เป็นหูภาชนะที่เรียกว่า Grevy Boat ครับผม


บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 37  เมื่อ 01 มิ.ย. 12, 08:33

เห็นภาพบันทึกบ้านเมืองกรุงเทพในยุคเก่า  เสียดายเหลือเกิน  สถานที่เหล่านี้เปลี่ยนแปลงไปแทบไม่เห็นเค้าเดิม

ภาพล่าง ถนนมหาไชย



แท้จริงแล้ว ก็ยังพอเห็นเค้าเดิมอยู่บ้าง

 ยิงฟันยิ้ม


บันทึกการเข้า
werachaisubhong
องคต
*****
ตอบ: 449



เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 38  เมื่อ 01 มิ.ย. 12, 08:40

ไม่รู้ท่านเจ้าจอม กำลังทำอาหารอะไรอยู่นะครับเพราะเห็นมีการย่างไฟและข้างๆท่านเห็นถุงใส่ของเป็นตัวภาษาอังกฤษ Co**** อะไรสักอย่างครับ
จำไม่ได้ว่าเป็นเจ้าจอมเอิบ หรือเจ้าจอมอาบ   ใครจำได้บ้างคะ

ไต้ภาพเขาเขียนไว้ว่า Lady Aab Bunnag in the kitchen of Ruen Ton residence at Dusit. ครับ
บันทึกการเข้า

ฅนเมียงแป้ มาอยู่ เจียงฮาย
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 39  เมื่อ 01 มิ.ย. 12, 08:56

ตะพานท่าน่ามุขมีสีหน้า
รูปกุมภาทำด้วยหินดิ้นไม่ไหว
สองตัวคู่ริมท่าชลาไสย
ตรงนั้นไซร้มีช่องร่องวาริน

แผ่นผาศิลาลาดดูหยาดเหยาะ
ทำเป็นเกาะฝั่งท่าชลาสินธุ์
มีเขื่อนคั่นรายรอบเป็นขอบดิน
ปลูกต้นอินทผลัมมีหนามคม

นิราศยี่สาร - ก.ศ.ร. กุหลาบ

ภาพเกาะน้อยพร้อมเก๋งจีน และต้นอินทผาลำนี้ ตั้งอยู่บริเวณศาลาท่าน้ำเยื้องวัดอรุณราชวราราม เคยอ่านพบเจอว่า ตรงกับจระเข้หิน แต่วันนี้นำภาพถ่ายอีกภาพ มองเข้าไปยังฝั่ง บังเอิญเรือมาจอดที่เกาะนี้ตั้ง ๓ ลำ เลยบังทัศนีย์ภาพเกาะไป จึงได้ทำเส้นอาณาเขตไว้ให้ชม

ทราบว่าเกาะน้อยนี้ ถูกดันทิ้งเมื่อสมัยรัชกาลที่ ๖ ในคราวขุดลอกท้องน้ำเจ้าพระยาเนื่องด้วยเห็นว่าเกะกะในการเดินเรือ



ภาพข้างล่างนี้ ถ่ายได้ชัดเจนทีเดียว

 ยิงฟันยิ้ม


บันทึกการเข้า
siamese
หนุมาน
********
ตอบ: 7165


หนุ่มรัตนะกับภูเขาทอง


ความคิดเห็นที่ 40  เมื่อ 01 มิ.ย. 12, 09:36

ภาพถ่ายเกาะน้อยแบบชัด ๆ แต่เป็นตอนน้ำขึ้น  ยิงฟันยิ้ม


บันทึกการเข้า
siamese
หนุมาน
********
ตอบ: 7165


หนุ่มรัตนะกับภูเขาทอง


ความคิดเห็นที่ 41  เมื่อ 01 มิ.ย. 12, 09:42

ภาพนี้น่าสนใจ  เป็นมุมที่แตกต่างจากที่เคยเห็นมา  ได้เห็นตำหนักแพ
และสิ่งก่อสร้างในท่าราชวรดิฐ  แต่  อาคารแต่ละหลังมีชื่อว่าอะไรบ้างหนอ
แล้วเดี๋ยวนี้ยังเหลืออยู่ครบไหม ยิงฟันยิ้ม

คุณหลวงเล็กจะสนใจท่าราชวรดิฐทำไมหรือ ในเมื่อใช้ท่าขุนนางอยู่แล้ว  ตกใจ

อ้างถึงสถานและสิ่งก่อสร้างในสมัยรัชกาลที่ ๔ บรรยายไว้ดังนี้

"ท่าราชวรดิฐ ด้านตวันตกพระราชวัง ที่พระตำหนักน้ำเดิมเปนตำหนักปักเสาลงในน้ำ ทอดคานเหมือนอย่างเรือนแพ แต่หลังคามุงกระเบื้อง โปรดให้รื้อตำหนักของเดิมเสีย แล้วลงเขื่อนถมที่ขึ้นเสมอพื้นแผ่นดิน
 สร้างพระที่นั่งขึ้นหมู่ ๑ เปนพลับพลาสูงตรงกลางองค์ ๑ พระราชทานนามว่า พระที่นั่งชลังคพิ มาน ต่อพลับพลาสูงเข้าไปทางด้านตวันออกมีพระที่นั่งสูงเปนที่ประทับองค์ ๑ พระราชทานนามว่าพระที่นั่งทิพยสถานเทพสถิตย์ พระที่นั่งข้างเหนือลดพื้นต่ำลงมาเปนท้องพระโรงฝ่ายน่าองค์ ๑ พระราชทานนามว่าพระที่นั่งราชกิจวินิจฉัย มีพระที่นั่ง ข้างใต้เหมือนกันกับองค์ข้างเหนือ เปนที่พักฝ่ายในอิกองค์ ๑ พระ ราชทานนามว่าพระที่นั่งอนงค์ในสราญรมย์ ตรงน่าพระที่นั่งชลังคพิมาน ใต้ท่าทางเสด็จลงเรือ ก่อเขื่อนทำสระเปนที่สรงสระ ๑ ก่อกำแพงเปนบริเวณข้างในทั้ง ๓ ด้าน มีป้อมริมน้ำปลายแนวกำแพงด้านเหนือ พระราชทานชื่อว่า ป้อมพรหมอำนวยศิลป์ป้อม ๑ ป้อมข้างใต้ตรง กันชื่อ ป้อมอินทร์อำนวยศรป้อม ๑ โปรดให้เรียกรวมกันทั้งบริเวณว่าท่าราชวรดิฐ"


บันทึกการเข้า
werachaisubhong
องคต
*****
ตอบ: 449



เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 42  เมื่อ 01 มิ.ย. 12, 10:02

Bisets Botschanakam
ดิฉันอ่านว่า นายวัด  หลวงพิเศษพจนกรรม  แต่ยังสงสัยว่า พจน อาจจะผิด   หาก ts =ษ   Bisets คือ พิเศษ   คำว่า Bots น่าจะเป็น พษ?

คุณหลวงท่านนี้หน้าตาทันสมัย  หล่อเสียด้วย   ถ้ามาเดินอยู่ในปัจจุบัน สวมเชิ้ตนุ่งกางเกงขายาว ก็จะไม่มีใครรู้สึกว่าแปลกยุค

ผ้าที่พันรอบพุงท่านคือผ้ากราบหรืออะไร ไม่เคยเห็นแบบนี้ค่ะ

  
ท่านเดียวกันหรือเปล่าไม่รู้นะครับ
วันอาทิตย์ที่ 16 สิงหาคม 2411 ตรงกับเดือน 9 แรม 13 ค่ำ เวลา 09.00 น. เซอร์ แฮรี่ ออด เจ้าเมืองสิงคโปร์มาถึง ด้วยเรือกลไฟ 3 ลำ โปรดเกล้า ฯ ให้หลวงพิเศษพจนการ (ต่อมาได้เป็นพระยาอรรถราชนาถภักดี ใน ร.5 ) เป็นข้าหลวงไปเยี่ยมเยียน
บันทึกการเข้า

ฅนเมียงแป้ มาอยู่ เจียงฮาย
siamese
หนุมาน
********
ตอบ: 7165


หนุ่มรัตนะกับภูเขาทอง


ความคิดเห็นที่ 43  เมื่อ 01 มิ.ย. 12, 10:25

งานพระเมรุสมเด็จพระปิ่นเกล้าฯ เชิญราชรถ ๒ คัน มี ๒ พระโกศ  ฮืม


คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 44  เมื่อ 01 มิ.ย. 12, 10:32

ท่านชื่ออะไร "Nai Watt Hluang Bisets Botschanakam"  ฮืม ประดับเครื่องราชย์สมัยรัชกาลที่ ๔

หลวงพิเศษพจนการ   = งั้นต้องสะกดว่า  Botschanakarn   ไม่ใช่ Botschanakam
น่าจะเป็นท่านนี้
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 2 [3] 4 5 ... 20
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.059 วินาที กับ 20 คำสั่ง