เพ็ญชมพู
|
ความคิดเห็นที่ 15 เมื่อ 28 พ.ค. 12, 20:07
|
|
ตำแหน่ง "โรงหนังนิวนครสนุก" 
|
 คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
POJA
|
ความคิดเห็นที่ 16 เมื่อ 29 พ.ค. 12, 10:47
|
|
หากตามแผนที่ อยู่ตรงนี้ค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33479
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 17 เมื่อ 29 พ.ค. 12, 21:41
|
|
ตอนเล็กๆเคยตามผู้ใหญ่เข้าไปในเวิ้งนาครเขษม เวลาท่านไปดูของเก่า เพราะเวิ้ง(เรียกกันสั้นๆแบบนี้) เป็นแหล่งขายของเก่าที่มีทั้งของไทยและจีน ไม่มีใครไปเวิ้งเพื่อจะไปดูสินค้าอย่างอื่นนอกจากของเก่าพวกนี้ มีร้านขายที่ตั้งเก้าอี้ฝังมุกแบบจีน แจกันกระเบื้องแบบจีน ของไทยก็มีพวกโต๊ะเก้าอี้ไม้ดำ คันฉ่อง อะไรพวกนี้ แน่นไปหมดทั้งร้าน เศรษฐีใหม่ทั้งหลายในยุคโน้น มักนิยมแต่งห้องด้วยเครื่องมุกอลังการ ถ้าใส่เข้าไปจนเต็มห้องเพื่อโชว์ ก็จะถูกเยาะหยันว่า "แต่งห้องเหมือนเวิ้ง"
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
siamese
|
ความคิดเห็นที่ 18 เมื่อ 29 พ.ค. 12, 22:03
|
|
ที่เวิ้งนาครเขษมมีร้านขายของเก่าอยู่หลายร้าน มีร้านเก่าแก่อยู่ร้านหนึ่ง เป็นของคนจีนชื่อฮง ซึ่งเล่นของเก่าเป็นทุนเดิม แวะเวียนตามวังเจ้านายต่าง ๆ ซึ่งเจ้านายเหล่านี้ล้วนซื้อขายแลกเปลี่ยนของเก่ากัน มีหม่อมเจ้าชิดชนก กฤษดากร, หม่อมราชวงศ์พันธุ์ทิพย์ บริพัตร, รวมทั้งคุณเล็ก วิริยะพันธุ์ (เจ้าของเมืองโบราณ) ต่างเป็นลูกค้าจีนฮงกันอย่างหัวบันไดไม่แห้ง จีนฮงได้รับเกียรติจากสมเด็จพระราชินีนาถแห่งเดนมาร์ก พร้อมเจ้าชายเฮนดริกพระสวามี ได้เสด็จมาเยือนเวิ้งนาครเขษม เพื่อมาซื้อของเก่า ซึ่งท่านโปรดการรื้อค้นไปตามกล่องต่าง ๆ เป็นพวกงานกระเบื้องเซรามิคยังความปลาบปลื้มมิรู้หาย
หม่อมเจ้าภาณุพันธ์ยุคลเมื่อจะจัดพระที่นั่งใหม่ ก็ได้มาแวะเยี่ยมเยียนจีนฮงให้หาของต่าง ๆ ไปจัดตกแต่งวัง และเลือกหาของได้อย่างถูกใจ ดังนั้นเวิ้งนาครเขษมจึงเป็นแหล่งของนักสะสมของเก่าที่ผลัดหมุนเวียนเข้ามา นอกจากนี้นายห้างเต็กเฮงหยู ก็ชอบและหลงไหลวัตถุโบราณก็เป็นลูกค้าที่ไล่ล่าของเก่าไม่น้อยหน้าท่านอื่น ๆ ท่านมีเครื่องปั้นดินเผา เซรามิคโบราณอยู่มากมาย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Wandee
|
ความคิดเห็นที่ 19 เมื่อ 30 พ.ค. 12, 10:45
|
|
คุณฮงเป็นผู้มีอัธยาศัยของพ่อค้าเต็มตัว ใครจะมาดูสินค้ากี่รอบก็มิได้กีดกันดูหมิ่น
ว่าจะสามารถซื้อสินค้าได้หรือไม่
สมัยหนึ่งได้ไปแวะที่ร้านในริเวอร์ซิตี้ทุกวันเสาร์บ่าย หลังจากทำสวนแล้ว แต่งตัวขมุกขมอม
แต่ก็ได้การต้อนรับเสมอหน้ากันกับลูกค้าระดับที่คุณหนุ่มเล่า
เครื่องเงินที่เก็บไว้ในห้องหลังก็แสนงดงาม ฝีมือประณีตอ่อนละเอียด ก็ได้ดูทุกชิ้น
เท่าที่จำได้ไม่เคยซื้อของจากเฒ่าแก่ฮงเลย แต่ไปที่น้่นเป็นหลายปี
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 20 เมื่อ 30 พ.ค. 12, 10:52
|
|
เจอในเวปมุสลิมเชียงใหม่ดอทเน็ต เอารูปโรงหนังแห่งแรกของประเทศไทยมาลงไว้ และบรรยายภาพตามนี้
โรงหนังโรงแรกสุดของสยาม...ชื่อว่าโรงหนังญี่ปุ่น ที่เวิ้งวัดตึก.... ปัจจุบันคือเวิ้งนาครเขษม ถือเป็นโรงหนัง ถาวรโรงแรกของประเทศไทย หลังจากที่มีการจัดฉายหนังกันภายในกระโจมชั่วคราว
โรงนี้เปิดฉายหนังในปี 2448 เมื่อรื้อถอนออกแล้ว ก็มีการสร้างโรงหนัง"นาครเขษม"ขึ้นมาแทน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ลุงไก่
|
ความคิดเห็นที่ 21 เมื่อ 01 มิ.ย. 12, 20:35
|
|
ไปท่อมๆ เดินไป เดินมา ที่เิ้วิ้งนาครเขษมอยู่หลายรอบ หาว่าโรงหนังนาครเขษมจะอยู่ตรงตำแหน่งไหนในเวิ้ง ก็ประมาณไม่ได้ว่าจะอยู่ตรงไหน
แต่กลับมาพบข้อมูลของ "โรงหนังญี่ปุ่น" จึงฝากเรื่องไว้ให้ท่านผู้ชำนาญการ ได้ลองทำการพิกัดตำแหน่งโรงหนังในแผนที่ ดังนี้
"เราพิเคราะห์ดูการเล่นที่เก็บค่าดูแก่หรือไม่เก็บ ดังเช่นกานเล่นตามบ่อนเบี้ยและตามงานชาวบ้าน แต่บรรดาที่เล่นอยู่ในกรุงเทพฯ ทุกวันนี้ นอกจากการเล่นในงานของพระราชาแล้ว ทุกวันนี้ต้องจัดว่าหนังภาพยนต์ของบริษัทชาติยี่ปุ่นที่เล่นอยู่ที่ตำบลหว่างที่ว่างหลังตึกแถวบ้านพระยาอภัยรณฤทธิ์ หรือหลังตึกแถวที่ตรงกับบ่อนเบี้ยสพานดำรงค์สถิตย์ ที่ได้ตั้งเล่นมาช้านานแล้วนั้น เปนมีคนไปดูได้ผลมากยิ่งกว่าทุกๆ แห่งหมด ..."
หนังสือพิมพ์รายวัน "บางกอกไตมส์" ฉบับประจำวันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ ร.ศ. ๑๒๕ (พ.ศ. ๒๔๔๙)
และประกอบกับความเห็นที่ ๗ ของคุณ NAVARAT.C
".. หนังโรงใหม่ซื่งตั้งอยู่ใกล้กับหนังยี่ปุ่นโรงเก่า ตำบลน่าวัดตึก ได้เปิดโรงลงมือเล่นเปนครั้งแรกเมื่อคืนวันเสาร์ที่ ๑ เดือนนี้ ก็เผอิญเกิดเอกซิเดนขึ้นอย่างร้ายแรง คือเมื่อเวลายามเศษหนังกำลังลงมือฉายอยู่นั้น จะเปนด้วยเหตุอย่างไรไม่ทราบ ไฟฟ้าจึงได้เกิดลุกไหม้ขึ้นที่เครื่องในห้องเล็กสำหรับฉายหนัง แต่เมื่อเกิดไฟลุกขึ้นนั้น ประมาณครู่เดียวก็ดับ ... หนังโรงนี้ฝาโรงล้วนทำด้วยสังกะสี ..."
หนังสือพิมพ์รายวัน "บางกอกไตมส์" ฉบับประจำวันที่ ๓ พฤษภาคม ร.ศ. ๑๒๘ (พ.ศ. ๒๔๕๒)
(คัดลอกจากหนังสือ "หนังสือชื่อสยามสนุกข่าว" รวบรวมโดย ปียกนิฏฐ์ หงษ์ทอง พ.ศ. ๒๕๓๑)
จะหมายถึงโรงหนัง "นิยมไทย" ที่คุณ NAVARAT C. กล่าวถึงในความเห็นที่ ๓ หรือไม่?
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ลุงไก่
|
ความคิดเห็นที่ 22 เมื่อ 01 มิ.ย. 12, 22:26
|
|
เรือนเจ้าพระยาอภัยรณฤทธิ์
เจ้าพระยาอภัยรณฤทธิ์ ขุนนางในส่วนกรมพระนครบาลในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นผู้สร้างบ้านหลังนี้โดยเน้นถึง ทัศนียภาพและความงดงามของงานสถาปัตยกรรม อาคารหลังนี้ยังคงมีเสน่ห์แก่ผู้พบเห็นตั้งแต่แรกสร้างจวบจนถึงปัจจุบันแก่ผู้พบเห็นตั้งแต่แรกสร้างจวบจนถึงปัจจุบัน
ภาพจากเวป สำนักวิทยบริการ ม.ราชภัฏสวนดุสิต
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
siamese
|
ความคิดเห็นที่ 23 เมื่อ 02 มิ.ย. 12, 11:33
|
|
เรือนเจ้าพระยาอภัยรณฤทธิ์
เจ้าพระยาอภัยรณฤทธิ์ ขุนนางในส่วนกรมพระนครบาลในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นผู้สร้างบ้านหลังนี้โดยเน้นถึง ทัศนียภาพและความงดงามของงานสถาปัตยกรรม อาคารหลังนี้ยังคงมีเสน่ห์แก่ผู้พบเห็นตั้งแต่แรกสร้างจวบจนถึงปัจจุบันแก่ผู้พบเห็นตั้งแต่แรกสร้างจวบจนถึงปัจจุบัน
ภาพจากเวป สำนักวิทยบริการ ม.ราชภัฏสวนดุสิต
เจ้าพระยาอภัยรณฤทธิ์ ขุนนางในส่วนกรมพระนครบาล เป็นเจ้าของอาคารหลังนี้ คาดว่าสร้างในราชรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ด้วยพื้นที่บริเวณโดยรอบของอาคารนี้รายล้อมด้วยอาคารบ้านเรือนของเหล่าขุนนางและข้าราชบริพาร ต่อมาในราวปี 2482 เรือนหลังนี้จึงตกอยู่ในความดูแลของสำนักงานทรัพย์สินฯ และได้ให้สมาคมชาวอุบลราชธานีเช่าเป็นที่ทำการอาคารสำนักงาน จนถึงปัจจุบัน (ที่ตั้ง: ซอยสงวนสุข แขวงพญาไท เขตดุสิต กรุงเทพฯ) http://www.crownproperty.or.th/cpad/vtr_6.php
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33479
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 24 เมื่อ 02 มิ.ย. 12, 12:08
|
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ลุงไก่
|
ความคิดเห็นที่ 25 เมื่อ 02 มิ.ย. 12, 12:34
|
|
เรือนเจ้าพระยาอภัยรณฤทธิ์
เจ้าพระยาอภัยรณฤทธิ์ ขุนนางในส่วนกรมพระนครบาลในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นผู้สร้างบ้านหลังนี้โดยเน้นถึง ทัศนียภาพและความงดงามของงานสถาปัตยกรรม อาคารหลังนี้ยังคงมีเสน่ห์แก่ผู้พบเห็นตั้งแต่แรกสร้างจวบจนถึงปัจจุบันแก่ผู้พบเห็นตั้งแต่แรกสร้างจวบจนถึงปัจจุบัน
ภาพจากเวป สำนักวิทยบริการ ม.ราชภัฏสวนดุสิต
เจ้าพระยาอภัยรณฤทธิ์ ขุนนางในส่วนกรมพระนครบาล เป็นเจ้าของอาคารหลังนี้ คาดว่าสร้างในราชรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ด้วยพื้นที่บริเวณโดยรอบของอาคารนี้รายล้อมด้วยอาคารบ้านเรือนของเหล่าขุนนางและข้าราชบริพาร ต่อมาในราวปี 2482 เรือนหลังนี้จึงตกอยู่ในความดูแลของสำนักงานทรัพย์สินฯ และได้ให้สมาคมชาวอุบลราชธานีเช่าเป็นที่ทำการอาคารสำนักงาน จนถึงปัจจุบัน (ที่ตั้ง: ซอยสงวนสุข แขวงพญาไท เขตดุสิต กรุงเทพฯ) http://www.crownproperty.or.th/cpad/vtr_6.phpสับสน 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 26 เมื่อ 02 มิ.ย. 12, 13:30
|
|
บ้านตามรูปเขียนและรูปถ่ายเป็นคนละหลังกัน
คนละเจ้าพระยาอภัยฯหรือเปล่า? ว่าแต่ว่า ชวนออกนอกเรื่องนาครสนุกกับนาครเขษมแล้วหรือครับ?
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
art47
|
ความคิดเห็นที่ 27 เมื่อ 02 มิ.ย. 12, 13:45
|
|
"บ้านสงวนสุข" เป็นบ้านของ คุณหญิงทรามสงวน อมาตยกุล กับ พระยาอภัยรณฤทธิ์ (ถวิล อมาตยกุล) สร้างสมัยรัชกาลที่ ๖ ครับ 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
siamese
|
ความคิดเห็นที่ 28 เมื่อ 02 มิ.ย. 12, 14:55
|
|
จำได้ว่ามีแผนที่เยาวราชอยู่ระวางหนึ่ง จึงคลี่เผยออกดู ปรากฎว่าเขียนไว้เมื่อ พ.ศ. 2444 (ร.ศ. 120) จึงจัดสแกนในส่วนของวัดตึกและเวิ้งวัดตึกมาให้ลุงไก่ดูเป็นเบื้องต้นดูลักษณะภูมิประเทศ
ที่ดินในเวิ้งวัดตึก ปัจจุบันคือเวิ้งนาครเขษม ซึ่งที่ดินในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต ได้รับพระราชทานผืนดินเวิ้งนาครเขษมเป็นมรดกจากรัชกาลที่ 5
ซึ่งในแผนที่เป็นที่หลวงพื้นที่สี่เหลี่ยมอยู่ระหว่างถนนเยาวราชและถนนเจริญกรุง มีบ้านที่อาศัยดังนี้
- พระยาศรีสรราชภักดี - พระยาเกษมศุขการี - หลวงบดีนีนนิกร - หลวงจำนงค์ยุทธกิจ - นายสุก - มะฮะหมัดยูซูป - จีนยวน
ส่วนวัดตึกหันหน้าออกถนนจักรวรรดิ์ จรดคลองวัดสามปลื้มด้านใต้ ริมถนนเจริญกรุงมีบ้านอาศัยดังนี้ - พระยาอร่ามมณเฑียร - เขียนมารดาร้อยโทชุ่ม - นายอ้น
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
siamese
|
ความคิดเห็นที่ 29 เมื่อ 02 มิ.ย. 12, 15:01
|
|
ยกแผนที่ระวาง พ.ศ. 2453 เข้ามาเทียบเวลาระยะห่างกัน 9 ปี บ้านเมืองได้เจริญก้าวหน้าไปมาก ตึกแถวริมถนนได้ถูกก่อสร้างขึ้นมากแล้ว ตัวเวิ้งนาครเขษมอยู่ที่พื้นที่ขอบสีแดง ส่วนริมถนนหน้าวัดตึกก็สร้างอาคารเรือนแถวปิดล้อมวัด
ในเวิ้งนาครเขษมจะเห็นพื้นที่โล่งด้านในอยู่ 3 หย่อม นอกนั้นเป็นห้องแถว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|