เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 6 7 [8]
  พิมพ์  
อ่าน: 49484 ว่าด้วยหนังสือพิมพ์ราชกุมาร
piyasann
พาลี
****
ตอบ: 379


ความคิดเห็นที่ 105  เมื่อ 13 มิ.ย. 12, 00:07

ก่อนอื่น ท่านใดก็ได้ช่วยแก้ให้ที  จาก "เคยเห็นผี" เป็น ทรงถามว่า "ผีมีจริงหรือเปล่า" สองประโยคนี้ ดูจะเป็นเรื่องผีๆ เหมือนกัน แต่เจตนาของผู้ถามต่างกัน พิมพ์ แล้วก็มานึกขึ้นได้ ว่า อาจารย์ระพี ท่านเล่าว่าอย่างหลัง  คือ ในหลวงถามคุณพระฯ ว่า ผีมีจริงหรือเปล่า ? ไม่ใช่ เคยเห็นผีหรือเปล่า แก้ไขครับ.......


บันทึกการเข้า
luanglek
นิลพัท
*******
ตอบ: 2894


ความคิดเห็นที่ 106  เมื่อ 13 มิ.ย. 12, 09:05

กระทู้หนังสือพิมพ์ราชกุมารกลายเป็นกระทู้เล่าเรื่องผีในสมัยรัชกาลที่ ๖ ไปเสียแล้ว

ออกขุนกล่าวถึงท้าวหิรัญพนาสูรขึ้นมา  ก็มีคำถามสงสัยว่า 
ท้าวหิรัญพนาสูรถือไม้เท้าด้วยมือข้างซ้ายหรือข้างขวา ฮืม
บันทึกการเข้า
art47
องคต
*****
ตอบ: 739


ความคิดเห็นที่ 107  เมื่อ 13 มิ.ย. 12, 09:46

กระทู้หนังสือพิมพ์ราชกุมารกลายเป็นกระทู้เล่าเรื่องผีในสมัยรัชกาลที่ ๖ ไปเสียแล้ว

ออกขุนกล่าวถึงท้าวหิรัญพนาสูรขึ้นมา  ก็มีคำถามสงสัยว่า 
ท้าวหิรัญพนาสูรถือไม้เท้าด้วยมือข้างซ้ายหรือข้างขวา ฮืม


แทนตอบออกขุนได้หรือไม่ใต้เท้า

ท้าวหิรัณพนาสูร ในปัจจุบันนั้นมีอยู่ ๔ องค์ คือ

๑. องค์ที่พระราชทานจางวางเอก พระยาอนิรุทธเทวา (ม.ล. เฟื้อ พึ่งบุญ)
๒. องค์ที่พระที่นั่งราชกรัณยสภา
๓. องค์ที่ประดับอยู่กับรถพระที่นั่ง
๔. องค์ที่พระราชวังพญาไท

องค์ที่ ๒-๔ ท้าวหิรัณพนาสูร ถือไม้เท้าด้วยมือข้างขวา

มีแต่... องค์ที่ ๑ เพียงองค์เดียว ที่ท้าวหิรัณพนาสูร ถือไม้เท้าด้วยข้างซ้าย
บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 108  เมื่อ 13 มิ.ย. 12, 09:55

http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2009/03/K7657042/K7657042.html

เขียนไว้ที่วิกโน้น นานมาแล้วครับ


บันทึกการเข้า
luanglek
นิลพัท
*******
ตอบ: 2894


ความคิดเห็นที่ 109  เมื่อ 13 มิ.ย. 12, 10:02

ใครมีความรู้ก้เชิญมาตอบได้พนาย  มิได้หวงห้าม  ขอบคุณน้ำใจจากพนายและคุณ NAVARAT.C ครับ ยิ้มเท่ห์
บันทึกการเข้า
V_Mee
สุครีพ
******
ตอบ: 1436


ความคิดเห็นที่ 110  เมื่อ 13 มิ.ย. 12, 17:17

ถ้าจะให้ครบตามจำนวนที่ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๖ โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นต้องตอบว่า ๕ องค์ครับ
องค์แรกถือไม้เท้าด้วยมือซ้าย  เข้าใจว่าเป็นต้นแบบ  พระราชทานให้แก่พระยาอนิรุทธเทวา (ม.ล.ฟื้น  พึ่งบุญ)  ปัจจุบันอยู่ที่บ้าน พลเอก เฟื่องเฉลย  อนิรุทธเทวา
องค์ที่ ๒ - ๔ มีขนาดไม่เท่ากัน  ไม่แน่ใจว่าหล่อพร้อมกันหรือไม่  แต่ทั้ง ๓ องค์นี้ถือไม้เท้าด้วยมือขวา

องค์ ๑ เล่ากันว่า ประดิษฐานไว้ข้างพระแท่นบรรทม  เวลาเสด็จแปรพระราชฐานไปที่ใด  ก็โปรดให้มหาดเล็กเชิญไปในกระเป๋าหนังสีแดงตามเสด็จไปทุกหนแห่ง  องค์นี้ตกมาเป็นพระราชมรดกในสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี  ซึ่งก็โปรดให้ประดิษฐานและเชิญตามเสด็จตามแบบพระราชนิยมในล้นเกล้าฯ  ปัจจุบันไม่ทราบว่ายังประดิษฐานที่วังรืนฤดีหรือไม่

องค์ ๑ พระราชทานไว้ที่กรมบัญชาการกลางมหาดเล็ก  เมื่อยุบรวมกรมมหาดเล็กเข้ากับกระทรวงวังในรัชกาลที่ ๗ แล้ว  ดูเหมือนจะเชิญขึ้นไปไว้บนพระที่นั่งราชกรีณยสภา  และมีการตั้งเครื่องเสวยต่อกันมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๖  เท่าที่ทราบในรัชกาลปัจจุบันก็ยังมีปิ่นโตจากห้องเครื่องส่งไปให้นักเรียนเก่าพรานหลวง ฉัตร  สุนทรายน อดีตหัวหน้าแผนก  กองมหาดเล็ก  สำนักพระราชวัง  ตั้งสังเวยทุกวันตอนเพลที่ห้องทำงานคุณฉัตรที่งานพระบรมมหาราชวัง  กองชาวที  ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับพระที่นั่งราชกรัณยสภา  เมื่อคุณฉัตรยังมีชีวิตอยู่ท่านเคยชวนให้ผมรับพระราชทานเครื่องสังเวยที่เลื่อนมานั้นอยู่บ่อยๆ  ปัจจุบันทราบว่าย้ายไปประดิษฐานที่วังศุโขทัยแล้ว

องค์ ๑ เคยประดิษฐานอยู่หน้ารถยนต์พระที่นั่ง  บ้างก็ว่ารถโอเปิล  บ้างก็ว่าเป็นรถเนเปียร์  เลยไม่ทราบว่ายี่ห้อใดแน่  ดูเหมือนจะเป็นช่วงสงครามโลกครั้งที่ ๒ ที่เครื่องบินอเมริกันมาทิ้งระเบิด  เข้าใจว่าจะมาบอมบ์โรงไฟฟ้าหลวงสามเสนที่ย้ายจากศรีย่านมาเปิดทำการที่สนามด้านหลังโรงเรียนวชิราวุธ  ทางด้านเหนือของหมวดรถยนต์หลวง  แต่ทิ้งผิดไปโดนตึกนอนนักเรียนโรงเรียนวชิราวุธที่อยู่ทางทิศตะวันออกติดกับโรงรถยนต์หลวงพังไปทั้งหลัง  และมีสะเก็ดไปตกในโรงรถยนต์บางส่วน  แต่รถยนต์พระที่นั่งองค์นี้ไม่ได้รับอันตรายใดๆ จะเป็นช่วงนั้นหรือหลังสงครามนี่แหละที่ชาวพนักงานพระราชพาหนะได้จัดการถอดรูปท้าวหิรันย์ขึ้นไว้บนหิ้งบูชา  แล้วก็นัดกันตั้งเครื่องบวงสรวงสังเวยต่อๆ กันมาทุกปีในช่วงวันสงกรานต์  พลตรี ม.ร.ว.คึกฤทธิ์  ปราโมช ท่านเล่าไว้ว่า เมื่อครั้งที่ควีนอลิซาเบธที่ ๒ เสด็จฯ เยือนเมืองไทยครั้งแรก  แล้วเสด็จไปทอดพระเนตรเมืองโบราณที่บางปู  แล้ววันนั้นเจ้าหน้าที่ในขบวนเสด็จของควีนเกิดไปพูดอะไรเข้าคงจะเป็นทำนองลบหลู่ท่านท้าวเข้า  วันนั้นรถยนต์พระที่นั่งที่ควีนทรงเกิดไปตายกลางถนนแถวปากซอยทองหล่อเอาดื้อๆ  ต้องเปลี่ยนให้ประทับรถพระที่นั่งรองแทน  เพราะแก้ไขกันอย่างไรก็ไม่สำเร็จ  ที่สำคัญรถพระที่นั่งองค์นั้นเป็นยร่ห้อเดมเลอร์ของอังกฤษเสียด้วย   ปัจจุบันทราบใาว่าย้ายไปประดิษฐานที่วังศุโขทัยแล้วเหมือนกัน

องค์สุดท้ายโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นมีขนาดเท่าคนจริง  ประดิษฐานที่ศาลท้ายพระราชวังพญาไท  องค์นี้ก็มีเรื่องเล่าอีกว่าตอนเชิญขึ้นประดิษฐาน  มร.แกเลตตี นายช่างชาวอิตาเลียนเอาเชือกไปผูกรอบคอรูปปั้นแล้วใช้ปั้นจั่นยกขึ้นประดิษฐานในศาล  เล่ากันว่าหลังจากนั้นไม่กี่วัน มน.แกเลตตีไม่ไปทำงาน  พระยาอาทรธุระศิลป์ นายงานของกรมศิลปากร ไปพบนอนป่วยหายใจไม่ออกมีรอยเขีบวช้ำที่รอบคอ  ต้องตั้งเครื่องสังเวยขอขมาลาโทษจึงหายป่วย

รูปหล่อทั้ง ๕ องนี้เป็นผลงานการปั้นหล่อของ พระเทพรจนา (สิน  ปฺฏิมาประกร) นายช่างประติมากรรมคู่พระบารมีทั้งหมด   
 
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 6 7 [8]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.077 วินาที กับ 19 คำสั่ง