เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: [1] 2 3
  พิมพ์  
อ่าน: 22433 เรื่องของผู้ชายคนที่ไม่ยกมือทำความเคารพแบบนาซี
ประกอบ
สุครีพ
******
ตอบ: 1342


 เมื่อ 14 พ.ค. 12, 17:29

เป็นนักเรียนแอบเรียนอยู่หลังห้องมานานหลายปีกว่าจะสมัครสมาชิกได้
เอาแต่อ่านอย่างเดียวแล้วมันเขินๆ อย่างไรไม่ทราบ วันนี้เลยขอออกมาหน้าห้องหน่อยละกันครับ


เมื่อไม่กี่วันก่อนเจอคนแชร์ภาพภาพหนึ่งใน Facebook เป็นภาพของฝูงชนที่กำลังทำท่า Nazi salute คือการยกแขนทำความเคารพแบบนาซี
ในภาพจะมีชายคนหนึ่งที่ทำเหมือนกำลังยืนกอดอก ไม่ยกมือทำท่าแบบคนรอบข้างไปด้วย แล้วก็มีคำบรรยายไว้ว่า ชายผู้นั้นคือ August Landmesser

ได้เห็นภาพนี้  ผมก็เลยเกิดความสนใจว่าใครคือ August Landmesser  แล้วชีวิตหรือเรื่องราวของเค้าเป็นอย่างไร
การทำท่าเหมือนต่อต้านนาซี ส่งผลกระทบอะไรกับชีวิตของเค้าหรือไม่
ในฐานะเป็นนักเรียนติดตามอ่านมานาน วันนี้เลยของนำเรื่องราวของคนที่กล้าสวนกระแสมาเผยแพร่ต่อบ้าง



บันทึกการเข้า

วิรุศฑ์ษมาศร์ อัฐน์อังการจณ์
ประกอบ
สุครีพ
******
ตอบ: 1342


ความคิดเห็นที่ 1  เมื่อ 14 พ.ค. 12, 17:33

เรื่องราวของ August Landmesser นับได้ว่าเป็นโศรกนาฐกรรมแท้ๆ เหมือนกับชีวิตของคนอีกหลายล้านคนที่ต้องทั้งดับสูญอย่างน่าเศร้าในช่วงสมครามโลกครั้งที่สอง
มีคนได้รับผลกระทบมากมาย เพียงเพราะความเกลียดชังที่ถูกเพาะขึ้นมาแบบไม่มีเหตุผลเพื่อสนองผลประโยชน์ทางการเมืองของกลุ่มคนไม่กี่คน

ภาพนี้คาดว่าถูกถ่ายในปี 1936 ในงานปล่อยเรือ Horst Wessel ซึ่งฮิตเลอร์เองก็เข้าร่วมงานด้วย ชายในภาพถูกชี้ตัวว่าคือออร์กุสโดย Irene Messer ลูกสาวของเค้าในปี 1996
และเธอได้เผยแพร่เรื่องเศร้าของครอบครัวเธอในหนังสือ A Family Torn Apart by “Rassenschande,” โดยได้เล่าเรื่องราวของพ่อของเธอที่เธอแทบจะไม่เคยมีโอกาสได้อยู่ใกล้ชิดเลย รวมถึงโศกนาฐกรรมอื่นๆ ในครอบครัวด้วย



คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
บันทึกการเข้า

วิรุศฑ์ษมาศร์ อัฐน์อังการจณ์
ประกอบ
สุครีพ
******
ตอบ: 1342


ความคิดเห็นที่ 2  เมื่อ 14 พ.ค. 12, 17:37

August Landmesser เกิดเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 1910 ใน Moorrege  ใกล้  Harnburg   มีชีวิตวัยเด็กไม่ต่างจากเด็กทั่วไป 
ตระกูล Landmesser ที่จริงแล้วอาจจะมีบรรพบุรุษเป็นชาวยิว แต่ตามประกาศ Landgericht's (District Court) ruling of 26th October 1938  ถือว่าตระกูล  Landmesser เป็นเยอรมัน  และเป็นชาวอารยัน
ประวัติช่วงต้นของชีวิตของ August เช่นการศึกษา หรือครอบครัว ไม่เป็นที่รับรู้มากนัก  รู้แต่ว่า August เป็นลูกชายโทน  และเมื่อเข้าสู่วัยหนุ่มได้สมัครเป็นสมาชิกพรรคนาซี ซึ่งเป็นการสมัครเพื่อให้รับโอกาศเรื่องหน้าที่การงานเท่านั้น  ไม่ได้มีอุดมการณ์แรงกล้าอะไร
แบบเดียวกับที่คนรัสเซียในยุคคอมมิวนิสต์ ต้องหาทางสมัครเป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์นั่นแหละ



บันทึกการเข้า

วิรุศฑ์ษมาศร์ อัฐน์อังการจณ์
ประกอบ
สุครีพ
******
ตอบ: 1342


ความคิดเห็นที่ 3  เมื่อ 14 พ.ค. 12, 17:43

ปัญหาเริ่มขึ้นเมื่อ August พบรักกับ Irma Eckler สาวเชื้อสายยิวในปี 1934 

ที่จริงแล้ว Irma มีเชื้อสายยิวเพียงเพราะพ่อของเธอเป็นลูกครึ่งยิว แต่ตัวเธอเองถูกเลี้ยงดูมาแบบชาวคริสเตียน
ทั้งคู่แต่งงานกันเมื่อวันที่  24 เมษายน 1935  ขณะนั้น กฏหมายเยอรมันห้ามชาวเยอรมันมีสัมพันธ์กับคนเชื้อสายยิวเพื่อปกป้องเลือดอารยันให้บริสุทธิ์เพิ่งผ่าน   
ดังนั้นการที่คนเยอรมันแต่งงานกับคนเชื้อสายยิวจึงผิดกฏหมาย     การสมรสของทั้งคู่จึงไม่ได้รับการรับรอง 


บันทึกการเข้า

วิรุศฑ์ษมาศร์ อัฐน์อังการจณ์
ประกอบ
สุครีพ
******
ตอบ: 1342


ความคิดเห็นที่ 4  เมื่อ 14 พ.ค. 12, 17:55

อย่างไรก็ตามทั้งคู่ก็อยู่ด้วยกันและมีบุตรสาวด้วยกัน 2 คน คือ Ingrid ซึ่งเกิดในปี 1935 และ  Irene ในปี 1937 ลูกสาวของทั้งคู่ถูกถือว่ามีเลือดไม่บริสุทธิ์




บันทึกการเข้า

วิรุศฑ์ษมาศร์ อัฐน์อังการจณ์
ประกอบ
สุครีพ
******
ตอบ: 1342


ความคิดเห็นที่ 5  เมื่อ 14 พ.ค. 12, 17:59

และเนื่องจากฝ่าฝืนกฏหมายที่ต้องการรักษาสายเลือดอารยันให้บริสุทธิ์   ในที่สุด August และ Irma ภรรยา ถูกจับในปี 1938  เนื่องจาก August เป็นคนเยอรมัน ไม่ใช่ยิว จึงถูกตัดสินให้ไปใช้แรงงานในค่ายกักกันเป็นเวลา 2 ปีครึ่ง August ถูกส่งไปอยู่ในค่ายกักกันที่ Börgermoor 

ส่วน Irma ภรรยาถูกถือว่าเป็นคนยิว  จึงถูกส่งไปที่ค่ายแรงงานที่  Lichtenburg  และส่งต่อไปที่ Ravensbrück จนเสียชีวิตในเดือน มกราคม 1942   


ภาพนี้เป็นจดหมายที่ลูกสาวเขียนถึง August ช่วงที่ยังอยู่ในคุก



บันทึกการเข้า

วิรุศฑ์ษมาศร์ อัฐน์อังการจณ์
ประกอบ
สุครีพ
******
ตอบ: 1342


ความคิดเห็นที่ 6  เมื่อ 14 พ.ค. 12, 18:03

เมื่อตอนที่ August และภรรยาถูกจับและถูกตัดสินจำคุก  ลูกสาวของทั้งคู่ถูกจับแยกกัน Ingrid ลูกสาวคนโตโชคดีได้ไปอยู่กับย่า เพราะ Ingrid ลูกสาวคนโต แม้จะมีมารดาเป็นคนยิว แต่ด้วยเหตุที่เธอเกิดก่อนที่กฏหมายที่ชื่อว่า Nuremberg Laws มีผลบังคับใช้ เธอจึงถูกถือว่าเป็นลูกครึ่งยิว แต่ยังสามารถอยู่กับย่าซึ่งเป็นเยอรมันตลอดมาจนสงครามสิ้นสุด



บันทึกการเข้า

วิรุศฑ์ษมาศร์ อัฐน์อังการจณ์
ประกอบ
สุครีพ
******
ตอบ: 1342


ความคิดเห็นที่ 7  เมื่อ 14 พ.ค. 12, 18:09

Irene น้องสาวไม่โชคดีเท่า เธอเกิดหลังกฏหมาย Nuremberg Laws  มีผลบังคับใช้ และถูกถือว่าเป็นยิว
เธอถูกส่งไปอยู่บ้านเด็กกำพร้าและต้องเร่ร่อนไปหลายๆ ที่  แต่นับว่าวาสนาของเธอยังดี  เธอได้พ่อบุญธรรมชื่อ Erwill Proskauer ซึ่งเป็นคนยิวที่ทำงานในค่าย   
ครั้งหนึ่งเธอได้รับการช่วยเหลือจากคนรู้จักแอบพาเธอออกจากแถวตอนที่กำลังต่อแถวกับกลุ่มเด็กที่จะต้องถูกส่งไปเข้าห้องรมแก็ส  เด็กคนอื่นๆ ตายทั้งหมด
หลังจากนั้นเธอได้รับการช่วยเหลือมีผู้พาเธอไปซ่อนอยู่ที่ Hamburg โดยเธอถูกซ่อนไว้ในโรงพยาบาลในวอร์ดคนไข้เด็ก 
จากนั้นเธอถูกพาไปซ่อนตัวใน Brandenburg ทำให้เธออยู่รอดมาได้จนสงครามสงบ   และสุดท้ายเธอเป็นผู้ชี้บุคคลในภาพที่ยืนกอดอกนี้ในปี 1996 ว่าคือพ่อของเธอ

ภาพ Irene และภาพของเธอกับพ่อเลี้ยง



บันทึกการเข้า

วิรุศฑ์ษมาศร์ อัฐน์อังการจณ์
ประกอบ
สุครีพ
******
ตอบ: 1342


ความคิดเห็นที่ 8  เมื่อ 14 พ.ค. 12, 18:13

ส่วน  August Landmesser  ถูกปล่อยตัวในต้นปี 1941 และทำงานเป็นโพร์แมนในโรงงาน Heinkel-Werke ใน Warnemünde
ระหว่างนั้น August ได้มีโอกาสติดต่อกับลูกสาว  แต่ทั้งหมดไม่เคยได้มีโอกาสได้อยู่ด้วยกัน   


ในเดือนกุมภาพันธ์ 1944 August ถูกเกณฑ์เป็นทหาร  และด้วยแนวคิดทางการเมืองและประวัติความผิดในอดีต August จึงถูกส่งไปอยู่ในหน่วย  Bewährungsbataillon 999
หน่วยทหารหน่วยนี้รวบรวมกำลังพลมาจากพวกที่ทำความผิดต่างๆ เพื่อส่งไปรบหรือทำภารกิจฆ่าตัวตายหรือมีความเสี่ยงสูงต่างๆ 
August ถูกประกาศว่าสูญหายไปในการรบและคาดว่าเสียชีวิตในเดือนพฤศจิกายนปี 1944  และได้รับการประกาศว่าเสียชีวิตในการรบอย่างเป็นทางการในปี 1949



บันทึกการเข้า

วิรุศฑ์ษมาศร์ อัฐน์อังการจณ์
ประกอบ
สุครีพ
******
ตอบ: 1342


ความคิดเห็นที่ 9  เมื่อ 14 พ.ค. 12, 18:22

เรื่องราวของ August เป็นเรื่องเศร้าๆ เหมือนอีกหลายล้านเรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงสงครามโลก
เป็นเรื่องของครอบครัวคนธรรมดาที่ได้รับผลกระทบจากความเกลียดชังที่ถูกสร้างขึ้นมาและยัดเยียดให้กับผู้คนในสังคมอย่างไม่มีเหตุมีผล
คนที่รับผลความเกลียดชังพวกนี้ก็คือคนธรรมดาๆ นี่แหละ  


น่าเศร้าที่แม้จะมีบทเรียนแบบนี้ ประวัติศาสตร์โลกหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมา
เมื่อใครซักคนสามารถจุดกระแสสร้างความเกลียดชังขึ้นมาได้ถึงที่สุด  การเข่นฆ่ากันอย่างไร้เหตุผลสามารถเกิดขึ้นได้อีกเสมอ  
เพื่อนบ้านที่เคยเป็นเพื่อนกัน คบหากัน จู่ๆ ลุกขึ้นมาฆ่ากันได้หน้าตาเฉย ไม่จำเป็นต้องมีเหตุผล
ขอแค่รู้สึกว่าอีกฝ่ายเป็นฝ่ายตรงข้าม หรือตัวกำลังยืนอยู่ข้างฝ่ายที่มีความชอบธรรม  เพียงแค่นี้ก็ฆ่าคนที่ไม่เคยห็นหน้ามาก่อนได้เลย
ตัวอย่างมากมายไม่ว่าจะเป็นในรวันดา   บอสเนีย   ติมอร์  และอีกหลายๆ ที่ในโลก  ทั้งในอดีต และในอนาคต

ข้อมูลหลักและรูปภาพ ส่วนใหญ่มาจากที่นี่ครับ http://www.mentalfloss.com/blogs/archives/96463
บันทึกการเข้า

วิรุศฑ์ษมาศร์ อัฐน์อังการจณ์
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 10  เมื่อ 14 พ.ค. 12, 19:05

วันนี้ท่านอาจารย์ประกอบเลื่อนจากหลังชั้น  มายืนหน้าชั้นอย่างสง่าผ่าเผย  จึงตามมายกโต๊ะให้นั่งนะคะ

ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆ ที่นำมาเล่าสู่กันฟังค่ะ   อ่านแล้วสะเทือนใจ 
โดยเฉพาะประโยคนี้

อ้างถึง
ขอแค่รู้สึกว่าอีกฝ่ายเป็นฝ่ายตรงข้าม หรือตัวกำลังยืนอยู่ข้างฝ่ายที่มีความชอบธรรม  เพียงแค่นี้ก็ฆ่าคนที่ไม่เคยห็นหน้ามาก่อนได้เลย


บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 11  เมื่อ 14 พ.ค. 12, 21:15

น่าเศร้าที่แม้จะมีบทเรียนแบบนี้ ประวัติศาสตร์โลกหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมา
เมื่อใครซักคนสามารถจุดกระแสสร้างความเกลียดชังขึ้นมาได้ถึงที่สุด  การเข่นฆ่ากันอย่างไร้เหตุผลสามารถเกิดขึ้นได้อีกเสมอ  
เพื่อนบ้านที่เคยเป็นเพื่อนกัน คบหากัน จู่ๆ ลุกขึ้นมาฆ่ากันได้หน้าตาเฉย ไม่จำเป็นต้องมีเหตุผล
ขอแค่รู้สึกว่าอีกฝ่ายเป็นฝ่ายตรงข้าม หรือตัวกำลังยืนอยู่ข้างฝ่ายที่มีความชอบธรรม  เพียงแค่นี้ก็ฆ่าคนที่ไม่เคยห็นหน้ามาก่อนได้เลย
ตัวอย่างมากมายไม่ว่าจะเป็นในรวันดา   บอสเนีย   ติมอร์  และอีกหลายๆ ที่ในโลก  ทั้งในอดีต และในอนาคต

นึกถึงศัพท์คำว่า "มิคสัญญี"

ยุคมิคสัญญี หมายถึง ยุคที่ผู้คนฆ่าฟันกัน เพราะต่างฝ่ายต่างมองว่าผู้อื่นเป็นสัตว์ซึ่งต้องล่า คือไม่เห็นว่าผู้อื่นเป็นคน เมื่อต่างฝ่ายต่างมองแบบเดียวกัน จึงเกิดการฆ่าฟันโดยไม่ปรานีต่อกัน ผู้คนจึงล้มตายเป็นจำนวนมาก

ถ้ามีปัญหาขัดแย้งกัน แล้วไม่ประนีประนอมกันด้วยความเที่ยงธรรม คิดแต่เอาชนะกัน บ้านเมืองของเราก็คงไม่พ้นเกิดมิคสัญญีเข้าสักวัน

 ตกใจ  เศร้า  ร้องไห้
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 12  เมื่อ 15 พ.ค. 12, 10:45

ไม่ทราบว่าคุณประกอบจะเข้ามาเล่าต่อหรือเปล่า    กระทู้นี้มีเรื่องน่าสนใจเกินกว่าจะปล่อยให้ตกจอไปง่ายๆ  ก็เลยขอมาต่อความยาวอีกหน่อยค่ะ

อ่านจากประวัติของ August Landmesser อาจมีบางคนเกิดคำถามว่า ทำไมจึงเป็นความผิดที่ชาวเยอรมันไปแต่งงานกับชาวยิว   คำตอบก็คือ  มันมาจากนโยบายของ "ท่านผู้นำ" ฮิตเลอร์   ที่จงเกลียดจงชังชาวยิวเข้ากระดูกดำ   จนไม่เห็นว่าคนเหล่านี้เป็นมนุษย์ด้วยกัน     แต่ควรจะสาบสูญไปเสียจากโลกไม่เว้นแม้แต่ลูกเด็กเล็กแดง
และที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งคือฮิตเลอร์มุ่งมั่นจะสร้างเผ่าพันธุ์เยอรมันที่บริสุทธิ์ทางสายเลือด  และเก่งกล้าสามารถขึ้นมาครองโลก   สถาปนาโลกที่มีแต่เยอรมันเผ่าพันธุ์บริสุทธิ์นี้ขึ้นมา เรียกว่าอาณาจักรไรซ์ที่ 3    และเยอรมันสายเลือดแท้ไม่มีเจือปนนี้ เรียกว่า "อารยัน"
เมื่อมีอารยันก็ต้องไม่มีสายเลือดสกปรกอื่นๆมาเจือปน   เช่นยิว  และไม่ใช่ยิวอย่างเดียว คนผิวดำและเชื้อสายอื่นๆที่ไม่ได้ผมทองตาสีฟ้า ก็โดนกวาดล้างไปด้วย

ในค.ศ. 2012   เยาวชนยุคนี้อ่านแล้วอาจหัวเราะงอหายว่าเป็นความคิดบ้าบออะไร เป็นไปไม่ได้     แต่ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2  ความคิดนี้จริงจังขนาดออกเป็นกฎหมายทีเดียว ว่าห้ามคนเยอรมันไปผสมเลือดด้วยการสมรสกับยิว
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 13  เมื่อ 15 พ.ค. 12, 10:59

ย้อนกลับไปก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2   เยอรมันเพิ่งแพ้ในสงครามโลกครั้งที่ 1 มาไม่นาน  อาณาจักรยิ่งใหญ่ถูกตัดแบ่งออกไปเป็นหลายประเทศเหมือนยักษ์ถูกตัดแขนขา    ตัวประเทศเยอรมนีบอบช้ำกระปลกประเปลี้ย  ผู้คนยากจนแทบอดตาย    มีคนกลุ่มเดียวที่รอดพอมีเงินทองอยู่ได้ก็คือพวกยิว  ที่กระจัดกระจายกันอยู่ในหลายประเทศในยุโรป   

ยิวไม่มีประเทศของตนเอง  เป็นเผ่าพันธุ์ที่เก่งเรื่องเงินๆทองๆ  ทำมาค้าขายคล่องไม่ว่าจะไปปักหลักอยู่ในดินแดนไหนก็รวยขึ้นมาได้      จึงถูกมองว่ายิวเป็นพวกที่งกเงิน และถูกรังเกียจจากฝรั่งที่ถือว่าตัวเองสูงส่งกว่า แต่กลับกระเป๋าแห้งกว่า     ใครที่อ่านพระราชนิพนธ์แปลในรัชกาลที่ 6  เรื่อง เวนิสวาณิช ก็คงจำได้ว่าไชล็อคตัวร้ายของเรื่องก็เป็นยิวสุดงก

ในประเทศอื่นยิวถูกเขม่นก็จริง  แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นมากกว่านั้น     เพราะรัฐบาลประเทศส่วนใหญ่ก็ยังมีมโนธรรมพอจะไม่ทำอะไรลงไป    แต่ในเยอรมัน เมื่อนายสิบทหารคนหนึ่งผงาดขึ้นมาด้วยวาทศิลป์อันปลุกใจชาวเยอรมันให้เกิดกระแสชาตินิยมได้อย่างไม่มีอะไรเท่า    เขาก็ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำในลัดนิ้วมือเดียว
จากนั้น นายสิบฮิตเลอร์ ก็ใช้กระแสชาตินิยม ปลุกในคนเยอรมันให้หันไปบ้าคลั่งหัวปักหัวปำเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน  คือผู้นำพูดอะไร  ประชาชนก็เฮชูแขนขวาเหยียดตรง พรึ่บเดียวเหมือนกันหมด   เป็นสัญญาณว่าผู้นำไปทางไหนฉันก็จะตามไปทางนั้น   จะให้ก่อมิคสัญญีอะไร เพียงแต่บอกว่าให้ทำเถอะ  ก็จะทำด้วยความเต็มใจ

บันทึกการเข้า
ประกอบ
สุครีพ
******
ตอบ: 1342


ความคิดเห็นที่ 14  เมื่อ 15 พ.ค. 12, 13:39

แห่ะๆ ท่านอาจารย์เล่นบอกกลายๆ ว่ายังไม่ให้ไปไหน ก็ต้องเพิ่มเติมอะไรซักหน่อย

กระแสเกลียดชังชาวยิวยังคงไม่จางหายแม้แต่ในปัจจุบัน
แถมกระแสเกลียดชาวยิวนี่ กลับแพร่ระบาดเข้ามาในความนึกคิดของคนไทยจำนวนไม่น้อยด้วย ทั้งที่คนไทยแทบจะไม่รู้จักชาวยิวเลย
คนไทยไม่น้อยพลอยเกลียดคนยิวไปด้วย เพราะมีแต่ภาพในหัวว่าคนยิวหน้าเลือด ขี้โกง เจ้าเล่ห์ เอาเปรียบ

จะยกตัวอย่างหนึ่งมาให้ จากบทความในเว็บ manager ชื่อนายต่อพงษ์ เขียนเกี่ยวกับหนังเรื่อง Downfall ซึ่งเล่าเรื่องราวในช่วงวันท้ายๆ ของฮิตเล่อร์
นายต่อพงษ์ลงท้ายบทความเกี่ยวกับชาวยิวไว้ดังนี้

" ที่สำคัญ โลกนี้จะปราศจาก “ยิว” ซึ่งในความคิดของฮิตเลอร์ ยิวคือต้นกำเนิดแห่งความชั่วร้ายทั้งมวล โลกที่มีไม่ยิวจะเป็นโลกที่สงบสุขที่สุด!!
      
        ไปๆ มาๆ ผมว่าฮิตเลอร์คิดถูกเกี่ยวกับยิวมากๆ เลยครับแฮะ "

ที่มา http://www.manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9550000054700

 อ่านแล้วก็รู้สึกกันอย่างไรครับ  คนหกล้านถูกส่งไปตาย มีเรื่องเศร้าเผยแพร่มากมาย  แต่คนไทยในยุค 70 ปีให้หลังยังบอกฮิตเล่อร์คิดถูก
เดี๋ยวต้องมาต่อเรื่อง ทำไมคนยิวถูกเกลียดกันหน่อย

บันทึกการเข้า

วิรุศฑ์ษมาศร์ อัฐน์อังการจณ์
หน้า: [1] 2 3
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.061 วินาที กับ 20 คำสั่ง