เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 3 4 [5] 6 7 ... 11
  พิมพ์  
อ่าน: 49157 อยากทราบประวัติ คุณกรุ่ม สุรนันทน์
piyasann
พาลี
****
ตอบ: 379


ความคิดเห็นที่ 60  เมื่อ 20 มิ.ย. 12, 20:05

"คนในเวลานั้น พวกไทยครอบครัวเห็นก็พากันตกใจร้องโวยวายขึ้น ว่าฆ่าพม่าผู้คุมทั้งสองเสียแล้ว ถ้าพม่ากองทัพรู้ก็จะฆ่าพวกไทยครอบครัวเสียทั้งสิ้นจะทำอย่างไรดี ครั้งนี้คงตายหมดทั้งสิ้นเปนแน่ "

"ฝ่ายพวกครัวไททั้งหลายที่อ้ายพม่าคุมมาในเรือด้วยนั้น ครั้นเหนนายเพง นายสุจ กระทำจุลาจลฆ่าข้าหลวงเสียดังนั้น ต่างมีความวิตกๆ ใจเปนอันมาก ครั้นจะเข้าจับกุมก็เหนเหลือกำลังมิรู้ที่จะทำประการใด ต่างก็ร้องให้บ้างก็ปฤกษาปรับทุกกันต่างๆ"
บันทึกการเข้า
piyasann
พาลี
****
ตอบ: 379


ความคิดเห็นที่ 61  เมื่อ 20 มิ.ย. 12, 20:07

"ในเวลานั้นขุนสุระสงครามจึงร้องประกาศว่า ใครจะไปกับเราก็ไป เราจะได้พาไปให้พ้นไภยพม่าข้าศึก หรือใครจะอยู่ยอมให้พม่าจับฆ่าเสียก็ตามใจสุดแล้วแต่ท่านทั้งหลายจะเห็นควร "

"นายเพงเหนการจะข้าคิดจะเอาคลครัวเหล่านั้นไว้เปนกำลังต่อไป จึงบ่าวประกาษขึ้นด้วยเสียงอันดังโดยอุบายว่า ท่านทั้งหลายจะยอมไปเกี่ยวย่าช้าง และตำเข้าให้อ้ายพม่าก็ตามเถิษแต่เราสามคนพี่น้องไม่ไปเปนฆ่าอ้ายพม่าแล้ว เราจะกลับไปทำมาหากินตามภูมลำเนาเดิมแห่งเรา ท่านทั้งหลายจงอยู่คอยรับอาญาอ้ายพม่า ณ ที่นี้เถิษ เราจะลาไปแล้ว แล้วก็สาวเชือกเรือจะขึ้นบก"
บันทึกการเข้า
piyasann
พาลี
****
ตอบ: 379


ความคิดเห็นที่ 62  เมื่อ 20 มิ.ย. 12, 20:10

"พวกเหล่านั้นจึงร้องขึ้นพร้อมกันว่าพวกข้าพเจ้าทั้งหลายยอมอยู่ในอำนาจท่านทั้งสิ้น สุดแล้วแต่ท่านจะใช้สอยสิ่งหนึ่งสิ่งใดก็จะปรนนิบัตตามทุกสิ่งทุกอย่างมิได้ขัด ขอแต่ให้พ้นภัยพม่าข้าศึกเถิด"

"ฝ่ายชาวครัวทั้งหลายนิ่งคิดตามถ้อยคำก็เห็นจริง จิ่งวิงวอรว่าท่านจงคอยถ้า อย่าทิ้งข้าพเจ้าทั้งหลายเสียเลย ข้าพเจ้าเปนคนเขลาหมดความคิดสิ้นที่พึ่งแล้ว ขอท่านจงเปนที่พึ่งภำนักแห่งพวกตูข้าพเจ้าทั้งหลายด้วยเถิษ ข้าพเจ้าทั้งหลายขอตามไปให้ท่านใช้กว่าจะสิ้นชีวิตไม่ยอมไปเปนค่าพม่าแล้ว"
บันทึกการเข้า
piyasann
พาลี
****
ตอบ: 379


ความคิดเห็นที่ 63  เมื่อ 20 มิ.ย. 12, 20:14

ภาพปก และต้นฉบับ หนังสือครับ (มีท่านผุ้การุณให้ยืมมาเผยแพร่.........)


บันทึกการเข้า
piyasann
พาลี
****
ตอบ: 379


ความคิดเห็นที่ 64  เมื่อ 20 มิ.ย. 12, 20:18

"ขุนสุระสงครามจึงร้องตอบไปว่าเมื่อท่านทั้งหลายยอมเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันกับเราแล้ว เราจะได้จัดการพาท่านทั้งหลายไปให้พ้นภัยพม่าข้าศึก คนทั้งหลายก็พากันยกมือขึ้นไหว้พร้อมกัน ขุนสุระสงครามจึงคัดคนออกเปนสามกอง คือคนชายฉกรรจ์พวกหนึ่ง คนชายชราพวกหนึ่ง คนผู้หญิงกับเด็กพวกหนึ่ง รวมเปนสามกอง ขุนสุระสงครามจึงประกาศว่าสิ่งของเครื่องภาชนใช้สอยนอกจากเสบียงอาหาร ม่อเข้าม่อแกงเครื่องนุ่งห่มเงินทองแล้ว ให้ทิ้งไว้ในเรือเถิดห้ามมิให้ใครเอาไป ให้ศพอ้ายพม่าสองคนเฝ้าไว้ เมื่อเราไปหาที่พักได้เรียบร้อยแล้วจึงค่อยมาเอาของๆ เราไป
 
แล้วขุนสุระสงครามจึงสั่งท่านพี่ชายให้คุมชายชรากับหญิงให้ช่วยกัน กระทุ้งไม้กระดานท้องเรือมอออกให้เรือจมลง แลช่วยกันขนดินขึ้นถมเรือมอแลศพพม่าทั้งสองคนเสียด้วย  ให้เร่งรีบทำให้แล้วเสร็จก่อนเวลาย่ำรุ่ง ส่วนตัวขุนสุระสงครามกับน้องชายคุมชายฉกรรจ์เข้าไปในป่าตัดไม้ต่างๆ ทำอาวุธ เปนหลาวเปนพลองบ้าง เป็นไม้ขว้างกาบ้างตามแต่จะได้ ก่อนเวลาย่ำรุ่งก็ได้อาวุธครบมือกันแลการถมเรือก็แล้วเสร็จ   ขุนสุระสงครามคุมชายฉกรรจ์เปนกองน่า ท่านพี่ชายคุมครอบครัวเปนกองกลาง ท่านน้องชายคุมชายชะราเปนกองหลัง พอจัดเสร็จก็พอเวลาย่ำรุ่ง"



"ฝ่ายนายด้วงครั้นได้ฟังคนทั้งหลายวิงวอรดังนั้น จึ่งว่าเขาทั้งหลายได้อ้อนวอรจะขอตามไปด้วย ทั้งได้ร่วมศุกร่วมทุกกันมาจงคอยถ้าภาเอาไปด้วยเถิษ นายเพงจึ่งว่าถ้าดังนั้น จงเร่งพากันขึ้นจากเรือจัดเอาแต่สิ่งของที่ดีไปภอควนแก่กำลัง สิ่งของอยาบนอกนั้นจงเอาไว้ในลำเรือ ผู้ชายหญิงที่ฉกันจงริบช่อยกันโกยดินโคลนถมถ่วงเรือจมไว้ในที่นี้ เมื่อเราไปได้ที่ภักหลักแหล่ง จึงค่อยกลับมางมเอาของๆ เรา คนทั้งหลายก็เหนด้วยช่วยกันทำตามสั่ง ครั้นเสร็จล่มจมเรือแล้วก็ขึ้นมาบนฝั่งพร้อมกันนายเพงเหนคนทั้งหลายยินยอมอยู่ในใต้บังคับแล้ว จึงพากันเดินขึ้นมาห่างตลิ่งประมาร ๔ ๕ เส้น ก็หยุดภักให้ผู้หญิงหุงอาหาร ให้ผู้ชายเที่ยวหาไม้ตับมาเซี่ยมถือเปนอาวุทครบมือกัน ครั้นกินอาหารเสร็จแล้วภอตระวันชายได้เริกตามเวลา จึ่งจัดกันออกเดินน่าห้าคนถืออาวุทครบห่างกองครัวประมาณ ๖ ๗ เส้นเสศ"
บันทึกการเข้า
piyasann
พาลี
****
ตอบ: 379


ความคิดเห็นที่ 65  เมื่อ 20 มิ.ย. 12, 20:21

"ขุนสุระสงครามจึงสั่งให้ออกเดินครอบครัวตัดตรงไปทางเขาพระฉาย เพื่อจะหลีกกองทัพพม่าด้วย ครั้นเดินมาถึงเขาพระฉาย ก็ให้ตั้งชุมนุมลงพักครอบครัวอยู่ที่หลังเขาพระฉายต่อไป ครั้นวันรุ่งขึ้นจึงให้ท่านน้อยชายไปเที่ยวสืบหาเสบียงอาหารแลครอบครัวที่ยังตกค้างอยู่ในป่า ส่วนชายชะราแลหญิงก็ช่วยกันหาหัวกลอยแลมันป่ามารวบรวมเข้าไว้เป็นกำลังต่อไป  เมื่อพบครอบครัวชายหญิงก็เกลี้ยกล่อมรวบรวมเข้าเปนพวกเดียวกัน ที่เปนชุมรุมใหญ่ไม่ยอมเข้าเปนพวกเดียวกันก็ถึงรบราฆ่าฟันกันก็มีบ้าง ต่อมาขุนสุระสงครามยกไปตีชุมรุมใหญ่ที่บ้านทางกลางชะนะชุมรุมหนึ่ง ได้ผู้คนวัวควายอาวุธเสบียงอาหารมาเปนกำลังมากขึ้น นายชุมรุมต่งๆ ก็ออกเกรงฝีมือไม่กล้ามารบกวน บายบุญนากบ้านแม่ลาก็ให้คนนำเข้าปลาอาหารมาให้ขอสบถเปนเพื่อนกัน ครั้นพม่ยกกองทัพกลับไปหมดแล้ว

   ขุนสุระสงครามจึงให้น้องชายไปเฝ้าในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้า เมื่อยังประทับอยู่ที่เมืองราชบุรีทูลประพฤตเหตให้ทรงทราบ มีรับสั่งว่าดีแล้ว ให้อุส่าห์เกลี้ยกล่อมผู้คนรวบรวมไว้เถิด แต่ที่ตั้งอยู่ที่เขาพระฉายนั้นเปนที่กันดาน ถ้ายกลงมาตั้งอยู่ที่ริมน้ำได้ก็จะดี แล้วพระราชทานเงินตรา ๒ ชั่งปืน ๔ กระบอก ดาบ ๑๐ เล่ม ทวน ๑ เล่ม เสื้อผ้าคนละผืนมาให้ขุนสุระสงคราม ครั้งขุนสะระสงครามได้รับของพระราชทานแลทราบกระแสรับสั่งดังนั้นก็มีความยินดี จึงเอาเงินที่พระราชทานนั้นแจกกันคนละสลึงทั่วกัน แต่ทวนนั้นขุนสุระสงครามเอาไว้ถือสำหรับมือกับดาบหนึ่งเล่ม เหลือนั้นก็แจกพวกพ้องที่ร่วมใจ"


"ถ้าภบบ้านภบชมรมทั้งห้าคนก็อยุดเร้นรีบแบ่งกันมาบอกก่อนทุกตำบลตามสัญา แล้วก็ภากันออกเดินตามทางหลวงล่วงมาเปนหลายตำบล ในระยะทางนั้นจะภักศักกี่ตำบลและจะเรอช้าประการใดมิได้ปรากจ ได้ความแต่ว่าถ้าถึงบ้านไดชมรมไรที่รักษามั่นคงแขงแรงก็ลัดหลีกเลยไป ที่ตำบลไรร่วงโรยมิได้รวังรักษาเปนกวดขัน ก็เข้าตีกวาดต้อนผู้คนโคกระบือบริบรวบรวมเสบียงอาหารขนต่อไป"
บันทึกการเข้า
piyasann
พาลี
****
ตอบ: 379


ความคิดเห็นที่ 66  เมื่อ 20 มิ.ย. 12, 20:24

"แล้วก็ยกครอบครัวลงมาตั้งเคหถานอยู่ตำบลบ้านม่วง ตั้งทำไร่ไถนาทำมาหากินเลี้ยงกันต่อมามิได้มีผู้หนึ่งผู้ใดข่มเหง ขุนสุระสงครามก็หมั่นไปมาเฝ้าแหนอยู่เสมอมิได้ขาด ครั้นได้ทรงดำรงตำแหน่งที่เจ้าพระยาจักรีจึงพระราชทานประทวนตราตั้งเลื่อนที่ขุนสุระสงครามขึ้นเป็นหลวงสุระสงคราม กองนอกขึ้นกระทรวงมหาดไทย"

ครั้นถึงตำลนบ้านวังม่วงแคว ป่าศักแขวงเมืองสะระบุรี ฝั่งตระวันออก นายเพงสั่งให้อยุดภักพิจารณา ดูภูมถานที่มีไม้ใหญ่ เหนเปนที่ไชยภูมชอบกลจึ่งสั่งคนทั้งหลายให้ขุดสนามเพลาะปลูกทับ ปักรั้วค่ายรายขวากหนามภออาไสเปนที่มั่น แล้วให้เที่ยวชักชวนชาวบาลที่ชัดเซหนีพม่าไปซุ่มซร่อนอยู่ในดงและป่าให้กลับมาทำไร่นา ซร่องสุมเสบียงอาหารไว้เปนอันมาก แต่กิจการสิ่งไดนายเพงจะว่ากล่วสิษขาษ คนทั้งหลายเปนที่นับถือยำเกรง 

ครั้นผ่ายหลังไทยตั้งตัวได้ พระยาตากได้เปนกระสัดในพระนครกรุงธนบุรี โปรดตั้งตำแหน่งหลวงยุกรบัดเมืองราชบูรี เปนพระราชรินทร เจ้ากรมตำหรวดแล้ว เลื่อนเปนพระยายมราชว่าการในกรมมหาดไทยด้วย นายเพงจึ่งเข้าฝากตัวทำราชการ ท่านตั้งให้นายเพงเปนขุนสุรสงครามนายกองเลกกองนอก ในแขวงแควป่าศักตั้งแต่ บ้านวังม่วงขึ้นไปทั้งสิ้น แล้วพระยายมราชได้เลื่อนที่เปนเจ้าพระยาจักกรีสมุหนายก ผ่ายหลังท่านมีความชอบฉะนะศึกลาวขบด โปรดเลื่อนยศขึ้นเปนสมเด็จเจ้าพระยามหากรสัตศึกพิฤกมหึมมา ครั้นศักราช ๑๑๓๓ ปีฉลูตรีศกเขมนแปรภัก มิได้มาอ่อนน้อมจึงโปรดให้สมเด็จเจ้าพระยามหากระสัตศึกฯเปนแม่ทัพถืออายาสิทคุมพลออกไปปราบปราม เมื่อยกกองทัพออกไปตั้งประชิดติดพันกันอยู่นั้น
บันทึกการเข้า
piyasann
พาลี
****
ตอบ: 379


ความคิดเห็นที่ 67  เมื่อ 20 มิ.ย. 12, 20:39

จากข้อความเบื่องต้น จะเห็นได้ว่า ฉบับของ พระยาสุรนันทน์ จะเรียกต้นตระกูลท่านว่า "ขุนสุระสงคราม" ตั้งแต่เริ่มสำนวน  ส่วนพระยาราชฯ จะเรียกชื่อเดิมของท่านคือ "นายเพง" ตราบจนได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น ขุนสุระสงคราม 

เรื่องชื่อเดิมของขุนสุระสงครามนี้ ต่อมาเป็นที่มาของเหตุการณ์ ในสมัยรัชกาลที่ ๖  โปรดติดตามอ่านต่อไปครับ



แต่ทวนนั้นขุนสุระสงครามเอาไว้ถือสำหรับมือกับดาบหนึ่งเล่ม


ทวนนี้ ผมคลับคล้ายคลับคลาว่า ตัวไม้ทวน ทายาทไปแกะทำพระ หรือะไรทำนองนั้นซักอย่าง ส่วนตัวคมทวน ไม่เคยเห็นบนข้างฝาห้องพระ มีแต่ดาบ ดั่งที่ได้เคยเล่ามาแล้ว
บันทึกการเข้า
piyasann
พาลี
****
ตอบ: 379


ความคิดเห็นที่ 68  เมื่อ 20 มิ.ย. 12, 20:43

"ครั้นเมื่อพระเจ้ากรุงธนบุรีเสียพระจริตรับสั่งให้ข้าหลวงขึ้นไปเร่งเงินราษฎรแขวงกรุงเก่า ราษฎรได้ความเดือดร้อนระสำระสายทิ้งบ้านเรือนเสียเปนอันมาก"

"ผ่ายหลังค่างกรุงธนทบุรีพระเจ้าแผ่นดินเฟือนพระสติ ถึงสัญาวิประหลาดราษดอรทั้งหลายได้ความเดือนร้อนอยิ่งนัก บ้างอบพยบครอบครัวไปเที่ยวซรุ่มซร่อนอยู่ในแขวงหลังเมืองเปนอันมาก ฝ่ายพระยาสุริยอาภัยผู้ว่าราชการเมือนครราชสิมา ทราบว่ากรุงธนทบุรีราษดอรได้ความเดือดร้อนต่างๆ จึ่งมีนังสือลับให้คนเรวออกไปแจ้งความต่อสมเด็จเจ้าพระยามหากระสัตศึกฯ ณ กองทัพที่เมืองณครเสียมราช ทราบแล้วจึงมีหนังสือตอบเข้ามาให้พระยาสุริยอาภัยลงไปฟังปรพฤติ์เหตุ ณ กรุงธนทบุรีก่อน แล้วจึ่งจะยกกองทับกลับตามเข้ามารต่อผ่ายหลัง

พรยาสุริยอาภัยได้ทราบก็ลงมาจากเมืองณครราชสีมาถึงกรุงฯ หลายวัน ครั้นเหนว่าการจะเกิษจลาจลเปนแท้อยู่แล้ว จึ่งส้องสุมเสบียงอาหาร เกลี้ยกล่อมผู้คนตั้งเปนหมวดกองพร้อมด้วยเครื่องสาตราวุธ รักษาอยู่ ณ บ้านปูนสวนมังคุด

ครั้นพระเจ้าแผ่นดินทรงทราบว่าพระยาสุริยอาภัยประชุมผู้คลพลทหารตั้งเปนหมวดกอง จึ่งตรัษบัฌาให้พระเจ้าหลานเธอกรมขุนอณุรักษสงครามกับพระยาสรรคบุรีย ซึ่งลงมารับราชการอยู่ ณ กรุงฯ คุมพลไพร่ขึ้นไปจับพระยาสุริยอาภัย มาถวายจงได้ กรมขุนณุรักษสงคราม

พระยาสรรคก็กราบถวายบังคมลาออกมากรวดเกณพลทหารเข้าพระบวนเสร็จแล้วก็ยกขึ้นไปยังบ้านพระยาสุริยอาภัย ๆ ทราบว่ากรมขุนอณุรักษสงครามพระยาสรรคคุมพลทหารขึ้นมาจับ จึ่งสั่งภักพวกบ่าวไพร่ให้กระเกรียมอาวุท ออกมาตั้งรับอยู่นอกบ้าน

ครั้นกรมขุนอณรักษสงครามพระยาสรรคยกขึ้นไปถึงมีใจประหมาดเหนว่าเปนคนสำส่วน จึ่งรีบเร่งผลทหารนายไพร่เข้ารุกราบเปนสามาท ยังมิได้เลี่ยงพลำกันทั้งสองฝ่าย ครั้นสิ้นเวลาก็รารบตั้งปรชิดรอกันอยู่"
บันทึกการเข้า
piyasann
พาลี
****
ตอบ: 379


ความคิดเห็นที่ 69  เมื่อ 20 มิ.ย. 12, 21:00

"หลวงสุระสงครามจึงแต่ให้คนลงมาสืบที่กรุงธนบุรี ได้ทราบความว่าที่กรุงธนบุรี ก็ได้ความเดือดร้อนเหมือนกัน หลวงสุระสงครามจึงไปปฤกษาด้วยนายบุญนากบ้านแม่ลา ว่าบัดนี้ที่กรุงธนบุรีเกิดการวุ่นวายขึ้นเพราะพระเจ้ากรุงธนบุรี เสียพระจริตราษฏรได้ความเดือดร้อนนัก ถ้าทิ้งไว้ก็เกรงจะเกิดการจลาจลขึ้นอีก ท่านกับข้าพเจ้าควรจะพร้อมใจกันยกลงไปรักษากรุงธนบุรีไว้ถวายเจ้านายของเราท่านจะเห็นอย่างไร นายบุญนาคบ้านแม่ลาก็เห็นพร้อมด้วยหลวงสุระสงคราม"

"ฝ่ายขุนสุระสงครามนายกองนอก ในสมเด็จเจ้าพระยามหากรสัตศึก ซึ่งตั้งบ้านอยู่วังม่วงแควป่าศักนั้น ครั้นได้ทราบว่ากรุงธนทบุรียเกิษจลาจผรบพุ่งฆ่าฟันกันขึ้น จึ่งให้ลงมาเชิญายบุนนาก ซึ่งเปนผู้ใหญ่อยู่ในบ้านแม่ลาขึ้นไป ณ บ้านวังม่วงแล้วจึ่งคุยนำทะระหัด เหตุที่เกิษ ณ กรุงธนทบูรีเล่าให้นายบุนนากฟัง แล้วก็พูจาเกลี้ยกล่อมชักชวนลงมารำงับจลาจลและอุตหนุนกำลังพระยาสุริยอาภัย ด้วยเหนว่ามิได้มีความผิด อนึ่งการที่คิดนี้ตลอดสำเหรสได้ ถ้าราชสมบัตควรจะถวายแด่สมเด็จเจ้าพระยามหากระสัตศึก นำทัพกลับเข้ามาการจลาจลก็จึ่งจะสงบราบคาบ สมณชียพราหมราษดอรทั้งหลายจึ่งจะอยู่เยนเปนศุก ความชอบก็จะมีเปนอันมาก นายบุนากก็เหนชอบด้วยจึ่งว่า ซึ่งจะยกลงไปนั้นก็ควรอยู่ แต่การนี้ใหญ่หลวงักผู้คนและอาวุทที่จะใช้สรอยยังน้อยนักจะทำประการได ขุนสุระสงครามจึ่งตอบว่าข้อนั้นท่านอย่าวิตกเลยไว้เปนนักงานเรา แต่ท่านช่วยเปนกำลังอีกแรงหนึ่งแล้วก็เหนมิภอเปนรัย"

เนื้อความนี้ มีตรงกับในพระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ ๑ (ฉบับเจ้าพระทิพากรวงศ์ ขำ บุนนาค)  (อ้างจาก หนังสือ ๑๐๐ ปี พระพี่เลี้ยงหวน)

"ในแรมเดือนสี่ ปีฉลู ตรีศกนั้น จึงนายบุนนาก นายบ้านแม่ลา แขวงกรุงเก่า กับขุนสุระ คิดอ่านกันว่า บ้านเมืองเป็นจลาจลเดือดร้อนทุกเส้นหญ้า เพราะพระเจ้าแผ่นดินไม่เป็นธรรม กระทำข่มเหงเบียดเบียนประชาราษฏรเร่งเอาทรัพย์สิน เมื่อแผ่นดินเป็นทุจริตดั่งนี้จะละไว้มิชอบ ควรจะชักชวน ซ่องสุม ประชาชนทั้งปวงยกไปตีกรุงธนบุรี จับเจ้าแผ่นดินผู้อาสัตย์สำเร็จโทษเสียแล้วจะถวายราชสมบัติแก่ เจ้าพระยากษัตริย์ศึก ให้ครอบครองแผ่นดินสืบไป ...."
บันทึกการเข้า
piyasann
พาลี
****
ตอบ: 379


ความคิดเห็นที่ 70  เมื่อ 20 มิ.ย. 12, 21:03

" ครั้นนัดหมายกันเสร็จแล้วหลวงสุระสงครามก็กลับมาบ้านจึงให้ตีกลองใหญ่สำหรับบ้านขึ้นสามลา เมื่อบ่าวไพร่พวกพ้องได้ยินกลองสัญญาตีขึ้นดังนั้นก็เข้ามาพร้อมกันยังบ้านหลวงสุระสงคราม พากันถามว่าจะไปทำการที่ไหนอีกขอรับ

หลวงสุระสงครามตอบว่าเมื่อพวกท่านทั้งหลายพร้อมใจกันเปนใจเดียวกับเราแล้ว เราจะได้พาท่านทั้งหลายไปทำการข้างน่าต่อไป คนทั้งหลายก็รับขึ้นพร้อมกันว่า แล้วแต่ท่านจะใช้สรอยเถิด ข้าพเจ้าทั้งหลายยอมทำตามท่านทั้งสิ้น มิได้คิดแก่ชีวิตเลย"


"นายบุนนากก็เหนชอบด้วย ครั้นปฤกษาตกลงเหนพร้อมกันแล้ว ขุนสุระสงครามก็ให้ยกเครื่องบูชาออกมาตั้ง ขุนสุระสงครามกับนายบุนนากก็จุดฑูปเฑียรปูชาพรรัตนไตร และสังเวยเทพยดาแล้ว ต่างอฐีถานตั้งสัจสาบาลเปนสหายรวมทุกร่วมศุกต่อกันเสร็จแล้ว ก็เกลิ้ยกล่อมคนในเวลาเดียวได้คน เดิม ใหม่ ประมาณสามร้อย นายบุนนากก็ลาลงมารวบรวมคน ณ บ้านแม่ลาไว้คอยถ้า"
บันทึกการเข้า
piyasann
พาลี
****
ตอบ: 379


ความคิดเห็นที่ 71  เมื่อ 20 มิ.ย. 12, 21:08

"หลวงสุระสงครามจึงสั่งให้คนทั้งหลายกลับบ้านเตรียมตัวไว้ให้พร้อมตามเคย เวลาค่ำให้กลับมากินเลี้ยงที่บ้านหลวงสุระสงครามพร้อมกัน ครั้นเวลาค่ำคนทั้งหลายก็มากินเลี้ยงพร้อมกันยังบ้านหลวงสุระสงคราม ครั้นเลี้ยงกันแล้วหลวงสุระสงครามก็แจกมงคลคนละดอก เงินคนละเฟื้องทั่วกัน แล้วบอกว่าเวลาค่ำวันนี้เราจะยกไปปล้นจวนผู้รักษากรุง คนทั้งหลายก็มีความยินดีโห่ขึ้นพร้อมกัน ครั้นเวลายามหนึ่งหลวงสุระสงคราแต่งตัวสะพายกระบี่เหน็บมีด ถือทวนมายืนคอยฤกษ์อยู่ที่ท่าเรือน่าบ้าน ครั้นได้ฤกษ์จึงให้ลั่นฆ้องไชยโห่ขึ้นพร้อมกันยกพลลงเรือออกจากบ้านม่วง  ล่วงลงมายังกรุงเก่าเข้าปล้นจวนผู้รักษากรุงได้ พอนายบุญนาคมาถึงก็พอสว่าง"

"ครั้น ณ เดือนสี่ ปีฉลู ตรีศก ได้เวลาอุดมฤกษ ขุนสุระสงครามก็แต่งตัวตามวันถือทวนกริ่งยา ๔ ศอกสภายดาบเปนอาวุท คุมพลพร้อมด้วยเครื่องสรรพวุทยกเปนกระบวนสรรพนาวาล่องสงมาถึงบ้านนายบุนนากก็ออกตอนรับ แล้วก็รวมพลไพร่เข้าเปนกองเดียว กำหนดเสียงสังเปนฤกษรีบยกล่อง ลงมาไนเวลากลางคืน ถึงจวนพระพิชิตนรงผู้รักษากรุงเก่าซึ่งตั้งเร่งเงินอยู่นั้นจึ่งขุนสุระสงคราม นายบุนนาก ก็คุมไพร่มีอาวุทครบมือกรูกันขึ้นไปจับพระพิชิดนรงค์ผู้รักษากรุงกับกรมการผู้ไหญ่หลายคนมัดไว้ แล้วถามว่ากรุงธนทบุรีเกิดจลาจลต่างๆ ตัวรู้ฤไม่ ผู้รักษากรุงว่าแจ้งอยู่จึ่งถามว่าตัวรู้แล้วและนิ่งเสียนั้น ตัวจะมีความผิดฤไม่ ผู้รักษากรุงก็นิ่งอยู่มิได้ตอบประการได ขุนสุระสงคราม นายบุนนากก็สั่งให้ประหารชีวิตเสีย แล้วก็ยกจะล่องลงมาบางกอก"


"นายบุนนากกับขุนสุระ ก็ยกพวกลงมาในเวลากลางคืน เข้าปล้นจวนพระพิชิตณรงค์ ซึ่งเป็นผุ้รักษากรุงเก่า ตั้งกองเร่งเงิยชาวเมืองทั้งปวงอยู่นั้น จับตัวได้ผู้รักษากรุงเก่าทั้งกรรมการฆ่าเสีย แลกรมการ ซึ่งหนีรอดนั้นก็รีบลงมากรุงธนบุรี กราบทูลว่า กรุงเก่าเกิดพวกเหล่าร้ายเข้ามาฆ่าผู้รักษากรุง แลกรมการเสีย

ขณะนั้นพระยาสรรคบุรีลงมาอยู่ ณ กรุงธนบุรี พระเจ้าแผ่นดิน จึงดำรัสให้พระยาสรรค์ขึ้นไป ณ กรุงเก่า พิจารณาจับตัวขบถเหล่าร้ายให้จงได้ และพระยาสรรค์ขึ้นไป ณ กรุงเก่า กลับไปเป็นพวกนายบุนนาก ขุนสุระ นายบุนนาก ขุนสุระ จึงมอบให้พระยาสรรค์เป็นนายทัพยกลงมาตีกรุงธนบุรี แลจัดแจงพวกทหารให้ใส่มงคลแดงทั้งสิ้น"

บันทึกการเข้า
piyasann
พาลี
****
ตอบ: 379


ความคิดเห็นที่ 72  เมื่อ 20 มิ.ย. 12, 21:14

"หลวงสุระสงครามจึงปฤกษาด้วยนายบุญนาคบ้านแม่ลาว่า บัดนี้เราก็ได้ทำการเกินมาถึงเพียงนี้แล้ว ถ้านิ่งช้าไว้ภัยก็จะมาถึงตัวเรา ควรเราจะเร่งรีบยกลงไปตีกรุงธนบุรีเสียให้ได้อย่าให้ทันรู้ตัว แล้วรักษากรุงธนบุรีไว้ถวายเจ้านายของเราๆ ก็จะได้ความศุขต่อไปสืบบุตร์แลหลาน ท่านจะเห็นอย่างใด นายบุญนากก็เห็นด้วย

หลวงสุระสงคราจึงให้เอาเงินทองสิ่งของต่างๆ ที่ปล้นได้ ออกแจกจ่ายไพร่พลทหารแลราษฏรทั่วกันแล้ว รีบจัดให้นายบุญนากบ้านแม่ลา กับน้องชายคุมไพร่พลเปน กองน่า รีบยกลงไปตีกรุงธนบุรีก่อน แล้วหลวงสุระสงครามเกลี้ยกล่อมราษฏร เก็บรวบรวมเครื่องสาตราอาวุธเรือแพเสบียงอาหารได้แล้วยกลงไปเปนกองหนุน"



"ฝ่ายกรมการที่เรอนเคียงบ้านจึ่งลงเรือเรวรีบมาแจ้งความยังเวรมหาดไทยให้กราบทูล ครั้นสมเด็จพระเจ้าแผ่นดินทรงทราบจึงดำหรัดสั่งให้เจ้าพระยามหาเสนา พระยาสรรด์ตีบ้านพระยาสุริยอาภัยให้แตกโดยเรว แล้วให้ยกขึ้นไปจับผู้ร้ายที่ฆ่าผู้รักษากรุงมาจาได้ เจ้าพระยามหาเสนา พระยารามัญวงษก็กราบถวายบังคมลา คุมพลทหารรีบขึ้นไปแจ้งกระแส รับสั่งต่อกรมขุนอณุรักสงคราม พระยาสรรค์ให้ทราบทุกประการ

แล้วก็ขึ้นปันน่าที่แยกพลทหารเปน ๔ กองเร่งกระทำการรุกรบเปนกวดขันยิ่งขึ้นกว่าเก่า แล้วสั่งให้เอาเพลิงจุดเผาเรือน ราษดอร ซึ่งตั้งอยู่ต้นลม ไม่ขึ้นเปนอันมาก จวนจะถึงบ้านพระยาสุริยะอาภัยๆ ก็จุดฑูปเฑียรตั้งสัตยาธิถานภอลมหวนพัดกลับเพลิงค่อยซราลง ต่างยิงปืนโต้ตอบกันเปนสามาดมิได้ขาดเสียง พลทหารถูกอาวุทป่วยจบล้มตายทั้ง ๒ ค่างเบาบางลงแต่มิใด้ถอยผละละจากกัน

ภอขุนสุระสงคราม นายบุนนากยกลงมาถึงได้ยินเสียงปืนยิง โต้ตอบกันมิได้ขาษเสียง เหนควันเพลิงกำลังติดกรงบ้านพระยาสุริยอาภัยจวนจะเสียที เพราะตกอยู่ในที่ล้อม นายบุนนากเหนตังนั้นจึงจำเราจะรวบรวมให้พร้อมกันก่อน จึ่งยกเข้าไปด้วยพวกเรามีแต่อาวุทสั้น ท่านจะเห็นประการได ขุนสุรสงครามจึ่งว่าซึ่งจะรออยู่นั้นไม่ได้ ด้วยพระยาสุริยอาภัยจวนจะเสียทีอยู่แล้ว ฝ่ายเรามีปืนก็น้อยนัก เวลานี้กำลังเพลิงติดทั้งรบพุ่งติดพันชุลมุนกันอยู่ พวกเรากุมอาวุดสั้นเข้าทะลวงฟันตีขนาบหลังขึ้นไป ฆ่าศึกไม่ทันสังเกษ และจะกลับตัวมิทันคงเสียทีแก่เราเปนแท้

นายบุนนากได้ฟังเห็นชอบด้วย จึ่งร้องเร่งเรือทหารให้รีบเข้าให้พร้อมกัน ฝ่ายขุนสุรสงครามยืนถืออาวุทง่ามาน่าเรือเร่งให้จอดภอถึงฝั่งสั่งให้เป่าสังลั่น ฆ้องขับพลทหารโห่ร้องขึ้นทะลวงฟันตีขนาบหลังทหารด้านกรมขุนอณุรักสงครามพระยาสรรค์ตกอยู่ไนระหว่างศึกขนาบ จึ่งสั่งให้แยกพลหารออกรับทั้ง ๒ ค่าง ต่างเข้าต่อรับกันเปนช้านาน ขุนสุรสงครามนายบุนนากเหนทหารอิดโรยช้ำชอก นักภอเรือกองหลังมาถึงก็เร่งกัน เข้ารบเปนตลุมบอนถึงอาวุทสั้น

พระยาสุริยอาภัยเหนผู้คนสับสน เสียงโห่ร้องหลั่งทหารฆ่าศึกและทหารด้ารกรมขุนอณุรักสงคราม พระยาสรรค์ก็เรรวนมิได้เปนหมวดกอง จึ่งคิดว่าฉะรอยจะมีผู้มาช่วยเปนแน่ก็รีบเรียกทหารที่สำรับเฝ้าบ้านชั้นใน คุมออกไปช่วยกองน่าเร่งขับกันเข้ารบขนาบออกไปเปนสามาดมิได้ถ้อถอย ถึงอาวุทสั้นต่างต่างเข้าแทงฟันกันเปนตลุมบอน

พระยาสรรเหนเชิงเปนศึกขนาบทั้งพลทหารก็อ่อนกำลังรวนเรอิดโรยลง เหนจะสู้มิได้ ครั้นจะหนีไปก็เห็นจะมิพ้นเสียใจนัก ภอเหนขุนสุรสงครามไล่แทงทหารกองหลังแตกกรจายเข้ามาไกล้ ก็มิได้คิดต่อสู้ยอมเข้าสามิภักดี ขุนสุรสงครามก็ให้ทหารคุมตัวไว้ เล่าพลไร่ก็แตกหนีที่จับเปนได้ก็มาก ขุนสุรสงคราม นายบุนนากเร่งขับทหารเข้าโจมฟันกองกรมขุนอนุรักสงครามๆ กับทหารเข้าอยู่ในที่ล้อมอิดโรยเรรวนลงเหนจะเสียที ก็ขับทหารรบหักแหกออกไปได้

ฝ่ายพรยาสุริยอาภัยไล่พลทหารให้รีบตามจับกรมขุนอนุรักสงครามจะหนีค่ามคลองบางกอกน้อย ภอทหารพรยาสุริยอาภัยจับได้จำครบไว้แล้วให้ตราจันผู้ที่เปนนายกองคุมพลมาตีบ้าน ทหารจับได้หลายนายให้จำครบไว้

ในเวลานั้นขุนสุระสงคราม นายบุนนากก็นำพรยาสรรค์กับไพร่สาพิภักดิ์เข้าไปหาพรยาสุริยอาภัย แจงความที่คิดกันแต่ต้นจนได้รบกับพระยาสรรค์ จึ่งว่าครั้งนี้ข้าพเจ้าได้ทำการแก้ตัวภอลบล้างโทษศักครั้ง๑เถิด ข้าพเจ้าจะขอาษาคุมทหารไปตีกรุงธนทบุรีไว้ถวาย ท่านจะเห็นปรการไดถ้าท่านเหนด้วย ข้าพเจ้าจะกระทำสัตยสาบานไว้ต่อท่านพระยาสุริยภัยก็ยอมให้พระยาสรรคคุมทหารไปกระทำตามคิด"
บันทึกการเข้า
piyasann
พาลี
****
ตอบ: 379


ความคิดเห็นที่ 73  เมื่อ 20 มิ.ย. 12, 21:25

ไม่รู้ มันส์ หรือมึน เพราะตัวหนังสือเยอะ ฮืมฮืม  ขยิบตา ขยิบตา ขยิบตา

ขอคัน ด้วยภาพ ครอบครัว ทายาท ตัวละครในท้องเรื่องที่เล่าอยู่นี้ครับ

จากซ้าย : กรุ่ม กรัด นางภูมีสวามิภักดิ์ (สุดใจ) พระภูมีสวามิภักดิ์ (เกริ่ม) และ การัน


บันทึกการเข้า
piyasann
พาลี
****
ตอบ: 379


ความคิดเห็นที่ 74  เมื่อ 20 มิ.ย. 12, 21:30

"เมื่อนายบุญนากยกลงไปนั้น ไปพบกองทัพพระยาสรรค์ซึ่งพระเจ้ากรุงธนบุรีรับสั่งใช้ให้ขึ้นไปจับนายบุญนาก พระยาสรรค์กลับเข้ากับนายบุญนาก ยกลงมาตีกรุงธนบุรีได้ พระยาสรรค์เข้านั่งเมือง พอสมเด็จพระเจ้าหลานเธอเมื่อยังทรงดำรงพระยศเปนพระยาสุริยอภัยยกลงมาแต่เมืองนครราชสีมา พระยาสรรค์กลับคิดอยากได้ราชสมบัติ์ ครั้นเวลาค่ำรอบยกไปปล้นวังสมเด็จพระเจ้าหลานเธอตำบลบ้านปูน ในเวลารบกันอยู่นั้น พอหลวงสุระสงคราม ยกลงมาถึงเห็นแสงไฟสว่างอยู่ จึงสั่งให้คนลงเรือโขนรีบลงมาสืบก็ได้ความว่ามีข้าศึกมาตีวังสมเด็จพระเจ้าหลานเธอ หลวงสุระสงครามจึงสั่งให้ไพร่พลเตรียมตัวให้พร้อม ให้ไพร่ผลที่มีปืนเปนกองน่าให้อยู่แต่ในเรือ นอกนั้นเปนกองหนุนให้คอยตามหลวงสุระสงครามขึ้นไป เมื่อยกไปนั้นอย่าให้มีปากเสียง ต่อเมื่อใดได้ยินฆ้องสัญญาแล้วจึ่งให้โห่ขึ้นพร้อมกัน ครั้นยกลงมาใกล้ตำบลบ้านปูนแสงไฟสว่างอยู่ก็แลเห็นตัวข้าศึกถนัด

หลวงสุระสงครามจึงนำไพร่พลโดดขึ้นบนตลิ่งไล่ฆ่าฟันข้าศึกเปนตลุมบอน แล้วกลับมาเฝ้าสมเด็จพระเจ้าหลานเธอๆ รับสั่งให้ตั้งกองรักษาระวังอยู่จนสว่าง ครั้นรุ่งขึ้นก็พาไพร่ผลเข้าพักอาไศรยอยู่ในวังสมเด็จพระเจ้าหลานเธอ"


"พระยาสรรคกระทำสัจแล้วก็ลาคุมพลกลับเข้าปล้นตีเอากรุงธนทบุรีได้ แล้วกลับใจละความสัตยหมายจะเอาราชสมบัตรเสียเอง จึ่งคิดกับหลวงแพ่งผู้น้องและขุนนางเก่าหลายคนให้ศึกพระเจ้าแผ่นดินออกพันธนาไว้แล้ว ให้ตั้งกองขึ้นประจำรักษาน่าที่เชิงเทินเปนกวดขัน ฝ่ายพระยาสุริยอาภัยทราบว่าพระยาสรรคคืนคายความสัตย กระทำการทุจริตคิดจะต่อสู่ดังนั้น จึ่งให้ตั้งค่ายมั่น ณ ที่บ้านเดิม บ้านปูน เหนือ สวนมังคุดซึ่งเปนที่พิไชยสวัดวัฒณนามตามพิไชยสงครามเสด็จ แล้วให้มีไบบอกชี้แจงแจ้งข้อราชการออกไปกราบเรียสมเด็จฯ ณ เมืองนครเสียมราช ครั้นได้ทราบข้อความในหนังสือบอกแล้วจึ่งคิดว่าถ้าจะช้าอยู่ สมณชีพราหมอนาประชาราษดอรจะได้ความเดือดร้อนยิ่งขึ้นไป จึ่งสั่งให้กรวดเกรียมพลธาหารในเวลานั้นเสร็จ ก็เร่งรีบดำเนินทับกลับ ครั้นถึงกรุงธนทบุรี ฝ่ายพรยาสรรคกับหลวงแพ่งได้ทราบว่าทับหลวงกลับ ให้มีใจครั่นคร้ามขามพรเดชเดชาณุภาพยิ่งนัก มิอาจตั้งตึงขงแขงอยู่ได้ ก็ออกมากราบถวายบังคมพร้อมด้วยบุนนางข้าราบการทั้งหลายในที่ประชุม จึงโปรดให้พิภากษาโทษผู้กรทำผิด ประหารชีวิตเสียให้เปนแบบอย่าง"
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 3 4 [5] 6 7 ... 11
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.07 วินาที กับ 19 คำสั่ง