naitang
|
ความคิดเห็นที่ 45 เมื่อ 28 เม.ย. 12, 20:48
|
|
เข้าใจละครับ
เลียนแบบ Centrum ของเมืองเล็กๆเก่าๆในอิตาลีนั่นเอง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33477
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 46 เมื่อ 29 เม.ย. 12, 10:49
|
|
บ้านในสเปนและอิตาลี มีบางแบบที่คล้ายกันมาก เรียกรวมว่า Mediterranean-style รูปที่ ๑ และ ๒ เป็นบ้านในอิตาลี รูปที่ ๓ และ ๔ เป็นบ้านในสเปน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33477
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 47 เมื่อ 29 เม.ย. 12, 16:36
|
|
กลับมาเรื่องบ้านในเมืองเล็ก
เมืองขยายตัวไม่หยุดในแต่ละช่วงทศวรรษ แต่ขยายอย่างมีทิศทางคือไปทางตะวันตก บ้านช่องใหม่ๆจึงอยู่ทางทิศนี้เสียมากกว่าทิศอื่น บ้านที่เอามาให้ดูทั้งสี่หลังข้างล่างนี้เป็นบ้านสร้างใหม่ๆ ในยุคที่ไปเรียน
เท่าที่เห็นจากรูป ห้องใต้หลังคาดูเหมือนจะไม่เป็นที่นิยมอีกแล้ว สถาปนิกหันมาจัดพื้นที่ห้องใต้ดินไว้กว้างขวางและใช้ประโยชน์ได้เท่ากับบนดิน พูดถึงตรงนี้ก็คิดได้ว่าห้องใต้ดินหรือ basement ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ควรแยกเป็นอีกกระทู้ เพราะมันไม่เกี่ยวกับหลังคา ถ้ามีผู้สนใจก็จะมาเล่าเรื่องชีวิตนักเรียนไทยในใต้ดินให้ฟังนะคะ
บ้านยุคนี้ นิยมเอาโรงรถไว้ข้างหน้า ผิดกับบ้านยุคเก่าที่โรงรถอาจจะสร้างแยกจากตัวบ้าน หรือไม่ก็จอดรถไว้ริมถนนหน้าบ้านบ้าง หรือจอดที่ลานหลังบ้านบ้าง ไม่ต้องกลัวหาย เมืองเล็กๆมีอัตราเกิดอาชญากรรมน้อยมาก นักเรียนไทยไปนั่งอ่านหนังสือที่หอสมุดจนเที่ยงคืน เดินกลับบ้านก็ไม่ต้องกลัวถูกจี้ถูกปล้น สาเหตุหนึ่งคือเขาเปิดไฟฟ้าสว่างไสวกันทุกจุดตามถนนหนทางและสวนสาธารณะ มองเห็นทุกอย่างง่ายในระยะหลายร้อยเมตร รถตำรวจสายตรวจทำงานอย่างแข็งขัน ตระเวนไปตามถนนทั้งคืน เห็นอะไรไม่ชอบมาพากล เขาก็เรียกทันที สาเหตุที่สองคือคนอเมริกันไม่ชอบเตร็ดเตร่กันนอกบ้าน หลังเลิกงานก็ตรงกลับบ้าน ทำอาหารเย็นกินกันแล้วก็นั่งดูทีวีไปจนเข้านอน แค่พลบค่ำ ถนนหนทางก็ว่างเปล่าหาคนเดินไม่ได้ มีแต่รถวิ่งกันไปมาไม่กี่คัน สักสามทุ่มกว่าร้านรวงก็ปิดหมดแล้ว บ้านเมืองเงียบเหงา ผู้คนไม่รู้จะเที่ยวไหน หนุ่มสาวถ้ามีนัดกันก็ไปดูหนังกัน หรือกินไอศกรีมกันที่ร้านเล็กๆอย่างแดรี่ควีนซึ่งยังเปิดอยู่
เคยเป็นเจ้าภาพต้อนรับอาจารย์ฝรั่งของมหาวิทยาลัยที่มาวิจัยในประเทศไทย พาเที่ยวกรุงเทพ เขาอัศจรรย์ใจมากที่สองยามตีหนึ่งแล้วบ้านเรายังมีของกินอยู่ทุกถนน แถมบรรยากาศยังคึกคักกันตลอดคืนเสียอีก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33477
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 48 เมื่อ 29 เม.ย. 12, 16:40
|
|
ไปสำรวจในโฟลเดอร์ เลยเจอรูป downtown อีกรูปที่มีหลังคาเป็นดาดฟ้า กั้นลูกกรง ให้ขึ้นไปยืนไปเดินได้ ข้างล่างเป็นร้านอาหาร
รูปนี้ถ่ายที่ใหนครับ ทิวทัศน์เหมือนกับเคยเข้าไปกินในร้านนี้  ถ่ายที่เมืองที่ดิฉันไปเรียนค่ะ ถ้าคุณตั้งมาเที่ยวทางรัฐตะวันตกของอเมริกา โดยเฉพาะรัฐที่มีกลิ่นอายคาวบอย อย่างเทกซัส เนวาดา อริโซน่า ไวโอมิง ยูท่าห์ มอนตานา(ซึ่งติดกับแคนาดา) อาจเห็นรูปร่างของอาคารบ้านเมืองคล้ายๆกัน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 49 เมื่อ 29 เม.ย. 12, 19:59
|
|
ขอแยกเข้าซอยนิดเดียวครับ พูดถึงเทกซัส ทำให้นึกถึง Long horn และซี่โครงของมันย่าง กินกับข้าวโพดต้มและมันเผา สุดๆเลยครับ กลับเข้าถนนใหญ่อีกครั้ง ผมไม่มีโอกาสเที่ยวไปทางซีกตะวันตก แต่ที่คุณเทาชมพูกล่าวนามรัฐต่างๆแถบ Rocky mountain ทำให้นึกถึงหลังคาแบบที่มีราวเหล็กสูงระหว่าง 5-10 ซม. ตลอดแนวชายคา เพื่อกันแผงหิมะบนหลังคาไม่ให้ไถลลื่นร่วงลงมา แถบนี้มีไหมครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33477
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 50 เมื่อ 29 เม.ย. 12, 20:24
|
|
มีค่ะ เขาเรียก snow guards แต่ดิฉันไม่เห็นชนิดเป็นราวเหล็ก เห็นแต่เป็นอะไรคล้ายๆตะขอ ติดตั้งบนหลังคาเพื่อยันเอาไว้ ไม่ให้หิมะหรือลูกเห็บที่ค้างอยู่บนหลังคา ร่วงลงมาบนหัวคนเวลาเปิดประตูออกจากบ้าน เพราะหิมะหรือลูกเห็บที่จับแข็งอยู่บนหลังคา หนักพอๆกับหิน ถ้ากระเทือน ร่วงลงมาก็หัวปูด
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33477
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 51 เมื่อ 29 เม.ย. 12, 20:41
|
|
ขอแยกเข้าซอยนิดเดียวครับ พูดถึงเทกซัส ทำให้นึกถึง Long horn และซี่โครงของมันย่าง กินกับข้าวโพดต้มและมันเผา สุดๆเลยครับ
เมื่อก่อนนี้ชอบกินสเต๊กมาก ในเมือง มีร้านสเต๊กอยู่ใกล้บ้าน ชื่อ Sirloin Steak House แค่เดินข้ามถนนไป ก็เลยไปฝากท้องไว้ที่นั่นบ่อยๆ ต่อมาตัดสินใจเลิกกินเนื้อวัว เลยอดจนบัดนี้ค่ะ ไม่ทราบว่าในประเทศไทยมีเนื้อวัว longhorn ให้กินหรือเปล่า ยังไงก็เอารูปมาให้รำลึกความหลังไปพลางๆก่อนนะคะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33477
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 52 เมื่อ 30 เม.ย. 12, 13:55
|
|
ที่เมืองนี้ ไม่ค่อยมีใครรู้จัก เพราะคนไทยประมาณ 90% ไปอยู่ก็เพื่อเรียนหนังสือ คนที่ตั้งถิ่นฐานมักจะเป็นคนที่เรียนจบแล้วทำงานอยู่ที่นั่นไม่กลับบ้าน บางคนก็แต่งงานกับคนอเมริกัน นักเรียนไทยเมื่อเรียนจบแล้วก็กลับบ้านมาทำงาน เรื่องจะกลับไปเยี่ยมถิ่นเก่าเป็นเรื่องยาก มันอยู่นอกเส้นทางเมืองใหญ่อย่างแอลเอ หรือนิวยอร์คอยู่มากจนเรียกได้ว่าไกลปืนเที่ยง จนกระทั่งวันหนึ่ง ก็มีโอกาสได้กลับไปเยือนถิ่นเดิมอีก เดินท่อมๆสำรวจบ้านช่องว่าเปลี่ยนไปมากไหม ก็พบว่าหน้าตาบ้านทางตะวันตกที่ปลูกใหม่ ดูๆก็ไม่ฉีกแนวไปจากสมัยเรียนมากนัก ทำให้คิดว่าเทศบาลที่นี่คงจะควบคุมการออกแบบบ้านค่อนข้างเคร่งครัด ไม่ปล่อยให้สร้างอะไรตามใจชอบ
รูปบ้านข้างล่าง เป็นบ้านสร้างยุคมิลเลนเนียมและหลังจากนั้นค่ะ คือตั้งแต ค.ศ. 2000 เป็นต้นมา
|
 คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13 พ.ค. 12, 20:50 โดย เทาชมพู »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33477
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 53 เมื่อ 30 เม.ย. 12, 14:21
|
|
เทียบกับบ้านที่สร้างในทศวรรษ 1980s ก็ไม่ต่างกันเท่าไร
|
 คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 54 เมื่อ 30 เม.ย. 12, 19:47
|
|
รู้สึกว่าจะมีต้น Birch อยู่หน้าบ้านด้วย ใช่ใหมครับ
ไม้นี้ให้กลิ่นหอมเมื่อใส่ในเตาผิงในบ้าน ดีกว่าไม้ชนิดอื่นๆ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33477
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 55 เมื่อ 30 เม.ย. 12, 20:51
|
|
น่าจะใช่ค่ะ ในฤดูใบไม้ร่วง ใบมันเปลี่ยนสีเหลืองสดราวกับสีดอกคูณ ส่วนอีกชนิดหนึ่งชื่อแอสเพน ใบเปลี่ยนเป็นสีทอง ขึ้นอยู่บนเทือกเขา เวลานั่งเครื่องบินข้ามเทือกเขาร็อคกี้มองลงไปข้างล่าง เป็นสีทองไปทั้งหุบเขา คนจะขับรถขึ้นไปชมกันมาก
ข้างล่างนี้คือ เบิช (birch)
|
 คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33477
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 56 เมื่อ 30 เม.ย. 12, 20:56
|
|
ส่วนต้นนี้คือ Aspen นอกจากเปลี่ยนสีเป็นทองในฤดูใบไม้ร่วงแล้ว ใบมันเบาคล้ายๆใบโพในบ้านเรา เวลาลมพัดมันจะพลิกพลิ้วไปมา ต้องแดดเป็นสีทองระยิบระยับ ทำให้ดงแอสเพนดูสวยมากเวลาถ่ายเป็นวิดีโอออกมา
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33477
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 57 เมื่อ 30 เม.ย. 12, 21:52
|
|
ท่านที่เข้ามาอ่าน อาจจะเกิดคำถามในใจว่า บ้านเมืองในอเมริกาไม่มีใหม่กว่านี้แล้วหรือ เสียแรงเป็นประเทศไฮเทคที่สุดในโลก คำตอบก็คือมี บ้านทันสมัยคนละแบบกับที่นำมาลงตั้งแต่ต้นกระทู้นี้ก็มีค่ะ คือมีอยู่ในเมืองอื่นๆ และบางทีก็เป็นบ้านพักอยู่บนภูเขา
|
 คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 58 เมื่อ 01 พ.ค. 12, 21:03
|
|
รอๆอยู่ครับ ว่าจะกล่าวถึงหลังคาทรงหัวหอม (Onion dome) บ้างใหม หากผมกล่าวถึงเร็วไปก็ขออภัยด้วยครับ
ผมเห็นว่าหลังคาฝรั่งนั้น จะมีลักษณะแยกออกจากกันอย่างชัดเจนระหว่างหลังคาบ้านของประชาชนคนปรกติกับโบสถ์ต่างๆ เหมือนของไทย ซึ่งของฝรั่งนั้นหลังคาหรือตัวอาคารโบสถ์ของแต่ละนิกายก็ยังไม่เหมือนกัน แถมในอเมริกาและในยุโรปก็ไม่เหมือนกันอีกด้วย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33477
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 59 เมื่อ 02 พ.ค. 12, 18:55
|
|
ในถิ่นเรียนของดิฉันไม่มีหลังคาทรงหัวหอม. แต่หลังคาโดมซึ่งคล้ายๆป้อมหอคอยมีแยะ. เป็นบ้านวิคตอเรียน. ช่วงนี้ขอเป็นฝ่ายฟังคุณตั้งเล่าดีกว่าค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|