siamese
|
ความคิดเห็นที่ 135 เมื่อ 26 เม.ย. 12, 16:37
|
|
ขอบคุณนะครับ
ผมหลับไปงีบนึง ตกใจมีโทรศัพท์เข้า เออๆคะๆเสร็จมาเปิดกระทู้ดู เห็นฟ้ามันเหลืองๆเต็มจอ สงสัยตัวเองคงจะยังไม่ตื่น กำลังฝันอยู่
แหม คุณหนุ่มจะแก้เสียก่อนก็ไม่ได้
ฟ้าเหลืองเลยหรอครับ อิอิ  รูปแบบสถาปัตยกรรมพระที่นั่งงดงามมากเลยครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33421
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 136 เมื่อ 26 เม.ย. 12, 16:42
|
|
เหยียบรอดหัก หกล้มลงไปแล้ว ก็พูดแก้เก้อไปตามเรื่อง
ทำเป็นพูดเชือนแชพอแก้ตน คุณสองคนก็ขึ้นนอนบนเตียงใหญ่ พลิกพลอดกอดก่ายสบายใจ เทียบประทับหลับไหลไปด้วยกัน
มีคำถามอีกข้อคือ เตียงอยู่ตรงไหน ทำไมมีคำนี้โผล่ขึ้นมาดื้อๆ ไม่มีต้นสายปลายเหตุว่าเธอเดินเข้าห้องไปหรืออย่างไร ถ้าเข้าห้องนอน สาวชาววังสมัยนั้นไม่ได้นอนเตียง แต่นอนบนฟูกที่ปูบนพื้นห้องในห้องที่อยู่ของแต่ละคน คืนไหนเข้าเวร ที่นอนของสองสาวคือบนพื้น ปลายแท่นพระบรรทมของกรมหมื่นอัปสรสุดาเทพ เป็นไปได้ไหมว่า เตียงคือส่วนหนึ่งของเฉลียงเก๋ง คือฉากมันก็อยู่ตรงระเบียงนั่นแหละ กวีจึงไม่ได้บรรยายว่าสองคนนี้เดินเข้าไปในห้องที่ตั้งเตียงไว้
ถ้าอย่างนั้นเตียงที่ว่าคืออะไร ดิฉันเข้าใจว่าเป็นตั่ง ที่เป็นแท่นลดลงมาจากเฉลียงเก๋ง ตัวพื้นเก๋งนอนไม่ได้แล้วเพราะรอดหัก ขืนไปนอนพื้นอาจจะยุบลงไป ก็เลยนอนบนตั่งข้างหน้าเฉลียงเก๋งแทน กอดกันหลับไป คำว่า เตียง บางครั้งก็ใช้เป็นคำคู่ของตั่ง เหมือนในบทอาขยานสอนเรื่องไม้ม้วน ที่ว่า "สิ่งใดอยู่ในตู้ มิใช่อยู่ใต้ตั่งเตียง"
ดังภาพข้างล่าง
|
 คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
siamese
|
ความคิดเห็นที่ 137 เมื่อ 26 เม.ย. 12, 16:47
|
|
^ ถ้าเป็นตั่ง ก็ไม่มีเก๋ง ซิครับผม แล้วเครื่องเรือนเตียงเก๋ง มองไกล ๆ เหมือนตู้บูชายังไงพิกลนะครับอาจารย์ 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33421
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 138 เมื่อ 26 เม.ย. 12, 16:59
|
|
มันเป็น 2 ชิ้นไงคะ ไม่ใช่ชิ้นเดียวกัน เตียงหรือตั่งที่ว่าเป็นส่วนหนึ่งที่วางอยู่ข้างหน้าตัวเก๋ง ป.ล. เป็นเครื่องเรือนที่มีโครงสร้างแบบนี้ แต่ไม่อลังการเท่านี้ อาจเป็นเตียงมีหลังคาแบบเรียบๆ มีตั่งเป็นพื้นลดอยู่ข้างหน้า เรียกว่าเตียง คุณเธอไปเหยียบส่วนข้างในหักเสียแล้ว พอจะนอนก็เลยต้องนอนบนตั่งข้างหน้าแทน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เพ็ญชมพู
|
ความคิดเห็นที่ 139 เมื่อ 26 เม.ย. 12, 18:41
|
|
หรือว่าเฉลียงเป็นส่วนที่อยู่ล่างก่อนขึ้นเตียง 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33421
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 140 เมื่อ 26 เม.ย. 12, 18:47
|
|
ส่วนไหนจะเป็นส่วนไหนก็ตาม เตียงต้องเป็นส่วนที่ไม่มีรอด และแยกส่วนจากเฉลียง รอดเฉลียงหัก เตียงยังอยู่เป็นปกติ ไม่กระทบกระเทือนถึงกัน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 141 เมื่อ 26 เม.ย. 12, 19:13
|
|
ท่านที่ยังติดใจประเด็นของเฉลียงเก๋งก็เชิญกลับมาต่อตามสบายนะครับ
ผมขอไปยังเฉลียงอาคาร และระเบียงอาคาร ค้างไว้ตรงที่น่าจะสรุปได้เล็กๆว่า ระเบียงคือส่วนที่อยู่ติดๆกับพื้นดิน แต่มานึกได้อีกที ระเบียงของพระที่นั่งจักรีอยู่ภายในอาคารชั้นบนๆ ผมก็เกิดอาการไปไม่ถูก ต้องไปนอนพักสมองจนเห็นฟ้าเหลือง
กลับมาทบทวนอีกทีหนึ่ง ย้อนกลับไปหาเรือนไทยดั้งเดิม และพจนานุกรมที่ราชบัณฑิตสถานแปลความให้ไว้
เฉลียง ส่วนของเรือนที่ต่อออกมาด้านหัวและท้ายเรือน ระเบียง พื้นเรือนที่ต่อออกไปทางด้านข้าง
ในทางเชิงช่าง มันน่าจะมีนัยมากกว่าด้านหัวด้านข้าง ผมว่า น่าจะเป็นโครงสร้างส่วนพื้น ที่บ่งชี้ความแตกต่าง
|
 คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 142 เมื่อ 26 เม.ย. 12, 19:14
|
|
ลองดูภาพนี้นะครับ
ล่างซ้าย การใช้รอด ต่อมาได้เปลี่ยนไปใช้ไม้คานตีประกบกับเสาแทนการเจาะเสาให้เป็นรูเพื่อเอาไม้คานลอดออกมา คานนี้มีตงวางอยู่เพื่อถ่ายน้ำหนักพื้นอีกทีหนึ่ง
การจะต่อพื้นออกไปด้านสกัด หรือด้านยาว สามารถทำได้โดยการยื่นหัวคานออกไป หรือจะยื่นหัวตงออกไป
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 143 เมื่อ 26 เม.ย. 12, 19:17
|
|
ถ้าเป็นด้านสกัด ก็ยื่นหัวคานออกไป แล้ววางตงบนนั้นอีกทีหนึ่ง ส่วนที่ยื่นออกไปนี้เรียกเฉลียง(มาจากภาษาเขมรหรือเปล่าก็ไม่รู้)
(ในรูปนี้ ส่วนบนที่ยื่นออกมาเห็นผนัง ถ้าเป็นเฉลียง ก็จะใส่ลูกกรงราวกันตกเข้าไปแทน)
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 144 เมื่อ 26 เม.ย. 12, 19:22
|
|
ถ้าเป็นด้านยาว ก็ยื่นหัวตงออกไปเลย อันนี้เรียกระเบียง ซึ่งโครงสร้างอาคารหลายชั้นขนาดใหญ่ ที่ภายในมีช่องโล่งและทางเดิน มักจะอยู่ในแนวยื่นตง นั่นเองที่อาจให้เกิดการเรียกพื้นที่ยื่นมาในส่วนนี้ว่าระเบียง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 145 เมื่อ 26 เม.ย. 12, 19:47
|
|
น่าจะเป็นคำตอบว่าทำไมคนทั้งหลายจึงระบุว่าระเบียงอยู่ด้านยาว เฉลียงอยู่ด้านสะกัด
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 146 เมื่อ 26 เม.ย. 12, 19:53
|
|
แต่ท่านที่ว่า เรือนสมัยใหม่ไม่ได้สร้างให้มีความกว้างความยาวชัดเจนเหมือนเรือนโบราณ แยกเฉลียงกับระเบียงไม่ออก ก็อาจแยกด้วยตำแหน่ง. ถ้าอยู่หน้าบ้านหลังบ้าน เรียกว่า เฉลียง เช่น เฉลียงหน้าบ้าน เฉลียงหลังบ้าน ถ้าอยู่ข้างบ้าน เรียก ระเบียง ก็ยังไม่เนียนอยู่ดี
อาคารสมัยนี้รูปทรงไร้เขตจำกัด ถึงมองออกว่าอะไรเป็นหน้าบ้านหลังบ้าน แต่ของอย่างเดียวกัน ข้างๆเรียกอย่าง หน้ากับหลังเรียกอย่าง คงสับสนไปหมด
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33421
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 147 เมื่อ 26 เม.ย. 12, 20:17
|
|
อย่าว่าแต่อาคารสมัยใหม่เลยค่ะ อาคารสมัยเก่าบางแห่งก็ยากจะแบ่งระเบียงและเฉลียงออกจากกันได้ อย่างตำหนักสายสุทธานภดล  ถ้าถือว่าเฉลียงอยู่ส่วนหน้า ระเบียงอยู่ส่วนข้าง ในภาพนี้เฉลียงเชื่อมติดกับระเบียงเป็นเนื้อที่เดียวกัน คนยืนอยู่ด้านหน้าเรียกว่ายืนอยู่บนเฉลียง ขยับมาอีกไม่กี่ก้าว กลายเป็นยืนอยู่บนระเบียงไปแล้ว ยังงั้นหรือคะ?
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เพ็ญชมพู
|
ความคิดเห็นที่ 148 เมื่อ 26 เม.ย. 12, 20:22
|
|
ถ้าเป็นด้านสกัด ก็ยื่นหัวคานออกไป แล้ววางตงบนนั้นอีกทีหนึ่ง ส่วนที่ยื่นออกไปนี้เรียกเฉลียง(มาจากภาษาเขมรหรือเปล่าก็ไม่รู้)
มาจากภาษาเขมรทั้งเฉลียง, ฉนวน และระเบียง 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33421
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 149 เมื่อ 26 เม.ย. 12, 20:36
|
|
แล้วความหมายของเฉลียง ฉนวน ระเบียง ในภาษาเขมร แปลว่าอะไรคะ คุณเพ็ญชมพูทราบไหม เผื่อจะได้ร่องรอยความหมายของคำเหล่านี้ขึ้นมาบ้าง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|