คุณหลวงเล็ก ท่านเป็นนักShopping หนังสือตัวจริง
ทำได้อย่างไรคะ 25 เล่มราคา 2 พัน ราวกับเหมาจากอาแป๊ะขายของเก่า
ดีใจจริง ๆ ค่ะ ที่ สมาชิกเรือนไทยรู้ค่าของหนังสือเก่าขนาดนี้
หามิได้ คุณร่วมฤดีกล่าวชมผมเกินไปแล้วครับ
ผมมีหลักเกณฑ์ในซื้อหนังสือไม่ว่าหนังสือใหม่หรือเก่าว่า
หนังสือเล่มใดราคาเกิน ๓๐๐ บาทขึ้นไป หากยังไม่จำเป็นต้องใช้งาน ยังไม่ซื้อ
หนังสือเล่มใดราคาอยู่ระหว่าง ๒๕๐ - ๓๐๐ บาทให้พิจารณาความจำเป็นในการใช้งาน
ถ้าจำเป็นต้องใช้ พิมพ์มานานแล้ว พบได้ไม่บ่อย และพิมพ์จำนวนไม่มาก ก็ควรซื้อไว้
หากไม่ใช่หนังสือที่เข้าเกณฑ์ข้างต้นอย่างน้อย ๒ ข้อ ไม่ซื้อ (ถ้าไม่มีเงินเหลือใช้จ่ายจริงๆ)
หนังสือเล่มใดราคาตั้งแต่ ๒๕๐ บาทลงมา ให้พิจารณาดูว่าตรงกับความสนใจของเราหรือไม่
ถ้าใช่ก็ซื้อได้ ถ้าไม่ใช่ก็ไม่ซื้อ
หลักอีกประการ อันนี้อาจารย์ท่านสอนไว้ การเลือกซื้อของ ให้ยึดหลัก สวย ดี ฟรี/ถูก ทน
ถ้าเข้าหลัก ๒ ข้อก็เป็นอันซื้อได้
ความสามารถในการซื้อหนังสือถูกนั้นต้องอาศัยปัจจัยหลายอย่าง
ประการหนึ่ง คือความคุ้นเคยกับเจ้าของร้าน ข้อนี้เป็นเกณฑ์สำคัญที่ทำให้ได้หนังสือราคาถูกและได้ส่วนลดแลกแจกแถม
ถ้าคุ้นเคยมาก เจ้าของร้านอาจจะมีการให้เชื่อหรือเก็บหนังสือดีๆ ไว้ให้เรา
ประการหนึ่ง คือความรู้เกี่ยวกับการพิมพ์หนังสือแต่ละเรื่อง หนังสือบางเล่มพิมพ์หลายครั้ง ถ้าไม่ได้จำเพาะเจาะจงว่า
จะต้องใช้ฉบับพิมพ์ครั้งนั้นๆ แล้ว อยากจะรู้หรือใช้เนื้อหาในเล่ม ก็เลือกซื้อเล่มที่ถูกเหมาะสมกับทุนทรัพย์ที่มี
เว้นแต่ว่าต้องการสะสมหนังสือเก่าก็เชิญซื้อ แต่ควรศึกษาหาข้อมูลให้รอบด้านเสียก่อน ไม่เช่นนั้นจะเก็บสะเปะสะปะไร้ทิศทาง
เปลืองเงินโดยใช่เหตุ
ประการหนึ่ง คือการยับยั้งชั่งใจใคร่ครวญพิจารณา การตัดสินใจไม่ถี่ถ้วนอาจจะทำให้ลงทุนผิดโดยไม่จำเป็น
การตัดสินช้า ทำให้พลาดของที่ควรจะได้ ของแบบนี้ต้องอาศัยประสบการณ์สั่งสมทีละน้อย
หมั่นฟังคำแนะนำของผู้มีประสบการณ์
ประการหนึ่ง คือผู้มีประสบการณ์ ข้อนี้สำคัญมากเหมือนกัน บางทีเป็นผู้เยาว์ไปซื้อหนังสือ คนขายไม่คุ้นหน้า
คิดว่ายังเยาว์แก่ความ อาจจะไม่ลดราคาให้ ทั้งที่ผู้เยาว์อาจจะประสงค์ต้องการใช้หนังสือนั้นมาก
ตรงนี้หากมีผู้ใหญ่ใจดีมีเมตตา กรุณา มุทิตา และไม่อุเบกขา ท่านก็จะช่วยเจรจาต้าอวยให้ได้หนังสือดีราคาย่อมเยา
เมื่อได้ของที่ต้องการแล้ว ก็ควรจะกตัญญูแก่ท่านผู้มีพระคุณด้วยวิธีการต่างๆ เช่น หาเอกสารหาอ่านยากมาให้ท่านอ่าน
หรือคอยสื่อข่าวสารสำคัญที่ท่านจำเป็นต้องรู้ให้ท่านรู้ทันข่าว และเอื้อเฟื้อหนังสือดีมีประโยชน์แก่ท่านบ้าง เป็นต้น
เท่านี้ท่านก็อาจจะซื้อหนังสือดี (ตามที่ท่านต้องการ) โดยที่เสียทุนทรัพย์พอเหมาะพอควร
หลักเกณฑ์ข้างต้นนี้ อาจจะใช้มิได้กับผู้มีนิสัยดื้อหัวแข็ง และผู้มีทุนทรัพย์มหาศาล (เข้าร้านก็จะกว้านซื้อเสียหมดทุกเล่ม
เจ้าของร้านยิ้มคิดตังค์ไม่ทันไม่ถ้วนเชียว)
