เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: [1] 2 3 4
  พิมพ์  
อ่าน: 35003 เคราะห์ร้ายของผู้หญิงจีนโบราณ
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
 เมื่อ 23 พ.ค. 01, 20:45

สุดสัปดาห์นี้เอาเกร็ดพงศาวดารจีนเรื่อง "ซิยิ่นกุ้ย"มาอ่าน  เป็นเรื่องทหารเอกของพระเจ้าถังไทจงฮ่องเต้ หรือหลีสิบิ๋น
มาเจอเรื่องย่อยๆในนั้น เกี่ยวกับภรรยาคนแรกของซิยิ่นกุ้ย  ชื่อนางกิมฮวย เธอถูกพ่อตีจะให้ถึงตายเพราะสงสัยว่าจะมีเรื่องชู้สาวกับซิยินกุ้ยผู้เป็นคนงานในบ้าน ทั้งที่จริงๆก็ยังไม่มี
สมัยโน้นผู้หญิงจีนดูจะถูกกำหนดให้ตายกันง่ายๆ    แม้แต่เป็นลูกสาวเศรษฐีก็ไม่เว้น      แค่ถูกสงสัยหรือถูกใส่ความเรื่องชู้สาวพ่อก็ตีถึงตายได้แล้ว
แล้วเท้าก็ยังถูกมัดเหลือนิดเดียว  ทรมานทรกรรมไปตลอดชีวิต
เรื่องพวกนี้เชื่อถือได้มากน้อยแค่ไหนคะ?
บันทึกการเข้า
คุณพระนาย
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 1  เมื่อ 30 เม.ย. 01, 05:36

เท้าถูกมัดให้เล็กน่าจะจริงครับ
อาม่า (ย่า) ของผมเองก็เท้าเล็กเหมือนกัน แต่เรื่องเท้าเล็กนี่เหมือนจะเป็นค่านิยมของคนจีนนะครับว่าสำหรับครอบครัว ผู้ดีหน่อย ผู้หญิงจะต้องมีเท้าที่เรียวเล็ก
มีตำนานด้วยว่า ฮองเฮาของ จูเหยียนจางนั้นเท้าโต เพราะว่า เธอเกิดในช่วงมองโกลเข้ามาปกครองเมืองจีนมีแต่คนลำบาก ครอบครัวเธอก็คอยแต่อพยพหนีพวกทหารมองโกล จนทำให้เธอ ไม่ได้มัดเท้าเมื่อเด็ก ๆ จึงมีเท้าที่โต กว่าสาวชาวจีนทั่วไป
บันทึกการเข้า
CrazyHOrse
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 2  เมื่อ 30 เม.ย. 01, 08:13

เห็นด้วยครับว่าเรื่องมัดเท้านี้เป็นค่านิยม คนในอนาคตอาจจะมองว่าสาวไทยสมัยนี้น่าสงสารก็ได้ เพราะต้องลำบากลำบนอดข้าวระวังตัวไว้ให้เอวเล็กตัวเล็ก จะกินจะอยู่ตามใจปากก็ไม่ได้ น่าสงสารจริงๆครับ ยิ้ม
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 3  เมื่อ 30 เม.ย. 01, 09:02

การทรมานร่างกายของผู้หญิง รู้สึกว่าจะมีกันทุกยุค
เรื่องมัดเท้าเป็นเรื่องที่อ่านแล้วน่ากลัวมากค่ะ  มัดจนกระดูกเท้าบิดเบี้ยวไปหมด
ผู้หญิงฝรั่งสมัยปลายศตวรรษที่ ๑๙  รัดเอวเหลือ ๑๗-๑๘ นิ้วเท่านั้นละค่ะ  เพื่อนุ่งกระโปรงสุ่มไก่ได้สวย  ทรมานกว่าเดี๋ยวนี้อีก
บันทึกการเข้า
ศิษย์โง่
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 4  เมื่อ 30 เม.ย. 01, 15:36

คิดว่าน่าจะจริงนะครับ เพราะจีนนั้นค่อนข้างเคร่งตรััเรื่องจารีตนิยม
มีการแบ่งลำดับชั้นของคน มีกฎของบ้านที่มักพูดกันว่า นายบ่าว หญิงชาย ต้องแยกกัน
หรืออย่างที่ถือกันว่า บุตรีก่อนออกเรือน
ต้องเชื่อฟังพ่อแม่ ออกเรือนแล้วต้องนับถือสามี
บันทึกการเข้า
ภูมิ
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 5  เมื่อ 01 พ.ค. 01, 08:48

เคยดูในทีวี เขาไปถ่าย คุณยายที่ทําการมัดเท้า คนสุดท้ายของจีน
อายุท่านราว๗๐ กว่า แล้ว เห็นบอกว่าเป็นคนสุดท้ายเท่าที่สํารวจได้ขณะนี้
บันทึกการเข้า
ml
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 6  เมื่อ 01 พ.ค. 01, 09:24

เคยอ่านเรื่องการมัดเท้าของผู้หญิงจีน
อ่านแล้วสะเทือนใจมากค่ะ..น่ากลัวและโหดร้ายมาก..ที่แปลกใจมากคือ เท้าเล็กๆเนี่ยมีผลต่อชีวิตทั้งชีวิตของผู้หญิงคนนั้น..เช่นว่าถ้าไม่ได้มัดเท้าจะหาคู่ครองได้ยาก อะไรทำนองนี้ค่ะ
บันทึกการเข้า
อำแดงริน
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 7  เมื่อ 01 พ.ค. 01, 20:55

เป็นค่านิยมน่ะค่ะ
เขาว่าจะให้สวยต้องเป็น"บัวทองสามนิ้ว"
หรืออะไรคล้ายๆนี้แหละค่ะ

หญิงยุโรปโบราณมัดเอว
หรือว่าเดี๋ยวนี้หญิงทั่วโลกอดแห้งอดแล้งให้เอวกิ่ว ตัวผอม
ก็เป็นค่านิยมเหมือนกัน....
ต่างกันแต่ว่าสมัครใจทำเอง
จะอดให้แห้งแค่ไหนก็ตามใจ

อย่างมัดเท้านี่โดนกันมาแต่เล็กๆ
ชีวิตที่ไม่มีทางเลือก.....
ดีที่ค่านิยมตกยุคไปแล้วนะเนี่ย
เฮ้อ ถ้ายังอยู่ไม่รู้จะทำมาหากินแข่งกะชาวบ้าน
ยังไงเลยค่ะ คนเท้าโตๆยังลำบากเลย ^__^
บันทึกการเข้า
จ้อ
แขกเรือน
สุครีพ
******
ตอบ: 1081

แต่งงานแล้วจ้า ...


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 8  เมื่อ 02 พ.ค. 01, 06:49

ในเมืองไทยมีค่านิยมทำนองนี้บ้างไหมครับ
ผมคิดว่าน่าจะมีบ้าง แต่คงไม่รุนแรง ยังนึกไม่ออกครับ?

ที่นึกออกก็อย่างในกรณีของชาวเขาเผ่าคอยาว
ที่ผู้หญิงต้องใส่ห่วงที่คอ อันนี้คงเป็นอีกตัวอย่างหนึ่ง

อีกตัวอย่างหนึ่งที่แฟชั่นมีผลต่อการดำรงชีวิตของสุภาพสตรีและทำให้ลำบากขึ้น ( มั้ง...?)
เป็นเรื่องของเสื้อชั้นใน หรือ บรานั่นแหละ เคยดูสารคดีทางบีบีซี ( วิชาการครับ วิชาการ )
ตามประวัติแล้ว พึ่งคิดประดิษฐ์มาเมื่อต้นศตวรรษที่ 20 ไม่ถึง 100 ปีดี
จุดประสงค์เมื่อเริ่มออกแบบนั้นเพื่อแฟชั่นเป็นหลัก ประโยชน์ทางการแพทย์นั้น
แทบไม่มีเลย และอาจจะมีผลเสียมากกว่าเสียอีก ( เขารายงานมาอย่างนั้นครับ )
แต่พอเวลาผ่านไป ก็กลายเป็นสิ่งจำเป็นที่สุภาพสตรีขาดไม่ได้ อันนี้คงถือเป็นค่านิยมได้เหมือนกัน
ไม่ใช่เฉพาะชาติใดชาติหนึ่ง แต่เป็นทั้งโลกเลย
บันทึกการเข้า
เพียงตะวัน
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 9  เมื่อ 02 พ.ค. 01, 09:27

เอแต่ว่าผู้หญิงที่ต้องเล่นกีฬาหนักๆต้องใส่บรานะคะไม่งั้นอาจมีผลต่อหน้าอกได้
บันทึกการเข้า
คุณพระนาย
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 10  เมื่อ 02 พ.ค. 01, 12:38

อืม เรื่องบรา ของผู้หญิงนี่ แล้วเราจะมาตอบได้ไงหว่า แต่ที่เห็นนะครับ อย่าง กีฬา ว่ายน้ำ
กีฬา ยิมนาสติก ไม่น่าจะใส่นะครับ สองอย่างนี้ไม่รู้ว่าเป็นกีฬาหนัก ๆ หรือเปล่า
อืมตอบเสร็จเราจะกลายเป็นคนทะลึ่งหรือเปล่านะเนี่ย ผมไปอ่านมาจากบทความด้วยนะครับ ไม่ใช่จากการสังเกตุทางทีวีอย่างเดียว เฮ้อ ท่าจะหนีไม่พ้นช้อหา สายตาไม่ดีแน่เลย
บันทึกการเข้า
อ้อยขวั้น
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 11  เมื่อ 02 พ.ค. 01, 15:11

บราไม่น่าใช่ค่านิยมนะคะ  น่าจะเป็นเพราะแก้ปัญหาแรงโน้มถ่วงมากกว่า (คงไม่ติดเรทนะคะ)
บันทึกการเข้า
อำแดงริน
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 12  เมื่อ 02 พ.ค. 01, 20:56

มาสนับสนุนคุณอ้อยขวั้นค่ะ ^_____^
บราน่าจะเป็นอุปกรณ์ช่วยคงสภาพนะคะ อิ อิ
คงไม่ได้ตลอดก็ยังช่วยsupportเวลาใช้งานได้
5555
ค่านิยมอาจเป็นในกรณีต้องใส่อย่างที่มีลูกไม้สวยๆ..มั้งคะ
เอ เรทไหนเนี่ย???
บันทึกการเข้า
นกข.
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 13  เมื่อ 02 พ.ค. 01, 23:10

ไม่มีความรู้ครับมีแต่ความเห็น
ถ้า บรา เป็นแต่ค่านิยมที่ไม่เป็นประโยชน์จริง (จริงหรือเปล่าก็ไม่รู้) ก็อยากให้ผู้หญิงทุกคนลุกขึ้นยืนหยัด ปลดปล่อยตัวเองออกจากพันธนาการโดยเลิกใส่บราครับ ... จึ๊กกึ๋ย.....
บันทึกการเข้า
พวงร้อย
สุครีพ
******
ตอบ: 904


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 14  เมื่อ 03 พ.ค. 01, 06:28

สวัสดีค่ะคุณเทาฯ  พักนี้ติดธุระหลายอย่างเลยไม่ค่อยได้เข้ามาเลยค่ะ

บรามันของจำเป็นนะคะ  แต่มัดเท้านี่มันไม่จำเป็น  เอามาปนกันได้ยังไงกันเนี่ยะ ขอวกกลับมาเรื่องมัดเท้าละกันนะคะ  ก่อนที่หนุ่มๆเรือนไทยจะมะรุมมะตุ้มกระทู้นี้กันตรึม (คิกๆๆ)

เรื่องรัดเท้านี่เคยได้ยินว่าเค้านิยมว่าเท้าเล็กเป็นรูปดอกบัวสวยดีน่ะค่ะ  แล้วเป็นเครื่องแสดงความเป็นผู้ดีด้วย  เพราะรัดเท้่าเล็กๆแล้วทำงานไม่ได้  มีแต่ลูกสาวคนรวยเท่านั้นจึงจะทำได้  ลูกคนจนต้องไปทำงานในนา  ขึนรัดเท้าคงอดตาย  เนื่องจากคนรวยก็มักจะแต่งงานกับคนรวยด้วยกัน  ใครมีลูกสาวก็กลัวครอบครัวคนรวยด้วยกันจะไม่ยอมแต่ง  ก็เลยต้องรัดเท้ากันแต่เด็ก  

ดิฉันเคยเห็นคนรัดเท้าด้วยค่ะ  เป็นยายเฒ่าไม่ทราบพลัดมาเมืองไทยได้อย่างไร  แต่เค้ามาจากเมืองจีนค่ะ  อายุมากกว่าคุณยายของดิฉันอีก  พอแก่ตัวแล้วก็ลำบากไม่มีลูกหลาน  ต้องทำของเล่นมาขาย  แล้วเดินก็ไม่ถนัด  ของเล่นที่ทำมาก็มีแปลกๆไม่เคยเห็นที่ไหนเลยค่ะ  เค้าทำด้วยไม้ไผ่และกระดาษฝีมือละเอียดมากเลยค่ะ  ที่จำได้ก็มีเป็นเหมือนกลองเล็กๆแต่เปิดข้างหนึ่ง  แล้วปิดด้วยกระดาษบางๆขึงตึงอีกข้างหนึ่ง  เอาเศษไม้ไผ่ชิ้นเล็กๆขัดไว้  แล้วร้อยเชือกกับเศษไม้ให้ทะลุกระดาษนั้น  ไปโยงกับก้านไม้ไว้ถือ  เวลาเหวี่ยงไปเป็นวงกลม  เศษไม้จะเสียดสีกับกระดาษที่ปิดหัวนั้น  ทำให้เกิดเสียงแปลกๆ  แล้วมีอะไรอีกมากมายหลายอย่างจำไม่ค่อยได้แล้วค่ะ  เค้าเอาก้านไม้ปักลงบนคันไม้เหมือนไม้เท้าเมื่อมีหลายๆอย่าง  ดูหลากสีสวยงาม  แล้วก็ต้องค่อยๆลากด้ามไม้ที่ปักของนั้นเดินช้าๆ  เพราะเท้าที่ถูกรัดทำให้เดินไม่ถนัด

ตอนเด็กๆดิฉันก็ชอบไปดู  บางครั้งก็ขอดูเท้าท่านน่ะค่ะ  บางทีเท้าเจ็บก็ต้องคลายผ้ารัดออกมาพันใหม่  จนเห็นฝ่าเท้างอโค้ง  ส่วนที่แตะพื้นมีแต่ส้นเท้ากับนิ้วเท้าเท่านั้นแหละค่ะ  ส่วนกลางฝ่าเท้ากระดูกถูกดัดจนพิกลพิการ  โค้งขึ้นไม่จรดพื้น  จึงดูเล็กลงได้  แต่ถ้าไม่รัดผ้าไว้ก็ทรงตัวไม่ได้ค่ะ  แล้วจะปวดมากด้วย  กลายเป็นทำให้พิการเพื่อความที่เชื่อว่าเป็นความงามน่ะค่ะ  ยังจำภาพติดตาได้จนทุกวันนี้เลยค่ะ
บันทึกการเข้า
หน้า: [1] 2 3 4
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.048 วินาที กับ 19 คำสั่ง