SILA
|
ความคิดเห็นที่ 510 เมื่อ 08 มี.ค. 16, 11:28
|
|
นามแม่มณีในภาษาวิสาศ(Florence Faivre) ปรากฏในลำดับต้นๆ ของเครดิทเปิดเรื่อง ไม่เหมือนในนางมารสวมปราด้าที่ต้องตั้งใจรอดูอยู่นาน ข่าวแจ้งว่าซีรี่ส์นี้ได้ไปต่อ นั่นคือ จะมีซีซั่นสองตามมา เพราะว่าได้รับการตอบรับและเสียง วิจารณ์ที่ดี
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33477
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 511 เมื่อ 08 มี.ค. 16, 12:29
|
|
โอ แม่มณีไปไกลมาก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Naris
|
ความคิดเห็นที่ 512 เมื่อ 09 มี.ค. 16, 11:01
|
|
ภาพยนตร์เรื่องนี้ ผมก็ไปดูในโรงหนังด้วยครับ ในตอนนั้นผมเข้าใจว่าเป็น ทวิภพ ฉบับตีความใหม่ จึงไม่แปลกใจที่หนังมีความต่างจากบทประพันธ์เดิมอยู่มาก แต่ถ้ามองจากเหตุผลในตัวหนังเอง ผมก็มีข้อสงสัยอยู่
คืออย่างนี้ครับ ถ้าเรียงลำดับตาม Time line
เกิดการเหลื่อมล้ำของเวลา - แม่มณี สาวลึกลับปรากฎตัวขึ้นในอดีต - พบปะกับคุณหลวง - พบปะกับ Francois Xavier - ร่วมงานเลี้ยงที่กงศุลฝรั่งเศษ - กลศุลฝรั่งเศษตาย - แม่มณีกลับสู่ปัจจุบัน - พบว่าสยามถูกยึด คนไทยพูดจาด้วยภาษาฝรั่งเศษ มีหอปาวี คร่อมแม่น้ำเจ้าพระยา - แม่มณีย้อนเวลาอีกครั้ง - ร่วมงานเลี้ยงที่กงศุลฝรั่งเศษ (2) - กงศุลไม่ตาย - แม่มณีเอาไม้เท้าคุณหลวงไปขว้างทิ้ง - Francois Xavier เก็บไม้เท้านั้นไว้ - สยามไม่ถูกยึด ไม่มีหอปาวี - เอกสาร Voyageur มาถึงฝรั่งเศษ - แม่มณี ถูกเรียกตัวมาพิสูจน์เอกสาร - เกิดการเหลื่อมล้ำของเวลา - วนกลับ
ประเด็นคือ เมื่ออดีตถูกเปลี่ยนแล้ว สยามย่อมไม่เคยถูกยึด หอปาวี ย่อมไม่เคยถูกสร้างขึ้น ผมไม่แน่ใจว่า Francois Xavier เขียนบันทุึก Voyageur ขึ้นตอนไหน อาจจะค่อยๆ บันทึกสืบเนื่องกันมา แต่จากความเชื่อมโยงเรื่องไม้เท้า Voyageur น่าจะเชื่อมโยงได้กับเหตุการณ์หลังประวัติศาสตร์ถูกเปลี่ยนแปลงแล้ว นาย Francois Xavier อยู่ในสยามที่ไม่ถูกยึด เพราะกงศุลไม่ตาย ถ้าอย่างนี้ Francois Xavier ย่อมไม่เคยเห็นหอปาวีแน่ๆ เมื่อเป็นอย่างนี้เอกสาร Voyageur จะบันทึกภาพหอปาวีคร่อมแม่น้ำเจ้าพระยาได้อย่างไร
และถ้าไม่มี Voyageur เอกสารโบราณจากอดีตที่แปลกประหลาดนั้น แม่มณีในปัจจุบัน จะถูกเรียกตัวไปดูเอกสารนั้นหรือไม่ และถึงได้ดู จะสงสัยจนเอากลับมาขบคิดต่อที่ประเทศไทยหรือไม่ และจะเกิดการเหลื่อมล้ำของเวลาขึ้นอีกหรือเปล่า .....
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 513 เมื่อ 09 มี.ค. 16, 15:33
|
|
ชักจะเลือนๆ ไปแล้ว ครับ
ตอนเปิดเรื่องข้าวของฟรองซัวร์ที่นำมาแสดงก็มีทั้งไม้ตะพดและบันทึกที่มีรูปหอคร่อมเจ้าพระยา แสดงว่าฟรองซัวร์ได้ผ่านเหตุการณ์(สยามถูกฝรั่งเศสยึด) มาแล้ว นั่นคือเคยมีใคร(แบบแม่มณี) ได้ย้อน กลับไปอดีตและสร้างเรื่องราวเช่นนี้มาก่อน เมื่อมีการพบบันทึกฟรองซัวร์ ประตูเชื่อมกาลเปิดออก(กระจกแตก) แม่มณีจึงได้ทะลุมิติ-ทวิภพ ที่ซ้อนกันย้อนกลับไป พ่อของแม่มณีจะเป็นผู้ที่รู้เรื่องราวนี้อยู่แล้ว จะเห็นได้จากคำพูดแบบผู้รู้แต่ไม่เฉลย รอจนตอนจบ จึงมาเผย, เมื่อพ่อยืนดูรูปถ่ายของแม่มณีคู่หลวงเทพ และพูดถึงเรื่องทวิภพ
เมื่อโลกทั้งสองเคลื่อนผ่านแยกจากกัน โลกที่มีบทบาทของตนจะดำเนินต่อไป ช่วงเวลาทวิภพจะมาบรรจบกันอีก บางคนจะได้พบช่องทางผ่าน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
siamese
|
ความคิดเห็นที่ 514 เมื่อ 09 มี.ค. 16, 16:30
|
|
บันทึกหอคร่อมแม่น้ำเจ้าพระยา ถูกบันทึกลงหีบอยู่มาจนปัจจุบันแล้ว เพื่อให้แม่มณีมาเจอ แล้วกลับไปแก้ไข เอาหอออกไป แต่เอกสารในหีบแก้ไขไม่ได้แล้วจังติดมาถึงตอนนี้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
สาย สีมา
อสุรผัด

ตอบ: 1
|
ความคิดเห็นที่ 515 เมื่อ 01 มิ.ย. 16, 00:33
|
|
โดยส่วนตัวเป็นคอหนังแต่ไม่ได้เป็น คอทวิภพ หนังเรื่องนี้ผมยกเป็น มาสเตอร์พีชหนังไทยและเป็นหนังดีที่สุดเรื่องหนึ่งเลยทีเดียวครับ สงสารทีมงานมากที่หนังเจ๊ง บ้านเราเลยไม่ค่อยมีหนังดีดีให้ได้ดูกัน เพราะสังคมการดูหนังเราเป็นยังไงไม่รู้ ผมอธิบายไม่ถูกเหมือนกัน กี่เรื่องแล้ว 15 ค่ำเดือน 11, เหมืองแร่, สตางค์, โหมโรง ( อันนี้เกือบเจ๊ง ),กาลครั้งหนึ่งเมื่อเช้านี้ หนังดีดี ทั้งนั้น พอได้มาอ่านกระทู้นี่เข้าใจระดับนึง ไม่ถูกใจบทดั้งเดิม ฉันไม่ดู-หนังไม่ดีไม่สนุก ปากต่อปากไฟลามทุ่ง ผมว่านี้ด้วยส่วนนึง สงสารคนที่ตั้งใจทำงานดีดีออกมา ทำให้คิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาเลย Bird Man นักวิจารณ์แค่ตวัดปากกา แต่คนทำงานต้องลงไปทั้งชีวิต
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 516 เมื่อ 01 มิ.ย. 16, 15:22
|
|
หนังไทยที่ทำเงินคือ หนังตลก,หนังวัยรุ่นและหนังผี หนังบู๊เคยเป็นที่นิยมแต่ต่อมาก็ต้อง พ่ายถอยให้กับหนังแอ็คชั่นฟอร์มยักษ์ของต่างชาติซึ่งต้องยอมรับว่าหน้าตาน่าดูกว่ามากด้วยทุน และงานสร้างเหนือกว่า ส่วนหนังดรามา หนังสมองต้องคิด หนังสร้างจากวรรณกรรม ของไทยคงถดถอยน้อยลงๆ ขนาดหนังดรามาและหนังนอกกระแสของต่างชาติ ถ้าไม่มีออสการ์หรือรางวัลอื่นพ่วงมาก็ยากจะ หาโรงใหญ่ลง,คงฉายแบบจำกัดโรงและอยู่ไม่นาน ทุกวันนี้ หนังไทยคุณภาพจึงหาดูได้ยากมาก ในขณะที่หนังคุณภาพ,หนังนอกกระแสของ ชาติต่างๆ ยังหาดูได้ในบางโรง,ไม่ยากนัก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Anna
|
ความคิดเห็นที่ 517 เมื่อ 01 มิ.ย. 16, 17:26
|
|
ขอแสดงความเห็นในฐานะคนที่ชอบดูหนังคนหนึ่งนะคะ แต่ยอมรับว่าไม่ค่อยดูหนังไทย เพราะรับไม่ได้กับการคัดเลือกตัวแสดงที่ไม่สมกับบทค่ะ ขอยกตัวอย่างเรื่องเด่นๆหลายเรื่อง อย่าง แผลเก่า เวอร์ชั่นล่าสุด ไอ้ขวัญ-อีเรียม แห่งทุ่งบางกะปิหน้าฝรั่งเชียว ละคร อยู่กับก๋ง เวอร์ชั่นพงษ์พัฒน์ ก๋งก็ไว้ผมยาวออกแนวติ๊ส หลุดจากภาพของก๋งอย่างที่ควรจะเป็น บางเรื่องก็เอาดาราวัยรที่ดังอยู่ในกระแสแสดงเป็นหนุ่มใหญ่นักธุรกิจ 'อีเย็น'เวอร์ชั่นล่าสุดก็เสียงแข็งห้วนท่าทางกระด้าง แทนที่จะน่าสงสาร กลับกลายเป็นน่าสงสัย เพราะดูคล้ายกับนางร้ายที่แผนสูงเสแสร้งแกล้งทำตัวน่าสงสาร
ฝรั่งเค้าคัดตัวแสดงกันได้สมบทบาท ส่วนดาราก็มืออาชีพ พระเอกนางเอกยอมไม่หล่อไม่สวยได้ ขอยกตัวอย่างเรื่อง Time out of Mind ที่ Richard Gere แสดงนำ คนหล่อสุดใจขาดดิ้นขนาดนั้น ยอมรับบทตาแก่จรจัด Gere เล่นได้ดีขนาดตอนถ่ายทำฉากคุ้ยขยะหากองกินอยู่บนถนน ฝูงชนเดินผ่านไปมาไม่มีใครจำเขาได้ นักท่องเที่ยวคนหนึ่งถึงกับยื่นอาหารที่เหลือเก็บใส่ถุงมาจากร้าน ให้เขาด้วยความสงสาร
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 518 เมื่อ 02 มิ.ย. 16, 14:34
|
|
(ว่ากันว่า) หนังไทยต่อยอดสืบสายมาจากลิเก จึงหาความสมจริงได้ยาก นางเอกเป็นเด็กสลัม,ชาวเขาชาวดอยแต่แต่งหน้าทาปากเขียนคิ้วติดขนตาจัดเต็ม มาในยุคหลัง, หนังละครไทยจึงพัฒนามีความสมจริงมากขึ้น แต่มรดกชิ้นนี้ก็ยังคง ปรากฏอยู่ในละครทีวีที่ตัวนางทั้งปวงต่างแต่งหน้าทาปากเข้านอนกันแทบทุกคน siamdara.co.th
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 519 เมื่อ 02 มิ.ย. 16, 14:40
|
|
การแสดงแต่แรกก็เล่นใหญ่แบบลิเก,ละครเวทีหรือหนังเงียบ ต่อมาจึงค่อยลดลง ให้พอเหมาะ และมีการเรียนการสอนการแสดงที่ออกมาจากภายใน inside out ที่เรียกว่า Method Acting กันมากขึ้น ทำให้บางคนไม่ได้"แสดงการแสดง" หากแต่ "เป็น" ตัวละคร คนนั้น เป็นพัฒนาการที่ดีขึ้นแต่ก็ยังไม่เท่า"ต้นแบบ" ทางตะวันตกที่นักแสดงบ้านเราบางคน ยอมรับว่าเรียนรู้ดูจากการแสดงของเขา ในขณะที่หลายรายก็ยังคง"แสดง" กันอยู่ ส่วนบทหนัง,บทละครมีพัฒนาการดีขึ้นแต่โดยรวมก็ยังห่างจากฝั่งตะวันตกและตะวันออก บางเรื่อง,บางประเทศ ด้วยข้อจำกัดด้านบุคคลากร,ทุนและ ที่สำคัญคือคนดูบ้านเราเป็นกลุ่มที่ ยังพอใจเสพละคร,หนังเพียงเพื่อความบันเทิง,สะใจ,ใส่อารมณ์ ไม่ต้องคิดมาก ดังนั้นละคร,หนัง ของบ้านเราจึงวนลูปนำเสนอแต่แนวเดิมๆ ซ้ำๆ เป็นส่วนใหญ่ ที่แหวก,แตกต่างออกมาก็เรตติ้ง ไม่ดี ไม่มีคนดู สรุปว่าพัฒนาแต่ช้า และหนัง,ละครไทยคุณภาพยังเป็นของหายาก gossipstar.mthai.com
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33477
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 520 เมื่อ 02 มิ.ย. 16, 15:44
|
|
เห็นด้วยกับคุณหมอศิลาค่ะ
วัฒนธรรมลิเก หรือความนิยมในการเสพสิ่งบันเทิงแต่โบราณของไทย ไม่มีอะไร realistic อยู่แล้ว พระเอกในลิเก ถึงเดินป่าผจญภัยก็แต่งองค์ทรงเครื่องแพรวพราวไปทั้งตัว ถ้าจะมองเขยิบขึ้นมาสูงกว่านั้น ไม่ว่าโขน ละครนอกหรือละครใน ก็ไม่ได้ยึดความสมจริงตามธรรมชาติ พระรามพระลักษณ์ออกศึกแต่ละที อาบน้ำแต่งตัวกันหรูหราเป็นเจ้าเป็นนาย สร้อยสังวาลบานพับประดับเต็มตัว ไม่มีอะไรที่พอจะเทียบได้กับกางเกงลายพรางของทหารเลยสักอย่างเดียว
เมื่ออิทธิพลตะวันตกเข้ามาในรูปหนังโรง และละครหลังข่าวซึ่งความจริงก็ถ่ายแบบหนังน่ะแหละ จะให้คนไทยลืมรสนิยมเดิมง่ายๆกระไรได้
องค์ชายทั้งหลายที่เคยมาในรูปของพระรามพระลักษณ์ หรือพระสังข์ทอง ก็เปลี่ยนคำนำหน้าเป็นท่านชายและคุณชาย เป็นเจ้าของวังโอ่อ่าเหมือนทำเนียบขาว ให้คนดูหน้าจอเคลิ้มฝันกันได้เหมือนเดิม นักแสดงของเราเองก็ไม่ใช่ว่าไม่เก่ง ตัวโกงในลิเกถูกกระป๋องน้ำหมากคุณยายเขวี้ยงจากหน้าวิกใส่หัวมาหลายรายแล้ว โทษฐานโกงตีบทแตก เคยคุยกับนางเอกลิเกดังคนหนึ่งในยุคนี้ เธอเล่าว่าตัวเองเล่นเป็นแม่เลี้ยงใจร้ายรังแกลูกเลี้ยง วิ่งไล่ตบตีกันลงจากวิกมาถึงลานคนดู เพื่อให้สมบทบาท ผ่านคุณยายคนหนึ่ง ได้ยินเสียงอั้ก ตามมาด้วยหลังแอ่นเลยค่ะ เพราะคุณยายอินจัด โกรธนางแม่เลี้ยงเลยคว้าไม้ทุบพลั่กเข้าให้บนกลางหลัง นางเอกลิเกเล่าว่าเธอเจ็บจนน้ำตาแทบร่วง แต่กล้ำกลืนฝืนไว้เพราะกำลังอยู่ในบท จะทิ้งบทลงนั่งร้องไห้ไม่ได้ ก็ได้แต่กัดฟันเล่นบท กลับขึ้นวิกตามเดิม
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33477
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 521 เมื่อ 03 มิ.ย. 16, 10:46
|
|
http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9590000055635 ถูกวิพากษ์วิจารณ์มาหลายยุคหลายสมัย สำหรับความสมจริงของ "ละครไทย" ตั้งแต่นางเอก เธอจะสวยไปไหน? หน้าเต็มขนตาเด้งแม้เวลาเข้านอน หรือความสมจริงที่ผิดจุดอย่าง "กอด-จูบ-ลูบ-ไซ้" แต่ที่ถูกติงหนักเลยก็คือ ฉากการแพทย์ที่ไม่สมจริง แถมยังผิดหลักการแพทย์ ล่าสุดโดนสวดไป 2 เรื่อง ทั้ง "นางทาส" ที่ถูกจับผิดในฉากคลอดลูก และ "พิรุณพร่ำรัก" กับฉากที่ให้ความรู้ผิดๆ ในการช่วยเหลือผู้ป่วยกินสารพิษ...
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 522 เมื่อ 03 มิ.ย. 16, 17:52
|
|
ถ้าไม่ได้เป็นหนัง,ละครเกี่ยวกับเรื่องทางการแพทย์โดยตรง มักจะมีพลาดเล็ก,พลาดใหญ่ แล้วแต่ ใครจะลงทุนจ้างคนเขียนบทโดยมีแพทย์เป็นที่ปรึกษาหรือไม่ แม้แต่ ซีรี่ส์ดังอย่างเรื่องหมอ House,M.D. ยังมีคนจับผิดได้ เช่น ในซีรี่ส์บอกว่าโรค toxoplasmosis เกิดจากเชื้อรา,ทั้งที่จริงแล้วเป็นปรสิต นอกจาก นี้ก็ยังมีการให้การรักษา,การดูแลที่ผิดหลักวิชาการในบางตอน เป็นต้น
ส่วนที่เคยผ่านตาจากหนังตะวันตกก็ได้แก่ การติดฟิล์มเอ็กซเรย์ปอดกลับข้าง ทำให้หัวใจซึ่งอยู่ด้าน ซ้ายย้ายมาขวา(แต่ในกรณีอาจแถได้ว่า เป็นฟิล์มของคนไข้พิเศษที่หัวใจอยู่ข้างขวา), กิจกรรมการกู้ชีพ คนไข้, การใช้เครื่องกระตุกหัวใจไฟฟ้าโดยวาง paddle เพื่อปล่อยพลังงานไฟฟ้าสู่ผู้ป่วยลงบนทรวงอก ผิดตำแหน่ง โดยเฉพาะเมื่อตัวละครเป็นผู้หญิงยิ่งจำต้องผิดเพราะต้องให้เธอสวมเสื้อปกปิดหน้าอกไว้ อย่างในหนังเรื่อง Flatliners ตอนกู้ชีพ Julia Roberts (lovedesigner.net)
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เพ็ญชมพู
|
ความคิดเห็นที่ 523 เมื่อ 03 มิ.ย. 16, 18:16
|
|
เช่น ในซีรี่ส์บอกว่าโรค toxoplasmosis เกิดจากเชื้อรา,ทั้งที่จริงแล้วเป็นปรสิต จะบอกว่า Toxoplasma gondii ที่ทำให้เกิดโรค toxoplasmosis เป็นปรสิต (parasite) ก็ไม่ผิด แต่คำนี้มีความหมายกว้างกินความตั้งแต่พวกที่อยู่ภายนอกร่างกายเช่น เหา เห็บ หมัด และพวกที่อยู่ในร่างกายเช่นพวกพยาธิต่าง ๆ (helminth) และ สัตว์เซลล์เดียว (protozoa) ถ้าให้ถูกต้องจริง ๆ ควรจะบอกว่า Toxoplasma gondii นั้นเป็นสัตว์เซลล์เดียว หรือ โปรโตซัว อยากรู้จักโรคนี้เข้าไปอ่านได้ที่ http://webdb.dmsc.moph.go.th/ifc_nih/a_nih_1_001c.asp?info_id=42ถ้าอยากจะรู้ลึกกว่านั้นก็ให้อ่านในเรือนไทย http://www.reurnthai.com/index.php?topic=3296.msg111298#msg111298 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 524 เมื่อ 04 มิ.ย. 16, 09:48
|
|
ไม่ชอบ โปรโตซัว ไม่ไพเราะ,ฟังไม่"ไทยบาลีสันสกฤต" เลยเลี่ยงไปใช้คำ ปรสิต ที่ชอบ 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|