เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: [1]
  พิมพ์  
อ่าน: 5143 ภาษาอเมริกันวันละคำ Excess Baggage
ปัญจมา
อสุรผัด
*
ตอบ: 100


 เมื่อ 19 มี.ค. 12, 15:20

Excess Baggage
สัมภาระส่วนเกินในชีวิตคน

นิตยสารแฟชั่นหัวนอกฉบับเดือนกุมภาพันธ์ตีพิมพ์บทสัมภาษณ์ดาราสาวคนหนึ่ง    ซึ่งเพิ่งจะได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ในสาขานักแสดงนำหญิงจากการสวมบทมาริลีน มอนโรในภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของเธอ    ในบทสัมภาษณ์ตอนหนึ่งเธอพูดถึงตัวเองว่า....

“ฉันรู้สึกว่าแต่ละคนมีถุงของตัวเอง  ในถุงมีของหลายอย่างปนกัน  ของบางอย่างก็เยี่ยม  บางอย่างก็แย่  แต่มีคนเยอะแยะที่รู้ว่าในถุงของฉันมีอะไรบ้าง”

เพราะต้องใช้เวลาส่วนใหญ่ในแต่ละวันคลุกคลีตีโมงอยู่กับทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ   ฉันจึงซาบซึ้งเป็นอย่างดีว่าการจะแปลข้อความในภาษาใดภาษาหนึ่งให้เป็นอีกภาษาหนึ่งได้อย่างสละสลวยและเข้าใจได้ง่าย  อีกทั้งยังคงความหมายดั้งเดิมเอาไว้ด้วยนั้น  ไม่ใช่อะไรที่เราจะทำได้ดี  เพียงเพราะเราสามารถอ่านเขียนภาษาทั้งสองได้คล่องแคล่วแต่เพียงอย่างเดียว  หากการแปลเป็นเสมือนศิลปะที่ต้องอาศัยทั้งความเข้าใจในวัฒนธรรมของสังคมเจ้าของภาษา  รวมถึงทักษะด้านวรรณศิลป์ของผู้แปลเองด้วย  (แม้ว่าผู้แปลที่ดีอาจไม่จำเป็นจะต้องมีทักษะด้านวรรณศิลป์สูงส่งในระดับเดียวกับที่นักประพันธ์ซึ่งประสบความสำเร็จสูง ๆ เขามีกันก็ตาม)   
บันทึกการเข้า
ปัญจมา
อสุรผัด
*
ตอบ: 100


ความคิดเห็นที่ 1  เมื่อ 19 มี.ค. 12, 15:21

เรื่องของ “ถุง” ในประโยคที่ยกมาข้างต้นก็น่าจะเป็นตัวอย่างที่ดีตัวอย่างหนึ่งของสัจจธรรมดังกล่าว   ทั้งนี้ก็เพราะในภาษาไทยเรานั้น   คำว่า “ถุง” ไม่ได้มีความหมายอื่นใดเลยนอกจากเป็นเครื่องใช้ประเภทหนึ่งสำหรับใส่สิ่งของ        การแปลประโยคข้างต้นโดยนำคำว่า “ถุง” เข้ามาใส่จึงมิได้ช่วยคนอ่านให้เข้าใจความหมายที่ดาราสาวประสงค์จะสื่อได้ดีขึ้นแต่อย่างใด   ตรงกันข้าม  มันกลับสร้างความกำกวมให้คนอ่านอย่างฉันต้องสะดุดหยุดคิด   พร้อม ๆ กับตั้งข้อสงสัยในกระบวนการตรวจสอบคุณภาพของนิตยสารฉบับนี้ขึ้นมาด้วยอีกต่างหาก    

แม้จะไม่ได้เห็นต้นฉบับดั้งเดิม  แต่ประสบการณ์ก็ทำให้ฉันเดาเอาว่าดาราสาวคนนี้คงไม่ได้พูดถึง “ถุง” หรือ “bag” ในภาษาอังกฤษเป็นแน่   หากเธอคงใช้สแลงที่อเมริกันชนส่วนใหญ่มักจะชอบใช้เวลาอธิบายถึงภาระต่าง ๆ ในชีวิตที่พวกเขาต้องแบกอยู่   คำที่ว่านั้นก็คือ “baggage” ซึ่งแปลว่า “กระเป๋าหรือสัมภาระของผู้โดยสาร” นั่นเอง

เวลาอเมริกันชนเขาพูดถึงภาระที่ต้องแบกอยู่โดยไม่จำเป็น  หรืออะไรที่เขาต้องการจะกำจัด  เขามักจะใช้คำว่า “excess baggage” (เอ่ก-เซ่ส แบ๊ก-เก็จ)   บางคนขี้เกียจจะพูดยาวๆ  เขาก็ลดลงเหลือแค่ baggage คำเดียว   แต่ก็เป็นที่รู้กันว่าหมายถึงอะไร (โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาจากบริบทหรือคำอื่น ๆ ที่อยู่ใกล้เคียง)      

Excess เป็นคำนาม  หมายถึงอะไรที่มีมากเกินจำเป็นหรือเหลือเฟือ    ถ้าเป็นคำกริยาก็คือ exceed (เอ่ก-ซีด)  แปลว่า “เกิน” “มากกว่า” หรือ “ละเมิด”  เช่น exceed expectation = เกินความคาดหมาย   exceed limit = เกินกว่าอัตราที่กำหนด  และ exceed authority =  เกินกว่าอำนาจที่มีอยู่หรือหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายมา ฯลฯ    
เมื่อนำ excess มาขยายคำนามอีกคำหนึ่งคือ baggage ก็จะหมายถึงสัมภาระของผู้โดยสารซึ่งมีน้ำหนักหรือจำนวนที่มากกว่าอัตราที่สายการบินอนุญาตไว้  


บันทึกการเข้า
ปัญจมา
อสุรผัด
*
ตอบ: 100


ความคิดเห็นที่ 2  เมื่อ 19 มี.ค. 12, 15:22

เวลาที่อเมริกันชนเขานำวลี excess baggage มาใช้ในคำสนทนาทั่วๆ ไปที่ไม่เกี่ยวกับการเดินทาง   เขากำลังอ้างถึงสัมภาระที่มองไม่เห็นซึ่งปุถุชนคนธรรมดามักจะแบกเอาไว้จนเต็มบ่า    ไม่ว่าจะเป็นความหลังฝังใจที่ลืมไม่ได้    อดีตที่ไม่ค่อยจะสวยสดงดงามนัก   หรือแม้แต่สมาชิกคนใดคนหนึ่งในครอบครัวที่รังแต่จะหาเรื่องเดือดร้อนมาให้สมาชิกคนอื่น ๆ คอยตามแก้ไข    เพราะสองอย่างแรกนั้นคือสิ่งที่คนเรามักจะแบกอยู่โดยไม่จำเป็น  ในขณะที่อย่างหลังคือสิ่งซึ่งเราอาจจะอยากกำจัดให้พ้นตัว   แต่สายเลือดที่เกี่ยวดองกันก็ทำให้เราไม่สามารถจะทำตามใจปรารถนาได้ง่ายนัก   

ในกรณีของดาราสาวคนที่ว่า   สาธารณชนส่วนใหญ่ดูจะทราบดีถึงเหตุการณ์ในชีวิตที่เป็นเสมือน “สัมภาระส่วนเกิน” ที่เธอต้องแบกไปไหนมาไหนด้วยอยู่ตลอดเวลา  นั่นก็คือการที่อดีตเพื่อนชายคนสนิทซึ่งเป็นพ่อของลูกเธอด้วยนั้นได้จากโลกนี้ไปก่อนวัยอันสมควรเพราะการกินยานอนหลับเกินขนาด  หลังจากที่เขาและเธอได้แยกทางกันเพียงไม่นาน    เหตุการณ์นี้ยังความเศร้าโศกให้แก่เธอเป็นอย่างยิ่ง   อีกทั้งทำให้ความหวังของเธอที่จะกลับไปคืนดีกับพ่อของลูกต้องพังทลายไปด้วย
บันทึกการเข้า
ปัญจมา
อสุรผัด
*
ตอบ: 100


ความคิดเห็นที่ 3  เมื่อ 19 มี.ค. 12, 15:23

....ไม่บอกก็คงเดาได้ว่าคำถามประเภท “What if….” (เช่น  “ถ้าเขายังอยู่  เราจะได้กลับไปคืนดีกันหรือเปล่า”)  คงจะเป็นอะไรที่คอยหลอกหลอนเธออยู่ตลอดเวลา   กลายเป็นสัมภาระส่วนเกินให้เธอต้องแบกไปไม่รู้จบ...

สำนวนในภาษาอังกฤษแบบอเมริกันอีกสำนวนหนึ่งซึ่งแตกยอดมาจาก excess baggage นี้ก็คือ political baggage (พะ-ลิต-ถิ-ขั่ล แบ๊ก-เก็จ) หรือสัมภาระส่วนเกินทางการเมือง  ซึ่งก็หมายถึงอะไรที่ถ่วงความเจริญหรืออนาคตทางการเมืองของใครคนใดคนหนึ่งนั่นเอง    

สำนวนนี้จะได้พบได้เห็นบ่อยมากตามหน้าหนังสือพิมพ์ฝรั่งในฤดูเลือกตั้ง เพราะเป็นการพูดถึงโอกาสของผู้สมัครที่จะได้รับเลือก   ผู้สมัครบางคนมีภาษีดี  ประวัติการทำงานเยี่ยมยอด    พูดโน้มน้าวใจคนฟังเก่ง   แต่มีความประพฤติส่วนตัวที่สังคมยอมรับไม่ได้ (เช่น แอบไปจู๋จี๋กับสาวอื่นในขณะที่ภรรยาของตัวเองกำลังต่อสู้กับโรคมะเร็งอย่างนายจอห์น เอ็ดเวิร์ดส  อดีตผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครต เป็นต้น)   ความประพฤติส่วนตัวที่ว่า (หากได้รับการเปิดเผยต่อสาธารณชน) ก็อาจจะกลายเป็น political baggage ซึ่งถ่วงไว้ไม่ให้เขาได้รับความไว้วางใจจากประชาชนก็เป็นได้  


บันทึกการเข้า
ปัญจมา
อสุรผัด
*
ตอบ: 100


ความคิดเห็นที่ 4  เมื่อ 19 มี.ค. 12, 15:23

ใครที่คอยติดตามการเมืองสหรัฐอเมริกาอยู่ก็น่าจะจำคดีอื้อฉาวที่เกือบทำให้ประธานาธิบดีบิล คลินตันต้องถูกขับออกจากทำเนียบขาวกันได้บ้าง     เพราะนอกจากคลินตันจะแอบนอกใจภรรยาด้วยการไปมีอะไรกุ๊กกิ๊กกับเด็กฝึกงานในทำเนียบขาวแล้ว  ยังให้การเท็จเรื่องความสัมพันธ์ของเขาและเธอในระหว่างที่ต้องไปตอบคำถามในศาลเกี่ยวกับคดีอื่นที่ไม่เกี่ยวกับสาวฝึกงานคนนี้อีก     เมื่อคลินตันพ้นวาระไปก็เป็นธรรมเนียมอยู่เองที่รองประธานาธิบดีอัล กอร์จะลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีบ้าง      ว่ากันว่า ชื่อเสียงของคลินตันในอเมริกาขณะนั้นมันเหม็นหึ่งจนถึงขนาดที่นายกอร์ต้องขอร้องคลินตันไม่ให้มาช่วยเขาหาเสียง  ทั้ง ๆ ที่ถ้าเป็นเวลาปกติแล้ว   คนที่เคยเป็นประธานาธิบดีมาก่อนจะมีส่วนช่วยดึงดูดคะแนนเสียงมาให้ผู้สมัครของพรรคได้มากโข    สรุปว่าคดีอื้อฉาวที่เกิดขึ้นในขณะที่เขายังดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศอยู่ได้ทำให้คลินตันกลายเป็น political baggage ของกอร์ไปโดยปริยาย 

สมัยเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2551 ก็เช่นกัน    ไม่ค่อยมีใครในพรรครีพับลิกันอยากให้พี่จอร์จ ดับเบิ้ลยู บุชแกมาช่วยวุฒิสมาชิกจอห์น แมคเคนหาเสียงสักเท่าไหร่   เพราะตอนนั้นคนอเมริกันกำลังเอียนสงครามอิรักกันเต็มที่    แถมช่วงนั้นยังเป็นหลังจากที่มีการเปิดเผยแล้วด้วยว่าอิรักไม่ได้มีอาวุธเคมีเตรียมไว้ถล่มชาวโลกจริงอย่างที่รัฐบาลสหรัฐฯ กล่าวหา   พี่บุชเลยกลายเป็นสัญญลักษณ์ของการดำเนินนโยบายต่างประเทศที่ทำให้อเมริกาเกือบล่มจม  และเป็น political baggage ของผู้สมัครจากพรรครีพับลิกันคนต่อ ๆ มา
บันทึกการเข้า
ปัญจมา
อสุรผัด
*
ตอบ: 100


ความคิดเห็นที่ 5  เมื่อ 19 มี.ค. 12, 15:24

การสลัดสัมภาระส่วนเกินให้หลุดจากบ่านั้นไม่ใช่อะไรที่ทำได้ง่าย   เพราะถ้าสิ่งนั้นไม่มีความหมายต่อชีวิตเราแล้ว   มันก็จะไม่มาติดหนึบอยู่บนบ่าให้เราแบกไปไหนมาไหนด้วยตั้งแต่ต้น    สัมภาระส่วนเกินทางการเมืองบางประเภทก็เขวี้ยงทิ้งได้ลำบาก   ดูกรณีของผู้นำสตรีแห่งประเทศสารขัณฑ์ที่มีพี่ชายคอยบอกบทอยู่นอกประเทศเป็นตัวอย่างก็ได้         

จะว่าไปแล้ว    ผู้นำทางการเมืองทั้งหลายของประเทศสารขัณฑ์  ไม่ว่าจะเสื้อเหลืองหรือเสื้อแดง   ก็ดูจะหาคนที่ปราศจากสัมภาระส่วนเกินทางการเมืองได้ยากเต็มที    เพราะแต่ละคนนั้น  ถ้าไม่เคยมีส่วนส่งเสริมให้ประชาชนบางกลุ่มรู้สึกว่าการออกไปยึดอาคารที่ทำการของรัฐและสนามบินพาณิชย์ที่คนเป็นล้านต้องใช้ไม่ใช่เรื่องผิด      ก็ต้องเคยยุยงให้ผู้สนับสนุนตนออกไปลุยเผาสถานที่ของเอกชนและของรัฐเวลาไม่ได้อย่างใจมาแล้ว    เพียงแต่คนที่สนับสนุนเขาอยู่เท่านั้นจะแยกแยะได้หรือไม่ว่าอะไรคือผิดชอบชั่วดี

ตรงนี้ภาษาอังกฤษช่วยไม่ได้ค่ะ.....ต้องตัวใครตัวมัน....   
บันทึกการเข้า
awork
แขกเรือน
อสุรผัด
*
ตอบ: 15


ความคิดเห็นที่ 6  เมื่อ 21 มี.ค. 12, 05:47

ตามอ่าน คุณ ปัญจมา ตั้งแต่คอลัมน์แรกแล้วนะครับ เป็นความรู้ที่ดี และสามารถนำมาใช้เป็นข้อคิดในชีวิตจริงอีกด้วยครับ เลยอยากส่งกำลังใจให้ ครับ ยังมีคนคอยตามอ่านผลงานของคุณปัญจมาอยู่เสมอครับ   ยิ้ม
บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 7  เมื่อ 21 มี.ค. 12, 07:46



ฉะนั้น ผู้มีอาวุโส 
ภิกษุผู้เป็นพระอรหันต์ขีณาสพ
ผู้มีกิจอันพึงทำ ได้ทำเสร็จแล้ว
วางภาระแล้ว
มีความต้องการของตนอันบรรลุแล้ว
สิ้นกิเลสอันเป็นเหตุมัดไว้ในภพแล้ว
หลุดพ้นแล้ว
เพราะรู้โดยชอบ


ปาสาทิกสูตร ๑๑/๑๔๗
ที่มา : พระไตรปิฎกฉบับสำหรับประชาชน
บันทึกการเข้า
สวัสดิรักษา
อสุรผัด
*
ตอบ: 1


ความคิดเห็นที่ 8  เมื่อ 24 พ.ค. 12, 15:35

ติดตามอาจารย์ปัญจมาหลายกระทู้เเล้ว อาจารย์ให้ความรู้ทางภาษาอังกฤษดีมากเลยคิะ อายจัง
อยากให้อาจารย์เขียนกระทู้ที่ให้ความรู้ทางภาษาอย่างนี้ต่อไปน่ะค่ะ ติดตามอ่านอยู่ตลอดค่ะ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 9  เมื่อ 24 พ.ค. 12, 21:05

คุณปัญจมามีงานเต็มมือในช่วงนี้.   เลยต้องลาเรือนไทยชั่วคราว
มีเวลาว่างเมื่อไร เธอคงแวะมาอีกค่ะ
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.037 วินาที กับ 19 คำสั่ง