มีอยู่ยุคหนึ่ง นานมาแล้ว โป่งข่ามเกิดฮิทขึ้นมาในตลาดอัญมณี ผู้หญิงมักจะมีแหวนโป่งข่ามกันอย่างน้อยคนละวงสองวง เพราะตอนนั้นมีเสียงโฆษณาเล่าลือถึงความวิเศษของโป่งข่าม สวมใส่แล้วจะมีโชคลาภ คุ้มกันอันตราย มีเงินทอง มีเสน่ห์ ฯลฯ แล้วแต่จะพูดกันไป ว่ากันว่าโป่งข่ามสวยๆราคาเม็ดละเป็นหมื่น ในยุคที่เงินเดือนข้าราชการเริ่มด้วยพันต้นๆ
โป่งข่ามมีชื่อไพเราะมาก สีสันก็หลากหลาย โดยมากเป็นสีขาวโปร่งแสง มีลายอยู่ข้างใน นอกจากนี้ก็มีสีอ่อนๆ อย่างชมพูและม่วง ยังจำได้ว่ามีชื่อหนึ่งคือ "แก้วมุงเมือง"
ตัวเองไม่ได้สนใจของพวกนี้ ก็เลยไม่เคยมีโป่งข่ามกะเขาเลยสักเม็ด ได้แต่ไปหารูปมาจากกูเกิ้ลมาทบทวนความหลัง เมื่อคุณตั้งเล่าถึงเรื่องนี้ขึ้นมา
ใช่ครับ โป่งข่ามนั้นนิยมกันเมื่อยุคประมาณ พ.ศ.2510++ แหล่งผลิตที่สำคัญอยู่ที่ อ.เถิน มีการเจียรนัยอยู่ทรงเดียว คือแบบหลังเต่า มีอยู่หลายขนาด ไม่ซื้อขายกันด้วยน้ำหนักเป็นกะรัต (สะกด carat หากใช้กับทองคำจะสะกด karat) ขนาดเล็กใหญ่ก็ไม่ใช่ตัวกำหนดราคา ราคาไปอยู่ที่ลวดลายที่แทรกอยู่ในเนื้อ เป็นทรงเข็มบ้าง เป็นทรงหญ้ามอสบ้าง เป็นจุดๆบ้าง คือไปเล่นกันที่ความแปลก สีและความสวยงามของ impurities ที่อยู่ในเนื้อ ราคาก็มีตั้งแต่หลักสิบไปจนหลักหมื่นตามที่คุณเทาชมพูกล่าวไว้ ส่วนมากจะเป็นหลักร้อย แถวๆห้าร้อยบาท
สำหรับการตั้งชื่อนั้นมีมากมาย ผมจำไม่ได้แล้ว นอกจากจะซื้อหาเก็บกันแล้วก็ยังมีการเอาไปทำการปลุกเสกอีกด้วย ทำให้มีค่าและราคาเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตังเลยทีเดียว
ที่จริงแล้ว แร่ quartz ใสๆนี้พบอยู่ทั่วประเทศไทยในพื้นที่ๆเป็นเขาหิน จะพบค่อนข้างน้อยมากก็ในอีสาน ผมคิดว่าแหล่งผลิตและความโด่งดังนี้เกิดจากคนในพื้นที่เอง ในสมัยโบราณนั้น คนทางภาคเหนือนิยมแกะสลักพระจากแร่ Quartz