เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 [2] 3 4 5
  พิมพ์  
อ่าน: 29380 การสวรรคตของพระเจ้ากรุงธนบุรีมหาราช
Ruamrudee
องคต
*****
ตอบ: 627



ความคิดเห็นที่ 15  เมื่อ 23 มี.ค. 12, 11:32

อ้างถึง
มันเป็นวิบากของท่านเองที่เกิดผิดปกติทางจิต

ดิฉันเห็นด้วยกับคำว่า ทรงเป็นมหาราชที่อาภัพ ก็ตรงเหตุผลข้างต้นนี้แหละค่ะ

ดิฉันเชื่อเป็นส่วนตัวว่า ทุกคนมีชะตากรรมลิขิตไว้ตามบุญและบาปที่เคยทำไว้ให้ต้องมาทำหน้าที่ในชาตินี้
ต่อให้อยากจะทำให้ดีสักเพียงไหน ก็ยากที่จะฟันฝ่าอำนาจของบุญบารมี(ความเคยชินในด้านดี)และวาสนา(ความเคยชินในด้านไม่ดี)เก่าที่สะสมไว้.....แต่ก็ไม่ใช่จะฟันฝ่าไม่ได้ ต้องอาศัยกำลังสติปัญญาอย่างสูงที่จะชนะใจตนเอง

กำลังสติปัญญาอย่างสูงนี้ ใคร ๆ ก็อยากได้อยากมี อยากสะสมไว้ เพื่อหลุดพ้นจากการถูกวิบากกรรมสะกดให้นิ่งจมทุกข์จมบาปไม่สิ้นสุด

ด้วยเหตุนี้ การปฏิบัติธรรม จึงเป็นวิธีการหนึ่งที่จะเพิ่มกำลังสติปัญญา แต่หากชาติปัจจุบัน ไปทำกรรมเวรอะไรที่แรง ๆ ไว้ กรรมนั้น ย่อมส่งผลให้จิตถูกรบกวน ยากที่จะสำเร็จผลในการพัฒนาสติปัญญา นี่จึงเป็นเหตุให้คำสอนในทุกศาสนา มักให้รักษาศีล 5 เป้นอย่างต่ำ

พระเจ้าตากสินนั้น ทรงอาภัพที่เกิดมาในทุรยุคค่ะ จำเป็นต้องรบพุ่งรักษาขอบขันธสีมาและ พระศาสนาให้ร่มเย็น
อันนี้เป็นเหตุให้ต้องปานาติบาต เป็นการเสียสละตนเองที่ยิ่งใหญ่ เพื่อแลกกับประโยชน์ส่วนรวม

การเสียสละนี้ เป็นเหตุให้ทรง Depress ในบั่นปลาย และจบลงด้วยการกระทำที่รุนแรง นี่เป็นเพราะบุญบารมีเก่ายังไม่มากพอจะต้านทานสิ่งที่มากระทบใจแรง ๆ เช่นนี้ได้ ดังเช่นที่ อาจารย์ นวรัตน์กล่าวไว้ข้างต้นว่า "เป็นวิบาก"

(ขอให้นึกถึงพระเจ้าอโศกมหาราช นั่น ฆ่าคนเหลือคณานับ แต่กลับสามารถกลับใจ รักษาพระสติได้มั่นคง สมเป็นมหาจักรพรรดิ์ ทนุบำรุงพระศาสนาจนเราได้มีนับถือกันในประเทศไทย หรือแม้แต่สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก ที่ทรงเป็นนักรบร่วมสมัย ก็ยังคุมพระสติได้ดี สงบเยือกเย็น แม้แต่เจ้าคุณชูโต พี่ภรรยาท่านก็ยังไม่สงบเย็นเท่า)

ขอให้เราทุกคนน้อมจิตลงกราบพระองค์ท่านด้วยความระลึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงเสียสละอย่างสูงส่งนี้

สำหรับการตัดสินประหารชีวิตนั้น ขอให้คำนึงถึงสถานการณ์ในขณะนั้น
ไม่ควรเอามาตรฐานการตัดสินคดีในยุคบ้านเมืองสงบอย่างปัจจุบันไปเปรียบเทียบ
ไม่ยุติธรรมค่ะ
บันทึกการเข้า
Ruamrudee
องคต
*****
ตอบ: 627



ความคิดเห็นที่ 16  เมื่อ 23 มี.ค. 12, 11:45

ตามที่ท่านเจ้าของกระทู้เกริ่นไว้แต่แรก...ว่า มีหนังสือมากมายที่กล่าวถึงเรื่องนี้

ดิฉันก็เป็นผู้หนึ่งที่ติดตามอ่านการวิเคราะห์เรื่องสาเหตุการสวรรคตของพระเจ้ากรุงธนบุรีไว้ไม่น้อย

อ่านมากจนเบื่อในที่สุด เพราะ....พบเจตนาแฝงบางประการที่จะใช้ อดีต ทำลาย"ประโยชน์"ปัจจุบัน

อะไรจะเกิดในอดีต ก็เป็นอดีตไปแล้วค่ะ หากเราจะศึกษาหรือแลกเปลี่ยนกันที่นี้ ขอให้ทำเพื่อประโยชน์ปัจจุบันเป็นหลักนะคะ

ขอข้ามไม่กล่าวถึงรายละเอียดของเจตนาแฝงนะคะ

เน้นที่ประโยชน์ปัจจุบันกันเถอะค่ะ
บันทึกการเข้า
samson
อสุรผัด
*
ตอบ: 18



ความคิดเห็นที่ 17  เมื่อ 23 มี.ค. 12, 13:40

ขอขอบคุณทุกความคิดเห็น

ในฐานะผู้เปิดประเด็น

โดยความสัตย์จริง ข้าพเจ้ามิได้มีเจตนา ที่จะหาข้อสรุป หรือหาข้อพิสูจน์ หรือแม้กระทั่งความจริง ของประวัติศาสตร์เกี่ยวกับการสวรรคตของพระเจ้าตากเลย แม้แต่น้อย

เนื่องด้วย อย่างที่เกริ่นไว้ ว่ามีหนังสือหลายเล่ม หลากทฤษฏี ออกมาให้เห็นเต็มไปหมด และหากตัดอคติ หรือความยึดติดกับความเชื่อเดิม ที่ฝังอยู่ในหัว ออกไปให้ได้หมดแล้ว
ในหลายๆทฤษฏี ต่างก็มีความเป็นไปได้ มีความสมเหตุสมผลอยู่ในตัวของมันเองในระดับค่อนข้างสูง ถึงแม้กระทั่งสามารถจินตนาการไปได้ว่า หากประวัติศาสตร์หน้านี้ สามารถถอดออกได้ แล้วใส่หน้าใหม่ ตามทฤษฏีเหล่านี้แทนลงไป ก็สามารถติดสนิทกันได้อย่างสนิทแนบเนียน

ตามความคิดของข้าพเจ้า มนุษย์เราอยู่กับความเชื่อทั้งชีวิต  
แม้กระทั่งความรู้ต่างๆ ที่เราคิดว่าเรารู้ แท้ที่จริง เป็นเพราะเรา'เชื่อ'ว่าสิ่งที่เราได้เรียนรู้และจดจำนั้น เป็นสิ่งที่ถูก และเป็นความจริง
แม้แต่ในเรื่องเดียวกัน มนุษย์ ยังเชื่อไม่เหมือนกัน และ แต่ละคน ต่างเชื่อในความคิดของตน ว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เป็น 'ความรู้' ที่เเท้จริง

สาเหตุของการตั้งกระทู้นี้ก็คือ ข้าพเจ้าอยากรู้ ว่า 'ความรู้เกี่ยวกับการสวรรคตของพระเจ้ากรุงธนบุรี' และ 'ความเชื่อ' ของแต่ละคน เป็นอย่างไรกันบ้าง
หากนี่เป็นคำถาม ก็เป็นคำถามที่ทุกคำตอบถูกหมด เพราะ ความรู้ หรือที่ข้าพเจ้าเรียกว่า'ความเชื่อ'ของแต่ละบุคคล สำหรับข้าพเจ้านั้นถูกต้องหมด เพราะอย่างน้อยทุกคน ต่างคิดว่า 'ความรู้'ของตน นั้นถูกต้องแน่นอน ยิ้มเท่ห์    
 


......................................
เพราะโลกเรามีแต่ความเชื่อ ความรู้ในความไม่รู้ สองพันห้าร้อยกว่าปีที่แล้ว หนุ่มน้อยลูกเจ้าเมืองกบิลพัสดุ์ ถึงหนีออกจากวังไปในกลางดึก หนีออกจาก'ความเชื่อ' แล้วไปแสวงหา 'ความจริง'



บันทึกการเข้า
Ruamrudee
องคต
*****
ตอบ: 627



ความคิดเห็นที่ 18  เมื่อ 23 มี.ค. 12, 14:23

อ้างถึง
ความคิดเห็นที่ 11  เมื่อ 22 มี.ค. 12, 16:22
รอท่านอื่นมาแสดงความคิดเห็นค่ะ
แล้วดิฉันจะตอบคุณ samson ว่าคำตอบคุณมีจุดอ่อนตรงไหน

รอคำตอบอาจารย์เทาชมพูด้วยความเคารพค่ะ เพราะดิฉันก็ไม่ค่อยเข้าใจคำตอบของคุณ SAMSON ค่ะ

บันทึกการเข้า
samson
อสุรผัด
*
ตอบ: 18



ความคิดเห็นที่ 19  เมื่อ 23 มี.ค. 12, 16:37

นี่ไงครับ เพราะ คุณ 'เชื่อ' ว่าความเห็นของคุณเทาชมพู เป็นสิ่งที่ถูกต้อง



......... เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างครับ ยิ้มเท่ห์

พระพุทธเจ้า ถึงสอนไว้ว่า อย่าเชื่อคนอื่น ให้เชื่อในตนเอง.... และ ให้อาจารย์คนแรก และคนสุดท้าย เป็น ตัวของเราเอง
บันทึกการเข้า
CrazyHOrse
แขกเรือน
นิลพัท
*******
ตอบ: 1899



เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 20  เมื่อ 23 มี.ค. 12, 23:20

เชื่อไม่เชื่อ จริงไม่จริง ต่างคนต่างเชื่อ แต่ความจริงไม่ได้อยู่ที่ความเชื่อส่วนตัวของใคร เพราะความจริงที่ขัดแย้งกันนั้นเป็นไปไม่ได้ ดังนั้นถ้ามีความเชื่อที่แย้งกันอยู่ ก็ต้องมีความจริงอยู่เพียงหนึ่งเดียว แต่เราจะเข้าถึงความจริงได้ทุกครั้งหรือ? ผมไม่เชื่ออย่างนั้น บางครั้งข้อมูลที่มีจำกัด เราไปสรุปเอาตามความเชื่อของตัวเอง อย่างนี้เรียกว่า "ความมั่ว" ครับ ไม่ใช่ "ความจริง"

กรณีสวรรคตพระเจ้าตากนี้ เป็นเรื่องยอดนิยมเรื่องหนึ่ง ผมเห็นว่าสาเหตุที่สำคัญอย่างหนึ่งคือ "ความลึกลับ" คือลึกลับเพราะไม่มีหลักฐานพอที่จะชี้ชัดฟันธงลงไปได้ว่าเรื่องจริงเป็นอย่างไร งานประวัติศาสตร์นิพนธ์ที่เกิดขึ้นเพื่อสนองผลประโยชน์ทางการเมืองในยุคสมัยต่างๆก็ทำให้ "ความเชื่อ" ของคนที่เป็นกลุ่มเป้าหมายในเชิงการเมืองนั้นเอนเอียงไปในทิศทางต่างๆ ที่น่าสนใจก็คือ โดยมากจะเลือกหยิบ "ความจริงบางส่วน" มาแสดง เพื่อชี้ให้เห็นความคลุมเครือของ "ความเชื่อเก่า" และปลูกฝัง "ความเชื่อใหม่" ที่ก็ยังไม่ใช่ "ความจริง" อีกเช่นเดียวกัน และต่อให้มีคนเชื่ออย่างนี้สัก 15 ล้านคน ก็ไม่สามารถสรุปเป็น "ความจริงใหม่" ได้ครับ

เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ก่อนเราจะ "เชื่อ" ขอให้พิจารณาและศีกษาให้ถ่องแท้ และเชื่อ "ข้อเท็จจริง" อย่าไปหลงเชื่อ "ตัวเอง" เป็นอันขาด เว้นแต่ท่านจะมียานเวลา สามารถย้อนไปยืนดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงได้
บันทึกการเข้า

"Postel's Law": "be conservative in what you do, be liberal in what you accept from others"
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 21  เมื่อ 24 มี.ค. 12, 07:27

คำถาม คำตอบ และ ความเชื่อ อีกเวอร์ชั่นหนึ่ง

การเสียชีวิตของพระเจ้าตากสิน

บันทึกการเข้า
werachaisubhong
องคต
*****
ตอบ: 449



เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 22  เมื่อ 24 มี.ค. 12, 09:22

ผมเชื่อว่าประวัติศาสตร์ถูกเขียนโดยผู้ชนะมากกว่าครับ
บันทึกการเข้า

ฅนเมียงแป้ มาอยู่ เจียงฮาย
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 23  เมื่อ 24 มี.ค. 12, 09:43

ผมเชื่อว่าประวัติศาสตร์ถูกเขียนโดยผู้ชนะมากกว่าครับ
แล้วประวัติศาสตร์ไทยที่เราเรียนกันมาตั้งแต่เด็ก ว่าแพ้พม่าในสมัยสมเด็จพระเจ้าจักรพรรดิ  กับแพ้อีกคนจนเสียกรุงศรีอยุธยาเมื่อพ.ศ. 2310
กับตอนเสียดินแดนฝ่ายซ้ายแม่น้ำโขงให้ฝรั่งเศส   เสียไทรบุรี กลันตัน ตรังกานู ให้อังกฤษ
เราเรียนมาจากใครเขียนล่ะคะ   นักประวัติศาสตร์ไทย หรือนักประวัติศาสตร์พม่า ฝรั่งเศส และอังกฤษ  ?

ความเชื่อแบบคุณ werachaisubhong  ถูกต้องเพียงครึ่งเดียวค่ะ    ในความเป็นจริง ผู้แพ้หรือผู้ชนะมีสิทธิ์บันทึกประวัติศาสตร์ได้ทั้งนั้น      คนรุ่นหลังต้องตรวจสอบหลักฐานจากหลายๆทางเอามาเทียบกัน  ชั่งน้ำหนักความน่าเชื่อถือ เพื่อพิจารณาว่าอย่างไหนตรงกับความเป็นจริง
เราจึงมีประวัติศาสตร์ที่บันทึกโดยนาซี และบันทึกโดยฝ่ายยิว   มีประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นบุกจีนและเกาหลี   มีประวัติศาสตร์ฝ่ายจีนและเกาหลีที่ถูกญี่ปุ่นบุก    มีประวัติศาสตร์ยุทธนาวีเกาะช้างที่บันทึกโดยฝ่ายฝรั่งเศสและฝ่ายไทย   ถึงแม้ว่าต่างฝ่ายต่างบันทึกไปคนละอย่าง   แต่ก็สามารถเทียบเคียงกันได้ว่าจริงๆแล้วเป็นอย่างไร
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 24  เมื่อ 24 มี.ค. 12, 10:02

ผมเชื่อว่าประวัติศาสตร์ถูกเขียนโดยผู้ชนะมากกว่าครับ

เชื่อเช่นเดียวกันว่า

History is written by the victor.

History is filled with liars.

If he lives, and we die, his truth becomes written – and ours is lost.



 ยิงฟันยิ้ม
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 25  เมื่อ 24 มี.ค. 12, 10:09

อ้างถึง
ความคิดเห็นที่ 11  เมื่อ 22 มี.ค. 12, 16:22
รอท่านอื่นมาแสดงความคิดเห็นค่ะ
แล้วดิฉันจะตอบคุณ samson ว่าคำตอบคุณมีจุดอ่อนตรงไหน

รอคำตอบอาจารย์เทาชมพูด้วยความเคารพค่ะ เพราะดิฉันก็ไม่ค่อยเข้าใจคำตอบของคุณ SAMSON ค่ะ

เมื่ออ่านประวัติศาสตร์ แล้วเชื่อทุกตัวอักษรที่อ่านพบโดยไม่ใคร่ครวญ   กับอ่านประวัติศาสตร์แล้วบอกว่าประวัติศาสตร์ของชนชาตินั้น มิอาจถือเอาเป็นความจริง หรือ ความเท็จ อย่างใดอย่างหนึ่งลงไปได้   มันก็ผิดพอกันทั้งสองแบบ  คือสุดโต่งไปคนละทาง  มิได้ก่อให้สติปัญญางอกงามขึ้นมาได้ด้วยวิธีคิดแบบนี้

ประวัติศาสตร์คือการนำเสนอหลักฐานจากหลายๆฝ่าย    เป็นฝ่ายของรัฐบ้าง ของเอกชนบ้าง   ของประเทศนั้นบ้างและของต่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับประเทศแรกบ้าง     จากนั้นคนอ่านที่สนใจควรค้นคว้าหาอ่านจากหลายๆทาง เพื่อดูว่าหลักฐานใดสอดคล้อง มีน้ำหนักมากที่สุด   เพราะข้อเท็จจริงในอดีตนั้นมักไม่ได้เกิดมาโดดๆ  มันมีที่มาที่ไปของมัน  

เรียนประวัติศาสตร์ก็สนุกไปอย่างหนึ่ง ตรงที่ได้ใคร่ครวญจากหลักฐานมากกว่าหนึ่งทาง  ว่าอย่างไหนมันพอจะสมเหตุสมผลมากกว่ากัน    อย่างที่ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร.แถมสุข นุ่มนนท์ เคยตอบดิฉันว่า "เรียนประวัติศาสตร์ไปเพื่อเพิ่มรอยหยักในสมอง" เมื่อดิฉันเรียนถามท่านว่า  ทำไมไม่มีใครตัดสินเหตุการณ์หรือเรื่องราวสำคัญๆในอดีตให้ชัดเจนสักทีว่ามันยังไงกันแน่    ปล่อยให้เถียงกันอยู่ได้  
ท่านยังตอบทีเล่นทีจริงอีกว่า ถ้าประวัติศาสตร์เป็นวิชาที่ทุกอย่างทุกเรื่องชัดเจนจนกระดิกกระเดี้ยไม่ได้แล้ว  นักประวัติศาสตร์ก็ตกงานกันหมดน่ะซี

บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 26  เมื่อ 24 มี.ค. 12, 10:15

ตอบคุณเพ็ญชมพู 
ดิฉันก็หามาให้ได้อีกหลายคน   ข้างล่างนี้ค่ะ   แต่ดิฉันแสดงที่มาที่ไป ว่าทำไมเอาความเชื่อแบบนี้มาลงให้อ่านกัน   
ไม่ทราบว่าคุณเพ็ญชมพูพอจะหาเหตุผลมาสนับสนุนความเชื่อของคุณได้บ้างไหมคะ   

"ประวัติศาสตร์โดยหลักการเป็นเรื่องว่าด้วยข้อเท็จจริงในอดีต  เอาเข้าจริง  ก็มีบ่อยครั้งที่กลายเป็นเรื่อง "มองต่างมุม"  อาจจะบ่อยกว่า "มองมุมเดียวแบบไม่มีข้อโต้แย้ง" เสียอีก
ทำให้เกิดสำนวนตามมาอีกหลายสำนวน เช่น "ประวัติศาสตร์เขียนโดยผู้ชนะ"   " ประวัติศาสตร์ต่างจากนิยายตรงที่ใช้ฉากของจริง"
คำคมของนักคิดนักเขียนหลายคน เกิดจากมองประวัติศาสตร์อย่างไม่สู้จะศรัทธานัก   ขอยกมาเป็นกระสายยาสัก 2-3 คำนะคะ

God cannot alter the past, though historians can.(พระเจ้าไม่อาจเปลี่ยนแปลงอดีต  ส่วนนักประวัติศาสตร์ทำได้)
Samuel Butler

Historian: an unsuccessful novelist. (นักประวัติศาสตร์ คือนักเขียนนิยายที่คนอ่านไม่"อิน")
H. L. Mencken

History is a pack of lies about events that never happened told by people who weren't there.(ประวัติศาสตร์คือโกหกคำโต เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นจริง เล่าโดยผู้ที่เกิดไม่ทันยุคสมัยนั้น)
George Santayana
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 27  เมื่อ 24 มี.ค. 12, 10:25

ตอบคุณร่วมฤดี (ต่อ) นะคะ
ดิฉันขอเรียงลำดับความเห็นของคุณ samson ให้อ่านกัน

๑  เห็นในร้านหนังสือ มีหนังสือเกี่ยวกับการสวรรคตของพระเจ้าตากอยู่หลายเล่ม หลายทฤษฏีมากๆ เลยสงสัยว่า แท้จริงแล้ว เรื่องมันเป็นมาอย่างไรครับ
๒  เป็นที่รู้แก่กันโดยทั่วไป เพียงแต่มิอาจยอมรับกันโดยทั่วไป ว่า ประวัติศาสตร์ของชนชาตินั้น มิอาจถือเอาเป็นความจริง หรือ ความเท็จ อย่างใดอย่างหนึ่งลงไปได้

สิ่งที่เรียกว่า ประวัติศาสตร์ มักถูกแต่งเติมเสริมขึ้น เพื่อประโยชน์ในทางการเมืองการปกครอง การสร้างความชอบธรรม และ สมเหตุสมผล ให้กับผู้ปกครองประเทศนั้นๆ

ประวัติศาสตร์ ที่เขียนโดยเหล่าผู้ปกครองนี้ ในปัจจุบัน อาจมีประโยชน์ เพียงแค่ให้รู้ไว้ เพื่อการสอบวัดความรู้ตามระดับการศึกษา ที่ถูกกำหนดขึ้นโดยทางการ เท่านั้น

๓  โดยความสัตย์จริง ข้าพเจ้ามิได้มีเจตนา ที่จะหาข้อสรุป หรือหาข้อพิสูจน์ หรือแม้กระทั่งความจริง ของประวัติศาสตร์เกี่ยวกับการสวรรคตของพระเจ้าตากเลย แม้แต่น้อย

เมื่อรู้ว่า นี่คือคนที่ตั้งคำถามโดยมีคำตอบอยู่ในใจเรียบร้อยแล้ว  ไม่ได้ถามเพราะสนใจใคร่รู้เพิ่มเติม    ดิฉันก็เห็นว่าไม่จำเป็นต้องตอบอะไรอีกค่ะ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 28  เมื่อ 24 มี.ค. 12, 10:37

ส่วนเรื่องพุทธศาสนา ที่พระพุทธประวัติและพระพุทธวัจนะ ถูกอ้างถึงนั้น
- เพราะโลกเรามีแต่ความเชื่อ ความรู้ในความไม่รู้ สองพันห้าร้อยกว่าปีที่แล้ว หนุ่มน้อยลูกเจ้าเมืองกบิลพัสดุ์ ถึงหนีออกจากวังไปในกลางดึก หนีออกจาก'ความเชื่อ' แล้วไปแสวงหา 'ความจริง'

- พระพุทธเจ้า ถึงสอนไว้ว่า อย่าเชื่อคนอื่น ให้เชื่อในตนเอง.... และ ให้อาจารย์คนแรก และคนสุดท้าย เป็น ตัวของเราเอง


   คุณร่วมฤดีสนใจศึกษาธรรมะ คงจะตอบได้ว่าผิดหรือถูก สมควรหรือไม่สมควรประการใด     
บันทึกการเข้า
CrazyHOrse
แขกเรือน
นิลพัท
*******
ตอบ: 1899



เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 29  เมื่อ 24 มี.ค. 12, 11:03

"ประวัติศาสตร์ถูกเขียนโดยผู้ชนะ" ถึงข้อนี้เป็นความจริงอยู่บ้าง แต่ถ้ายึดเอาเรื่องนี้เป็นหลักคิดคงไม่ถูกต้องแน่

เพราะเมื่อหลงเชื่ออย่างนี้เสียแล้ว หมดแรงที่จะค้นคว้าต่อไป สรุปเอาเองว่าไม่ต้องหาข้อสรุป ต้องหาทางพิสูจน์ และไม่สนใจความจริงอื่นใดนอกจาก "ประวัติศาสตร์ถูกเขียนโดยผู้ชนะ" เกรงว่าจะต้องตกอยู่ในความมืดบอดทางปัญญาครับ
บันทึกการเข้า

"Postel's Law": "be conservative in what you do, be liberal in what you accept from others"
หน้า: 1 [2] 3 4 5
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.054 วินาที กับ 20 คำสั่ง