พลายงาม
บุคคลทั่วไป
|
ความคิดเห็นที่ 15 เมื่อ 27 เม.ย. 01, 12:38
|
|
ก่อนจะตรวจการบ้าน และตอบคำถาม และไปเล่นลิเกซัดกับปู่ชาละวิน ขอว่าเรื่องทฤษฎีอีกนิดครับ
...จากที่ผมเปรยไว้ว่า การนับคำในโคลง ที่นับบาทที ๑-๓ ใช้คำ ๗ คำ และบาทสุดท้าย ใช้คำ ๙ คำ ทำไมผมไม่ใช้พยางค์ ก่อนอื่นคงต้องท้าวความกันสักนิดก่อน ...พยางค์ คือเสียงที่เปล่งออกมาครั้งหนึ่งๆ จะมีความหมายและไม่มีความหมายก็ได้ แต่เป็นส่วนหนึ่งของคำ ...ในการแต่งคำประพันธ์ประเภทฉันท์ ซึ่งถือครุ ลหุ เป็นสำคัญ เรานับแต่ละพยางค์ เป็นหนึ่งคำเสมอ ประกาย, มณี, สะท้อน เรานับเป็น ๒ คำเสมอ แต่ในคำประพันธ์ประเภทอื่น ถ้าเป็นคำประสมกับสระเสียงสั้น เช่น ประกาย, มณี, สะท้อน เราจะนับเป็น ๑ หรือ ๒ คำก็ได้ ...เช่นถ้าคำว่า มณี ไปอยู่ในโคลงฯ เราสามารถนับเป็น ๑ หรือ ๒ คำได้ แล้วแต่ลักษณะบังคับ เช่น
" แพรวพราวดุจมณี.....สาดส่อง ประกายนา " ในที่นี้ต้องนับ มณี เป็น ๒ คำ เวลาอ่านออกเสียงต้องออกเสียงหนักทั้ง ๒ พยางค์ คือ มะ กับ ณี " แพรวพราวพร่างดุจมณี.....สาดส่อง ประกายนา " อันนี้ต้องนับ มณี เป็น ๑ คำ เวลาอ่านออกเสียงต้องอาศัยลูกเก็บ คือไม่ออกเสียงหนัก เหมือนกับการอ่าน มะ ในตัวอย่างแรก ให้เน้นที่คำ ณี เพราะเป็นตำแหน่งเสียงหนัก และรับสัมผัส
สังเกตัวอย่างนี้นะครับ จากโคลงนิราศสุพรรณ ของ ท่านสุนทรภู่
o เสลาสลอดสลับสร้าง.........สลัดได สะอึกสะอะสะอมสะไอ.........สะอาดสะอ้าน มะแฟ่มะฟาบมะเฟืองมะไฟ.......มะแฟบมะฟ่อ พ่อเอย ตะขบตะขาบตะเคียนตะคร้าน......ตะคร่อตะไคร้ตะเคราตะครอง
...จะเห็นว่าบาทสุดท้ายบังคับ ๙ คำ แต่ถ้านับเป็นพยางค์ จะได้ถึง ๑๖ พยางค์ ... และให้สังเกต จะพบว่า คำตำแหน่งเอกบังคับ ในวรรคสุดท้าย คือ ตะคร่อ และคำตำแหน่งโทบังคับ คือ ตะไคร้ ดังนั้นเวลาอ่านโคลงบทนี้ ต้องอ่านออกเสียงรวบรัดเก็บลูกบทให้ดี โคยเฉพาะเสียง ตะ ในบาทสุดท้ายแทบจะไม่เปล่งเสียงออกมา ลักษณะนี้จะมีทำนองกระโดดไปมา ครูกลอน ท่านเรียกว่า คุดทะราดเหยียบกรวด
...หวังว่าคงพอเป็นแนวทางนะครับ คงจบเรื่องการนับคำในโคลงฯ ไว้แค่นี้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
พลายงาม
บุคคลทั่วไป
|
ความคิดเห็นที่ 16 เมื่อ 27 เม.ย. 01, 13:38
|
|
---> การบ้านที่ คุณ pink ribbon ทำส่งมา ถูกทั้ง ๓ ข้อ ครับ โดยเฉพาะข้อ ๓ ประทับใจมาก แม้จะผิดในครั้งแรก แต่ก็แก้ไขมาส่งได้อย่างดี แต่วรรคสุดท้าย ตรงคำว่า " มาครอง " ยังสามารถหาคำมาใช้ได้ดีกว่านี้ ลองเปลี่ยนเป็นคำอื่นดูนะครับ จะทำให้โคลงบทนี้เด่นขึ้นอีกเยอะ อยากให้เป็นตัวอย่าง ในการเลือกคำมาใช้ในการแต่งโคลง ซึ่งถือเป็นกลเม็ดอย่างหนึ่ง คือการใช้สัมผัสอักษรเรียงกันหลายคำในแต่ละวรรค โดยไม่ทำให้ห้ความหมายเสียไป ตรงนี้ขอย้ำว่า การแต่งโคลงจะเน้นสัมผัสอักษรมากกว่าสระ นอกจากสัมผัสบังคับ
-----> ตอบ ปู่ นกข. ครับ ...เรื่องคำว่า กลอนสุภาพ ผมขออ้างอิง จากอาจารย์กำชัย ทองหล่อ ท่านอธิบายไว้ว่า ที่เรียก กลอนสี่ กลอนหก กลอนเจ็ด กลอนแปด และกลอนเก้า ว่ากลอนสุภาพ นั้น ก็เนื่องจากเป็นกลอนที่ใช้ถ้อยคำและทำนองเรียบๆง่ายๆ ในการแต่งนั่นเอง ...โคลงที่ปู่แต่งมา มีความหมายในเชิงเชิญชวนให้คนไทย หันมาใช้เลขไทยในการเขียน แต่ผมอ่านแล้วไปสะดุดตรงบาทที่ ๒ วรรค ๒ ครับปู่ ประโยค " อ่านได้ " แล้วมาเริ่มเขียน ๑๒ ต่อในบาทที่ ๓ แล้วปู่มาสรุปในวรรคสุดท้าย ว่า " จดด้วยเลขสยาม เถิดเอย " ความเห็นผม ถ้าเปลี่ยนคำว่า" อ่านได้ "เป็น" ท่องไว้ " น่าจะดีขึ้นครับ (ไม่รู้ไปสอนจระเข้ให้ว่ายน้ำหรือเปล่า อิอิ ) ...ขอบคุณที่ปู่ ช่วยมาแก้โคลงจากลิลิตตะเลงพ่าย ให้ครับ ผมกลับขึ้นไปอ่นแล้ว ผิดไปจริงๆ รวมทั้งโคลงครู จากนิราศนรินทร์ ก็ผิดอยู่ ๑ ที่ คือ บาทที่ ๓ เป็น เรือแผง ครับ ไม่ใช่ เรือแขวง ...ส่วนโคลงที่ปู่ถามมาผมคุ้นๆแต่นึกไม่ออกครับ หนังสือทีผมมีอยู่ เขาใช้ ลิลิตตะเลงพ่าย ครับ
----> คุณวิมาลา ...คำประพันธ์ประภทโคลง ซึ่งบังคับรูปวรรณยุกต์ คือ เอก โท และบังคับสัมผัส มีหลักฐานว่ามีต้นกำเนิดมาจากทางภาคเหนือและอีสาน ก่อน แล้วจึงแพร่หลายมาสู่ภาคกลางของไทย วรรณกรรมที่แต่งด้วยโคลงที่ถือว่าเก่าแก่ที่สุดคือ โองการแช่งน้ำโคลงห้า ซึ่งแต่งขึ้นในสมัยอยุธยาตอนต้น ...สำหรับโคลงประเภทอื่นๆ สันนิษฐานว่าอาจได้รับอิทธิพลมาจากภาคเหนือหรือลานนา เช่น โคลงสี่ดั้น ได้แก่ ลิลิตยวนพ่าย โคลงสุภาพ (ไม่ว่าจะเป็น โคลงสอง โคลงสาม และโคลงสี่ ) ได้แก่ ลิลิตพระลอ เป็นต้น ส่วนโคลงสองดั้น โคลงสามดั้น เริ่มปรากฎในสมัยรัตนโกสินทร์ นี่เอง ...สำหรับตัวอย่างโคลงโบราณ ทางเหนือ หรือ อีสาน ถ้าใครมี รบกวนช่วยโพสท์ให้หน่อยครับ
----> ชายต๊อง ตั้งใจสอบก่อนแล้วกันนะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
พลายงาม
บุคคลทั่วไป
|
ความคิดเห็นที่ 17 เมื่อ 27 เม.ย. 01, 15:15
|
|
...สำหรับการบ้านและคำถาม ถ้ามีก็ให้ส่งและถามมาได้เลยครับ คืนพรุ่งนี้ จะแวะมาตรวจอีกที เพราะเย็นนี้ต้องไปธุระ จะกลับมาอีกทีก็เย็นพรุ่งนี้ครับ
ขอฝากการบ้านให้ลองแต่งโคลงสี่สุภาพมาส่งครับ แต่งอย่างไรก็ได้ ผิดพลาดอย่างไรเดี๋ยวมาช่วยกันดู จะเป็นการฝึกปรือฝีมือได้เร็วที่สุด
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ชายต๊อง
บุคคลทั่วไป
|
ความคิดเห็นที่ 18 เมื่อ 27 เม.ย. 01, 17:16
|
|
มาส่งการบ้านข้อ 3 ดาษดื่นดาวส่องฟ้า........ราตรี ดั่งเพชรเกล็ดมณี.............เกลื่อนฟ้า พิสุทธิ์ดุจรตี...................ของแม่เรียมเอย เป็นหนึ่งในแหล่งหล้า.......จิตข้าถึงเรียม ........................................... ชายรู้สึกว่าแต่งพิกลยังไงไม่รู้ อาพลายงามช่วยแก้ไขด้วยครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ภูมิ
บุคคลทั่วไป
|
ความคิดเห็นที่ 19 เมื่อ 27 เม.ย. 01, 18:42
|
|
เล่นด้วยคน ดาษดื่นดาวส่องฟ้า ราตรี ฤๅแข่งแรงรัศมี ศศิเจ้า นวลนางทั่วปฐพี มีมาก ฤๅที่จะมีเข้า เทียบสู้ น้องเรา ดาษดาวกลางนภา ฤาจะมาสู้จันทร์เจ้า สาวอื่นมิขอเหมา ขอจะเอาแต่น้องนาง
สุดท้าย กลอนพาไปเหมือนกัน :-) จากความเห็นที่๑๕ คุดทะราดเหยียบกรวด ที่ว่า ไม่ทราบมีความสัมพันธ์กับเพลงคุดทะราดเหยียบกรวด หรือเปล่า
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
pink ribbon
บุคคลทั่วไป
|
ความคิดเห็นที่ 20 เมื่อ 27 เม.ย. 01, 21:09
|
|
ดาษดื่นดาวส่องฟ้า...............นภาลัย วิบวับวาวจับใจ...................เจิดจ้า จิ้งหรีดหริ่งเรไร.....................ร้องรํ่า ครวญครํ่าใคร่ไขว่คว้า...........นุชน้อง นวลนาง
ไม่ทราบว่าแก้ไขใหม่แล้วจะแย่กว่าเดิมหรือเปล่านะคะคุณครู
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ศรีมนต์
บุคคลทั่วไป
|
ความคิดเห็นที่ 21 เมื่อ 27 เม.ย. 01, 23:07
|
|
นักเรียน อายคุณครูจังค่ะ ไม่ได้ทำการบ้านสักที แต่ก็ตามอ่านบทเรียนอยู่นะคะ ขอโมเม.. ลาป่วยแล้วกันค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
พลายงาม
บุคคลทั่วไป
|
ความคิดเห็นที่ 22 เมื่อ 28 เม.ย. 01, 16:10
|
|
แวะมาตรวจการบ้านต่อครับ
----> ชายต็อง
ดาษดื่นดาวส่องฟ้า.......ราตรี ดั่งเพชรเกล็ดมณี..........เกลื่อนฟ้า พิสุทธิ์ดุจรตี...................ของแม่ เรียมเอย เป็นหนึ่งในแหล่งหล้า.......จิตข้าถึงเรียม
ขอว่าไปทีละบาทแล้วกัน บาท ๑ ผ่านไปก่อน บาทที่ ๒ ดั่งเพชรเกล็ดมณี........เกลื่อนฟ้า มองเผินๆ เหมือนบาทนี้ถูกต้อง แต่ดูที่คำบังคับโท ในบาทนี้นะ ชายใช้คำว่าฟ้า ซึ่งเหมือนกับคำบังคับโทในบาทแรก อันนี้ถ้าจะใช้ ก็ต้องเปลี่ยนคำที่ใดที่หนึ่ง เอาเป็นว่าไปเลือกแก้ที่ บาทที่ ๑ แล้วกัน เผื่อบาทต่อไปไม่ต้องแก้ เอาเป็นว่า แก้บาทที่ ๑ เป็น บาทที่ ๑....ดาษดื่นดาวเด่นห้วง.........ราตรี บาทที่ ๒....ดุจเพชรเกล็ดมณี..............เกลื่อนฟ้า ---> อันนี้ขอแก้ ดั่ง เป็น ดุจ เพื่อไม่ให้ รกเอก เพราะอะไรจะคุยทีหลัง บาทที่ ๓ ของเดิม ...พิสุทธิ์ดุจรตี.......ของแม่ เรียมเอย ----> วรรคนี้แหละที่ผิดอย่างจังๆ ไม่ได้ผิดฉันทลักษณ์ แต่ผิดความหมายครับ เพราะคำว่าเรียม หมายตัวเราที่คร่ำครวญหาคนรักนะ ไม่ได้หมายถึงผู้หญิง อันนี้หักคะแนน ๒๐ คะแนน อิอิ แต่ไม่เป็นไรบอกให้แก้ก็แก้ให้ ขอแก้เป็น บาทที่ ๓....ใสสุกดั่งรตี.......เรียมมอบ แม่เอย ตรงนี้ขอแก้ พิสุทธิ์ เป็น ใสสุก เพราะเปรียบความรักที่พิสุทธิ์ กับ ประกายแสงดาวยังไงอยู่ บาทที่ ๔ ...เป็นหนึ่งในแหล่งหล้า.......จิตข้าถึงเรียม-----> อันนี้โดนหักอีก ๒๐ คะแนน อิอิ อันนี้ขอแก้เป็น บาทที่ ๔....อยากพบนวลเห็นหน้า.......เอ่ยย้ำพร่ำวจี สรุปจะได้โคลงมาแบบนี้
@ ดาษดื่นดาวเด่นห้วง........ราตรี ดุจเพชรเกล็ดมณี.................เกลื่อนฟ้า ใสสุกดั่งรตี............................เรียมมอบ แม่เอย อยากพบนวลเห็นหน้า.......เอ่ยย้ำพร่ำวจี ฯ
แล้วอย่าลืมแต่งบทใหม่มาส่งนะ บทนี้ให้ ๕๐ คะแนน ในฐานะที่ไม่ผิดฉันทลักษณ์
---- คุณภูมิ ดีใจที่มาร่วมสนุกด้วยกันครับ แต่งเป็นกาพย์ห่อโคลงมา ผมขอแยกเป็น โคลงฯ กับ กาพย์ฯแล้วกันครับ ....โคลงที่แต่งมาใช้การเปรียบเทียบ ได้ดีมาก อันนี้อยากให้ทุกท่านได้ศึกษาไว้ แต่ บาทที่ ๔ ก็โดนโคลงพาไป จนเกือบกู่ไม่กลับ อันนี้เป็นปัญหาที่ทุกคนต้องเจอแน่นอน คือบังคับสัมผัสคำโท ระหว่างบาทที่ ๒ และ ๔ อยากให้คิดคำมารับสัมผัส ก่อนลงมือแต่ง อันนี้ไหนๆก็มาแล้ว ผมขอลองแก้ดู ผมแก้ได้เป็นแบบนี้
@ ดาษดื่นดาวส่องฟ้า........ราตรี ฤๅจักเทียบรัศมี..................ศศิแพร้ว ---> แก้บาทนี้ให้ข้อความกลมกลืน หญิงงามทั่วปฐพี...............มีมาก----> แก้นวลนาง เป็น หญิงงาม จะให้ความหมายสมบูรณ์กว่า ฤๅจักเทียบนางแก้ว.........แห่งห้วงใจเรียม ----> ผมยังปิดบาทสุดท้ายไม่ดีนัก อันนี้ใช้คำต้นวรรคเหมือนบาทที่ ๒ เพื่อการเปรียบเทียบที่เด่นชัดขึ้น
ส่วน กาพย์ยานี ที่แต่งมา กลายเป็นกาพย์พาไปเหมือนกัน ดูที่วรรคที่ ๒ คำ จันทร์เจ้า สามารถเปลี่ยนคำได้อีกเยอะครับ เช่น จันทร อันนี้ผมอยากให้ลองแต่งมาใหม่ครับ ผมคิดว่าฝีมือระดับคุณภูมิแต่งได้ครับ
----> คุณ pink ribbon ดีขึ้นเยอะครับ แล้วลองแต่งบทใหม่มาส่งนะครับ แต่งบาทแรกมาอย่างไรก็ได้
----> คุณศรีมนต์ หายป่วยแล้วแต่งมานะครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
พลายงาม
บุคคลทั่วไป
|
ความคิดเห็นที่ 23 เมื่อ 28 เม.ย. 01, 18:19
|
|
...คุณภูมิถามมาเรื่อง คุดทะราดเหยียบกรวด มีความสัมพันธ์กับเพลงคุดทะราดเหยียบกรวดหรือเปล่า อันนี้ผมก็ไม่ทราบครับ ยอมรับว่าไม่รู้จักเพลงคุดทะราดเหยียบกรวดจริงๆ แต่ถ้าเพลงนี้มีทำนองกระโดดไปมา น่าจะใช่ครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33477
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 24 เมื่อ 28 เม.ย. 01, 18:36
|
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ชายต๊อง
บุคคลทั่วไป
|
ความคิดเห็นที่ 25 เมื่อ 29 เม.ย. 01, 15:49
|
|
ขอบคุณครับท่านอาจารย์ ที่ชี้แนะ ชายจะไปฝึกฝนครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
พลายงาม
บุคคลทั่วไป
|
ความคิดเห็นที่ 26 เมื่อ 29 เม.ย. 01, 19:28
|
|
...ยังไม่มีใครส่งการบ้านเพิ่มเลยเหรอเนี่ย ...มิเป็นไร มาว่าเรื่องทฤษฎีกันต่อ ว่าด้วยเกล็ดเล็กเกล็ดน้อยในการแต่งโคลง ก็แล้วกัน
...อย่างแรก สิ่งที่ต้องหลีกเลี่ยงในการแต่งร้อยกรองทั่วไป คือ การใช้คำที่มีความหมายเดียวกันซ้ำซ้อนในวรรคเดียวกัน โดยไม่ได้ประโยชน์อะไร ...ตัวอย่างเช่น " ราตรีดาวดาราพร่างสว่างฟ้า " จะเห็นว่าทั้ง ดาว และ ดารา ก็คือดาวเหมือนกัน ตัดคำใดคำหนึ่งออก ก็ไม่ได้ทำให้ความหมายขอวกลอนวรรคนี้เปลี่ยนไป ...อีกตัวอย่าง " น้ำตาใหลชลเนตรหลั่งพี่นั่งตรม " ตัวอย่างนี้ ก็เหมือนกัน ทั้ง น้ำตาใหล กับ ชลเนตรหลั่ง ก็คือ น้ำตาใหลออกมาเหมือนกัน ตัดประโยคใดปะโยคหนึ่งออกก็มีความหมายเหมือนเดิม ...แต่ลักษณะการซ้ำคำในร้อยกรองมีนะครับ และเป็นเทคนิคการแต่งชนิดหนึ่งซะด้วย ส่วนใหญ่จะพบใน โวหารเปรียบเทียบ หรอ อุปมาโวหาร ...ขอยกตัวอย่างกลอนจาก " รามเกียรติ์ " ที่เปรียบเทียบได้กินใจบทหนึ่ง
@ พิศพักตร์ผ่องพักตร์ดั่งจันทร........พิศขนงก่งงอนดั่งคันศิลป์ พิศเนตรดั่งเนตรมฤคิน........พิศทนต์ดั่งนิลอันเรียบราย
...จากตัวอย่างกลอนบทนี้ จะใช้คำ พักตร์ ซ้ำในวรรคที่ ๑ และ เนตร ซ้ำ ในวรรคที่ ๓ แต่ลองตัดคำใดคำหนึ่งออกไปซิ กลอนจะเพี้ยนจนกู่ไม่กลับเลยครับ ...กระทู้เรื่องโคลงฯ แต่ทำไมมาคุยเรื่องกลอนหนอ ว่าถึงเรื่องโคลงก็เหมือนกันครับ ต้องหลีกเลี่ยงการใช้คำที่มีความหมายซ้ำซ้อน ในแต่ละบาทเหมือนกัน ...ตัวอย่างเช่น " ขื่นขมตรมโศกเศร้า.....ระทมใจ " ...จะเห็นว่า ขื่นขม ตรม โศกเศร้า ระทม ต่างมีความหมายไปในทางเดียวกัน บาทนี้แม้จะตัดบาทแรกออกทั้งวรรค ก็ยังคงความหมายที่เหมือนเดิม ...ถ้ใครสังเกต จาก การบ้านที่ผมผูกโคลงฯ บาทแรกไว้ จะมีบาทหนึ่งที่ผมผูกไว้ว่า " ดาษดื่นดาวส่องฟ้า.......นภาลัย " คำว่า ฟ้า กับ นภาลัย มีความหมายถึง ท้องฟ้าเหมือนกัน ดังนั้นสมควรเปลียนที่คำว่า นภาลัยครับ (อุตส่าห์แต่งล่อให้มีนักเรียนถาม แต่ไม่มีใครถามเลย ไม่อยากบอกว่าพลาดเอง อิอิ) ...อันนี้ขอแก้ใหม่ ตามการบ้านที่คุณ pink ribbon ส่งมาแล้วกัน
@ ดาษดื่นดาวส่องฟ้า.......สุกใส วิบวับวาวจับใจ................เจิดจ้า จิ้งหรีดหริ่งเรไร...................ร้องร่ำ ครวญคร่ำใคร่ไขว่คว้า.......นุชน้องนวลนาง
...อย่างที่สอง ให้ลองสังเกตโคลงฯบทนี้นะครับ
@ แรกเกิดจนมอดม้วย..........ดับไป จากเด็กวัยสดใส.....................ก่อนนี้ จากวัยรุ่นสู่วัย........................ผู้ใหญ่ ต้องพบสุดหลีกลี้....................ทุกผู้คนไป
...ถ้ามองเผินๆ จะเห็นว่าโคลงบทนี้ถูกต้องตามฉันทลักษณ์ และความหมายก็ดี แต่ โคลงแบบนี้เขาเรียก รกไอ ครับ คือมีคำผสมสระไอเยอะไหน่อย ลองนับคำที่ผสมสระไอดู มีคำว่า ไป วัย ใส วัย วัย ใหญ่ ไป ตั้ง ๗ คำ แล้วมาซ้ำกับบังคับสัมผัสสระด้วย ถึงไม่ซ้ำบังคับสัมผัสสระ ก็ควรหลีกเลี่ยงครับ นอกจากกลบทบางแบบ ถ้ามีคำ รูปวรรณยุกต์โทมาก เรียก รกโท เอกมาก ก็เรียก รกเอก ดังนั้นในการแต่งโคลงฯถ้าไม่ใช่ตำแหน่งบังคับ ต้องพยายามหลีกเลี่ยงคำรูปโท รูปเอก นอกจากจะหลีกเลี่ยงไม่ได้จริงๆครับ
...หวังว่าคงพอเป็นแนวทางบ้างนะครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
อุ้ยครับ
บุคคลทั่วไป
|
ความคิดเห็นที่ 27 เมื่อ 29 เม.ย. 01, 21:32
|
|
อิอิอิ...ตามมากวนปู่อีกแล้วครับผม
อุ้ยส่งการบ้านมั่งครับ (ขี้โกงนะครับ เอาของเก่ามาส่งครับ)
.....กล...กามตามเร่งเร้า.......เร่งเรา บท........สื่อข้อความเขลา.....คิดเคล้า สาย.......ใดยุ่ยบางเบา.........สายเก่า ไหม.......มุ่นมวยมัดเกล้า......ศกเข้าสวยสม
[โคลงกลบทสายไหมครับ บังคับซ้ำเสียงสระในคำที่ ๕ และ ๗ ทุกบาท (ทุกสตางค์ด้วยหรือเปล่าอุ้ยไม่ทราบครับ)]
แล้วนี่อุ้ยจะโดนตีมั้ยเนี่ย..แบบว่ามาป่วนอ่ะครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ชายต๊อง
บุคคลทั่วไป
|
ความคิดเห็นที่ 28 เมื่อ 30 เม.ย. 01, 11:20
|
|
มาส่งการบ้านฮะอาพรายงาม รักเร่เร่รักล้น..................ให้หลง รักร่วงร้างปลดปลง.......ขื่นเศร้า รักแรกบ่มั่นคง...............ดั่งจิตคิดนา รักจบจึ่งอ่อนล้า............เมื่อร้างจางรัก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ชายต๊อง
บุคคลทั่วไป
|
ความคิดเห็นที่ 29 เมื่อ 30 เม.ย. 01, 11:25
|
|
พิมพ์ผิดครับ อาพลายงาม
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|