เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: [1]
  พิมพ์  
อ่าน: 7256 ภาษาอเมริกันวันละคำ Skeleton in the Closet
ปัญจมา
อสุรผัด
*
ตอบ: 100


 เมื่อ 04 มี.ค. 12, 21:25

Skeleton in the Closet
ลองค้นหาดูดีๆ....เราอาจมีโครงกระดูกซุกซ่อนอยู่ที่ใดที่หนึ่งในตู้เสื้อผ้า

ในสอง-สามสัปดาห์ที่ผ่านมา   หน้าหนังสือพิมพ์รายวันต่าง ๆ ของประเทศสารขัณฑ์เต็มไปด้วยข่าวนักการเมืองฝ่ายค้านโจมตีผู้นำสตรีของประเทศ   เรื่องที่เธอแอบไปพบปะกับนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ในโรงแรมห้าดาวใจกลางเมืองกลางวันแสก ๆ     ในขณะที่การประชุมสภาผู้แทนราษฎรก็ยังดำเนินอยู่     
แม้การพบปะดังกล่าวจะเกิดขึ้นในสถานที่ลับตาคน    ทำให้ยากที่ผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องจะรู้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นในระหว่างนั้น    หรือมีใครอยู่ห้องเดียวกับผู้นำและนักธุรกิจหนุ่มใหญ่บ้าง     แต่นักการเมืองฝ่ายค้านที่ออกมาโจมตีก็ใช้ถ้อยคำที่ทำให้ผู้ฟังคิดเป็นอื่นไม่ได้เลยนอกจากว่าการพบปะครั้งนั้นเป็นเรื่องชู้สาว   หาใช่การแลกเปลี่ยนความรู้เรื่องเศรษฐกิจดังที่ทั้งผู้นำและนักธุรกิจหนุ่มกล่าวอ้างไม่     
ลากกันไปถึงขั้นที่ว่าฝ่ายค้านขู่จะยื่นเรื่องขอถอดถอนผู้นำในเรื่องนี้หากเธอไม่สามารถอธิบายให้กระจ่างชัดได้   ส่วนสตรีผู้มีชื่อเสียงในแวดวงสังคมชั้นสูงบางท่านก็ตั้งคำถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ใน “สถานะ”  ของตนเองใน facebook ไม่เว้นแต่ละวัน    เรียกร้องคำตอบจากผู้นำซึ่งก็เป็นสตรีเช่นเดียวกับตน
บันทึกการเข้า
ปัญจมา
อสุรผัด
*
ตอบ: 100


ความคิดเห็นที่ 1  เมื่อ 04 มี.ค. 12, 21:27

ประชาชนคนเดินดินอย่างฉันได้ยินได้ฟังเรื่องนี้แล้วก็แอบถอนหายใจอยู่เงียบ ๆ อย่างเหนื่อยหน่าย    จริงอยู่  นักการเมืองฝ่ายค้านมีหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาลให้ทำหน้าที่ของตนได้อย่างมีประสิทธิภาพ  ไม่เบียดบังทรัพยากรของชาติไปใช้ในเรื่องส่วนตัว    แต่เส้นแบ่งระหว่างการทำหน้าที่ตรวจสอบกับการจิกกัดมันดะไปเสียทุกเรื่องนั้นมันช่างบางมาก    และพฤติกรรมของนักการเมืองจากพรรคฝ่ายค้านของประเทศสารขัณฑ์นี้ก็ดูเหมือนจะเขยิบเข้าไปใกล้จุดที่จะก้าวข้ามเส้นแบ่งดังกล่าวไปเสียทุกที     ทำให้แม้แต่คนที่แอบเชียร์พรรคนี้อยู่อย่างฉันก็ยังเริ่มที่จะเอือมระอา     ยิ่งได้อ่านความเห็นของสตรีสังคมชั้นสูงบางท่านที่เกี่ยวดองกับพรรคนี้  ซึ่งมักจะตั้งคำถามเกี่ยวกับความประพฤติของผู้อื่นเสมอ ๆ โดยไม่ส่องกระจกดูเงาของตนเอง   ก็ยิ่งทำให้เริ่มหมดศรัทธากับพรรคการเมืองพรรคที่ว่าเข้าไปใหญ่

คำถามที่ฉันแอบตั้งกับตัวเองเมื่อได้อ่านข่าวนี้ก็คือ....มีใครบ้างในสังคมนี้ที่มี moral authority หรืออำนาจเด็ดขาดที่จะตัดสินว่าสมาชิกผู้อื่นในสังคมได้ประพฤติปฏิบัติในสิ่งที่ไม่สอดคล้องกับหลักศีลธรรม  จริยธรรม  หรือมโนธรรม       มีใครบ้างที่ขาวสะอาดราวกับผ้าผืนใหม่  หรือแปดเปื้อนไปด้วยจุดด่างดำราวกับผ้าขี้ริ้ว      มีใครบ้างที่ไม่เคยมีความลับซึ่งไม่อยากให้ผู้อื่นได้รับรู้ซุกซ่อนอยู่ในอดีตของตนเอง..... Don’t we all have a skeleton in our closet?
บันทึกการเข้า
ปัญจมา
อสุรผัด
*
ตอบ: 100


ความคิดเห็นที่ 2  เมื่อ 04 มี.ค. 12, 22:25

สำนวน  “Skeleton in the Closet”  ในภาษาอังกฤษแบบอเมริกันนี้   แปลเป็นไทยได้ว่า  “โครงกระดูกในตู้”    บุคคลใดหรือครอบครัวใดมีโครงกระดูกแอบซ่อนอยู่ในตู้ใดตู้หนึ่งในบ้านก็มักจะมีความลับอื้อฉาวซุกซ่อนอยู่ในอดีต  รอวันที่จะถูกเปิดเผย    ไม่ต้องบอกก็คงจะเดาได้ว่าที่มาของสำนวนนี้มาจากนิยายฆาตกรรมสืบสวนสอบสวน (murder mystery) นั่นเอง

สำนวนดังกล่าวเริ่มมีการใช้กันอย่างแพร่หลายในประเทศอังกฤษราว ๆ ศตวรรษที่ 19   แต่หมายถึง  “โครงกระดูกในห้องน้ำ”  เพราะ closet ในที่นี้มาจากคำเต็มว่า water closet (WC)  ซึ่งหมายถึงห้องน้ำนั่นเอง     

เมื่อพูดถึง closet แล้วก็ขออนุญาตออกนอกเส้นทางสักเล็กน้อย  เพราะมันจะเกี่ยวข้องกับคำอธิบายสำนวน “Skeleton in the Closet” ในลำดับต่อไปด้วย       บ้านของอเมริกันชนในสมัยโบราณยังไม่มี built-in closet หรือตู้เสื้อผ้าแบบบิลท์อินที่เราเห็นกันเกร่อในสมัยปัจจุบัน      แต่เขาใช้ตู้เก็บของแบบที่เรียกว่า chest หรือ armoire  ในภาษาฝรั่งเศสแทน   ทั้งนี้เป็นเพราะมีเหตุผลอยู่สอง-สามข้อ   ข้อแรกก็คือ  รายงานทางประวัติศาสตร์บางชิ้นระบุว่า  ในสมัยที่อเมริกายังเป็นอาณานิคมของอังกฤษอยู่   รัฐบาลอังกฤษเขาใช้จำนวนห้องในบ้านมาเป็นพื้นฐานในการคำนวณภาษีโรงเรือนและที่ดินที่เขาจะเก็บเอาจากพลเมืองอเมริกันในยุคนั้น     ทำให้การมีห้องแยกต่างหากสำหรับเก็บเสื้อผ้านั้นเป็นภาระโดยใช่เหตุ    นอกจากนั้น   คนสมัยโบราณเขายังไม่มีสมบัติพัสถานมากมากก่ายกองเหมือนคนสมัยนี้   อเมริกันในยุคอาณานิคมเขาจึงไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าแค่มีตู้เก็บของแบบเดียวกับที่เห็นในรูปเอาไว้เก็บเสื้อผ้า   (ไม่เหมือนไฮโซไฮซ้อสมัยปัจจุบันที่ต้องมีห้องแยกต่างหากไว้เก็บเสื้อผ้าแบรนด์ดัง ๆ   กระเป๋าเบอร์กิ้น  รองเท้าจิมมี่ ชู  ฯลฯ)      ส่วนตู้เสื้อผ้าประเภท built in หรือ walk-in นั้น  รู้สึกว่าเพิ่งจะมาเริ่มใช้กันอย่างแพร่หลายในอเมริกาก็ประมาณต้น ๆ ศตวรรษที่ 20 โน่น   


บันทึกการเข้า
ปัญจมา
อสุรผัด
*
ตอบ: 100


ความคิดเห็นที่ 3  เมื่อ 04 มี.ค. 12, 22:27

ดังนั้น  ถ้าเราได้ยินใครหยิบสำนวน ”Skeleton in the Closet” มาใช้   ก็ให้เดาได้ก่อนเลยว่าถ้าเขาไม่ได้เป็นคนอเมริกันโดยกำเนิดก็คงเป็นคนที่ไปใช้เวลาอยู่ในอเมริกานานพอที่จะซึมซับภาษาอังกฤษแบบอเมริกันเข้าไปด้วย  เพราะถ้าคนอังกฤษเขาพูดถึงความลับประเภทนี้  เขาจะพูดว่า “Skeleton in the Cupboard”   ด้วยเหตุที่ในอังกฤษนั้น  เขาไม่ค่อยเรียกตู้เสื้อผ้าว่า closet เหมือนในอเมริกา  แต่จะใช้คำว่า wardrobe หรือ cupboard แทน

สำนวนในภาษาอังกฤษแบบอเมริกันอีกสำนวนที่มีคำว่า closet อยู่ด้วยก็คือ  “Coming Out Of the Closet”  (ออกมาจากตู้เสื้อผ้า)  หมายถึง  การเปิดเผยความลับของตนเองให้สาธารณชนได้รับรู้     ซึ่งแน่นอนว่าเป็นสำนวนที่ต่อยอดมาจาก   “Skeleton in the Closet”  เพราะพูดถึงการเก็บความจริงบางอย่างไว้ในตู้เหมือนกัน    

สำนวนนี้เริ่มใช้กันอย่างแพร่หลายราว ๆ ทศวรรษที่ 1960s     และใช้พูดถึงการที่บุคคลใดก็ตามซึ่งนิยมมีเพศสัมพันธ์กับเพศเดียวกัน  (และอาจจะปกปิดความชอบของตนไว้เป็นความลับด้วยการไม่พูดถึงเรื่องส่วนตัว   หรือแกล้งทำเป็นชอบเพศตรงข้ามมาก่อนเพื่อป้องกันผู้อื่นสงสัย)  ได้ออกมาเปิดเผยความจริงให้สังคมได้รับรู้
(บางครั้งถ้าคนพูดขี้เกียจ  เขาก็จะพูดสั้น ๆ ว่า “She/he is coming out.”  เป็นการละที่เหลือไว้ในฐานที่เข้าใจ)  

เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา   ริคกี้ มาร์ติน  นักร้องหนุ่มชาวเปอร์โตริกันที่เคยโด่งดังมากในบ้านเรา  ได้ออกมายอมรับกับสาธารณชนว่าจริง ๆ แล้วเขาไม่เคยชอบผู้หญิงเลย   นั่นดูเหมือนจะเป็นการ Coming Out ที่ทำให้สาวน้อยสาวมากทั่วโลกช็อคกันยกใหญ่    แต่สำหรับคนที่ต้องแบกรับความจริงซึ่งเปิดเผยกับใครไม่ได้มาตลอดชีวิต   การ Coming Out นั้นนอกจากจะทำให้เขารู้สึกโล่งขึ้นมากแล้ว  ยังอาจจะช่วยให้เขาได้รับการยอมรับจากคนบางกลุ่มในสังคมมากขึ้นก็เป็นได้                                         

...ที่สุดแล้ว  จะมีสิ่งใดทำให้มนุษย์เราสบายใจได้มากกว่าการยอมรับในสิ่งที่ตัวเองเป็น....

                                                       00000000000000000000000
บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 6362


ความคิดเห็นที่ 4  เมื่อ 05 มี.ค. 12, 10:04

        รู้จัก โครงกระดูกในตู้ จากหนังสือชื่อนี้ของคุณชายคึกฤทธิ์
จำได้ว่า ท่าน(ผู้เป็นบัณฑิตอังกฤษ) อธิบายโดยอ้างคำว่า Skeleton in the Cupboard
ตามที่คุณปัญจมาได้อธิบายไว้



บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 5  เมื่อ 05 มี.ค. 12, 10:25

กำลังจะเข้ามาโพสเรื่องโครงกระดูกในตู้พอดีค่ะ     ม.ร.ว. คึกฤทธิ์เล่าถึงบรรพชนของท่านที่เป็นโครงกระดูกขนาดเล็กขนาดใหญ่เอาไว้ อ่านน่าสนุกมาก

เอารูป closet แบบอเมริกันมาแถมให้ดู    คำว่า closet เป็นตู้ก็ได้ เป็นห้องก็ได้    ถ้าเป็นตู้ก็มีอย่างที่เรียกว่า built in closet คือสร้างติดผนังไปเลย  ไม่ได้เป็นตู้ยกเข้ายกออกได้


บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12601



ความคิดเห็นที่ 6  เมื่อ 05 มี.ค. 12, 10:26

เมื่อก่อนที่อายุจะครบ ๖๐ ได้นึกว่าจะเขียนหนังสือขึ้นสักเล่มหนึ่ง เกี่ยวกับวงศ์ตระกูลของตนเอง เพื่อเอาไว้ให้ลูกหลานอ่านจะได้ทราบว่าใครเป็นใครในวงศ์ตระกูลของตน ธรรมดาผู้ใหญ่ที่เล่าถึงเรื่องคนในวงศ์ตระกูลให้ลูกหลานฟังนั้นมักจะหยิบยกเอาส่วนที่ดี ที่น่าสรรเสริญของวงศ์ตระกูลมาเล่า เพื่อให้ความดีนั้นเป็นเยี่ยงอย่างให้ถือปฏิบัติต่อไปในชีวิต การเขียนหนังสือเช่นนั้นเป็นการกระทำที่ถูกต้องและมีประโยชน์และหนังสือแบบนั้น เห็นจะเรียกได้ว่าเป็นหนังสือเรื่องอภินิหารบรรพบุรุษ

แต่ถึงแม้ว่าความดีจะเป็นกำลังใจและเป็นเยี่ยงอย่างแก่ผู้ที่ได้ทราบความผิดพลาดความทุกข์ยาก ความผิดหวังและความลำบากยากใจของบรรพบุรุษที่ได้ทำมาแล้วและมีมาแล้วในอดีต ก็น่าจะเป็นบทเรียนของอนุชนในยุคต่อไป และมีประโยชน์ในอันที่จะสดับตรับฟังเช่นเดียวกัน

ธรรมเนียมของโลกนั้นมักจะปกปิดความผิดพลาดหรือความตกต่ำของบรรพบุรุษมิให้อนุชนรุ่นหลังได้ทราบ ทำให้อนุชนรุ่นหลังได้รู้จักบรรพบุรุษของตนแต่เพียงครึ่งเดียว และการรู้จักคนครึ่งเดียวนั้นหมายความว่ารู้จักไม่ทั่วไม่จริง เมื่อเป็นบรรพบุรุษของตนก็ยิ่งไม่ควรจะรู้จักเช่นนั้น เพราะฉะนั้นในการเขียนหนังสือเรื่องนี้จึงได้ตั้งใจเอาไว้ว่าจะเขียนจะเขียนถึงปู่ย่าตายาย ตลอดจนพี่ป้าน้าอาและพ่อแม่ในทางทั้งได้ทั้งเสีย ทั้งบวกและทั้งลบตามที่บิดามารดาและญาติผู้ใหญ่เคยเล่าให้ฟัง

ตามธรรมเนียมฝรั่งนั้น หากมีคนในตระกูลที่มีประวัติที่ไม่งดงามนักก็มักจะปกปิดไม่บอกให้ใครรู้เช่นเดียวกัน และคนในตระกูลที่ปกปิดไว้นี้ภาษาอังกฤษเรียกว่า Skeleton in the Cupboard แปลว่า โครงกระดูกในตู้

ถึงแม้ว่าหนังสือเล่มนี้จะเป็นการเล่าถึงเรื่องที่มีทั้งดีทั้งเสีย มิได้พรรณนาแต่ความไม่ดีหรือทางเสียแต่อย่างเดียว แต่ก็เห็นว่ามี “โครงกระดูกในตู้” หลายโครงที่น่าจะนำออกมานอกตู้ให้ลูกหลานได้รู้จักไว้ จึงขอเรียกชื่อหนังสือเล่มนี้ว่า “โครงกระดูกในตู้”

อนึ่ง การเขียนหนังสือเรื่องนี้ได้เขียนเป็นทำนองให้ลูกหลานฟังจึงจะใช้สำนวนโวหารอย่างนั้น ไม่ถือว่าเป็นหนังสือประวัติศาสตร์ และเรื่องที่จะเล่านั้นก็ได้ยินมาจากปากผู้ใหญ่ทั้งสิ้น การบอกกาลเวลาโดยให้วันเดือนปีของเหตุต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจึงจะไม่ทำ และทำไม่ได้ เพราะผู้เขียนเรื่องนี้มีความจำเลวเป็นพิเศษในเรื่องวันที่และเดือนปี จึงจะไม่กล่าวถึงกาลเวลาอันแน่นอนในหนังสือเล่มนี้ นอกจากจะบังเอิญจำได้

ผู้เขียนเป็นบุตรพระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าคำรบ และหม่อมแดง ปราโมช เพราะฉะนั้นเรื่องราวของบรรพบุรุษที่จะเขียนถึงก็จะต้องเป็นบรรพบุรุษของท่านสองท่านที่กล่าวถึงนี้ ก่อนที่จะได้กล่าวถึงบรรพบุรุษก็ควรจะเรียงลำดับบรรพบุรุษให้ดูเสียก่อนอย่างที่ฝรั่งเรียกว่า Family Tree หรือที่ไทยดูเหมือนจะเรียกว่า สาแหรก แล้วจึงจะได้เล่าถึงเรื่องท่านเหล่านั้นต่อไป อนึ่งศัพท์ ปู่ ย่า ตา ยาย ทวด ตลอดจน ลุง ป้า น้า อา และพ่อแม่จะได้ใช้ต่อไปนี้ขอให้พึงเข้าใจว่า ศัพท์นั้น ๆ ใช้กับผู้ที่มีศักดิ์นับกับผู้เขียนเรื่องนี้อย่างนั้น ๆ ทั้งสิ้น ลูกหลานที่อ่านหนังสือเล่มนี้ จะต้องนับเอาเองว่า ท่านเหล่านั้นเป็นอะไรกับตน เช่น ปู่ของผู้เขียนก็จะต้องเป็นทวดของลูกผู้เขียน เป็นต้น

จาก คำนำหนังสือ "โครงกระดูกในตู้" ของ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช

 ยิงฟันยิ้ม
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 7  เมื่อ 05 มี.ค. 12, 10:26

ถ้าเป็น walk-in closet คือเป็นห้องเล็กๆ ทึบไม่มีหน้าต่าง  เก็บเสื้อผ้าและรองเท้า   อยู่เป็นส่วนหนึ่งของห้องนอน


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 8  เมื่อ 05 มี.ค. 12, 10:28

เมื่อก่อนที่อายุจะครบ ๖๐ ได้นึกว่าจะเขียนหนังสือขึ้นสักเล่มหนึ่ง เกี่ยวกับวงศ์ตระกูลของตนเอง เพื่อเอาไว้ให้ลูกหลานอ่านจะได้ทราบว่าใครเป็นใครในวงศ์ตระกูลของตน


อ่านบรรทัดแรก  ต๊กกะใจ  นึกว่าคุณเพ็ญชมพูจะมาเล่าเรื่องตระกูลท่านเองให้อ่านกัน   กำลังจะบอกว่าขอให้แยกไปอีกกระทู้ทีเดียวเชียว


บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12601



ความคิดเห็นที่ 9  เมื่อ 05 มี.ค. 12, 10:31

แห แหะ  



ยิงฟันยิ้ม
บันทึกการเข้า
han_bing
นิลพัท
*******
ตอบ: 1622



ความคิดเห็นที่ 10  เมื่อ 05 มี.ค. 12, 11:00

เป็นเรื่องน่ารู้มากเลยครับ

บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.056 วินาที กับ 20 คำสั่ง