เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 32572
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 135 เมื่อ 15 เม.ย. 12, 15:52
|
|
นโยบายของญี่ปุ่นหลัง พ.ศ. 2475 กลับไปปลูกฝังชาตินิยมอย่างรุนแรงเท่านั้นยังไม่พอ ในด้านการต่างประเทศ แรงปลุกใจให้ญี่ปุ่นกลับมาเป็นมหาอำนาจก็เข้มข้นขึ้นมาอีกครั้ง เกิดการเกลียดฝรั่งถึงขั้นญี่ปุ่นประกาศว่าจะช่วย "ปลดแอก" ให้เพื่อนประเทศเอเชียด้วยการให้พ้นอำนาจฝรั่ง ประเทศญี่ปุ่นในตอนนั้นก็ปกครองด้วยทหาร ซึ่งมีหน้าที่ตัดสินว่าอะไรดีที่สุดสำหรับประเทศ ประชาชนถูกปลูกฝังให้เชื่อและทำตามโดยไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ พ.ศ. 2484 นายพลเอกโตโจได้ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี ก็กุมอำนาจไว้ได้เบ็ดเสร็จเด็ดขาด ไม่มีผู้ใดในประเทศค้านได้ กองทัพญี่ปุ่นจะขยายอำนาจไปทางไหน ประชาชนในประเทศก็พร้อมจะว่านอนสอนง่ายกระทำตาม อย่างหนึ่งที่ญี่ปุ่นทำมาก่อนหน้านี้แล้วคือทำสงครามกับจีน ซึ่งญี่ปุ่นประมาทคาดหน้าเอาไว้ว่าจีนคงไม่มีปัญญาต้านทานได้นานนัก แต่ญี่ปุ่นคาดผิด รัฐบาลจีนคณะชาติที่นำโดยนายพลเจียงไคเช็คเป็นจีนกระดูกแข็งเคี้ยวยากกว่าที่ประมาทเอาไว้ อย่างน้อย จีนก็สู้สุดฤทธิ์ สามารถต้านทานญี่ปุ่นเอาไว้ได้จนกระทั่งญี่ปุ่นแพ้สงครามมหาเอเชียบูรพา แต่นั่นเป็นตอนจบของเรื่องที่ญี่ปุ่นในตอนต้นยังคะเนผิดอยู่ ญี่ปุ่นจึงก้าวมาเรื่อยๆสู่สงครามมหาเอเชียบูรพาอย่างรู้ๆกัน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 32572
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 136 เมื่อ 15 เม.ย. 12, 21:41
|
|
การทำสงครามเป็นเรื่องเปลืองกำลังคนและกำลังทรัพย์อย่างยิ่ง ถ้าไม่ได้กำไรคุ้มทุนที่ลงไป ก็ไม่มีชาติไหนอยากทำสงครามยึดดินแดนคนอื่นให้เสียเวลา ญี่ปุ่นเองแม้ว่าได้เปรียบจีน แต่ 4 ปีที่ทำสงครามกันนั้น จีนเป็นชาติเคี้ยวยากกว่าที่คิด ทำให้ญี่ปุ่นเปลืองต้นทุนไปจนแทบจะทรงตัวไม่อยู่เหมือนกัน ประกอบกับมหาอำนาจคือสหรัฐอเมริกา อังกฤษและฝรั่งเศส ต่างก็พากันแอนตี้ญี่ปุ่นจนระงับการส่งสินค้าสำคัญต่างๆมาให้ เช่นเหล็กและน้ำมัน เพื่อตัดกำลังญี่ปุ่นลงไป
ถึงตอนนี้ญี่ปุ่นก็มีทางเลือก 2 ทางคือ ถอนตัวจากรุนรานจีนตามที่อเมริกาบีบบังคับ แล้วหันมาเป็นประเทศเศรษฐกิจ ผลิตสินค้าเป็นล่ำเป็นสันตีตลาดต่างๆ เพราะไร้คู่แข่ง เนื่องจากสงครามโลกครั้งที่ 2 เกิดขึ้นพอดีในยุโรป ทำให้ประเทศใหญ่ๆทั้งหลายระส่ำระสายไม่เป็นอันผลิตสินค้าอย่างเคย หรือว่าเลือกอีกทางคือรักษาความแข็งแกร่งในฐานะมหาอำนาจทางเอเชียเอาไว้ ด้วยการเดินหน้าทำสงครามต่อไป ทั้งกับพี่เบิ้มมหาอำนาจทางตะวันตก และประเทศเล็กประเทศน้อยในเอเชียที่ญี่ปุ่นเชื่อว่าสามารถกวาดมาไว้ในอำนาจ เอาทรัพยากรมาเพิ่มกำลังทรัพย์ในคลังหลวงของตนเองให้ถึงเป้าหมาย
อย่างที่บอกแล้วว่าอำนาจทางการเมืองของญี่ปุ่นในยุคนั้นอยู่ในมือทหาร ถ้าหากว่าทหารจะเลิกรบแล้วกลับมาค้าขายอย่างเดียวก็ไม่ใช่วิสัยของทหารเท่านั้นเอง ทหารญี่ปุ่นย่อมรู้สึกว่าเสียเกียรติภูมิอย่างยิ่งที่ต้องคายอ้อยที่เข้าปากช้างมาแล้วกลับคืนออกไปตามเดิม ผลก็คือ ญี่ปุ่นเลือกหนทางที่ 2 คือเดินหน้าเป็นมหาอำนาจทางการทหารต่อไปให้ถึงที่สุด
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 32572
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 137 เมื่อ 15 เม.ย. 12, 21:58
|
|
ว่ากันตามจริงญี่ปุ่นก็ไม่ได้ผลีผลามกระโจนเข้าสงครามโดยไม่วางแผนยุทธศาสตร์เสียก่อน ญี่ปุ่นคิดเอาไว้รอบคอบพอสมควร ขอแบ่งเป็นข้อๆเพื่อให้อ่านง่ายตามนี้นะคะ ๑ กำลังทหารของสหรัฐอเมริกา อังกฤษ และฮอลันดาที่ประจำอยู่ในอาณานิคมหรือเมืองท่าต่างๆ มีอยู่เบาบางในเอเชีย พอที่ญี่ปุ่นจะเอาชนะได้ไม่ยาก ๒ เมื่อใช้กำลังยึดเมืองพวกนี้ได้แล้ว ทรัพยากรทั้งหลายก็จะลอยมาอยู่ในอุ้งมือญี่ปุ่นพอเป็นทุนทำสงครามต่อไป ๓ ประเทศฝรั่งพี่เบิ้มทั้งหลายกำลังติดพันทำสงครามกับเยอรมันและอิตาลีอยู่ในขณะนั้น ไม่สามารถแบ่งกำลังมาต่อต้านญี่ปุ่นในเอเชียได้อยู่ดี ๔ การแพ้หรือชนะของเยอรมันต่อพันธมิตร มิได้ก่อผลเสียให้ญี่ปุ่นทั้งขึ้นทั้งล่อง ถ้าเยอรมันชนะ พันธมิตรแพ้ ญี่ปุ่นก็ปลอดภัยจากประเทศพันธมิตรจะมาตีโต้เอาอาณานิคมกลับคืนไป ต่อให้เยอรมันแพ้ พันธมิตรชนะ ก็ชนะอย่างสะบักสะบอม จนต้องพักฟื้นไปอีกหลายปีกว่าจะหันมากู้อำนาจในเอเชียได้ ถึงตอนนั้นญี่ปุ่นก็คงรวบประเทศเล็กประเทศน้อยในเอเชียไปไว้ในอำนาจได้หมดแล้ว
จะเห็นได้ว่าหลักยุทธศาสตร์ของญี่ปุ่นไม่ได้เป็นไปลอยๆ ก็มีน้ำหนักน่าเชื่อถือทุกข้อ ทำให้ญี่ปุ่นมั่นใจในตัวเองพอจะเดินหน้ารุกคืบต่อไป พร้อมกับเผยแพร่นโยบาย "ปลดแอก" ประเทศที่เคยเป็นอาณานิคมของฝรั่งชวนเชื่อเอาไว้ก่อน เพื่อให้เห็นว่าในเมื่อเราเป็นเอเชียด้วยกัน ก็น่าจะพูดกันรู้เรื่องมากกว่าฝรั่ง แต่ก็อย่างที่ว่า แม้นโยบายที่รอบคอบที่สุดก็ยังรอบคอบไม่พอจะนำไปสู่ชัยชนะได้ เนื่องจากตัวแปรมีมากกว่าที่ญี่ปุ่นคิด
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 32572
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 138 เมื่อ 16 เม.ย. 12, 18:14
|
|
ก่อนจะพูดถึงฝรั่งขอพูดถึงประเทศในเอเชียก่อนนะคะ
ญี่ปุ่นวางแผนก้าวขึ้นสู่มหาอำนาจอันดับหนึ่งในเอเชียด้วย 2 วิธีคือ 1) หักหาญเอาด้วยกำลังอย่างที่ทำกับจีนและเกาหลี กับ 2) เกลี้ยกล่อมให้ร่วมมือแบบตกกระไดพลอยโจนอย่างที่ทำกับไทย อย่างที่สองนี้ญี่ปุ่นเชื่อว่าจะทำให้ได้ใจจากประเทศเล็กๆในเอเชียง่ายขึ้น แต่ผลก็ไม่ยักเป็นอย่างที่แผนที่วางไว้ ยังไม่ต้องพูดถึงประเทศอื่น เอาไทยเป็นตัวอย่างก่อน แม้ว่ารัฐบาลจอมพลป. จะเออออห่อหมกเป็นมิตรกับญี่ปุ่นด้วยดีในระยะต้น แต่เมื่อเวลาผ่านไป เหตุการณ์ก็พิสูจน์ได้ว่าไทยก็เล่นบทเหยียบเรือสองแคม ไม่ได้เข้าข้างญี่ปุ่นเต็มร้อย ขบวนการเสรีไทยที่เป็นฝ่ายพันธมิตรเต็มตัวได้รับการสนับสนุนลับๆจากคนในรัฐบาล เช่นหลวงอดุลเดชจรัส มือขวาของจอมพลป.เหมือนกัน ญี่ปุ่นจะทำอะไรก็ต้องเกรงใจรัฐบาลที่วางตัวเป็นพันธมิตร พร้อมกันนั้นหอกข้างแคร่จากขบวนเสรีไทยก็ทิ่มแทงอยู่ลับๆตลอดเวลา
ความผิดพลาดครั้งใหญ่ของญี่ปุ่นคือคะเนกำลังของฝรั่งผิดไปอย่างจัง การโจมตีเพิร์ลฮาเบอร์แบบสายฟ้าแลบ ถึงแม้ประสบชัยชนะอย่างงดงาม แต่ก็เท่ากับพญาผึ้งบินไปต่อยยักษ์หลับให้ตื่นขึ้นมา ตอนนั้นประชาชนอเมริกากำลังแบ่งเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งไม่อยากจะไปยุ่งกับสงครามในยุโรปให้เปลืองตัว เพราะอเมริกาเป็นประเทศเดียวที่ยังไม่บอบช้ำ อีกฝ่ายหนุนให้อเมริกาเข้าข้างพันธมิตรเพื่อปราบเยอรมันไม่ให้ผงาดขึ้นมาเป็นเจ้าใหญ่สุดในโลก เพราะถ้าเยอรมันชนะสงครามเมื่อใด อเมริกาก็จะเป็นประเทศต่อไปที่เยอรมันมุ่งหน้ามาเด็ดหัวเด็ดปีกให้สิ้นซาก หลังจากประเทศอังกฤษฝรั่งเศสแพ้ราบคาบไปแล้ว
การถล่มเพิร์ลฮาเบอร์จนยับเยิน เรือรบอเมริกันจมลงก้นอ่าว ทหารเรือตายโดยไม่รู้อีโหน่อีเหน่ ปลุกเลือดรักชาติให้พุ่งสูงขึ้นมาในประชาชนอเมริกันทั้งประเทศ ทุกคนหันหน้ามาจับมือกัน ประกาศคำเดียวว่า "รบ" เมื่อยักษ์ตื่นขึ้นมาแล้ว พญาผึ้งต่อให้มีพิษสงยังไงก็ตาม กำปั้นของยักษ์ก็มหึมากว่าอยู่ดี
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 32572
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 139 เมื่อ 16 เม.ย. 12, 19:48
|
|
เมื่อยักษ์ตื่นขึ้นมาแล้ว ยักษ์ก็จัดทัพออกรบเต็มกำลังอัตราศึก ทั้งกองทัพเรือที่จัดขึ้นมาใหม่ ส่วนเรือรบที่เพิร์ลฮาเบอร์ถูกถล่มก็ถล่มไป อเมริกายังระดมพลได้อีกเหลือเฟือ รวมทั้งกองทัพอากาศที่มีพละกำลังมหาศาล ซึ่งญี่ปุ่นไม่มีทางสู้ได้ กองทัพของอเมริกาถูกส่งไปยันญี่ปุ่นไว้ในปาซิฟิคในค.ศ. 1985 ได้สำเร็จ จากนั้นก็เป็นฝ่ายรุกคืบไปเรื่อย ยึดฟิลิปปินส์คืนจากญี่ปุ่น มิหนำซ้ำยังเหยียบจมูกตั้งทัพอยู่บนเกาะโอกินาวาของญี่ปุ่นได้สำเร็จ
ญีปุ่นทำสงครามมานานหลายปีเต็มที เงินทองและกำลังพลก็สิ้นเปลืองไปในสงครามเป็นจำนวนมาก เหมือนนักมวยที่ต่อยหลายเวทีติดๆกัน เวทีละ 12 ยก ยังไงก็ต้องอ่อนเปลี้ยเพลียแรง ส่วนมวยอเมริกันนั้นเป็นมวยรุ่นใหญ่ เพิ่งโผล่ขึ้นเวทีมาในยกที่แปด ก็ย่อมกระปรี้กระเปร่าฮึกเหิมมากกว่า กองทัพอากาศของอเมริกาสามารถทำลายเมืองของญี่ปุ่นไปทีละเมืองโดยไม่ต้องยกพลสู้กันจนตายเป็นเบืออย่างการรบทางบก นอกจากนี้เมื่อเยอรมันแพ้สงคราม อังกฤษซึ่งยังมีเขี้ยวเล็บอยู่ก็ระดมพลที่ยังเหลือหันมาช่วยอเมริกาทางปาซิฟิค กลายเป็นนักมวยฝรั่งสองคนต่อนักมวยญี่ปุ่นคนเดียว ถึงตอนนี้ ญี่ปุ่นก็มองเห็นแล้วว่าอนาคตตัวเองดับวูบลงด้วยคำว่า "แพ้"
ในเมื่อญี่ปุ่นดูออกว่าตัวเองนับวันถอยหลังได้เลย ไทยน่ะหรือจะดูไม่ออก จากนั้นผลเป็นยังไง ก็รู้ๆกัน เป็นอันว่ามาถึงตอนจบ ของการคั่นรายการไว้แต่เพียงนี้ค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ศุศศิ
อสุรผัด

ตอบ: 32
|
ความคิดเห็นที่ 140 เมื่อ 27 เม.ย. 12, 15:05
|
|
เข้ามาเช็คชื่อครับ อย่าเพิ่งตัดสิทธิ์สอบ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 32572
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 141 เมื่อ 27 เม.ย. 12, 19:17
|
|
ดิฉันหมดภูมิแล้วค่ะ ต้องแล้วแต่ท่านอาจารย์นวรัตน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|