ถึงแม้
คุณวิกกี้ จะอายุน้อย แต่เธอก็รู้ไปโม้ดจริง ๆ
ละครโทรทัศน์เรื่องแรกของประเทศไทย คือ เรื่อง สุริยานีไม่ยอมแต่งงาน บทประพันธ์ของนายรำคาญ
(ประหยัด ศ. นาคะนาท) เรื่องที่สองคือ ดึกเสียแล้ว ของอุษณา เพลิงธรรม ทั้ง ๒ เรื่องออกอากาศทางช่อง ๔ บางขุนพรหม
คุณอ๊อดแห่ง
เว็บภาพยนตร์ไทย ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า
ละครไทยเกิดขึ้นหลังจากการเปิดสถานีโทรทัศน์แห่งแรกของไทย ซึ่งออกอากาศอย่างเป็นทางการวันแรก คือ วันที่ ๒๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๙๘ ใช้ชื่อว่า บริษัท ไทยโทรทัศน์ จำกัด (ท.ท.ท.) ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ตั้งสถานีวิทยุ ท.ท.ท.ไว้ก่อนแล้ว เมื่อ ๓๑ มกราคม พ.ศ. ๒๔๙๗ โดยการดำริของ จอมพล ป.พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น หลังจากนั้นไม่นาน คุณจำนง รังสิกุล หัวหน้าสถานีก็ดำริให้จัดละครขึ้นเป็นครั้งแรก (ก่อนหน้านี้จะมีแต่ละครรำ,ละครพันทาง)
ละครเรื่องแรกของไทยจึงเกิดขึ้นที่ทีวีช่อง ๔ บางขุนพรหม (สี่แยกคอกวัว) คือ เรื่อง "สุริยานีไม่ยอมแต่งงาน" จัดโดย พจนีย์ โปร่งมณี (ซึ่งอยู่ในทีมงานรุ่นแรกและเป็นดาราละครจากรั้วนาฎศิลป์ กรมศิลปากร) ผู้กำกับการแสดงยังไม่มี ทุกคนจะคอยช่วยกันติชม พระเอกละครคนแรกจากเรื่องนี้มีอยู่ ๒ คน คือ ม.ร.ว.ถนัดศรี สวัสดิวัฒน์ และ โชติ สโมสร(นายทหารผู้รักศิลปการแสดง) นางเอกละครคนแรกและคนเดียวคือ นวลละออ ทองเนื้อดี ละครเรื่องแรกออกอากาศไปได้อย่างน่าพอใจ ดาราละครที่เล่นให้ช่อง ๔ ก็เอามาจากเจ้าหน้าที่ที่ทำงานในสถานีทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น
๑. อารีย์ นักดนตรี (นางเอกละครยอดนิยมอันดับ ๑ คนแรกของเมืองไทย) เหมาหมดทั้งนางเอกละครรำ, ละครพันทาง, เจ้าหน้าที่ห้องส่ง, ผู้ประกาศ, โฆษก, พิธีกร, นักโฆษณาสินค้า, ร้องเพลง, นางเอกละคร เรียกว่าไม้จิ้มฟ้นยันเรือรบ เป็นเสาหลักตั้งแต่เริ่มจนเปลียนเป็นช่อง ๙ อ.ส.ม.ท.ท่านก็ยังเป็นผู้จัดละครอันดับ ๑ สร้างดาราละครประดับวงการมากมายหลายสิบคน เช่น พิศาล-ภิญโญ ทองเจือ-นิรุตต์-อัศวิน-อนุสรณ์-ดิลก-กนกวรรณ-นันทวัน-ศิริพร-เดือนเต็ม-นวลปราง-ลินดา-กาญจนา-อุทุมพร ฯลฯ จนท่านขอเกษียณตัวเองในเวลาต่อมา ถือเป็นปูชนียบุคคลทางด้านละครจริงๆ ได้รับรางวัลระดับโลกคือรางวัลผู้ประกาศยอดเยี่ยมหญิง The Best Female Announcer ประจำปี ๒๕๐๔ จากสถาบันวิทยุและโทรทัศน์ของสถาบัน ONDAS แห่งประเทศสเปน
๒. ชูชีพ ช่ำชองยุทธ (ท้วม ทรนง) คนนี้ รับเข้ามาทำงานเพราะกะว่าจะให้มาเป็นพระเอก เพราะเห็นแววเล่นหนังดีจากบทพระเอก"ไอ้ขวัญ"ในหนังใหญ่เรื่อง "แผลเก่า" เมื่อปี ๒๔๙๗ แต่เพราะรูปร่างเริ่มท้วม (อายุ ๒๙) เลยถูกเปลี่ยนชื่อตามรูปร่าง แล้วตัวจริงแกมีมุขตลกเยอะ เลยให้เป็นตัวตลก ท่าจะรุ่งกว่า
๓. สะอาด เปี่ยมพงศ์สานต์ รับเข้ามาหลังจากสถานีเปิดได้ ๖ เดือน (อายุ ๒๓ หนุ่มฟ้อ หล่อเฟี้ยว สูงโปร่ง) ตั้งใจจะให้แสดงละครเป็นพระเอกโดยเฉพาะ เพราะตอนนั้นท่านเพิ่งเรียนจบจากมหาวิทยาลัยญี่ปุ่น สาขาภาพยนตร์ รูปร่างสูงเพียว หน้าตาหล่อเหลาเอาการ เล่นเป็นพระเอกได้ไม่กี่เรื่อง ไม่ค่อยรุ่ง พอหันมาเล่นร้าย ได้รับการต้อนรับอย่างดี เลยกลายเป็นตัวร้าย ตีคู่มากับ สมจินต์ ธรรมทัต มีหน้าที่ประจำอยู่แล้วหลายอย่าง เช่น ผู้จัดรายการ, นักพากย์ประจำสถานีเหมือนสมจินต์ (อายุเท่ากันด้วย)
๔. ม.ร.ว.ถนัดศรี สวัสดิวัฒน์ หัวหน้าจำนง รังสิกุล ได้ไปงานนักเรียนเก่าอังกฤษ ได้ชมการแสดงเสภาเรื่อง"ขุนช้างขุนแผน"ตอน"ฟันม่าน"หน้าพระที่นั่งสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี ในรัชกาลที่ ๗ เกิดติดใจเสียงขับเสภาของท่าน จึงได้ชักชวนให้เข้ามาร่วมงานในทีวีช่อง ๔ เพราะเห็นแวว่า จะมาเป็นกำลังสำคัญของสถานีโทรทัศน์ได้ กอรปกับ พล.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์และคุณหญิงอุดมลักษณ์ ซึ่งสนิทกันมาก ได้ออกปากชวนให้มาทำงงานที่ช่อง ๔ ด้วยกัน คุณชายถนัดศรี เลยตอบตกลงทันทีหลังจากเปิดสถานีได้ไม่ถึงเดือน (อายุ ๒๙)
๕. บรรยง เสนาลักษณ์ (เทิ่ง สติเฟื่อง) เข้ามาทำงานรุ่นแรก ๆไล่เลี่ยกับท้วม ทรนง แต่บรรยง อายุน้อยกว่าหลายปี (อายุ ๒๓ ท้วม ๒๙) หัวหน้าจำนงรับเข้ามาทำงานเพราะเขาเป็นนักเรียนธรรมศาสตร์ที่ขึ้นเวทีจนเจนแล้วและมีปฏิภาณดี จึงรับเข้ามาในทันทีที่เขียนใบสมัครก่อนเปิดสถานีช่อง ๔ ไม่ถึง ๓ เดือน โดยเข้ามาหลังอารีย์ นักดนตรี เพียง ๒ เดือนเท่านั้น พระเอกก็มีแล้ว คือ หม่อมถนัดศรี, สะอาด ยังขาดตัวตลก นายบรรยง ตัวจริง เป็นคนหัวไว ปากไว ปัญญาดี ขยัน ข้อสำคัญมีอารมณ์ขันอยู่เป็นนิจ มักจะมีคำพูดแปลก ๆ มาจี้เส้นในรายการบนเวทีที่ท่านอารีย์เป็นพิธีกร หัวหน้าจำนงจึงมอบหมายให้นายบรรยง เป็นตัวตลกคู่กับท้วม ทรนง โดยตั้งชื่อใหม่ให้ว่า เทิ่ง กระหม่อมทอง ชื่อ เทิ่ง มาจากกิริยาที่เดินเทิ่ง ๆ ของเขาเอง ส่วนนามสกุล หัวหน้าจำนงตั้งขึ้นเอง พอออกอากาศไปได้ครั้งเดียว ก็มีโทรศัพท์มาจาก ร.อ.ขุนแผน กระหม่อมทอง ท้วงว่าเป็นนามสกุลของเขา หัวหน้าจำนงบอกให้คุณอาจินต์ ปัญจพรรค์ ตั้งให้ใหม่ คุณอาจินต์ ก็ดูเอาจากสติปัญญา ที่ไม่ว่าจะทำอะไรก็คิดแต่เรื่องเฟื่อง ๆ ฟู ๆ ผิดมนุษย์คนอื่น จะออกหัวคิดทำอะไรก็ถูกอกถูกใจคนดูไปหมด เลยตั้งนามสกุลให้ว่า "สติเฟื่อง" เจ้าของคำสุดฮิตในสมัยหนึ่ง เช่น "เลิศ สแมนแตน"
ดาราละครนอกจากนี้ก็มี เย็นจิตต์ สัมมาพันธ์, ประไพพัฒน์ นิรัติพันธ์ (สวยมาก แต่เล่นละครได้ ๒ เรื่อง ก็เลิกราไป), ดาเรศ-ศุภมิตร ศาตะจันทร์, อังกูร บุรานนท์, ประกอบ ไชยพิพัฒน์, สินีนาฏ โพธิเวส(ภรรยา มล.ขาบ กุญชร ณ. อยุธยา อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ในขณะนั้น), อาคม มกรานนท์, ชวลี ช่วงวิทย์,ไศล ศรีสาธร, ฉลอง สิมะเสถียร (พระเอกใหม่ ซึ่งต่อมากลายเป็นพระเอกละครยอดนิยมอันดับ ๑ ตลอดกาล), สุพรรณี ปิยะสิระนนท์
