ปั้นลม คือ ไม้วางทับบนเชิงชายทาบทับปลายแปหัวเสาทับหลังแปลานไปวางอยู่เหนืออกไก่ทั้งสองข้าง
ทำให้เกิดเป็นรูปสามเหลี่ยมปลายบนของปั้นลมแหลม หลังปั้นลมถากอ่อนช้อยลงมาถึงปลายที่วางอยู่บนเชิงชาย ทำเป็นรูปคล้ายหางหงส์ เรียกส่วนนี้ว่า " ตัวเหงา"
หน้าที่ปั้นลม ป้องกันลมพัดหัวจากหรือแฝกปิดบังหัวจาก ซึ่งไม่น่าดู และเสริมสร้างความงามของหลังคาทรงสูง
ปั้นลมและตัวเหงา เป็นองค์ประกอบสำคัญที่แสดง "เน้นลักษณะเรือนไทยอย่างรุนแรง"
จากหนังสือ "บ้านไทยภาคกลาง" โดย ศาสตราจารย์ พล.ร.ต. สมภพ ภิรมย์ ร.น.,ราชบัณฑิต
ของคุณมากครับ สำหรับข้อมูลนี้และที่อยู่ในความเห็นของคุณ POJA ต่อๆมา
เรื่องปั้นลมนี้ ผมเกือบจะเขียนถามออกมาแล้วว่า เป็นเอกลักษณ์หรือไม่ ก็พอดีได้คำตอบ
สำหรับเรื่องของคำว่า เรือน และคำว่า บ้าน นั้น อ่านแล้วทำให้นึกถึงความหมายที่ลึกซึ้งของคำว่า House และ Home ในความเข้าใจของฝรั่ง
ฝรั่งเขาว่า A house is a home without love ซึ่งดูจะเป็นการแยกระหว่างที่พักพิง (house) กับภูมิลำเนา (home)
Would you like to come to my house ? หมายถึงมาที่พักของผม (มีแต่ผมอาศัยอยู่) แต่หากลงท้ายด้วย my home หมายถึงจะได้พบกับสมาชิกของครอบครัวของผมด้วย
ในทำนองเดียวกันก็ดูจะมีการใช้คำว่า house plan หรือ house design ในความหมายที่ค่อนข้างจะจำกัดเฉพาะการออกแบบบ้านในเชิงของ conceptual แต่หากใช้คำว่า home plan หรือ home design ดูจะมีความหมายกว้างไกลครอบคลุมถึงวิถีการใช้ชีวิตในลักษณะต่างๆด้วย เรียกได้ว่าเป็นการออกแบบที่คำนึงถึงทุกอย่างว่าจะต้องมี functionality สำหรับความเป็นอยู่อย่างสุขสบายอย่างครอบครัว จึงมักจะได้ยินคำว่า cottage house มากกว่า cottage home เป็นต้น
ก้าวล่วงเข้าไปในดงสถาปนิกแล้ว ขอคาระวะและขออภัยหากข้าน้อยล่วงเกินก็ด้วยเบาปัญญา
จากคำบรรยายของท่าน ศ.พล.ร.ต. สมภพ ภิรมย์ ร.น. และของท่าน อ.ศรีศักร วัลลิโภดม นั้น ผมอาจหาญเดาเอาเองว่า เรือน ดูจะมีความหมายในตรงกับลักษณะที่เป็นตัวสิ่งก่อสร้าง (คือ house) ในขณะที่บ้าน ดูจะหมายถึง home (มีญาติอยู่กันเป็นครอบครัว)