เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 14 15 [16] 17
  พิมพ์  
อ่าน: 111891 ว่าด้วยเรื่องของหลังคาแบบไทย
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 225  เมื่อ 20 เม.ย. 12, 15:53

ตัวผังพื้นที่เป็นวงกลม ไม่ได้เกิดจากความเสแสร้งอยากจะได้อะไรประหลาดๆ แต่เป็นความจำเป็นที่ต้องการนำมันไปจัดลงภายในช่องว่างระหว่างต้นมะพร้าวในสวนอายุกว่าสี่สิบปี โดยไม่ให้เกิดการตัดทำลายวายวอด หลังจากประเมินแล้ว ไม่มีอะไรจะเหมาะสมเท่ารูปทรงนี้

อาคารกลม มีอิสระในการหมุนผังให้หน้าต่างของห้องนอนชั้นบน หันออกสู่วิวทะเลได้ทุกหลัง โดยไม่ทำให้โรงแรมดูเกะกะ หากจะเป็นทรงกล่องสี่เหลี่ยม

วัสดุก่อสร้างทันสมัยเท่าที่จะหาได้ในตลาด ไม่ได้ใช้ไม้ธรรมชาติแต่ดูนุ่มนวลเหมือนไม้ หลังคาทรงหมวกนั้น สามารถรับแรงกระทบจากลูกมะพร้าวที่อาจหล่นลงมาใส่ได้ โดยไม่เกิดความเสียหาย

การตกแต่งภายใน ให้ความรู้สึกที่ชาวยุโรประดับกลุ่มเป้าหมายของโรงแรมนี้คุ้นเคย และนอนหลับได้ ไม่ว่าเมื่อก่อนค่ำจะเห็นลิงป่าทั้งฝูงมานั่งอยู่นอกหน้าต่างก็ตาม


คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ

คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 226  เมื่อ 20 เม.ย. 12, 15:55

คงจบแล้วละครับ พอสมควรแล้ว
บันทึกการเข้า
naitang
หนุมาน
********
ตอบ: 5823


ความคิดเห็นที่ 227  เมื่อ 20 เม.ย. 12, 19:21

ไม่ได้หายไปใหนหรอกนะครับ เฝ้าคอยอยู่ ตามอ่านไปเรื่อยๆมาตลอด ด้วยรู้น้อยจึงฟังมาก
อ่านแล้วก็ให้รู้สึกว่า กินนอนอยู่เป็นนานไม่ยักกะรู้ว่าบ้านเราเป็นอย่างไร เห็นแต่ความสวย (เปลือกนอก) แต่ไม่เห็นความงาม (ส่วนใน) ก็เพิ่งจะได้รับการเบิ่งตาให้เห็นในครั้งนี้เอง   หากไม่ชั้นครูจริงๆก็คงจะไม่สามารถอรรถาธิบายกระตุ้นให้เห็นเนื้อแท้ได้

ด้วยความคารวะจริงๆ ครับ

ผมทราบมาโดยประสบการณ์ว่า การจะนำเรื่องราวในเชิงนามธรรมมาเล่าขานให้เกิดภาพในเชิงรูปธรรมนั้นยากมาก หากไม่รู้จริงก็ต้องพยายามใช้วิธีการอธิบายกันยืดยาวเพื่อให้อีกฝ่ายเข้าใจ แต่หากรู้จริงทุกรูขุมขนก็สามารถจะรู้วิธีสะกิดเพียงนิดเดียวให้อีกฝ่ายเห็นภาพได้

ท่านนวรัตน์จึงเป็นผู้รู้จริง

ทำให้เห็นภาพว่าปรมาจารย์แต่ก่อนนั้น จะคิดอะไรจะทำอะไรก็จะทำให้เกิดมีคุณค่าดีที่สุดสนองตอบโจทย์ต่างๆอย่างครบถ้วน มีการศึกษาและทำการบ้านมาก่อนเท่าที่ปัญญาและความรู้จะพึงมี ซึ่งในภาษาฝรั่งเขาเรียกว่า Research ซึ่งคำนี้ในปัจจุบันมักจะมีความหมายไปในเชิงเพื่อจะไปหาสิ่งใหม่ๆ มากกว่าที่จะหมายความถึงการทบทวนสิ่งที่เขารู้ๆกันมาก่อนที่จะทำอะไรให้เป็นที่ประจักษ์   

อย่างน้อยผมก็มีความดีใจเล็กๆน้อยๆว่า
....ความจริง เอกลักษณ์ของสถาปัตยกรรมไทยที่เราคิดขึ้นมาเอง และโดดเด่นที่สุดในสายตาชาวโลก ก็คือรูปทรงหลังคา และการยกฐาน หรือใช้เสาสูง เพื่อให้พื้นอาคารอยู่ระดับเหนือน้ำ ในฤดูน้ำหลาก...


อ.นวรัตน์อยากจะจบแล้ว แต่ผมอยากจะขอแยกเข้าซอยไปนี๊ดเดียวด้วยความอยากรู้อีกสักหน่อยว่า  แล้วมีอะไรที่เป็นไทยๆซ่ิอนอยู่ในการออกแบบบ้านเรือนในปัจจุบันบ้างครับ (เรื่องใต้ถุนบ้านสูงนั้นหายไปแล้ว) นอกเหนือจากพื้นที่ทำครัวนอกตัวบ้าน (ซึ่งมักจะต้องต่อเติมด้วยตนเองในภายหลัง) แล้วมีอะไรอีกบ้างที่สถาปนิกคิดว่าเป็นวิถีไทยที่ยังจะต้องคำนึงถึงในการออกแบบบ้านและอาคาร

อาจารย์อย่าโกรธผมน้า อยากทราบจริงๆครับ

(อ. คนนี้ดุ อยากรู้ก็ต้องโดน....ไม่ถามแล้วจะรู้ได้อย่างไร จริงๆใหมครับ?ฮืม)

 
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 228  เมื่อ 20 เม.ย. 12, 19:24

เคยได้ยินชื่อรายาวดีมานานแล้วค่ะ  หวังว่าจะได้ไปเห็นด้วยตัวเอง
แต่ตอนนี้เห็นจะต้องรอปีหน้า


บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 229  เมื่อ 20 เม.ย. 12, 22:24

อาาา…….นี่ท่านตั้งก็ได้อุปโลกย์ให้ผมเป็นอาจารย์ไปอีกคนนึงแล้ว…..เอ  นี่มันอะไรกันนักหนา

ส่วนคำถามของท่านตั้งนั้น แต่ละข้อก็ลึกซึ้งยิ่ง เหมือนออกข้อสอบล่อหลอกให้คนตอบขยายขี้เท่ออวดชาวบ้าน


เอ้า ลองดู

“มีอะไรอีกบ้างที่สถาปนิกคิดว่าเป็นวิถีไทยที่ยังจะต้องคำนึงถึงในการออกแบบบ้านและอาคาร”

ถ้าเป็นผมก็คงต้องแยกออกเป็นสองประเภท ประเภทแรก ทำไปเลยไม่ต้องถามเจ้าของ อันนี้ได้แก่การพยายามปรุงอาคารให้ด้านทิศเหนือเปิดออกสู่วิว มีหน้าต่างหรือผนังกระจกได้ เพราะด้านเหนือปลอดจากแดดที่จะสาดเข้ามาถึงภายในห้อง การหลบห้องครัวและห้องคนใช้ไปในทิศที่ไม่รบกวนสายตา การยกพื้นชั้นล่างให้สูงจากระดับดิน อย่างน้อยก็ต้องประมาณเมตรนึง ก่อนจะเข้าบ้าน ต้องมีพื้นที่อำนวยให้แขก หรือคนในบ้านถอดรองเท้าก่อนจะเข้าบ้าน อ้อ บันได ไม่ว่าจะขึ้นชั้นล่างหรือชั้นบน ต้องนับขั้นให้ได้เลขคี่ ไม่ใช่เลขคู่ อันนี้ไม่รู้คนไทยถือกันมาแต่ครั้งไหนที่ว่า “บันไดคู่บันไดผี บันไดคี่บันไดคน” แม้เจ้าของบ้านบางตนอาจจะไม่รู้ เราก็ควรทำไปเลย มิฉะนั้นหากอยู่ๆไปมีคนมาทักเข้า คนอยู่ก็จะไม่สบายใจ
  
นอกจากนั้น ต้องถามเจ้าของก่อนว่า เขาจะต้องการให้มีไหม เช่นห้องพระ ซึ่งควรจะอยู่ทิศอะไรของบ้านก็ได้ยกเว้นตะวันตก  อีกห้องหนึ่งซึ่งก็สำคัญ ควรจะต้องมี คือห้องเก็บของ การงกสมบัติไม่ยอมทิ้งของง่ายๆดูเหมือนจะเป็นวัฒนธรรมไทยอย่างหนึ่งเหมือนกัน ถ้าไม่มีห้องเก็บของ บ้านจะรกไปหมด บางบ้านถึงจะมีแต่ก็เต็มจนล้นออกมาในบ้าน ของเก่าไม่ใช่โบราณวัตถุนะครับ เป็นของที่ไม่ใช้แล้ว แต่ยังเสียดายไม่ยอมทิ้งหรือให้คนอื่นเขาไป
 
วัฒนธรรมอีกอย่างหนึ่งที่คนไทยรับมาจากคนจีน และระบาดอย่างหนักในปัจจุบันก็คือ การเอาซินแสมาดูฮวงจุ้ย แล้วสั่งให้สถาปนิกทำอย่างโน้นอย่างนี้ เป็นที่ปวดเศียรเวียนเกล้ามาก ผมขอไม่เล่า เดี๋ยวยาวเกิน ถ้าซินแสมีอิทธิพลต่อเจ้าของมากกว่าฟังสถาปนิก ต่อไปก็ควรเชิญซินแสไปเป็นคณบดีคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์เสียให้รู้แล้วรู้แรด


พอผ่านได้มั้ย ท่านตั้งขอรับ



บันทึกการเข้า
naitang
หนุมาน
********
ตอบ: 5823


ความคิดเห็นที่ 230  เมื่อ 21 เม.ย. 12, 18:20

ซือโก้ย (ญี่ปุ่น) =  สุดยอด

ทำให้นึกถึงอะไรอีกหลายอย่างที่เป็นไทยๆแฝงอยู่ในบ้านไทย ที่ล้างเท้าตีนบันใดบ้านในภาคเหนือก็อย่างหนึ่ง หายไปหมดแล้ว ดีที่ยังแปลงเป็นแผ่นปูนเอาไว้ถอดและวางรองเท้า

ตามประสาก็ยังคงมีความอยากรู้อีก
เรามีมิชชันนารีจากสหรัฐฯเข้ามาในช่วงต้นรัตนโกสินทร์ ก็พอจะนับได้ว่ามีอิทธิพลทางสังคมพอสมควร ขนาดไปตั้งหลักปักฐานที่พิษณุโลก เป็นฐานกระจายการทำงานในภาคเหนือ และคงจะมีความสนิทสนมกันมากพอทีเดียวขนาด ร.4 ยังมีพระราชสาส์นจะส่งช้างไปให้ ก่อนหน้านั้นในสมัยอยุธยาก็มีทั้งปอร์ตุเกต ญี่ปุ่น เปอร์เซีย มากมาย แต่ทำไมเราจึงมีแต่คำเรียกทรงหลังคา "ปั้นหยา"  ไม่ว่าชื่อนี้จะเพี้ยนมาจากคำว่า "สเปญ" ตัวช่างจีน หรืออะไรก็ตาม
 
จะเป็นการแสดงว่าปั้นหยานั้น จะมีลักษณะเฉพาะบางอย่างหรือเปล่าที่เป็นการผสมผสานของอิทธิพลจากหลายประเทศ
 
ช่วยคลายอีกสงสัยหน่อยด้วยได้ใหมครับว่า ทรงอาคารและหลังคาแบบโคโลเนียลซึ่งยังคงมีปรากฎให้เห็นอยู่ในหลายๆแห่งที่ยังคงเป็นสิ่งปลูกสร้างของพวกมิชชันนารีอยู่นั้น มีแฝงอยู่ในอาคารบ้านเรือนไทยบ้างหรือไม่ หรือกลายเป็นศิลปประจำถิ่นที่ซ่อนอยู่ในช่างไทย หรือถูกกลบเกลื่อนเลือนลางหายไปหมดแล้ว

ท่านนวรัตน์ช่วยเบิ่งตาให้ด้วย น้อยนิดก็ยังดีครับ  ยิงฟันยิ้ม

 
บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 231  เมื่อ 21 เม.ย. 12, 20:53

ท่านตั้งก็พิจารณาเอาเอง รูปบนๆน่ะ เป็นสถาปัตยกรรมแบบโคโรเนียลในสมัยแรกสร้างในเมืองไทย ส่วนรูปท้ายๆเป็นสถาปัตยกรรมสมัยใหม่แบบที่เขาเรียกว่า "อนุรักษ์นิยม"  ซึ่งแฝงแบบโคโรเนียลอย่างเห็นได้ชัด  เรียกว่ากลายเป็นศิลปประจำถิ่นที่ซ่อนอยู่ในช่างไทย มิได้ถูกกลบเกลื่อนเลือนลางหายไปหมดแล้วดังปุจฉา


คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ


คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
บันทึกการเข้า
naitang
หนุมาน
********
ตอบ: 5823


ความคิดเห็นที่ 232  เมื่อ 21 เม.ย. 12, 21:53

อืม์  เห็นชัดเลยเนาะ

โคโลเนียลสไตล์หลังคาปั้นหยา  ยิ้มเท่ห์

พวกบ้านที่มีระเบียงชั้นบนทั้งหลาย ก็คือเสี้ยวซากของโคโลเนียลที่หลงเหลือติดอยู่นะสิ ฮืม

บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 233  เมื่อ 21 เม.ย. 12, 22:34

เขาเรียก สถาปัตยกรรมแบบไทยผสมฝรั่ง ขอรับ

เออ ครับ พวกระเบียง เฉลียง ชาน อะไรประเภทเช่นนี้ เป็นวิถีไทยที่ยังจะต้องคำนึงถึงในการออกแบบบ้านและอาคาร ตามที่ถามในข้อที่ผ่านมาด้วย เพราะบ้านฝรั่งในเมืองหนาวเขาไม่นิยมจะสร้างกัน แต่คนไทยชอบ ความจริงไม่ได้ออกมานั่งกินลมเท่าไหร่ เพราะส่วนใหญ่ทนแดดไม่ไหว กลางคืนก็ยุงกัด ที่เห็นบางบ้านใช้ประโยชน์จริงๆก็เอาไว้ตากผ้านี่แหละ
บันทึกการเข้า
naitang
หนุมาน
********
ตอบ: 5823


ความคิดเห็นที่ 234  เมื่อ 23 เม.ย. 12, 16:14

เขาลงจากหลังคาไปเดินตามระเบียงกันหมดแล้ว
   
ผมก็จะต้องลงเดินตามเขาไปด้วยแล้ว
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 235  เมื่อ 23 เม.ย. 12, 16:22

ท่าน NAVARAT ให้ดิฉันเอาบันไดมารับคุณตั้งจากหลังคา  ลงไปที่ระเบียงและเฉลียง ค่ะ


บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 236  เมื่อ 23 เม.ย. 12, 16:36

อยู่ที่เดิมก็ได้ ท่านตั้ง เดี่ยวจะทำดาดฟ้าให้


บันทึกการเข้า
naitang
หนุมาน
********
ตอบ: 5823


ความคิดเห็นที่ 237  เมื่อ 23 เม.ย. 12, 19:34

ขอบคุณครับคุณเพ็ญชมพูที่ส่งกระไดมาพาดให้ ลงได้ง่ายอีกหน่อย
แล้วก็ขอบคุณท่านนวรัตน์ ที่จะทำดาดฟ้าให้อยู่ แต่กลัวจะต้องอยู่คนเดียวครับ
ยังไงก็ต้องลงไประเบียงให้ได้ครับ

หลังคาไทยนั้นช่างมุงหลังคาจะอยู่ด้านใน แต่หลังคาฝรั่งช่างมุงหลังคามักจะอยู่ด้านนอก ทั้งคู่มุงจากชายคาขึ้นไปหาจั่ว เลยต้องขอบคุณคุณเทาชมพูที่ทราบว่าต้องเอาบันไดมาพาดให้ด้านนอก มิฉะนั้นผมคงจะโผล่ออกมาลงไม่ได้   

ภาพของท่านนวรัตน์ทำให้ผมคิดถึงส่วนของหลังคาที่เรียกว่า Widow watch ซึ่งดูเหมือนจะเป็นเอกลักษณ์ของหลังคาของอเมริกันเฉพาะแถบนิวอิงแลนด์ ซึ่งดูเหมือนจะมีอยู่บนบางอาคารทั้งสมัยเก่าและอาคารแบบร่วมสมัยของไทย แต่เหลือเพียงเป็นสัญลักษณ์ให้เห็นเท่านั้น หรือไม่เกี่ยวกันเลย ฮืม
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 238  เมื่อ 23 เม.ย. 12, 19:38

ขอบคุณครับคุณเพ็ญชมพูที่ส่งกระไดมาพาดให้ ลงได้ง่ายอีกหน่อย


บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 239  เมื่อ 23 เม.ย. 12, 19:42

^
เมาแหง๋
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 14 15 [16] 17
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.072 วินาที กับ 19 คำสั่ง