บ้านโบราณริมกว๊านพะเยา หลังคาปั้นหยาผสมมะนิลา ที่มีจั่วตรงหน้าบ้าน
บ้านนี้มีประวัติยาวเหยียด ในเว็บ
http://phayaorath.net/vimon/?p=149เป็นคฤหาสน์โบราณตั้งตระหง่านอยู่ริมกว๊านพะเยาด้านทิศตะวันออก เดิมเป็นบ้านของ “คุณหลวงศรีนครานุกุล” คหบดีเชื้อสายจีน นามสกุล “สุทธภักติ และแซ่เจียว”ที่มีชื่อเสียงในภาคเหนือ ดร.ชาญวิทย์ เกษตรศิริ บรรณาธิการเขียนไว้ใน “สังคมจีนในประเทศไทย: ประวัติศาสตร์เชิงวิเคราะห์” ไว้ว่า “หัวหน้าชาวจีนก็ได้รับบรรดาศักดิ์ โดยได้รับยศเป็นพิเศษจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หรือเจ้านครของท้องถิ่นนั้น ในกรุงเทพฯ หัวหน้าชาวจีนมียศเป็นพระยา แต่ในหัวเมืองอื่นมียศเป็นชั้นพระ (เช่นโคราช) มียศหลวง (เช่นเชียงใหม่) หรือยศขุน (เช่นอุตรดิตถ์) ผู้เขียนโชคดีที่ได้สัมภาษณ์ จัน-ไฉ่-ชิง ที่ดูเหมือนจะเป็นคนจีนคนเดียวที่ยังมีชีวิตอยู่ ที่เคยรับราชการเป็นหัวหน้าคนจีนในสยาม เขาได้รั้งตำแหน่งนี้ที่อุตรดิตถ์เป็นเวลาหลายปี ราว ค.ศ. ๑๙๐๒ (พ.ศ. ๒๔๔๕) และต่อมาได้เป็นนายอากรฝิ่นและสุราสำคัญในหลายจังหวัดทางภาคเหนือ ซึ่งที่นั่นเขายังใช้นามบรรดาศักดิ์ คือ หลวงศรีนครานุกุล ปัจจุบันนี้เขาใช้ชีวิตอยู่อย่างสุภาพบุรุษชาวไทย ลูกหลานเขาก็ถือว่าเป็นคนไทยมากกว่าคนจีน หลายเขาทั้งหมดมี ๓๐ คนล้วนเติบโตขึ้นอย่างเป็นคนไทยทั้งสิ้น..”
ด้านสถาปัตยกรรมของบ้านหลังนี้เป็นรูปทรงปั้นหยา สองชั้น หลังคาหน้าจั่วมุงด้วย “แป้นเกร็ด” ที่ใช้กบไสผิวเรียบคล้ายกระเบื้องดินเผา ภายในจัดห้องนอนเป็นสัดส่วนสวยงาม ด้านหน้าชั้นสองเป็นห้องโถงโล่งมองเห็นกว๊านพะเยาได้ถนัด บันไดขึ้นชั้นสองเป็นรูปโค้งเรียงตัวพอเหมาะกับการเดินขึ้น ด้านหลังชั้นหนึ่งเป็นเรือนคนใช้คล้ายห้องแถวยาว โดยมีลานกว้างขั้นกลาง ประตูหน้าต่างแต่ละบานสลักสวยงาม ทุกบานมีช่องคอสองประดับด้วยกระจกลวดลายโบราณ ห่างออกไปด้านทิศตะวันตก มีเรือนชั้นเดียวรูปแบบด้านสถาปัตย์คล้ายกัน อยู่ท่ามกลางความร่มรื่นของต้นไม้โบราณขนาดใหญ่
สร้างเมื่อปี ๒๔๖๕ บนเนื้อที่ประมาณ ๙ ไร่ โดยช่างชาวจีนเมืองเซียงไฮ้และช่างพื้นบ้านชาวพะเยา เจ้าของสร้างไว้เพื่อเป็นที่อยู่อาศัยและดูแลกิจการคือ การต้มสุราริมกว๊านพะเยา ได้ขุดบ่อน้ำริมแม่น้ำอิงที่ไหลผ่านหน้าบ้านเพื่อสูบมากลั่นที่โรงกลั่นภายในบ้าน กิจการนี้ทำร่วมกับเพื่อนคนจีนคนหนึ่ง ซึ่งสร้างบ้านรั้วติดกันคือ หลวงพิสิษฐ์ไกยากร
สมัยนั้นเมืองพะเยาไม่มีโรงแรมสำหรับบุคคลสำคัญที่จะเดินทางมาพักหรือเดินทางไปจังหวัดเชียงราย จึงต้องมาพักที่บ้านหลังนี้ เช่น
๑. พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวและพระราชินี โดยสมเด็จพระสวัสดีบันทึกในสมุดเยี่ยมว่า “ล้นเกล้าล้นกระหม่อมพระบาทสมเด็จพระโพธิสัตว์ได้มาพักเสวยข้าวกลางวันพร้อมด้วยพระบาทบริจาริกา โอรสธิดาและบริพารที่นี่..” (๖ กุมภ์ ๗๒)
๒. พ.อ.พระยาพหลพลพยุหเสนา นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีประทรวงต่างประเทศ ผู้บัญชาการทหารบก บันทึกไว้ว่า “ได้มาพักอาศัยในบ้านนี้ ๑ คืน เวลากลับจากไปส่งรัฐธรรมนูญฉบับจำลองประจำจังหวัดเชียงรายได้รับการต้อนรับจากเจ้าของบ้านเป็นอย่างดี” (๒๘ พย. ๗๗) และในปี พ.ศ. ๒๔๘๕ ได้เป็นที่ตั้งของกองบัญชาการกองพลที่ ๔ ในศึกเชียงตุง ของสงครามโลกครั้งที่ ๒ ดัง พ.อ.จ. การียาเดชพิชัย ผบ.พล ๔ บันทึกไว้ว้า “ขอขอบคุณท่านเจ้าของบ้านเป็นอย่างมากที่ให้บ้านพักและเป็นที่ตั้ง บก. พล.๔ เป็นเวลานาน อำนวยความสะดวกให้ด้วยประการทั้งปวง ขอความสุขสวัสดิ์จงมีแก่ท่านและครอบครัวชั่วกาลนานเทอญ” (๘ ธค. ๘๕)
ปัจจุบันบ้านหลังนี้อยู่ในการครองครองของนักธุรกิจโดยมีนายปิยะพงศ์ หอมวิเชียร เป็นหุ้นส่วนใหญ่และให้ผู้ประกอบอาชีพร้านค้าเมืองพะเยาเช่าเป็นร้านอาหาร