ท่านได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น หลวงเดชนายเวร เมื่อพ.ศ. ๒๔๔๒ และคงบรรดาศักดิ์นี้ จนปี พ.ศ. ๒๔๕๓ รับพระราชทานเลื่อนบรรดาศักดิ์เป็น พระยาบำรุงราชบริพาร โดยไม่ผ่าน "คุณพระ"
ในสมัยรัชกาลที่ ๖
ดูจะเป็นพระราชนิยมกระมั้ง (ต้องเรียนถามคุณวีมี) ว่าผู้ที่ได้รับบรรดาศักดิ์ชั้นหลวงนายเวร (ศักดิ์,สิทธิ์,ฤทธิ์,เดช)
จะเทียบบรรดาศักดิ์ชั้นเดียวกับ "พระ" และมียศเป็น "รองหัวหมื่น"
เมื่อจะเลื่อนบรรดาศักดิ์ขึ้นก็ต้องเลื่อนเป็น "พระยา" และมียศเป็น "หัวหมื่น" แทบทุกรายไป
และส่วนใหญ่จะย้ายไปรับราชการที่กรมอื่นๆ นอกกรมมหาดเล็ก แต่ยังคงอยู่ในกรมมหาดเล็ก (

)
บางรายอาจย้ายไปอยู่กระทรวงวังโน้นเลยทีเดียว
ซึ่งการเลื่อนแบบนี้ ไม่ต่างจากบรรดาศักดิ์อื่นๆ ในกรมมหาดเล็ก
"นายรอง หุ้มแพร" เลื่อนบรรดาศักดิ์เป็น "หลวง"
เช่น นายรองฉัน หุ้มแพร (อรุณ ภมรบุตร) เป็น หลวงอุดมภัณฑาภิรักษ์
"หุ้มแพร" เลื่อนบรรดาศักดิ์เป็น "หลวง" หรือ "พระ"
เช่น นายฉันหุ้มแพร (ทิตย์ อมาตยกุล) เป็น พระพฤกษาภิรมย์ , นายบำเรอบรมบาทหุ้มแพร (ผัน อรชุนะกะ) เป็น หลวงอมรสารถี
"จ่า" เลื่อนบรรดาศักดิ์เป็น "พระ"
เช่น นายจ่าเรศ (ทับทิม อมาตยกุล) เป็น พระมาตลีรถาทร
"หลวงนาย" เลื่อนบรรดาศักดิ์เป็น "พระยา"
เช่น หลวงเดชนายเวร (กริ่ม สุรนันทน์) เป็น พระยาบำรุงราชบริพาร
"เจ้าหมื่น" เลื่อนบรรดาศักดิ์เป็น "พระยา"
เช่น เจ้าหมื่นศรีสรรักษ์ (ม.ร.ว. จิตร สุทัศน์) เป็น พระยาศรีวรวงศ์