เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 4 5 [6] 7 8 ... 21
  พิมพ์  
อ่าน: 123553 ละเลงเลือด(ฝรั่งเศส)ที่สมรภูมิบ้านพร้าว
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 75  เมื่อ 31 ม.ค. 12, 10:52

ทหารไทยมองเห็นเงาตะคุ่มๆของกองระวังหน้าฝรั่งเศสเดินล่วงพ้นแนวรับของทหารไทยเข้ามา นิ้วของทุกคนก็แตะไกปืนโดยอัตโนมัต เสียงปืนที่ดังเปาะแปะมาจากทิศเหนือ บ่งบอกว่าน่าจะมีอะไรเกิดขึ้นที่บ้านยางแล้ว แต่ด้วยวินัยที่ดีเยี่ยม ไม่มีใครปอดลอยเผลอทำปืนลั่นโป้งป้างให้ข้าศึกรู้ตัว จนในที่สุดแถวตอนเรียงสามของฝรั่งเศสก็เข้ามาอยู่กลางกระหนาบของฝ่ายตั้งรับที่ซุ่มกำลังอยู่ในคูน้ำแห้ง 
แม้จะอยู่กลางพื้นที่สังหารแล้วทหารฝรั่งเศสยังหารู้ตัวไม่ จนกองระวังหน้าเดินเข้าไปเกือบจะถึงรังปืนกลหนักที่ถูกจัดให้ต้อนรับขับสู้ เห็นว่าจะให้ใกล้กว่านี้อีกไม่ได้แล้ว ปืนกลหนักกระบอกแรกของร้อยตรียง ณ นครก็ลั่นไกปล่อยกระสุนตับแรกออกไป เป็นสัญญาณให้ปืนทุกกระบอกของทหารไทยส่งเสียงกึกก้องไปทั่วสมรภูมิ

ท่านเสธฯพรเล่าว่า เสียงปืนที่ดังหูดับตับไหม้ในเวลากลางคืนมันช่างน่ากลัวเสียจริงๆ กระสุนที่แหวกอากาศมันดังเควี้ยวคว้าวเข้ามาใกล้ๆ ท่านต้องปลุกใจตนเองเรียกพ่อท่านดังๆว่าพ่อๆอย่าไปไหน อยู่กับผมที่นี่ ที่คูนี่ มือก็ยิงไปตามแผน ผู้บังคับบัญชากำหนดให้หมวดที่ท่านคุมอยู่ยิงไปทางซ้าย ท่านก็ยิงไปยังเป้าหมายเฉพาะทางซ้าย ไม่วอกแวกไปยิงทางอื่น


บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 76  เมื่อ 31 ม.ค. 12, 11:45

พอถูกระดมยิงพวกทหารต่างด้าวที่บาดเจ็บสาหัสล้มตายก็กองอยู่กับที่ พวกที่เหลือก็วิ่งหนีตายอย่างสุดกำลัง โหวกเหวกอลหม่านไปทั่ว จับความได้แต่เสียงที่ตะโกนว่า “ศรีโสภณ ศรีโสภณ” ทหารไทยก็วิ่งขึ้นจากที่มั่นไล่ติดตามตี แต่ก็ไม่กล้าไปเร็วนักเพราะยังไม่สว่างดี ไม่รู้ว่าจะมีของแข็งอะไรเป็นกับดักอยู่ข้างหน้า
 
หน่วยของเสธฯพรตามเจอนายทหารฝรั่งเศสคนหนึ่งขี่ม้าสะเปะสะปะอยู่ก็เข้าล้อม  ท่านสั่งหยุดแล้วให้ลงจากหลังม้าเดี๋ยวนี้เป็นภาษาอังกฤษ นายทหารคนนั้นก็ยอมเชื่อฟังแต่โดยดีไม่คิดต่อสู้ พอลงมาจึงเห็นว่าบาดเจ็บถูกยิงที่สีข้าง ท่านก็ให้ทหารคุมตัวไป ส่วนม้าที่จับได้ผูกอานหนังสวยมาก ท่านถอดเก็บไว้ แต่ต่อมานายทหารระดับบิ๊กเห็นเข้าก็ขอไป ท่านพยายามนึกชื่อจะบอกผมแต่นึกไม่ออก “ใครน๊า ที่คุมรถไฟอยู่ด้วยน่ะ..ดูสิ จำไม่ได้เสียแล้ว เขาเล่นม้าแข่งอยู่ด้วย เห็นอานฝรั่งเศสทำอย่างดีก็เลยขอเอาไป”

ผมกลับมาใช้อินทรเนตรส่องดู บัดเดี๋ยวเดียวก็ได้ชื่อ ท่านผู้อ่านอยากทราบไหมครับว่าเป็นท่านใด ถ้าอยากทราบก็ลองทำอย่างผม ไม่ยากที่จะได้คำตอบ


บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 77  เมื่อ 31 ม.ค. 12, 13:35

เหตุการณ์ตอนที่ทหารไทยยึดธงไชยเฉลิมพลของกองพันทหารต่างด้าว III/5e REI ของฝรั่งเศสพร้อมเหรียญกล้าหาญครัวซ์ เดอ แกร์ (Croix de guerre) ก็อยู่ในช่วงนี้
 
เมื่อเห็นเพื่อนล้มตายและถูกทหารไทยตามยิงไปติดๆ ทหารต่างด้าวอันลือชื่อก็ถอดใจ ทิ้งอาวุธหนีเอาตัวรอด ที่ยังถืออยู่ในมือพอเห็นทหารไทยเข้าก็โยนปืนทิ้งหันหลังแจวอ้าว เสธฯพรท่านบอกว่า เราก็ไม่ได้ยิงตาม คงปล่อยให้มันวิ่งหนีและไม่ได้คิดจะวิ่งตามไปจับเป็นเชลยด้วย นอกจากพวกที่ยอมมอบตัว
 
เหตุการณ์ตอนที่ยึดได้ธงไชยเฉลิมพลของฝรั่งเศสมาท่านก็อยู่ ณ ตรงที่เกิดเหตุด้วย พอตามไล่พ้นแนวไม้มาก็ประจัญกับทหารฝรั่งเศสกลุ่มหนึ่ง พอเห็นเราเข้าเท่านั้นก็ตกใจทิ้งปืนชูมือหรา มีคนหนึ่งยังถือถุงยาวๆอยู่ทหารไทยก็เข้าไปกระชากมา เขาก็ยอมปล่อยมือโดยดี ทหารไทยได้มาแล้วก็โบกมือไล่ให้วิ่งหนีไปทั้งหมด พอดึงออกมาจากถุงจึงรู้ว่าเป็นธงไชยเฉลิมพล
 
“ปกติไม่มีใครเขาเอาธงไชยเฉลิมพลมาออกรบ เพราะปะเหมาะเคราะห์ร้ายถูกข้าศึกยึดไป มันก็จะเสียหายถึงเกียรติภูมิของชาติไปด้วย แต่นี่พวกฝรั่งเศสเห็นว่าคงจะชนะแน่ถึงพาธงไชยเฉลิมพลมาด้วย คงกะจะเอาไว้ฉลองชัยชนะ”

ที่เขียนกันว่าธงดังกล่าวนี้ ทหารไทยพบว่าตกอยู่หน้าแนวรบประมาณยี่สิบเมตร ผู้ถือธงคงจะเสียชีวิตไปแล้ว และทหารฝรั่งเศสมีการพยายามแก้สถานการณ์เพื่อช่วงชิงธงนี้กลับคืนไปให้ได้นั้น ท่านบอกว่า “ไม่จริงหรอกครับ เรากระชากมาจากมือมันเลย ตอนนั้นพวกมันไม่คิดจะสู้แล้ว คิดแต่จะหนีอย่างเดียว”
พอทหารไทยเอาธงนี้ไปให้พวกเชลยที่จับมาได้ดู พวกนั้นเห็นเข้าถึงกับออกอาการเซ็ง บางคนถึงกับร้องไห้สงสารเพื่อนที่มาตายหมู่ครั้งนี้

ธงที่ท่านผู้บัญชาการทหารสูงสุดและท่านแม่ทัพกองทัพบูรพากำลังยืนชื่นชมอยู่ และรัฐบาลไทยเอารูปออกประจานฝรั่งเศสไปทั่วโลกนั้น เป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส ด้านละประมาณ ๙๐ เซนติเมตร พื้นสีเทาอ่อน มีขลิบโดยรอบ ด้านหนึ่ง มีรูปหน้าเสือ อีกด้านหนึ่งเป็นอักษร บอกนามหน่วย มีเหรียญครัวซ์ เดอ แกร์ กับเหรียญตรามังกร และเหรียญอื่น ประดับอยู่ที่ยอดเสาธง รวม ๓ เหรียญ
เสธฯพรท่านบอกว่า ธงอยู่ในถุง ไม่มีเสา เหรียญอะไรที่ว่าก็ไม่เคยเห็น ท่านก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าในรูปนั้น เขาเอามาจากไหน

อย่างไรก็ตาม จะจริงไม่จริงประการใดฝรั่งเศสก็คงไม่กล้าโวยว่าเราจัดฉากแต้มสีใส่ไข่ซะมากเกิน แค่นี้ก็อายจะแย่ขืนเถียงไม่จบจะยิ่งเหอวะหวะ นักประวัติศาสตร์สงครามของฝรั่งเศสไม่มีใครยอมเขียนเรื่องการที่ฝ่ายเราได้ธงไชยเฉลิมพลของเขามานี้เลย ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ซะเฉยๆ

หลังสงครามโลกยุติแล้ว ฝรั่งเศสเป็นฝ่ายชนะ ไทยกำลังถูกจัดว่าเป็นฝ่ายแพ้ ฝรั่งเศสก็ขอเจรจาขอให้ไทยคืนธงดังกล่าวให้เพื่อแสดงความเป็นมิตร จะได้เลิกเป็นศัตรูกันเสียที เราก็คืนให้ไปด้วยความเข้าใจเป็นอันดีถึงหัวอกทหารของเขา


คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 78  เมื่อ 31 ม.ค. 12, 18:05

นับตั้งแต่เสียงปืนนัดแรกระเบิดจนเงียบสงบลงในยกแรกนับเวลาแล้วไม่เกินครึ่งชั่วโมง แต่การรบวันนั้นยังไม่ยุติ
เหตุการณ์ทางบ้านยางที่เสียงปืนดังขึ้นก่อนหน้านั้น พันตรีวุฒิ วีระบุตรผู้บังคับบัญชากองทัพทหารราบที่๑ รักษาพระองค์ซึ่งตั้งอยู่ในที่มั่น คิดว่าเป็นแค่กลลวงของฝรั่งเศสว่าจะเข้าตีแต่ความจริงแล้วจะตีบ้านพร้าว เพราะยังยิงกันแค่เปาะแปะ พอได้ยินเสียงปืนดังขึ้นปานโลกาพินาศทางทิศใต้ เสียงปืนของฝ่ายบุกก็เงียบไป  ทหารไทยที่บ้านยางรอแล้วรออีกไม่เห็นมีใครบุกเข้าโจมตีจริงๆ  ก็จะบุกอะไรได้เล่า กองกำลังผสมเซ ชื่อมันก็ไม่เป็นมงคลอยู่แล้ว บรรดาทหารพื้นเมืองญวนเขมรพอได้ยินเสียงปืนของไทยหนักแน่นเขย่าประสาทเข้าเท่านั้น ก็รู้หลบเป็นปีกรู้หลีกเป็นหาง รู้กลางๆว่าเผ่นดีกว่า นายทหารฝรั่งเศสเห็นลูกน้องวิ่งก็วิ่งตามบ้าง ในที่สุดก็ตะโกน ซีโส่โพ้น  ซีโส่โพ้น ให้ไปเจอกันที่ศรีโสภณเลย

ทหารราบน่ะวิ่งป่าราบไปหมดแล้ว เหลือแต่ทหารปืนใหญ่กับทหารรถถัง ทหารปืนใหญ่ได้รับคำสั่งจากผู้การเบลโล่คให้ยิงได้(แล้วโว้ย)ก็ยิงสุ่มไป พอให้มีเสียงเข้าไว้ แต่ไม่เข้าเป้า ยิงถูกเหมือนกันแหละแต่ถูกต้นไม้ในป่า เสธฯพรแม้ในพ.ศ.นี้ท่านยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฝรั่งเศสมีการยิงปืนใหญ่มาด้วย ท่านบอกว่า ไม่มี้-ไม่มี มีแต่ปืนใหญ่ไทยที่ยิงขับไล่ทหารฝรั่งเศสไป กระสุนตกห่างๆแนวหน้าของไทยไปเยอะ

เอกสารฝรั่งเศสเองยอมรับว่าการยิงปืนใหญ่ของฝรั่งเศสสะเปะสะปะ แต่กองร้อยปืนใหญ่ของไทย ภายใต้การบังคับบัญชาของร้อยตรีรักพงษ์ มานิตย์ได้ยิงถล่มจุดที่ตั้งหน่วยDMC ของร้อยเอกอาเกสส์ โดนรถถังและรถรบพังไป๓คัน

ตอนสาย รถถังแบบ ๗๖( Vickers 6ton)ของไทยสองคัน ควบคุมโดยร้อยเอกสนิท หงส์ประสงค์ ผู้บังคับกองร้อยเป็นผบ.นำมาเอง อีกคันหนึ่งสิบโทคนึงเป็นผบ. ก็ควบตะบึงจากปอยเป็ตเข้ามาในสมรภูมิเจอหมู่ปืนเล็กของร้อยตรีไพฑูรย์ ขจรพานิชที่ซุ่มอยู่ในป่าเข้า นึกว่าเป็นทหารพื้นเมืองของฝรั่งเศสเลยยิงทักทายไปชุดหนึ่ง ดีแต่ว่าทหารไทยจำรถถังฝ่ายเดียวกันได้แล้วส่งสัญญาณให้ทราบ โศกนาฎกรรมจึงไม่เกิดขึ้นเหมือนเรื่องในทะเล


บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 79  เมื่อ 31 ม.ค. 12, 18:44

รถถังสองคันนี้ได้ปะทะกับข้าศึกสมใจ กองทหารต่างด้าวหมวดหนึ่งที่ยังไม่ได้หนีโดยสิ้นเชิง และกำลังอยู่ระหว่างพยายามสนธิกำลังเข้าตีโต้ทหารไทยบ้าง แต่เคราะห์ร้ายที่เจอกับไอ้แอ็ดไทยเข้า  ร้อยตรี กีย์ เดอ โคร เปโฮนาล (Lieutenant Guy de Cros-Peronard)ผู้บังคับหมวดโดนรถถังคันไหนไม่ทราบยิงเสียชีวิตในที่รบ ทหารฝรั่งเศสที่เหลือก็ต้องอาราธนาหลวงพ่อโกยให้ช่วยให้วิ่งเร็วที่สุดอีกครั้งหนึ่ง
 
ภาพข้างล่างเขียนโดยจิตรกร หลุยส์  โฆเละ (Louis Rollet) เป็นเหตุการณ์ที่ร้อยตรี กีย์ เดอ โคร เปโฮนาลโดนสะเก็ดระเบิดจากกระสุนสังหารของรถถังไทย


บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 80  เมื่อ 31 ม.ค. 12, 22:17

เอกสารที่ผมแปลมาบอกต่อว่า พอถึงตอนนี้ฝรั่งเศสก็เคลื่อนปืนใหญ่ต่อสู้รถถังขนาด๒๕มม.มายิงกับรถถังไทย หลังจากนั้นพอจับทางได้ ก็ระดมยิงปืนใหญ่สนามขนาด๗๕มม.มาที่รถถังด้วย  ร้อยตรีไพฑูรย์จึงได้รับคำสั่งให้นำหมวดปืนเล็กยาวไปสนับสนุนรถถัง “เราตามไปสัก๒๐๐เมตรก็พบว่ารถถังคันหนึ่งติดอยู่ในคู เครื่องยังไม่ดับ พวกเราก็ช่วยกันใช้พลั่วสนามขุดแต่งตลิ่งให้ลาดเพื่อให้รถถังถอยหลังขึ้นมาได้ ตลอดเวลาที่ปฏิบัติการอยู่นี้ รถถังอีกคันหนึ่งก็ช่วยยิงคุ้มครอง ส่งกระสุนไปที่ข้าศึกตลอดเวลา”

ผมไม่ทราบว่าข้อความดังกล่าว ไทยเป็นผู้เขียนหรือฝรั่งเศสเขียน แล้วมีผู้แปลเป็นภาษาอังกฤษอีกที แต่ยังงงอยู่ว่าถ้ารถถังดวลกับปืนใหญ่ ทหารราบถือปืนเล็กยาวจะไปคุ้มครองอะไรได้อย่างไร

เสธ.พรท่านพูดเรื่องนี้ไปอีกแนวนึงเลย ท่านว่าตอนที่รถถังมานั้นก็สายมากแล้ว ทหารราบกองพัน๓กำลังตรวจตราพื้นที่ที่ปะทะ  ร้อยเอกที่เป็นผู้บังคับกองร้อยนำมาคันเดียว วิ่งตะบึงลงไปในคูทั้งๆที่มีสะพานอยู่ก็ไม่ข้าม คงคิดว่าจะปีนขึ้นได้ แต่พอหัวทิ่มลงไป ตีนตะขาบก็ลอยไม่ติดดิน จะเดินหน้าก็ไม่ได้ ถอยหลังก็ไม่ได้ สุดท้ายต้องทิ้งไว้อย่างนั้น ตอนบ่ายจึงเอารถลากมาผูกสลิงแล้วดึงขึ้นมา ผมร้องว่าอ้าว แล้วที่บอกว่าทหารราบไปช่วยขุดตลิ่งให้ถอยขึ้นมา และมีรถถังอีกคันช่วยคุ้มกันละครับ
ท่านบอกนิ่มๆว่า ไม่เห็นมี – ไม่มี

รูปประกอบไม่ใช่เหตุการณ์จริงนะครับ เอามาลงพอให้เกิดภาพพจน์


บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 81  เมื่อ 31 ม.ค. 12, 22:20

พอเขียนถึงภาพประกอบ เลยนึกถึงคุณประกอบ

คุณประกอบยังอยู่มั้ยคร้าบ ไปหลบกระสุนลูกหลงอยู่ที่ไหนหรือปล่าว ว  ว
บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 82  เมื่อ 31 ม.ค. 12, 23:02

เงียบไปกันหมดเลยน๊า


เรื่องรถถังไทยนี้ มีหลายสำนวน นี่เป็นสำนวนของพ.สมานคุรุกรรม เขียนไว้นานแล้ว ลองอ่านดูครับ

เวลาประมาณ ๑๒๐๐ ฝ่ายฝรั่งเศสส่งรถถัง จำนวน ๕ คัน มาสนับสนุนการเข้าตีของทหารราบ และยิงลูกระเบิดใส่ฝ่ายเรา ฝ่ายเราส่งรถถัง แบบ ๗๖ จำนวน ๒ คัน ไปเมื่อเวลา ประมาณ ๑๔๐๐ รถถังสองคันนี้มาจากกรมรถรบ พ.ต.สนิท หงส์ประสงค์ ผู้บังคับกองร้อย นำมาเอง ได้บุกเข้าปฏิบัติการในแนวข้าศึกอย่าง รวดเร็ว รุนแรง เด็ดขาด โดยไม่มีทหารราบติดตามไป ใช้เพียงการยิง และการเคลื่อนที่ของรถถัง แต่ก็ทำให้ทหารข้าศึกเสียขวัญแตกกระเจิงไป
และเมื่อเวลาประมาณ ๑๗๐๐ ทหารฝ่ายฝรั่งเศสก็ถอยออกไปหมด การรบก็ยุติ

บันทึกการเข้า
babyblue
อสุรผัด
*
ตอบ: 8


ความคิดเห็นที่ 83  เมื่อ 01 ก.พ. 12, 02:31

อ่านแล้วสนุกมากๆค่ะ จากมุงเฉยๆ ต้องรีบสมัครเข้ามาให้กำลังใจค่ะ ยิงฟันยิ้ม
บันทึกการเข้า
ประกอบ
สุครีพ
******
ตอบ: 1342


ความคิดเห็นที่ 84  เมื่อ 01 ก.พ. 12, 03:18

พอเขียนถึงภาพประกอบ เลยนึกถึงคุณประกอบ

คุณประกอบยังอยู่มั้ยคร้าบ ไปหลบกระสุนลูกหลงอยู่ที่ไหนหรือปล่าว ว  ว

อยู่คร๊าบๆๆๆๆ   วันนึงเข้ามาเช็ค 3-4 รอบเป็นอย่างน้อยครับ ไม่หนีไปไหนง่ายๆ แน่
บันทึกการเข้า

วิรุศฑ์ษมาศร์ อัฐน์อังการจณ์
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 85  เมื่อ 01 ก.พ. 12, 06:28

ขอบคุณท่านผู้สนับสนุนรายการที่ให้กำลังใจมานะครับ
ถ้าปราศจากผู้สนใจแล้ว ผมก็ไม่รู้จะไปค้นคว้ามาเขียนทำไม

นึกว่าคนสมัยนี้เขาจะไม่สนใจประวัติศาสตร์กันไปหมดแล้ว หรือเขาเบื่อเรื่องรบราฆ่าฟัน เรื่องอาวุธและสงครามก็ไม่รู้
ขอพักรำพึงรำพันกับตัวเองสักยกนึง

เดี๋ยวจะกลับมาต่อตอนหลังจากควันปืนจางครับ
บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 86  เมื่อ 01 ก.พ. 12, 11:46

มีอีกข้อความทำนองเดียวกันปรากฎอยู่ในกระแสอินเทอเนตว่า  มีรถถังของเรา๓คันพังไปจากการรบครั้งนี้ ลองอ่านดูเล่นๆนะครับ

ตอนแรกฝรั่งเศสยังไม่มีปืนต่อสู้รถถัง แต่พอรบลึกๆเข้าไปก็เจอปืนใหญ่ต่อสู้รถถัง 25มม. ทำให้รถถังวิกเกอร์เราพังไป 3คัน(รวมที่โดนปืน 75มม.ด้วย) การตั้งรับฝรั่งเศสขุดสนามเพลาะไว้แต่ก็ต้านกองทัพไทยไม่ได้

และ

Vickers Mk. E (6ตัน)ที่หลายประเทศเลือกใช้…..เราใช้ในสงครามอินโดจีนยิงรถถังฝรั่งเศส
เรอโนลรุ่นติดปืน20ม.มคันเมื่อกี้พัง แต่ก็โดนปืนต่อสู้รถถังฝรั่งเศส25มม.2กระบอก และปืนใหญ่75มม.1กระบอก(ดั๊นเอามายิงรถถัง) ยิงพังไป3คัน


ข้างบนนี้คนไทยคงเอามาจากข้อมูลชั้นต้นที่ฝรั่งเศสเขียนขึ้น  ผมถอดความได้ดังนี้ครับ

กองกำลังของ พ.อ.แจโคมี่ พร้อมกับ RC 1 เริ่มการโจมตีที่บ้านยาง กองกำลังจู่โจมประกอบด้วยหนึ่งกองพันทหารราบต่างด้าว(ยุโรป) และสองกองพันของ'ทหารราบผสม'(ยุโรปและอินโดจีน) ป่าที่รกทึบทำให้ลำบากในการหวังผลจากปืนใหญ่ เครื่องบินฝรั่งเศสนั้นเคยปรากฎโฉม ปล่อยให้ท้องฟ้าเป็นของกองทัพอากาศไทย และการสื่อสารทางวิทยุก็ย่ำแย่ ต้องส่งคำสั่งภาษาฝรั่งเศสโดยใช้รหัสมอร์ส  จึงอาจจะอธิบายได้ว่าทำไมคนไทยมักจะทราบความเคลื่อนไหวของทหารฝ่ายเราเสมอ พวกเขาปราชัยอย่างสมบูรณ์แบบต่อผู้ตั้งรับเมื่อคนไทยจู่โจมกองพันของกรมทหารต่างด้าวที่ห้าในบ้านพร้าว  และถูกตามตีอย่างหนักจากรถถังของคนไทย แต่พอนำปืน 25mm สองกระบอกและปืนใหญ่ 75mmอีกกระบอกหนึ่งมายิงต่อสู้ และได้รถรบของกรมทหารราบอาณานิคมที่ 11 เสริมแนวรับ ทำให้รถถังไทยสามคันถูกทำลาย ส่วนพวกที่เหลือตัดสินใจที่จะล่าถอย

ผมไม่ทราบว่าฝรั่งเศสเอาเรื่องยิงรถถังของไทยสามคันพังมาจากไหน เพราะกองร้อยรถถังของเราที่ปอยเป็ตมีรถไอ้แอ็ดอยู่แค่สองคัน
ส่วนข้อมูลที่เป็นทางการของไทยที่ฝรั่งชาติอื่นนำไปแปลไว้ คือกำลังฝ่ายไทย มีรถไอ้แอ็ดประจำการอยู่เพียงสองคันเช่นกัน



Thai

1st Guards Infantry Battalion Regular
- HQ (Maj. Wutthi Wirabut + 5 fig)
- 1st Inf. Coy (8 fig.)
- 2nd Inf. Coy (8 fig.)
- 3rd Inf. Coy (8 fig.)
- Support Coy (8 fig + 47mm/81mm Infantry Gun, 81mm mortar, 2 MMG)

3rd Infantry Battalion Regular
- HQ (Maj. Nim Chayodom + 5 fig)
- 1st Inf. Coy (8 fig.)
- 2nd Inf. Coy (8 fig.)
- 3rd Inf. Coy (8 fig.)
- Support Coy (8 fig + 47mm/81mm Infantry Gun, 81mm mortar, 2 MMG)

TURN 6
Medium Tank Squadron (Capt. Sanit) Regular
- 2 Vickers E Mk B Tanks


TURN 10+ (optional)
9th Infantry Battalion Regular
- HQ (Maj. Khun Saritratchayothin + 5 fig)
- 1st Inf. Coy (8 fig.)
- 2nd Inf. Coy (8 fig.)
- 3rd Inf. Coy (8 fig.)
- Support Coy (8 fig + 50mm Krupp Mountain Gun, 81mm mortar, 2 MMG

ถ้าจะให้ผมเดาให้เนียนหน่อย รถถังทั้งคู่อาจจะวิ่งจากปอยเป็ตมาเจอหน่วยของร้อยตรี กีย์ เดอ โคร เปโฮนาลเข้า หลังจากทำลายแล้วจึงแยกทางกันบุก คันหนึ่งก็ไปทาง อีกคันหนึ่งผบ.กองร้อยวิ่งมาทางบ้านพร้าวแล้วไปตกคูน้ำแห้งดังที่เสธ.พรท่านเห็น  ส่วนคันที่ท่านไม่เห็นอาจจะวิ่งไปชนลูกปืนใหญ่ของฝรั่งเศสก็ได้ แต่มีคนเห็น๓คน ฝรั่งจึงนับว่ามีรถถังไทย๓คันถูกทำลาย

รูปที่เอามาลงข้างล่างไม่ใช่เหตุการณ์วันนั้นนะครับ


บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 87  เมื่อ 01 ก.พ. 12, 13:27

Body Count
สงครามจบ ก็ต้องนับศพทหาร


หลังจากเอาเลือดทหารต่างด้าวฝรั่งเศสละเลงแผ่นดินเขมร(ที่ตอนนั้นเราอ้างว่าเป็นแผ่นดินของเรา)แล้ว  ถึงคราวที่จะต้องรายงานผลงาน

พอกระสุนนัดแรกของปืนกลหนักระเบิด ทหารฝรั่งเศสก็วิ่งแข่งกันหนีหายไปในความมืดกันหมด คงไม่มีใครยืนท้าทายกระสุนอยู่นิ่งๆแม้วินาทีเดียว  จริงๆแล้วแผล็บเดียวบนลานสังหารก็ไม่เหลือเป้าให้ยิงอีก ทหารไทยต้องวิ่งตามไปยิงขับไล่จนฟ้าสว่างจึงได้กลับมานับศพ ส่วนรถถังสองคันที่มาตอนสายก็คงจบภาระกิจก่อนเที่ยง เวลาที่เหลือเป็นเวลาที่ฝรั่งเศสใช้ในการลำเลียงศพเพื่อนที่ลากมาได้และผู้บาดเจ็บใส่รถ สำหรับคนที่เดินได้ก็เดินกลับไปศรีโสภณ เป็นอันว่าจบวันมหาวินาศอันยาวนานเพียงแค่นั้น

ส่วนจำนวนทหารที่เสียชีวิต และศพทหารที่นับได้บนลานสังหารมีผู้เขียนไว้หลากหลาย เชิญอ่านดูเองครับ
.
.
.
ด้วยยุทธวิธีของกองพันที่ 3 ในบังคับบัญชาของ พันตรี ขุนนิมมาณกลยุทธ ในครั้งนี้ฝ่ายเราสามารถบดขยี้ฝ่ายข้าศึกเสียชีวิตไปประมาณ 400 นาย และถูกจับเป็นเชลยอีกจำนวนมาก ตัวผู้บังคับกองพันของทหารต่างชาติเสียชีวิตในที่รบ นอกจากนี้ยังสามารถยึดธงชัยเฉลิมพลของข้าศึก ซึ่งประดับเหรียญกล้าหาญครัวเตอร์แกไว้ได้ กองทหารเขมรและทหารญวนที่ติดตามมาอีก 2 กองพัน ได้แตกกระจัดกระจายไป นับว่ากองทหารต่างชาติซึ่งผ่านการรบที่โชกโชนแล้ว ต้องพินาศย่อยยับเกือบหมดทั้งกองพัน สำหรับฝ่ายเราเสียชีวิตในที่รบ 1 นาย คือ พลทหาร จอน ปรีพงศ์ และได้รับบาดเจ็บอีก 2 นาย
.
.
.
รุ่งขึ้น ในวันที่ ๑๖ มกราคม พุทธศักราช ๒๔๘๔ เวลาประมาณ ๐๕๐๐ น. กองพันทหารต่างด้าวของฝรั่งเศส ได้เคลื่อนกำลังเข้ามาหน้าแนวห้วยยางในพื้นที่สังหาร ทหารไทยจึงได้ยิงด้วยอาวุธทุกชนิดอย่างหนักทำให้ข้าศึกเสียชีวิตและบาดเจ็บประมาณ ๒๐๐ คน ผู้บังคับหน่วยของข้าศึกตายในที่รบ และจับเป็นเชลยได้เป็นจำนวนมาก ในจำนวนนี้มีทหารฝรั่งเศส ๕ นาย และสามารถยึดธงชัยเฉลิมพล ซึ่งประดับเหรียญกล้าหาญ ครัวซ์ เดอ แกร์ ของฝรั่งเศสได้
.
.
.
เมื่อถึงเวลา ๐๕.๐๐ น.กองพันที่ ๓ ของกรมทหารราบต่างด้าวที่ ๕ ซึ่งเป็นหน่วยกล้าตายชั้นหนึ่ง มีกิตติศัพท์อันเกรียงไกรมาแล้ว ในหลายสมรภูมิอินโดจีนฝรั่งเศส ก็เคลื่อนขบวนเข้ามาในเขตแผนการยิงของไทย เป็นแถวตอนเรียงสามเดินตามสบาย เพราะยังอยู่ห่างจากบ้านพร้าวอีกตั้ง ๔ ก.ม. เสียงปืนกลนำสัญญาณก็ดังปะทุขึ้น และตลอดความยาวของแถวตอนเรียงสามทหารข้าศึกอยู่ในแผนการยิงอย่างถี่ยิบของทหารไทย ที่ส่งกระสุนปืนเล็กยาว ปืนกลเบา ปืนกลหนัก ที่สาดกระสุนเหล็กเข้าบดขยี้จนละลายไปหมดทั้งกองพัน มีการยิงต่อสู้ประปราย จนเวลา ๐๘.๐๐ น. ผู้บังคับกองร้อยได้เข้าไปเก็บเชลยที่หลงเหลืออยู่ในพื้นที่ของกองร้อยได้เชลยศึก ๗ คน ที่ทำหน้าที่เป็นหน่วยลาดตระเวนข้างหน้าขบวนตอนเรียงสาม ทั้งหมดนี้ได้หลบอยู่หลังต้นไม้ที่ล้มกลางลำห้วยแห้ง กับทหารอีก ๕ คน รวมเป็น ๑๒ คน

และยึดได้ธงชัยเฉลิมพลที่มีเหรียญกล้าหาญดรัวซ์เดอแกรร์ติดอยู่ ได้ยุทโธปกรณ์หนักคือ ปืนกลหนัก ๑ กระบอก ปืนกลเบา ๕ กระบอก กระสุนและปืนเล็กประจำกายมาก แต่เครื่องยิงระเบิดไม่มี ผู้บังคับกองพันที่ ๓ กรมทหารราบต่างด้าวที่ ๕ คือ พันตรี เรเมอรี่ ตายในที่รบ ค้นได้บัตรประจำตัว นอกนั้นได้เอกสารเกี่ยวกับการรบอีกด้วย

การสูญเสียของทหารฝรั่งเศส นับศพในบริเวณสู้รบ ๕๐ ศพ ถูกจับเป็นเชลย ๒๐ คน ที่เหลือหลบหนีไปขณะยังไม่สว่าง ทั้งบาดเจ็บและไม่บาดเจ็บ หลักฐานทางฝ่ายฝรั่งเศส ตาย ๑๑๐ บาดเจ็บ ๒๕๐ สูญหาย ๕๘ ถูกจับ ๒๑ คน
ฝ่ายเราเสียชีวิตในที่รบ ๑ นาย บาดเจ็บสาหัส ๒ นาย
.
.
.
The Thais suffered two wounded and one dead (Private Jon Priphong). Of the French, Major Khun Nimmankolnlayuth estimated that they suffered some 49 dead and 110 wounded(พันตรีขุนนิมมาณกลยุทธได้ประมาณว่าฝรั่งเศสตาย๔๙ คน บาดเจ็บ๑๑๐). Twenty soldiers were captured by the Thais, including Adjutant-Chef Francis Krausz, who would be killed during the Japanese takeover of Indochina in March 1945.
.
.
.
On the night of 15/16 January the Vichy spearhead (four battalions, each from a different regiment) and supporting tanks and guns moved into position to mount their counter-offensive; it was launched from northwest of Sisophon against the left flank of the Siamese advance on the morning of the 16th. The Siamese were alert, the attack was uncoordinated and poorly executed, and the battle did not go as the Vichy commanders had planned. Siamese aircraft controlled the skies and their tanks were well-handled in counterattacks which were only stopped by Vichy 75mm AA guns. By the end of the afternoon the Vichy attackers had withdrawn.
While the attack did not gain its objectives, Vichy claimed to have inflicted some 800 Siamese casualties against only 120 of its own. (รัฐบาลวีชี่อ้างว่าได้ลงโทษไทย ทำให้บาดเจ็บล้มตายไป๘๐๐คนเทียบกับฝ่ายฝรั่งเศสเพียง๑๒๐)Those claims seem exaggerated, but the Siamese advance came to a halt.


ศพทหารยังมั่วกันถึงขนาดนี้ แต่ก็ไม่ยิ่งไปกว่าที่ฝรั่งเศสมั่วว่า การรบครั้งนี้เป็นการแสดงวีรกรรมอันกล้าหาญยิ่งของกองพันที่๓กรมทหารต่างด้าวที่๕ ที่สามารถต่อสู้ยันทัพของผู้รุกรานไว้ได้ถึง๘ชั่วโมง ถึงกับให้เหรียญกล้าหาญครัวซ์เดอแกร์อันใหม่ ไปติดธง(ผืนใหม่)เป็นการแก้เขิน

อย่าไปคิดมากครับ รัฐบาลไทยก็ทำเช่นเดียวกันในการอ้างชัยชนะที่เกาะช้าง เพราะสามารถไล่ศัตรูกลับไปบ้านได้


บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 88  เมื่อ 01 ก.พ. 12, 13:40

ท่านเคยเห็นรูปนี้ไหมครับ ผมได้มาทางอินเทอเน็ต

เสธฯพรเพ่งพินิจชั่วครู่  ผมไม่เคยเห็น มันตายกันเยอะนะครับ Body Countเกือบยี่สิบ 

อ้าว ไหนว่าเป็นร้อย ขุนนิมฯเองนับได้๔๙  ผมท้วง

อืออ…๑๙ ศพนะ ที่นับได้วันนั้น แต่ของเราไม่มีใครตายสักคน

แล้วพลฯจอนล่ะครับ  เห็นว่าตายไปคนนึง

ฮื้อ…แค่บาดเจ็บไม่ใช่เร้อ

หรือว่าไปตายโรงพยาบาล

บาดเจ็บน่ะ  แต่ไม่มาก


บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 89  เมื่อ 01 ก.พ. 12, 13:46

รัฐบาลวีซี่มอบเหรียญกล้าหาญครัวซ์เดอแกร์ พร้อมใบประกาศกิตติคุณให้ III/5e Régiment Etranger d'Infanterie ผู้แพ้

ท่านใดแปลภาษาฝรั่งเศสได้กรุณาช่วยหน่อยเถิดครับ


คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 4 5 [6] 7 8 ... 21
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.071 วินาที กับ 20 คำสั่ง