เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 13 14 [15] 16 17 ... 21
  พิมพ์  
อ่าน: 123746 ละเลงเลือด(ฝรั่งเศส)ที่สมรภูมิบ้านพร้าว
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 210  เมื่อ 25 ก.พ. 12, 10:30

เครื่องบินทิ้งระเบิดขนาดกลาง มาร์ติน นี้ ไทยซื้อมาได้๑ฝูงจำนวน๖เครื่อง  เข้าประจำการในพ.ศ.๒๔๘๐ ซึ่งปีนั้นควันสงครามเริ่มกรุ่นขึ้นแล้ว ฮิตเลอร์ประกาศฉีกสนธิสัญญาแวร์ซายแล้วเข้าผนวกออสเตรีย สถาปนาอาณาจักรไรซ์ที่๓ ส่วนในเอเซียนั้น กองทัพญี่ปุ่นบุกเข้าทำสงครามกับจีนเต็มรูปแบบ

บรรยากาศสงครามอวลมาถึงสยาม ซึ่งกำลังเทหน้าตักซื้ออาวุธทุกชนิดมาเสริมให้แก่๓ทัพ ความจริงตอนนั้นก็ไม่ได้คิดว่าจะไปบุกใคร นอกจากคิดจะพยายามรักษาความเป็นกลางของตนเองหากเกิดสงคราม ทางใต้และตะวันตกคืออังกฤษ ทางตะวันออกคือฝรั่งเศส ที่กำลังพยายามจะแทรกเข้ามาคือญี่ปุ่น ซึ่งยินดีขายอาวุธให้ในราคามหามิตร อเมริกายังไม่ใช่มหาอำนาจแถบนี้แต่อดสงสัยไม่ได้ว่าสยามคิดอย่างไร 

เมื่อไทยขอซื้อเครื่องบินทิ้งระเบิดอีกสักฝูงนึง บอกว่าจะเอาไว้ป้องกันตนเอง อเมริกาก็ตอบว่า ถ้าอย่างงั้นก็ไม่จำเป็นที่จะต้องใช้เครื่องบินทิ้งระเบิด เอาขนาดเครื่องบินขับไล่ก็พอ  แล้วไม่ขายให้ซะงั้น ไทยก็หันไปซื้อจากญี่ปุ่นซึ่งเป็นที่รู้อยู่ว่าคุณภาพรองลงมา ญี่ปุ่นก็จัดให้เต็มที่เพราะเห็นแล้วว่าโอกาสที่จะขัดแย้งกันถึงกับใช้กำลังเข้าตัดสินนั้น ไทยคงมีกับฝรั่งก่อนญี่ปุ่น ถ้ารบกันจริงทั้งสองฝ่ายก็ต้องบอบช้ำทั้งคู่ ญึ่ปุ่นก็จะได้ประโยชน์โดยปริยายเมื่อพร้อมจะเปิดสงครามเข้ามาในแนวนี้

กรณีย์พิพาทอินโดจีนไม่ใช่สิ่งนอกเหนือความคิดของทุกฝ่าย แต่ผิดแผนญี่ปุ่นไปนิดนึงที่ฝรั่งเศสถอดใจยอมอ่อนน้อมให้โดยดีก่อนหน้าที่หลวงพิบูลคิดจะบุกทวงดินแดนคืน ญี่ปุ่นจึงไม่อยากให้ไทยและฝรั่งเศสห้ำหั่นกันจนเละเทะ เพราะกะจะบีบใช้กองทัพของทั้งสองฝ่ายให้ไปรบกับจีน(เพื่อญี่ปุ่น)ในภายหน้า



บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 211  เมื่อ 25 ก.พ. 12, 20:10

อ้างถึง
กรณีย์พิพาทอินโดจีนไม่ใช่สิ่งนอกเหนือความคิดของทุกฝ่าย แต่ผิดแผนญี่ปุ่นไปนิดนึงที่ฝรั่งเศสถอดใจยอมอ่อนน้อมให้โดยดีก่อนหน้าที่หลวงพิบูลคิดจะบุกทวงดินแดนคืน ญี่ปุ่นจึงไม่อยากให้ไทยและฝรั่งเศสห้ำหั่นกันจนเละเทะ เพราะกะจะบีบใช้กองทัพของทั้งสองฝ่ายให้ไปรบกับจีน(เพื่อญี่ปุ่น)ในภายหน้า

นับเป็นโชคดีของหลวงพิบูล ที่ประกาศสงครามอินโดจีนในช่วงที่ฝรั่งเศสยังไม่พร้อมจะทำศึกในอินโดจีนเต็มรูปแบบ    หรือว่าเป็นการคำนวณล่วงหน้าอย่างดีแล้วว่ายังไงฝรั่งเศสก็ไม่พร้อมแน่ๆ   ถ้าไม่เปิดศึกตอนนี้จะไปเปิดตอนไหนก็คงไม่เหมาะเท่า   ได้ชัยชนะแล้วยังได้ใจประชาชนอีกด้วย

เครื่องบินขับไล่ทั้งฝูง คงจะได้ใช้งานกันในสงครามให้คุ้มกับที่ซื้อมานะคะ
บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 212  เมื่อ 25 ก.พ. 12, 20:38

อ้างถึง
เครื่องบินขับไล่ทั้งฝูง คงจะได้ใช้งานกันในสงครามให้คุ้มกับที่ซื้อมานะคะ

ท่านอาจารย์ล่อเข้าลึกไปทุกทีแล้ว เดี๋ยวผมก็ต้องเขียนทั้งเรื่องเท่านั้น
บันทึกการเข้า
Siwawuth
อสุรผัด
*
ตอบ: 5


ความคิดเห็นที่ 213  เมื่อ 26 ก.พ. 12, 05:00

เข้ามานั่งฟัง พร้อมกับมีคำถามครับ

อาวุธเบาของหมู่รบ ทั้งของไทยและกองพลต่างด้าว มีอะไรบ้างหรือครับ?
บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 214  เมื่อ 26 ก.พ. 12, 08:45

คุณนี่มาจากพันทิป ที่ว่าจะเขียนการ์ตูนเรื่องสมรภูมิบ้านพร้าวใช่ไหมครับ

ขอเวลาหน่อยผมจะค้นให้

แต่ลองเอาฝีไม้ลายมือที่เขียนมาอวดเป็นหนังตัวอย่างสักหน่อยจะได้หรือไม่นะครับ



บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 215  เมื่อ 26 ก.พ. 12, 10:25

อ้างถึง
เครื่องบินขับไล่ทั้งฝูง คงจะได้ใช้งานกันในสงครามให้คุ้มกับที่ซื้อมานะคะ

ท่านอาจารย์ล่อเข้าลึกไปทุกทีแล้ว เดี๋ยวผมก็ต้องเขียนทั้งเรื่องเท่านั้น

เรือนไทยมีโปรโมชั่นพิเศษตลอดกาลค่ะ 


บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 216  เมื่อ 26 ก.พ. 12, 10:58

^
^
โอ้ยโย๋
อย่าเพิ่งนะครับ ได้โปรดเถิด

เดี๋ยวรอเรื่องอาวุธเบาของคุณศิวาวุธก่อน
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 217  เมื่อ 26 ก.พ. 12, 11:31

เรื่องอาวุธเบาที่ึคุณศิวาวุธถามมา   ก็แยกเป็นอีกกระทู้่ได้นี่คะ   ก่อนกระทู้เครื่องบินขับไล่ไงคะ
แต่ถ้าไม่แยก  จะรวมเรื่องอาวุธเบาไว้ในกระทู้ละเลงเลือดฯ   ดิฉันก็จะรอจนกว่าจะจบ  แล้วค่อยแยกกระทู้ใหม่

ไม่รีบร้อนค่ะ ตามสบาย  เลือกแบบไหนก็ได้    ตามแต่เจ้าของกระทู้จะสะดวก
ขอเสิฟน้ำชากาแฟล่วงหน้าก่อนนะคะ


บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 218  เมื่อ 26 ก.พ. 12, 15:34

http://cgi2.nhk.or.jp/shogenarchives/jpnews/movie.cgi?das_id=D0001300422_00000&seg_number=004

เอาภาพยนต์ข่าวมาซื้อเวลา

ถ่ายทำระหว่างนายทหารญี่ปุ่นไปตรวจแนวรบของฝรั่งเศสและไทยระหว่างการหยุดยิงชั่วคราวมาให้ชม ช่วงหนึ่งท่านจะได้เห็นประตูชัยที่ปอยเปตที่เป็นที่มั่นฝ่ายฝรั่งเศสที่ถูกไทยถล่มยับเยิน

ท่านกูเกินได้แปลภาษาญี่ปุ่นที่บรรยายประกอบไว้เป็นภาษาไทยแนวถนัดของท่านตามที่ผมคัดมาแสดงไว้นี้ ผู้ใดเชี่ยวชาญภาษาไทยของท่านกูเกิน จะแปลให้พอดีๆที่คนทั่วไปจะอ่านรู้เรื่องได้ก็โปรดช่วยด้วย

การต่อสู้รุนแรงมากที่สุดที่อยู่ใกล้ชายแดนข้อพิพาทที่ดิน Shisofon เครื่องหมาย, ฝรั่งเศส, Tai สวมบุกอากาศทหารและปลอกกระสุนทั้งบ้านเผาต้นไม้สูญเสียใบของพวกเขากิจการของสงครามแสดงบาร์เรล (หายนะ) Santander
สายของ พล. ต. Sumida หยุดสงครามเพื่อตรวจสอบสถานการณ์ที่ 5 กุมภาพันธ์เพื่อลาดตระเวนพื้นที่นี้มาเป็นเวลานานเพื่อประชุมผู้บัญชาการแนวหน้าของกองทัพที่นี่และต้องล่าถอย Beshi 10km ร่วมกัน ให้ที่ประชุมเกี่ยวกับข้อตกลงการปฏิบัติงาน
กองทัพทั้งสองจะเผชิญหน้ากันทั่ว 100m จาก 50m (ทารกในครรภ์) และยังคงประสาทมากและยังคงระมัดระวังอย่างเข้มงวด
ทันทีหลังจากที่หยุดยิงและชาวที่ถูกจัดตั้งขึ้นโดยไม่แสดงที่ยังคงรูปแบบ, อาทิตย์เขตร้อนที่รุนแรงและหายไฟในถิ่นทุรกันดารอ้างว้าง นี่คือการสูญเสียที่ยิ่งใหญ่โดยการระเบิดของกองทัพอากาศ Tae-25kg บุคคลที่ทำขบวนแห่ของเจ้าหน้าที่ด้านหน้าสายและทหารได้กลับดวงอาทิตย์ขึ้นควรสังเกตประเทศไทย
เกี่ยวกับเส้นขอบของความผิดปกติของกัมพูชาหมอกเป่าของสงครามในลักษณะนี้ไฟแห่งความสงบเป็นครั้งแรกที่เข้าชมเราเร่งของกรณีที่จะมีมติ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 219  เมื่อ 26 ก.พ. 12, 16:18

อ่านแล้ว  ขอแสดงความนับถือด้วยภาพข้างล่าง


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 220  เมื่อ 26 ก.พ. 12, 16:35

ในช่วงเวลาที่ท่านเจ้าของกระทู้ไปแต่งองค์ทรงเครื่องอยู่หลังโรง   ดิฉันขอคั่นรายการหน้าม่านไปพลางๆก่อน จนกว่าท่านจะกลับมาพร้อมกับคำตอบให้คุณ siwawuth

วันนี้ไปค้นหนังสือ   แล้วก็เป็นอย่างที่เกิดขึ้นบ่อยๆคือเล่มที่หาก็ไม่เจอ   กลับไปเจอเล่มที่ไม่ได้หา     และมักจะเป็นว่า เล่มที่เจอโดยบังเอิญ นั้นก็มีข้อมูลที่ตรงกับกระทู้ใดกระทู้หนึ่งในเรือนไทยเข้าพอดี
เล่มที่ว่านี้  เป็นหนังสืออนุสรณ์งานพระราชทานเพลิงศพ พลตรีหลวงเสนียุทธกาจ (ม.ล.จวง เสนีวงศ์)    ในคำไว้อาลัยท่านผู้ซึ่งเป็นอดีตผู้บังคับกองร้อยนักเรียนนายดาบ   มีนักเรียนนายดาบรุ่น พ.ศ. ๒๔๗๑ ท่านหนึ่ง  เล่าถึงชีวิตนักเรียนนายดาบ และเหตุการณ์สมัยนายดาบออกรบในสงครามอินโดจีนไว้ยาวเหยียด ๔๐ กว่าหน้า
ท่านผู้เล่าชื่อพ.อ. แสง จุละจาริตต์  เป็นอดีตผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย

พ.อ. แสงท่านมีความจำยอดเยี่ยมมาก   หรือไม่ก็เขียนบันทึกเอาไว้ละเอียดลออ   ในหนังสืออนุสรณ์เล่มนี้  ท่านจำได้ขนาดได้ยินเสียงอีเก้งร้องในคืนที่ไทยถล่มทหารฝรั่งเศส

ขอลอกมาให้อ่านค่ะ

๑๕ ม.ค. ๒๔๘๔   ร.พัน ๓  คงยึดอยู่ในลำห้วยแห้งอย่างสงบและมีวินัย    มีการทบทวนให้มีการรออย่างสงบเงียบ   และมีวินัยอย่างกวดขัน   ได้มีเสียงอีเก้งร้องในทุ่งหญ้าระหว่างเวลา ๑๘.๐๐-๒๒.๐๐ น.    แสดงว่าตกใจ มีผู้คนเข้าไปในบริเวณหากินของอีเก้ง     ดึกขึ้นไปมีเสียงรถยนต์จำนวนมาก  ไกลๆ ทางทิศตะวันออกด้านศรีโสภณ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 221  เมื่อ 26 ก.พ. 12, 16:48

วันที่ ๑๖ ม.ค. ๒๔๘๔  เวลา ๐๔.๐๐ น.   ได้มีเสียงปืนยิงโต้ตอบกันดังมาจากบ้านยาง   แม้จะไกลประมาณ ๔ กม.เศษก็ตาม   แสดงว่าฝ่ายข้าศึกกำลังเข้าตี ร.พัน ๑   ซึ่งตั้งรับอยู่ที่บ้านยาง(เป็นการโจมตีเพื่อพรางความมุ่งหมาย)  พ.ต.ขุนนิมมานกลยุทธ์ จึงนึกถึงการยิงของร. พัน ๓ ที่เตรียมไว้ยิ่งขึ้น    ผบ.ร.พัน ๓ จึงโทรศัพท์สั่งทุกหน่วยเพื่อเน้นให้แน่นแฟ้น     เตรียมตัวทำการยิงตามแผนการยิงให้ปฏิบัติเป็นไปตามคำสั่งสัญญาณปืนกล    นำโดยเคร่งครัด   จะยิงตามลำพังไม่ได้
ผบ.ร.พัน ๓    ให้หลักการแก่พลปืนกลยิงนำ  (ร.ต.ยง ณ นคร) ว่าการยิงให้ยิงต่อแถวทหารส่วนมากที่เข้ามาในเขตกำหนด      สำหรับหน่วยลาดตระเวนข้าศึกกำลังต่ำกว่า ๑๐ คนลงไป   ไม่ให้ยิง  ให้ปล่อยไป

ระหว่างนั้นทหารประจำแนวฝ่ายเราได้ยินเสียงข้าศึกปลุกกันตื่นจากการนอน    ห่างจากเราไปประมาณ ๒๐๐ เมตร    และจากนั้นก็มีทหารข้าศึกอีก ๓ คน  กับสุนัขพื้นเมือง ๒ ตัว  ๑๕ ม.   คืนนั้นเป็นคืนเดือนหงายค้างฟ้า   และเห็นได้ไกล    ทหารไทยในแนวเห็นข้าศึกสามคน    แต่คนสงบนิ่งตลอดแนว   ทหารลาตตระเวนฝ่ายข้าศึกไม่ได้เดินจากทางลำลองไปที่ห้วงยาง(ห้วยธรรมชาติ)  เป็นแต่ยืน และเดินมองๆ เรื่อยไป    สุนัข ๒ ตัว  ของข้าศึกได้วิ่งมาถึงแนวทหารไทย    และวิ่งดมทหารไทยคนโน้นคนนี้บ้าง  แต่ไม่เห่า     การลาดตระเวนของข้าศึกเข้ามาในแนวตั้งรับประมาณ ๑๕ นาที   ก็กลับออกไป   คงจะไปรายงานว่าไม่มีทหารไทยที่ห้วยยาง  ทั้งๆมีกำลังทหารไทยอยู่ทั้งกองพัน
 


หมา ๒ ตัวนั่นพันธุ์ไหนหนอ   ขนาดเป็นสุนัขสงคราม เจอข้าศึกแปลกกลิ่นยังไม่เห่าสักแอะ   เลี้ยงเสียขนมปังฝรั่งเศสจริงๆ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 222  เมื่อ 26 ก.พ. 12, 17:00

จากนั้นเวลา ๐๕.๐๐ น. กรมทหารราบต่างด้าวที่ ๕  กองพันที่ ๓ (Regiment Legion Etrangere  Infantterie) เป็นหน่วยกล้าตายชั้น ๑  มีกิตติศัพท์การรบอันเกรียงไกรมาแล้วในหลายสมรภูมิ   ในอินโดจีนฝรั่งเศส    ก็เคลื่อนขบวนเข้าไปในแผนการยิงของฝ่ายไทย    เป็นแถวตอนเรียงสาม   เดินตามสบาย   เพราะถือว่ายังอยู่ไกลจากบ้านพร้าวอีกตั้ง ๔ ก.ม.
เวลา ๐๕.๐๐ น.เศษเล็กน้อย      เสียงปืนกลนำเป็นสัญญาณก็ปะทุขึ้น   และตลอดความยาวของแถวตอนเรียงสาม   ทหารข้าศึกก็อยู่ในแผนการยิงอย่างถี่ยิบของทหาร ร.พัน ๓   ที่ส่งกระสุนปืนเล็กยาว  ปืนกลเบา  ปืนกลหนัก  ที่สาดกระสุนเหล็กเข้าบดขยี้จนละลายไปหมดทั้งกองพัน    มีการยิงต่อสู้ประปราย    จนเวลา ๐๗.๐๐ น.   ผู้บังคับกองร้อยที่ ๒   ได้เข้าเก็บเชลยศึกที่หลงเหลืออยู่ในพื้นที่ของกองร้อย   ได้เชลยศึก ๗ คน  ทำหน้าที่หมู่ลาดตระเวณข้างหน้าขบวนตอนเรียงสาม   ชุด ๗ คนนี้ ได้หลบอยู่หลังต้นไม้ที่ล้มขวาง     ลำห้วยแห้งที่ตัดกับทางลำลอง  กับทหารอีก ๕ คน  รวม ๑๒ คน  ยึดธงชัยเฉลิมพลที่มีเหรียญกล้าหาญครัวซ์เดอแกรร์ติดอยู่     มียุทโธปกรณ์หนักคือ ปืนกลหนัก ๑ กระบอก  ปืนกลเบา ๕ กระบอก  กระสุนและปืนเล็กประจำกายมาก  แต่เครื่องยิงระเบิดไม่มี    ผู้บังคับกองพันที่ ๓  กรมทหารราบต่างด้าวฝรั่งเศส ๕ พ.ต.เรเมอรี่ตายในที่รบ(ค้นได้จากบัตรประจำตัว)  นอกจากนั้นได้เอกสารเกี่ยวกับการรบ ฯลฯ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 223  เมื่อ 26 ก.พ. 12, 17:10

การสูญเสียของทหารฝรั่งเศส ผบ.ร.พัน ๓ สั่งการนับศพบริเวณสู้รบได้ ๕๐ ศพ  ถูกจับเป็นเชลย ๒๐  ที่เหลือหลบหนีไปขณะยังไม่สว่าง   หนีไปได้มีทั้งบาดเจ็บและไม่บาดเจ็บ     หลักฐานฝ่ายฝรั่งเศสตาย ๑๑๐   บาดเจ็บ ๒๕๐ สูญหาย ๕๘ ถูกจับ ๒๑   ต่อมาผบ.ร.พัน ๓ ได้สอบถามนายเนตเจ้าของนาที่ฝรั่งเศสใช้เป็นที่รวมพลอยู่หลังบริเวณสมรภูมิรบกันไปทางศรีโสภณ ประมาณ ๒-๓ ก.ม.  ได้ความว่าหลังรบกันแล้ว   มีรถยนต์บรรทุกทหารบาดเจ็บสาหัสไปรับการพยาบาลที่นั้นประมาณ ๑๐ คันเศษ   ทหารตายก็ขนใส่รถไปด้วย
ทำให้กองหนุนของฝรั่งเศสที่รอคำสั่งจะต้องเข้าตีต่อเนื่องที่บ้านพร้าว   และพักอยู่ที่นั้นอีก ๓ กองพัน   ได้เห็นรถยนต์บรรทุกทหารตาย บาดเจ็บสาหัส ไม่สาหัส  มากมายเป็นที่น่ากลัวน่าหวาดเสียว   ต่างก็ใจเสียไปตามกัน     พวกที่อยู่ใกล้ๆนั้นก็ร้องขึ้นว่า ทหารไทยมาแล้ว   และแยกจากพวกเดินหนีไปทางศรีโสภณ   นำอาวุธประจำตัวไปด้วย    พวกที่เหลือส่วนมากเป็นทหารพื้นเมืองที่อยู่ใกล้ๆกัน    ก็ร้องบอกกัน   และทั้งสามกองพันก็พร้อมใจกันเดินมุ่งหน้าไปศรีโสภณ    นายทหารนายสิบผู้บังคับบัญชาของทหารก็เลยวิ่งตามไปอีก    และร้องบอกว่าศรีโสภณ  ศรีโสภณๆๆ   เพื่อให้ลูกน้องวิ่งไป และจะมีที่พักข้างหน้า

ทั้งหมดนี้เป็นการบอกเล่าของนายเนต  เจ้าของนา แก่พันตรีขุนนิมมานกลยุทธ์  และผบ.ร.พัน ๓  ท่านได้บันทึกไว้ด้วยลายมือท่านเอง
พวกเราเสียชีวิตในที่รบ ๑ นาย คือ พลทหารจวน ปรีพงศ์  และบาดเจ็บสาหัส ๒ นาย
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 224  เมื่อ 26 ก.พ. 12, 17:27

กว่าดิฉันจะเจอข้อเขียนของพ.อ.แสง จุละจาริตต์  กระทู้ก็วิ่งเลยไป 219  ค.ห. รวม 15 หน้ากระทู้แล้ว   ความจริงเรื่องนี้ควรจะอยู่ในหน้าแรกของกระทู้   ท่านที่ตามอ่านกรุณาย้อนกลับไปหน้าแรกก็จะปะติดปะต่อกันได้ 
รายละเอียดเกือบไม่ต่างจากบันทึกของพ.อ.นิ่ม ชโยดม แต่มีเพิ่มอะไรขึ้นบ้าง   เช่นเรื่องทหารฝรั่งเศสหนีอ้าวกลับไปศรีโสภณตามคำให้การของนายเนตเจ้าของนาแถวนั้น    แต่พวกนี้ก็ยังได้ครัวซ์เดอแกรร์มาบำรุงขวัญปลอบใจจากรัฐบาลฝรั่งเศสอยู่ดี
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 13 14 [15] 16 17 ... 21
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.05 วินาที กับ 20 คำสั่ง