เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 11 12 [13] 14 15 ... 21
  พิมพ์  
อ่าน: 123755 ละเลงเลือด(ฝรั่งเศส)ที่สมรภูมิบ้านพร้าว
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 180  เมื่อ 10 ก.พ. 12, 17:22

อ่านแล้วก็มึนๆอยู่เหมือนกัน
พลเอกเกรียงศักดิ์ พลเอกยศ  ก่อนพลเอกเปรม ๑ รุ่น  จากว่าที่ร้อยตรีได้เป็นนายร้อยโทเลย
พลเอกพร   รุ่นเดียวกับพลเอกเปรม ก็พาสชั้น จากว่าที่ร้อยตรีเป็นนายร้อยโท
พลเอกฉลาด   หลังพลเอกเปรม ๑ รุ่น  ก็พาสชั้นจากว่าที่ร้อยตรีเป็นนายร้อยโทเหมือนกัน
แต่พลเอกเปรม ที่อยู่รุ่นตรงกลาง และรุ่นเดียวกับพลเอกพร   เลื่อนจากว่าที่ร้อยตรีเป็นนายร้อยตรี (ตามระเบียบ)  ฮืม ฮืม ฮืม


บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 181  เมื่อ 10 ก.พ. 12, 18:16

คนอื่นไม่ทราบนะครับ แต่พลเอกพรท่านบอกว่าหลังจากการรบกับฝรั่งเศสจบลงประมาณ๖เดือน ท่านก็ได้เลื่อนยศจากว่าที่ร้อยตรีเป็นร้อยตรี ไม่ได้เอ่ยว่าในรุ่นของท่าน หรือหลังท่าน ใครแซงหน้าขึ้นไปเป็นร้อยโท

ส่วนท่านเกรียงศักดิ์นั้น อาวุโสกว่าท่านพร ยศพันตรีเท่ากันแต่ได้เป็นผบ.พันในการรบที่พอร์คช๊อป ส่วนเสธฯพรเป็นรอง
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 182  เมื่อ 10 ก.พ. 12, 21:21

ถ้าโชคดี  คุณ art47คงจะค้นเจอหลักฐานว่านายทหารใหญ่ๆข้างบนนี้เป็นรุ่นไหนกันบ้าง   ได้หายสงสัยกันเสียทีค่ะ

ขอแยกซอยไปหน่อย  เพื่อยืดกระทู้  ยิ้ม
ผลติดตามมาจากสงครามอินโดจีน ซึ่งยืดเยื้อมาจนถึงทุกวันนี้ คือ ปราสาทพระวิหาร หรือเมื่อก่อนเรียกว่าเขาพระวิหาร

เดิม  ปราสาทหรือเขาพระวิหารแห่งนี้อยู่ในเขตการปกครองของประเทศไทย ขึ้นอยู่กับบ้านภูมิซรอล ตำบลเสาธงชัย อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ    เมื่อ พ.ศ. 2442 พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าชุมพลสมโภช กรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์ ได้เสด็จไปที่นี่ ทรงเรียกชื่อโบราณสถานนี้ว่า "ปราสาทพรหมวิหาร" ซึ่งต่อมา เรียกกันทั่วไปว่า "ปราสาทพระวิหาร" ทรงจารึกพระนามไว้ที่บริเวณชะง่อนผาเป้ยตาดีว่า "118 สรรพสิทธิ"  ตัวเลขหมายถึงปีร.ศ. นั้น

ในรัชกาลที่ 5  เมื่อสยามเสียดินแดนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขงให้ฝรั่งเศส   ฝรั่งเศสก็เข้ามาปกครองเขมรเต็มตัว  เมื่อเขียนแผนที่แบ่งเขตแดนกันกับสยาม  แผนที่ที่ฝรั่งเศสทำในตอนนั้น  เขียนให้เขาพระวิหารอยู่ในดินแดนของกัมพูชา    รัฐบาลสยามก็จำต้องยอมรับแผนที่ที่ฝรั่งเศสทำโดยไม่อาจทักท้วงได้   แต่ตามสภาพภูมิศาสตร์ ทางขึ้นเขาพระวิหารนั้นอยู่ทางฝั่งไทย  คนไทยก็ขึ้นไปยังปราสาทเขาพระวิหารโดยง่าย  
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 183  เมื่อ 10 ก.พ. 12, 21:22

เมื่อ พ.ศ.2483  กรมศิลปากร ได้ประกาศขึ้นทะเบียนปราสาทเขาพระวิหาร เป็นโบราณสถานของไทย

พ.ศ.2484   ผลจากสงครามอินโดจีน  ดินแดนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขงกลับคืนมาเป็นของไทย เขาพระวิหารก็กลับมาเป็นสมบัติของไทยเต็มตัว
แต่พอจบสงครามโลกครั้งที่ 2 ในพ.ศ. 2488   ไทยก็จำต้องคืนดินแดนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขงกลับไปให้ฝรั่งเศส      ฝรั่งเศสและเขมรจึงไม่ยอมให้ไทยมีอธิปไตยเหนือปราสาทเขาพระวิหาร และประท้วงไทยไม่ให้ส่งคนไปรักษาเขาพระวิหาร

เมื่อเขมรเป็นเอกราชจากฝรั่งเศส  เขมรก็ยืนกรานว่าเขาพระวิหาร(ปราสาทพระวิหาร) เป็นของเขมร   จนพ.ศ. 2502 รัฐบาลเจ้านโรดมสีหนุแห่งกัมพูชา ซึ่งมีฝรั่งเศสสนับสนุน ได้ยื่นฟ้องต่อศาลโลก ขอให้ไทยถอนกองกำลังทหารออกจากเขาพระวิหาร และขอให้ศาลโลกชี้ขาดว่าปราสาทเขาพระวิหารเป็นของเขมร

วันที่ 15 มิถุนายน 2505 ศาลโลกได้ตัดสินให้อธิปไตยเหนือปราสาทเขาพระวิหารเป็นของประเทศกัมพูชา ด้วยคะแนน 9 ต่อ 3 เสียง บริเวณดังกล่าวมีเนื้อที่ประมาณ 150 ไร่

เรื่องก็ยังยืดเยื้อมาจนทุกวันนี้


บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 184  เมื่อ 10 ก.พ. 12, 21:58

มาดูการสวนสนามฉลองชัยชนะของไทยกันครับ

บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 185  เมื่อ 11 ก.พ. 12, 06:32

กำลังพลทั้ง ๔ เหล่า


คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 186  เมื่อ 11 ก.พ. 12, 06:34

ยานยนต์ ปืนใหญ่ และรถหุ้มเกราะทั้งหลาย


คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 187  เมื่อ 11 ก.พ. 12, 06:43

ดินแคนที่ได้คืนมาสี่ห้าปี แล้วก็ต้องคืนไป และในที่สุดก็ตกเป็นของภูมิบุตรเจ้าของเดิม


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 188  เมื่อ 11 ก.พ. 12, 20:21

เพลงแบคกราวน์ในค.ห. 184  คือเพลง เดิน
คำร้อง: พลตรีหลวงวิจิตรวาทการ

เดิน เดิน เดิน อย่ายอมแพ้ใคร ชาติไทยต้องเดิน
เดิน เดิน เดิน ถ้าหวังก้าวหน้า เราต้องพากันเดิน
เดิน เดิน เดิน อย่าท้อทางไกล ขอให้ไทยเจริญ
มาเพื่อนไทย มาร่วมน้ำใจ สมานฉันท์
ไปตายดาบหน้า เพื่อนไทยจงมาให้พร้อมเพรียงกัน
พบหนามเราจะฝ่า พบป่าเราจะฟัน พบแม่น้ำขวางกั้น เราจะว่ายข้ามไป
เดิน เดิน เดิน (ซ้ำ)
ไชโย ไชยะ ให้ไทยชะนะ ตลอดปลอดภัย ไชโย ไชโย (ซ้ำ)

ใครขวางทางเดิน เราจักต้องเชิญเขาหลีกทางไป
พบเสือเราจะสู้ พบศัตรู เราจะฆ่า พบอะไรขวางหน้า เราจะฝ่าฟันไป
เดิน เดิน เดิน อย่ายอมแพ้ใคร ชาติไทยต้องเดิน
เดิน เดิน เดิน ถ้าหวังก้าวหน้า เราต้องพากันเดิน
เดิน เดิน เดิน อย่าท้อทางไกล ขอให้ไทยเจริญ

เป็นเพลงประกอบละคร เรื่องน่านเจ้า หลวงวิจิตรวาทการได้แต่งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2482
บันทึกการเข้า
ประกอบ
สุครีพ
******
ตอบ: 1342


ความคิดเห็นที่ 189  เมื่อ 11 ก.พ. 12, 23:34

นักเรียนหลังห้องมาส่งเสียงบอกคุณครูทุกๆ ท่านว่ายังคงติดตามต่อไม่ได้หลบไปไหนนะครับ
บันทึกการเข้า

วิรุศฑ์ษมาศร์ อัฐน์อังการจณ์
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 190  เมื่อ 12 ก.พ. 12, 21:00

แวะไปกินโอเลี้ยงแก้คอแห้ง ก่อนจะกลับมาดึงหนังสติ๊ก เพื่อยืดกระทู้ไว้อีก

อดคิดไม่ได้ว่า ถ้าหากว่าเราไม่เสียดินแดนคืนกลับไปให้ฝรั่งเศสนี้  ป่านนี้สองฟากฝั่งแม่น้ำโขงจะเป็นอย่างไร  ฝั่งซ้ายจะยังอยู่กับไทยไหม?

เปิดอินทรเนตรมองหาคำตอบ   แม้ว่าคำถามนี้ไม่มีใครยืนยันได้ เพราะมันไม่มีวันได้เกิดขึ้นจริง  แต่เราก็พอจะคาดคะเนได้จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริง หลังสงครามโลกครั้งที่ 2  จบลง ว่าเกิดอะไรขึ้นกับดินแดนที่เรียกกันว่า "อินโดจีนของฝรั่งเศส" หรือ Indochine française ซึ่งต่อมาเปลี่ยนเป็น Union Indochinoise

อาณานิคมของฝรั่งเศสทั้ง 3 แห่ง คือเวียตนาม  ลาว และเขมร ล้วนแล้วแต่มีกลายเป็นสมรภูมิที่ดุเดือดเลือดโชกหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ทั้งสิ้น  เพราะต่างก็ดิ้นรนไม่ยอมที่จะอยู่เฉยๆ ในอำนาจของฝรั่งเศส  หากแต่แสวงหาอิสรภาพมาให้ประเทศจนได้

เริ่มจากเวียตนาม
ในสงครามมหาเอเชียบูรพา  เมื่อญี่ปุ่นมีเข้ายึดครองประเทศต่างๆในเอเชียอาคเนย์  เวียดนามได้แยกตัวเป็นอิสระแบบหมูไม่กลัวน้ำร้อน     ขบวนการเวียดมินห์เข้าร่วมมือฝ่ายสัมพันธมิตรต่อต้านญี่ปุ่น    เมี่อญี่ปุ่นแพ้สงคราม  ผู้นำคือโฮจิมินห์จึงจัดตั้งรัฐบาลชั่วคราวขึ้น เมื่อปี พ.ศ. 2488
หลังจากที่จักรพรรดิเบาได๋สละราชสมบัติ โฮจิมินห์ก็ตั้งรัฐบาลขึ้นบริหารประเทศ  เปลี่ยนแปลงระบอบเป็นแบบสาธารณรัฐ    ฝรั่งเศสก็ไม่ยอมปล่อยมือจากเวียตนามจนแล้วจนรอด   โดยมีอังกฤษหนุนหลัง ขบวนการเวียดมินห์ได้จับอาวุธต่อสู้ ขับไล่ฝรั่งเศสอยู่อีก 9 ปี
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 191  เมื่อ 12 ก.พ. 12, 21:10

ศึกที่ดุเดือดที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ของเวียตนาม คือยุทธการเดียนเบียนฟู ที่เวียตมินห์มีชัยชนะ  ได้ละเลงเลือดฝรั่งเศสในสมรภูมิกันขนานใหญ่   ในพ.ศ. 2497   จนในที่สุด ฝรั่งเศสกับเวียดนามก็ได้ทำสัญญาสงบศึกที่กรุงเจนีวา เรียกว่า อนุสัญญาเจนีวา

อนุสัญญาเจนีวา คือการล่มสลายของอินโดจีนของฝรั่งเศส  เพราะในข้อตกลงหลักๆคือ
๑ ให้แบ่งเวียดนามออกเป็นสองส่วน คือ เวียดนามเหนือ และเวียดนามใต้ โดยใช้เส้นรุ้งที่ 17 เหนือ ซึ่งผ่านเมืองกวางตรี ตามแนวแม่น้ำเบนไฮ เป็นเส้นแบ่งเขตแดน
๒ ให้เวียดนามเหนือ เวียดนามใต้ ลาว และกัมพูชา ซึ่งเคยรวมเป็นอินโดจีนของฝรั่งเศสตั้งแต่ปี พ.ศ. 2468 แยกออกเป็นรัฐอิสระ พ้นจากการปกครองของฝรั่งเศส

การแบ่งเวียตนามเป็น 2 ส่วนนี้เอง ก่อให้เกิดสงครามละเลงเลือดครั้งใหญ่ขึ้นมาอีกครั้ง    ได้แก่สงครามเวียตนาม  ซึ่งพวกเราหลายคนในเรือนไทยคงจะทันรู้เห็นกัน   เพราะเป็นที่กำเนิดของความคึกคักที่อู่ตะเภา ตาคลี  ในกรุงเทพก็ถนนเพชรบุรีตัดใหม่    เมื่อทหารอเมริกันใช้ประเทศไทยเป็นฐานทัพและที่พักผ่อน
ในสงครามเวียตนาม  เลือดของคนประเทศที่ถูกนำมาละเลง  ไม่ยักใช่ฝรั่งเศส   แต่กลับเป็นสหรัฐอเมริกา    ทหารไทยที่ไปร่วมรบในสมัยนั้นก็เอาชีวิตไปทิ้งเสียหลายคน     ผู้ที่รอดมาได้น่าจะเกษียณกันไปหมดแล้วในปี 2555  นี้
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 192  เมื่อ 12 ก.พ. 12, 22:02

ทีนี้   ออกจากเวียตนาม ถือวีซ่าเข้าลาวกันบ้าง  ย้อนอดีตว่าเกิดอะไรขึ้นในขณะที่ไทยยังปลื้มกับชัยชนะในกรณีพิพาทอินโดจีน

ในสงครามโลกครั้งที่ 2 ลาวเป็นอีกประเทศหนึ่งที่เจอกองทัพญี่ปุ่นรุกเข้ายึดครองเหมือนกัน  แต่ลาวก็ไม่ยอมให้ยึดครองได้ง่ายๆ  เกิดขบวนการลาวอิสระเคลื่อนไหวทางการเมืองเพื่อกู้เอกราชลาว     พอญี่ปุ่นใกล้แพ้สงคราม มีลางมาให้เห็นว่าไปไม่รอดแน่  ขบวนการนี้ก็ประกาศให้ประเทศลาวเป็นประเทศเอกราช  ชื่อว่า "ราชอาณาจักรลาว"

สงครามโลกจบลงด้วยการที่ญี่ปุ่นเป็นฝ่ายแพ้อย่างรู้ๆกัน  ฝรั่งเศสในฐานะประเทศพันธมิตรผู้ชนะสงครามก็กลับเข้ามามีอำนาจในอินโดจีนอีกครั้งหนึ่ง แต่คราวนี้ไม่หมูเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว    เพราะเวียดมินห์ฮึดสู้ขึ้นมาไม่ยอมแพ้   อำนาจฝรั่งเศสก็ถูกสั่นคลอนอย่างชนิดไม่อาจจะกลับคืนมาได้อีก    ยังผลให้อำนาจเหนือลาวก็พลอยคลอนแคลนไปด้วย  จนถึงขั้นยอมให้ลาวประกาศเอกราชบางส่วนในปี พ.ศ. 2492 และได้เอกราชสมบูรณ์ในปี พ.ศ. 2496

ผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการประกาศเอกราชคือ เจ้าสุวรรณภูมา เจ้าเพชรราช และ เจ้าสุภานุวงศ์ โดยมีเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงศ์ ดำรงตำแหน่งเป็นเจ้ามหาชีวิต (พระมหากษัตริย์) จากอาณาจักรล้านช้างหลวงพระบางเดิม และได้รวมทั้ง 3 อาณาจักรคือ ล้านช้างหลวงพระบาง ล้านช้างเวียงจันทน์ และ ล้านช้างจำปาศักดิ์ เข้าด้วยกันเป็นราชอาณาจักรลาว
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 193  เมื่อ 12 ก.พ. 12, 22:26

ออกจากลาว มาดูเขมรบ้าง

เขมรหรือประเทศกัมพูชาเป็นอีกประเทศหนึ่งที่ถูกญี่ปุ่นยึดครองสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เช่นเดียวกับลาว   ในตอนนั้น กัมพูชามีกษัตริย์ปกครอง โดยได้รับความเห็นชอบจากฝรั่งเศส คือเจ้านโรดมสีหนุ ที่คนไทยรู้จักกันดี    เมื่อญี่ปุ่นเข้ายึดประเทศก็ไม่ได้ทำอะไรกับกษัตริย์เขมร  เจ้าสีหนุยังนั่งบัลลังก์ตลอดช่วงสงคราม    
หลังจากญี่ปุ่นแพ้สงคราม  ฝรั่งเศสก็กลับมามีอำนาจเหนือกัมพูชาเหมือนเดิม  แต่สงครามกับเวียตมินห์ทำให้ฝรั่งเศสเริ่มป้อแป้ลงมาก   กัมพูชาเห็นเป็นโอกาสดีก็ฮึดสู้ฝรั่งเศสขึ้นมา แบบเดียวกับลาว    เจ้าสีหนุจึงประกาศยุบสภา ประกาศใช้กฎอัยการศึก และปกครองกัมพูชาโดยตรง  ไม่ยอมอยู่ใต้ฝรั่งเศสอีก

เจ้าสีหนุพยายามเรียกร้องเอกราชจากฝรั่งเศสจนสำเร็จ  เพราะฝรั่งเศสเสียเปรียบในสงครามเดียนเบียนฟู  ไม่ประสงค์จะเปิดศึกในอินโดจีนขึ้นมากับลาวและเขมร    ฝรั่งเศสจึงยอมให้เอกราชแก่กัมพูชาตามคำเรียกร้องของเจ้าสีหนุ
ต่อมาในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2497 กัมพูชาได้รับเอกราชอย่างสมบูรณ์ตามข้อตกลงในสนธิสัญญาเจนีวาพร้อม ๆ กับลาว และเวียดนาม

จึงคิดว่าต่อให้ไทยได้ปกครองดินแดนอินโดจีนบางส่วนจากชัยชนะในกรณีพิพาทอินโดจีน  ก็เห็นทีจะไม่ราบรื่นกับเจ้าของเดิมคือลาวกับเขมร   ทั้งสองประเทศนี้ นอกจากเรียกร้องเอกราชแล้ว  ก็คงจะเรียกร้องดินแดนกลับไปเป็นของเขาด้วย
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 194  เมื่อ 13 ก.พ. 12, 16:40

อนุสรณ์จากกรณีพิพาทอินโดจีนหรือสงครามอินโดจีน นอกเหนือจากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิแล้ว   ก็ยังมีเพลงปลุกใจของพลตรีหลวงวิจิตรวาทการอีกหลายเพลง 
พยายามหาเนื้อเพลง แต่ไม่ได้ครบ  ได้มาท่อนเดียวคือเพลง  "ข้ามโขง"  ขึ้นต้นว่า ข้ามโขงไปสู่แคว้นแดนไทย....
ทำนองซาบซึ้งสะเทือนใจ   คุณหลวงท่านนำมาจากเพลง Swanee River เพลงพื้นบ้านของอเมริกา
อยากให้ฟังกัน  แต่หาในยูทูปยังไม่เจอค่ะ   

ผลสืบเนื่องจากเพลงนี้ นำไปสู่สินค้าตัวหนึ่งของไทยที่ใครๆก็รู้จักชื่อจนทุกวันนี้  แม้ว่าคนส่วนใหญ่ไม่ได้ยินชื่อสงครามอินโดจีนแล้วก็ตาม
นั่นก็คือ แม่โขง ยอดสุราของไทย  ถือกำเนิดเมื่อพ.ศ. 2484
ตามประวัติ เล่าว่า ชื่อแม่โขงได้รับแรงจูงใจจากเพลงปลุกใจของหลวงวิจิตรวาทการ  ชื่อว่า "ข้ามโขงไปสู่แคว้นแดนไทย" และ "โขงสองฝั่งเหมือน ฝั่งเดียวกัน" เมื่อประเทศไทยเรียกร้องดินแดนที่ฝรั่งเศสเอาไปผนวกเข้ากับประเทศในอาณานิคมของตนคืน


บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 11 12 [13] 14 15 ... 21
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.075 วินาที กับ 19 คำสั่ง