พี่ก็แต่งร้อยกรองไม่เป็น เขียนธรรมดาดีกว่านะคะ
------------------------------------
ขับรถผ่านทะเลทรายก็หลายครั้ง เวลาผ่านไปเร็วๆ จะเป็นฤดูร้อน ฤดูหนาว ไม้ร่วง ไม้ผลิ มองจากระยะไกล
มันก็ดูแห้งแล้งโรยราให้ล้าใจไปหมด ไม่เคยคิดที่จะหยุดดูพิจารณาว่า จะมีชีวิตสิ่งใดให้ชื่นชมเลย เพราะ "ไม่เชื่อ" ว่า
ในความร้อนเร่าปานไฟนรกฉะนี้ จะมีความงดงามอันใดซ่อนเร้นอยู่ให้เชยชม
เวลาผ่านไป ชีวิตสุขุมลง ความที่เคย "เชื่อ" และ "ไม่เชื่อ" ก็เริ่มผสานกันเข้า จนบางครั้งก็หาไม่ได้
ว่าขอบความคิดมันอยู่ตรงไหน
จนมาวันหนึ่ง ไม่นานมานี้เอง ขับรถผ่านทะเลทรายไหวๆ เห็นอะไรสีม่วงอมชมพูเจิดจ้าอยู่สองคลองตา
เมื่อหันไปมองก็กลืนหายวับไปกับผืนทราย ที่รุดผ่านหน้าไปอย่างรวดเร็วจนแผ่นทรายมัวเป็นลานสีเทาจางๆ แต่แล้ว
ก็มีจุดสีม่วงใหม่เข้ามาอีก ไมล์แล้วไมล์เล่า จนทนไม่ได้ ต้องหยุดรถข้างทาง
แม้ยังเหลือระยะทางอีกหลายร้อยไมล์กว่าจะถึงบ้าน
หยุดข้างกองหินทมึนดำมืด จากที่เคยร้อนระอุจากภูเขาไฟจนหลอมผืนทรายได้ง่ายๆ วันนี้เย็นตัวลงเป็นกองหินสีดำ
ที่ยังมีรอบพรุนบ่งบอกวันเวลานานแสนนานมาก่อน ที่มันเคยร้อนระอุจนเดือดเดือดพล่านปานผุดมาจากนรก แต่วันนี้
หินดำมีเพียงแต่รอยปุดเป็นฟองใหญ่น้อย บอกเพียงร่อยรอยของอดีตอันแสนนาน
และบนกองหินที่เคยร้อนเร่าเผาผลาญทุกสิ่งที่ขวางหน้า กลับก่อกำเนิดดอกไม้ใหญ่น้อยดารดาษ
นับได้หลากหลายกว่าสิบชนิด แม้แต่ที่ซ่อนตัวตามหลืบหิน ต้องเข้าไปพินิจพิจารณาจนใกล้ จึงจะได้ชื่นชมความงามนั้นได้
เนื้อหินลาวา กลับอุดมไปด้วยสารอาหาร ที่หล่อเลี้ยงความงดงามสุดบรรยาย แม้ด้วยนำ้ฝนจากฟ้าจะมาเพียงน้อยนิด
แต่ความแห้งแล้ง ได้สอนชีวิตเหล่านี้ ให้ใช้แต่ละหยดแต่ละหยาดได้อย่างคุ้มค่าที่สุด
จะมีใครสักกี่คน ที่โชคดีอย่างเราบ้าง...
---------------------------------

http://vcharkarn.com/reurnthai/uploaded_pics/RW518x013.jpg'>