ว่าด้วยเรื่องอาบน้ำต่อครับ ก่อนอื่นผมขออนุญาตคัดลอกเสภาขุนช้างขุนแผนมาฝากคุณอำแดงริน
ตอนพลายแก้วอาบน้ำให้นางพิมครับ ติดเรทอาร์นิดๆ
...ครั้นถึงอ่างวางอยู่ที่นอกชาน
สองสำราญขึ้นนั่งบนเตียงต่ำ
จึงไขน้ำจากบัวตะกั่วทำ
น้ำก็พร่ำพรายพรูดูกระเด็น
เจ้าพลายชักชายสไบห่ม
ฉันอายนมไฮ้หม่อมนะอย่าเล่น
ยังไม่เคยอาบน้ำตัวเปล่าเป็น
เขาจะเห็นแล้วอย่ากวนฉันหน่อยเลย
อนิจจาอยู่แต่เจ้ากับตัวพี่
ไม่มีใครเห็นดอกเจ้าพิมเอ๋ย
อาบทั้งผ้าไม่น่าจะเย็นเลย
พลางก็เผยผ้าน้องออกจากทรวง
พระจันทร์ลอยลีลาเวหาห้อง
สอดส่องต้องเต้าดูขาวช่วง
น้ำกระทั่งหลั่งไหลกระทบทรวง
ดังเพชรร่วงหรุบต้องกระจายพราย...
แสดงว่าบ้านผู้ดีในสมัยขุนช้างขุนแผนมีการอาบน้ำด้วยฝักบัวกันแล้ว แต่ไม่ได้อาบในที่มิดชิด อย่างนางพิม
นี่ก็มาอาบที่นอกชาน ต้องมีถังน้ำอยู่ในที่สูงด้วยครับน้ำถึงจะไหลลงมาได้ คงต้องอาศัยบ่าวไพร่ในการตักน้ำ
ไปใส่ในถึงอย่างที่คุณอำแดงรินว่า...
สำหรับชาวบ้านธรรมดานั้นคงไม่พิถีพิถันในวิธีการอาบน้ำมากนัก อย่างแถวบ้านผมเวลาจะอาบน้ำที
ผู้ชายก็นุ่งผ้าขาวม้า ผู้หญิงก็นุ่งกระโจมอก ถือขันสบู่ไปที่ศาลาท่าน้ำ นั่งอาบน้ำอยู่ที่ริมท่า ไม่มีการอายกัน
เพราะถือว่าเป็นเรื่องปกติธรรมชาติ บ้านไหนๆ ก็อาบน้ำริมคลอง แต่ถ้าเป็นสาวๆจะค่อนข้างกระมิดกระเมี้ยน
ในการทำความสะอาดร่างกายมากกว่าผู้ชาย เพราะถูสบู่ได้เฉพาะส่วนบนแถวๆ หน้า คอ แขน และเนินอก
ต่ำกว่านั้นจะถูสบู่ไม่ได้เพราะติดกระโจมอก จะยักเยื้องขยายผ้าถุงออกถูสบู่ก็ดูกระไรอยู่ ถ้าจะทำความสะอาด
ภายในร่มผ้าก็ต้องลงไปที่กระไดริมท่า ตอนนี้อยากจะขัดจะถูตรงไหนก็ทำได้เพราะไม่มีใครเห็น บางคนก็เล่น
ตีโปงเสียด้วยซ้ำ ถ้าเป็นคนที่มีลูกมีผัวแล้วก็ไม่ต้องอายกันมากนัก เอาผ้ามาซักด้วยก็ได้ หรือบางทีมีคนรู้จักกัน
พายเรือผ่านมาก็จอดเรือคุยกันก็มี...
คราวนี้ถ้าอาบน้ำเสร็จแล้วผู้หญิงก็จะมีผ้าถุงอีกตัวเอาไว้ผลัด วิธีการผลัดผ้าถุงก็น่าจะพูดถึงเหมือนกัน
คือต้องนุ่งผ้าถุงตัวใหม่ไปซ้อนทับตัวที่เปียก แล้วเอาปากกัดชายผ้าถุงไว้ ส่วนมือก็ใช้ปลดกระโจมอก
ปล่อยให้ผ้าถุงที่เปียกหลุดลงมา เสร็จแล้วจึงค่อยกระโจมอกด้วยผ้าถุงตัวใหม่ บางทีผ้าถุงตัวในมันไม่หลุด
ง่ายๆ เพราะเปียกน้ำแนบไปกับลำตัว ก็ต้องใช้มือช่วยดึง ส่วนชุดชั้นในไม่ต้องไปกังวลเพราะบางคนก็
ไม่ใส่ ถ้าใส่ก็ถอดก่อนอาบน้ำเรียบร้อยแล้ว วิธีการกระโจมอกนี้จะเป็นไปอย่างธรรมชาติ ไม่เคอะไม่เขิน
เข้าใจว่าคงทำกันจนเป็นทักษะ สาวๆ สมัยนี้คงน้อยคนที่จะนุ่งกระโจมอกได้อย่างเป็นธรรมชาติ บางคน
ก็ไม่เคยนุ่งกระโจมอกเสียด้วยซ้ำ...
ผู้หญิงทางเหนือหรืออีสานก็มีวิธีการผลัดผ้าลงอาบน้ำแปลกกว่าภาคกลาง คือถ้าไปอาบน้ำในลำห้วยหรือแม่น้ำ
เค้าจะค่อยๆ เดินลงไปพร้อมกับม้วนชายผ้านุ่งขึ้นทีละน้อยๆ เพื่อไม่ให้เปียกน้ำ เดินไปที่ลึกๆ ก็ยิ่งถกขึ้นสูง
พอเกือบถึงจุดสำคัญเขาก็จะผลุบลงไปในน้ำพร้อมกับชักผ้านุ่งขึ้นอย่างว่องไวแล้วก็โยนขึ้นไปไว้ริมฝั่ง
เหลือแต่ตัวเปล่าๆ เห็นเนื้อตัวขาวๆ วับๆแวมๆ เป็นอาหารตาของคนที่ผ่านมาเห็น หรือคนที่ตั้งใจผ่านมาเห็น
เหมือนเพลงกว๊านพะเยาที่ครูสุรพลร้องไว้ท่อนหนึ่ง..
..เจ้าแต่งตัวยามเล่นน้ำเจ้านุ่งกระโจม
เก็บกล้วยไม้มาแซมเสียบผม
แลสลวยสวยงามวิไล
เห็นดอกบัวตูม เด่นงามท่ามกลางน้ำใส
เจ้าผูดดำโผแหวกเวียนว่าย
ร้องกรีดหวีดไปในเพื่อนหมู่สาว...
เวลาขึ้นจากน้ำก็ใช้วิธีเดียวกันคือค่อยๆ ว่ายไปริมฝั่ง หยิบเอาผ้านุ่งที่ทิ้งไว้ แล้วว่ายกลับไปในน้ำลึกๆ
พอสมควร เอาผ้านุ่งสวมหัว ค่อยๆเดินขึ้นมาที่น้ำตื้น แล้วคอยคลี่ผ้านุ่งให้ลงมาปิดทีละน้อย จนในที่สุด
ก็กระโจมอกได้อย่างเรียบร้อย
ผู้ชายทางเหนือก็มีวิธีการเดินลงน้ำที่แปลกกว่าใคร คุณชายคึกฤทธิ์ท่านเล่าว่า ตอนไปเป็นทหารอยู่เมืองเหนือ
เวลาไปอาบน้ำ พวกเพื่อนๆ ทหารก็ถอดเสื้อผ้าอย่างไม่อายใคร เดินลงน้ำก็เอามือกุมไว้อย่างสง่าผ่าเผย
เวลาขึ้นก็กุมขึ้นมาด้วย ท่านว่าตอนแรกๆ ก็กระดากเหมือนกัน แต่คนหมู่มากเค้าไม่อาย เราคนเดียวจะไปอาย
ได้ยังไง ก็ต้องลองกำดูบ้าง กำอย่างไรก็กำไม่มิด คนอื่นเค้ากำกันมิดทุกคน จะว่ามือเล็กไปก็ไม่ใช่ หรืออะไรๆ
มันใหญ่ไปก็ไม่เชิง คุณชายท่านเลยสรุปว่า คงเป็นเพราะขาดความชำนาญในการกุมนั่นเอง พอได้อาบน้ำบ่อยๆ เข้าก็เกิดกุมมิดขึ้นมาเฉยๆ เรื่องนี้ผมเห็นว่าจริงแท้แน่นอนครับ เพราะเคยกุมมาแล้วเหมือนกัน เป็นประสบการณ์อยู่
หอพักของมหาวิทยาลัย เพื่อนมันแกล้งเอาผ้าเช็ดตัวที่ผมพาดไว้หน้าประตูไปแขวนไว้ข้างนอกห้องน้ำ เลยต้อง
กุมออกมาเอาผ้า กุมยังไงก็ไม่มิด เลยต้องเอาขันมาปิดไว้ แก้สถานการณ์ไปได้
เอารูปเด็กๆ นุ่งกระโจมอกเล่นตีโปงมาฝากครับ

http://vcharkarn.com/reurnthai/uploaded_pics/RW517x013.jpg'>