เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 [2] 3 4
  พิมพ์  
อ่าน: 16076 สาแหรกของแม่พลอย
siamese
หนุมาน
********
ตอบ: 7165


หนุ่มรัตนะกับภูเขาทอง


ความคิดเห็นที่ 15  เมื่อ 22 ธ.ค. 11, 19:19



        เท่าที่จำได้  แปดริ้วมีปลาใหญ่  มีมะพร้าว  มีข้าวที่ทำนาได้สองครั้ง   

มะม่วงอร่อยที่เรียกว่า ส้มลิ้มมาจากพิจิตรค่ะ

มะม่วงแปดริ้วสมัยโน้นมีมะม่วงแรดเป็นหลักและมะม่วงสุกที่ไม่ดีเลิศแต่ก็จัดว่าใช้ได้ค่ะ

ทำบุญบวชพระกันใหญ่โต     เพราะรายได้ดี

มะม่วงแถวบางคล้า หวานล้ำยิ่ง มีอกร่อง น้ำดอกไม้ ทองดำ (หวานล้ำคันคอ) แรด หนังกลางวัน สามฤดู
บันทึกการเข้า
siamese
หนุมาน
********
ตอบ: 7165


หนุ่มรัตนะกับภูเขาทอง


ความคิดเห็นที่ 16  เมื่อ 22 ธ.ค. 11, 19:57

เรียนคุณวันดี ในเมื่อแม่แช่มไปอยู่แปดริ้ว คงต้องค้าขายอยู่แถวอำเภอเมืองเป็นแน่
แต่แปดริ้วก็หลายอำเภอที่สามารถตั้งตัวทำมาหากินได้อย่างสบาย
แค่คัดมะม่วงคอนมาขาย ทำมะม่วงกวน ก็คงเลี้ยงตัวได้ แต่นิสัยชาววังติดตัวไปย่อมมีฝีมือไม่น้อยเช่นกัน

เอ๊ะ  ออกขุน  สมัยนั้นมีอำเภอเมืองฉะเชิงเทราแล้วรึ 
มะม่วงสมัยก่อนไม่ได้ออกตลอดทั้งปีเหมือนสมัยนี้
แม่แช่มน่าจะปลูกพืชพันธุ์อย่างอื่นด้วยกระมัง ไม่เช่นนั้นคงไม่พอกิน
เอ  สมัยรัชกาลที่ ๕ แถวแขวงเมืองฉะเชิงเทราเขาเก็บอากรสวน
เฉพาะต้นมะม่วงต้นละเท่าไร  ถ้าปลูกเป็นสวน 
คงเสียอากรยกสวนเป็นชั่งกระมัง

ส่วนฝีมือชาววังนั้น  ออกขุนอย่างคิดว่า แช่มจะไปทำสินค้าโอทอปขายจริงน่ะรึ
ชาววังฝีมือประณีตทำอะไรสวยงาม  แต่ดูไม่ถูกจริตคนบ้านนอกบ้านนานัก
ผมว่า  แม่แช่มเป็นชาววังออกไปอยู่แปดริ้วคงไม่ได้ทำการค้าดอก
ถ้าทำสวนล่ะไม่แน่   แต่คงทำงานหนักไม่ได้มาก  เดี๋ยวไม่สะบายยยย ยิงฟันยิ้ม
ลองถามแม่พิศดูนะคุณหลวง
บันทึกการเข้า
siamese
หนุมาน
********
ตอบ: 7165


หนุ่มรัตนะกับภูเขาทอง


ความคิดเห็นที่ 17  เมื่อ 22 ธ.ค. 11, 20:09

ท่าทางพ่อฉิม จะมีเชื้อสายจีน เพราะนุ่งกางเกงแบบจีน

บันทึกการเข้า
siamese
หนุมาน
********
ตอบ: 7165


หนุ่มรัตนะกับภูเขาทอง


ความคิดเห็นที่ 18  เมื่อ 22 ธ.ค. 11, 20:24

พ่อฉิมและแม่ปลั่ง มีญาติที่อยุธยา
บันทึกการเข้า
art47
องคต
*****
ตอบ: 739


ความคิดเห็นที่ 19  เมื่อ 22 ธ.ค. 11, 20:36

 ตกใจ กระทู้นี้มีแต่ชาวแปดริ้ว (บวกอีกหนึ่งชาวนครชัยศรี) เสวนาพาทีกัน

เรามันคนเมืองประทุม แอบฟังอยู่ใกล้ๆ ดีกว่า  ยิ้มเท่ห์
บันทึกการเข้า
Wandee
หนุมาน
********
ตอบ: 4006


ความคิดเห็นที่ 20  เมื่อ 22 ธ.ค. 11, 20:45


ว้า.......ปลั่งมาจากไหนล่ะ    ยึดหนังสือเป็นหลักเถิด

แล้วคนออกเสียงได้หรือ   ปลั่ง  ปั่ง  ปั่ง   แปกจิงจ้า


เชี่ยนหมากทองเหลืองผู้ดีที่ไหนใช้    อย่างน้อยๆก็เงินจ้ะ

มะม่วงอกร่องจากแปดริ้วสมัยหลังยังลูกเล็กและมีเสี้ยนอยู่นะคะ

แถวบ้านเก็บแล้วบ่มในโอ่งมังกร    ใส่ใบตองแห้งด้วย

แช่มกวนมะม่วงไม่ไหวหรอกค่ะ    หนักแรง
บันทึกการเข้า
ลุงไก่
สุครีพ
******
ตอบ: 1281



ความคิดเห็นที่ 21  เมื่อ 23 ธ.ค. 11, 08:57

ลุงไก่ยังเดินท่อมๆ เลาะกำแพงวังอยู่เลย คุณวันดีพาไปเที่ยวเมืองฉะเชิงเทราแล้ว

สมัยวัยยังเด็ก ประมาณ พ.ศ. 2510 ถูกผู้ใหญ่พาไปบางคล้าด้วยทางเรือ บอกเส้นทางไม่ได้ จำได้เพียงว่าออกจากบ้านแต่เช้า ไปถึงบางคล้าตอนเย็น

นั่งเรืิอหางยาวไป น่าจะลงเรือที่ท่าเตียน (ไม่ใช่ท่าช้างและท่าปากคลองตลาด) เรือแล่นเข้าคลองบ้าง ออกแม่น้ำบ้าง ทั้งวัน

ที่จำได้แน่นอนอย่างหนึ่งคือ เรือแล่นไปทางปากลัดพระประแดง

มีแต่เรือกสวนข้างทาง ลมเย็น มีละอองน้ำจากคลื่นเรือกระเซ็นเข้ามาให้เปียกเป็นระยะ

จะเป็นเส้นทางเดียวกับแม่ช้อยเดินทางไปฉะเชิงเทรากระมัง?


อะไรๆ ก็รับทราบเกือบหมดแล้ว เลยต้องคว้าเครื่องคิดเลขมาคิดอายุตัวละครแต่ละท่านแทน





บันทึกการเข้า
ลุงไก่
สุครีพ
******
ตอบ: 1281



ความคิดเห็นที่ 22  เมื่อ 23 ธ.ค. 11, 09:28

แพที่แม่ช้อยไปซื้อเอาไว้ คงจะมีลักษณะตามภาพ

คำอธิบายและภาพจาก www.openbase.in.th

เรือนแพที่ใช้ค้าขายในแม่น้ำบางปะกง ซึ่งส่วนหลังใช้เป็นที่พักอาศัย

ลักษณะโดยทั่วไปของเรือนแพมักจะทำเป็นรูปแบบเรือนทรงไทยที่มองได้เห็นชัดเจน ก็คือส่วนหลังคาซึ่งประกอบไปด้วย ปั้นลมเป็นยอดแหลมขึ้นไป
มีเหงาปั้นลมประกอบที่ชายคา เรือนแพนี้มีขนาดและสัดส่วนเล็กกว่าเรือนทั่วไป ตัวเรือนทั่วไปเป็นเรือนฝากระดาน ด้านหน้าของเรือนแพเปิดโล่งตลอด
ใช้เป็นที่เก็บสินค้าและบริการแก่ลูกค้า เรือนแพลักษณะเช่นนี้ ด้านหน้าของฝาจะทำเป็นแบบบานเฟี้ยมที่พับเก็บได้หรือไม่ก็เป็นฝาหน้าถัง
การวางพื้นเรือนอยู่บนโครงสร้างพื้นรองรับด้วยลูกบวบก็เพื่อป้องกันไม่ให้ น้ำกระเซ็นขึ้นมาจากร่องพื้นเรือนได้โดยง่าย เมื่อยามมีคลื่น
ตัวเรือนกับฝา ตรงตีนฝาโดยทำพื้นเป็นชานยื่นออกไป ตัวแพต้องมีห่วงและโซ่คล้องยึด อยู่กับหลักแพลำไม้ไผ่หรือต้นตาลที่ปักไว้เพื่อช่วยเรือนแพไม่ให้ลอยไปตามกระแสน้ำ
เรือนแพที่ลอยติดอยู่กับตลิ่งจะทำสะพานไม่ทอดเพื่อสัญจรไปมาระหว่างแพกับ ฝั่ง ขนาดของเรือนแพ หากจะมีการขยายพื้นที่ให้เพิ่มมากขึ้นก็จะทำเป็นแบบ 2 หลังแฝด
ส่วนหลังคาก็จะเป็นแบบหลังคาแฝดเช่นกัน







บันทึกการเข้า
luanglek
นิลพัท
*******
ตอบ: 2894


ความคิดเห็นที่ 23  เมื่อ 23 ธ.ค. 11, 09:29

"ของที่แม่เอามาคราวนี้ ดูมากมายนักหนา นับของที่ใส่ชะลอมก็สิบกว่าชะลอม
มีลูกไม้กล้วยอ้อยจากบ้านนอกบ้าง ซึ่งแม่บอกว่าเอามาฝากเพื่อนฝูง
ไข่ทั้งจืดทั้งเค็มและปลาแห้งปลากรอบ ซึ่งแม่บอกว่าจะเอามาถวายเสด็จ
ได้คัดเลือกเอามาล้วนอย่างดีจริงๆทั้งนั้น ทำให้คุณสายต้องสัพยอกขึ้นว่า"

"แล้วแม่ก็หยิบชะลอมเล็กๆ น่าเอ็นดูเป็นที่สุดขึ้นมาหลายชะลอม
ของในชะลอมนั้นเมื่อพลอยเห็น ก็เกือบจะลิงโลดด้วยความดีใจ
ชะลอมหนึ่งมีปลากรอบตัวเล็กๆเท่านิ้วก้อย เข้าไม้ตับไว้อย่างกับของจริงๆ
อีกชะลอมหนึ่งมีมะขามป้อมลูกเล็กๆได้ขนาด อีกชะลอมหนึ่งใส่ไข่เต่าเปลือกขาวสะอาด
ส่วนอีกชะลอมหนึ่งนั่นใส่ไข่เค็มทำด้วยไข่นกกระจาบ พอกขี้เถ้าสีดำลูกเล็กๆ
ไม่เกินปลายหัวแม่มือ แต่สิ่งสุดท้ายที่แม่ล้วงจากชะลอม
ก็คือทุเรียนกวนพวงหนึ่ง ห่อกาบหมากเรียบร้อยเป็นห่อเล็กๆ แต่ละห่อน่าเอ็นดูเพียงจะขาดใจ"

""ถ้าค้าขายไปได้อย่างนี้" เสียงแม่พูด "ฉันก็เห็นพอจะตั้งตัว ลืมตาอ้าปากกับเขาได้"


"ก็รับซื้อของพวกผักปลาจากชาวบ้าน" แม่ตอบ "ฉันซื้อแพเขาไว้
พวกพ้องเขาขายให้ถูกๆ รับซื้อจากเรือก็เอาขึ้นแพไว้ บางทีก็มีเรือจากกรุงเทพฯเขาไปรับซื้อ
แต่พ่อฉิมเขาบอกว่ากำไรไม่งาม เขามีเรือหลายลำ เขาว่าให้เอาใส่เรือมาส่งกรุงเทพฯ
แล้วซื้อของกรุงเทพฯ พวกผ้าผ่อนถ้วยโถโอชาม กลับไปขายได้อัฐมากกว่า
ฉันมาคราวนี้ก็เอาของใส่เรือมาด้วย นึกว่าจะซื้อของกลับไปเหมือนกัน"


เห็นไหมคุณหลวงเล็ก แม่แช่มเธอ "อึด" จะตายไป ชะรอยความแบบนี้เธอคงทำตัวแบบยี่ปั๋ว
หรือ ซาปั๋ว ก็ไม่ว่ากัน ของที่เอามาฝากพลอยก็ประดิษฐ์ประดอยทำให้แม่พลอยอย่างสุดฝีมือ  แลบลิ้น แลบลิ้น


อ้อ  อย่างที่ออกขุนยกตัวอย่างในสี่แผ่นดินมาให้ดูนี้ เป็นเครื่องยืนยันว่า
แม่แช่ม "อึด" กระนั้นรึ  "อึด" ตามที่ออกขุนเข้าใจหมายความว่าอย่างไร
แม่แช่มเที่ยวออกเดินตระเวนหาซื้อของเหล่านั้นมาด้วยตัวเอง? มาใส่ชะลอมที่สานเอง?
หาบคอนใส่เรือแล่นมายังกรุงเทพฯ เอง?   ถ้าเป็นเช่นนั้น ก็แสดงว่า  แม่แช่มนี่ไปตกยากกับพ่อฉิมแท้ๆ

คนทำการค้าหัวเมืองโดยมากเป็นชาวจีน  ซึ่งมีหัวด้านการค้าดีมาก
ในท้องถิ่นมีของอะไรมากก็ซื้อเอาลงเรือมาขายที่เมืองหลวง
แล้วซื้อของจากเมืองหลวงกลับไปขายที่ภูมิลำเนาของตน
ใช่ว่าจะมีแต่คนจีนที่ทำ  คนไทยมีฐานะดีตามหัวเมืองก็ทำเหมือนกัน
ถ้าใครเคยอ่านนิราศจันทบุรี-กรุงเทพฯ ของ หลวงบุรุษประชาภิรมย์ (กี้ บุณยัษฐิติ)
กล่าวถึงการค้าขายระหว่างหัวเมืองกับกรุงเทพฯสมัยรัชกาลที่ ๕
ก็จะได้ภาพเทียบเคียงกับสี่แผ่นดินในกรณีแม่แช่มได้

คนที่เป็นพ่อค้าคนกลาง  อย่างน้อยก็ต้องมีลูกจ้างหรือแรงงานไว้ใช้สอยขนของ
เดินเรือ  หรือออกไปซื้อของตามบ้านคนในท้องถิ่น  อย่างแม่แช่มนี้
ไม่เห็นจะต้องลงแรงเองเลย  เป็นคุณผู้หญิงชี้นิ้วสั่งอย่างเดียวก็ได้
จะเอาอะไรขอให้บอกเดี๋ยวก็ได้  จะเอาให้งามอย่างไรก็ได้  
เพราะบ่าวไพร่ที่เรือนคงมีไม่น้อย   ยิ่งบ้านพ่อค้าอย่างนี้ เลี้ยงคนเป็นสิบเป็นร้อยได้สบาย
ส่วนเรื่องความประณีตประดิดประดอยนั้น  ไม่ใช่ว่าคนบ้านนอก
จะทำไม่เป็นเสียเมื่อไร   ถึงเวลาสำคัญๆ ต้องการความสวยความงามความประณีต
ชาวสวนชาวนาชาวไร่บ้านนอกเขาก็ทำกันได้เหมือนกัน  ถึงจะไม่เคยเข้าวังเลยก็ตาม

จากข้อความที่ยกมานั้น  ยังไม่ยืนยันความ "อึด" อะไร
นอกจากยืนยันความเป็น "คุณผู้หญิง" ของพ่อค้าหัวเมืองมากกว่า

ส่วนเรื่องมะม่วงและมะม่วงกวนนั้น  เป็นของตามฤดู
ถึงมีดกอย่างไร ก็กวนได้แค่ระยะหนึ่ง  ไม่ถึงทั้งปีแน่นอน
แต่ถ้าจะเก็บส้มลิ้มที่กวนไว้ทยอยเอาออกมาขายได้ทั้งปีนั้นไม่เถียง
(ไม่ว่าจะเก็บมะม่วงบ้านตัวเองกวนเอง รวมกับซื้อมะม่วงบ้านอื่นมากวน
หรือรับซื้อมะม่วงกวนจากชาวบ้าน  ซึ่งเป็นไปได้ทั้งนั้น)
แต่ดูบุคลิกแม่แช่มแล้ว  น่าจะกวนมะม่วงเองไม่ไหว
น่าจะเป็นผู้กำกับหน้าเตาหน้ากระทะ  และการบรรจุหีบห่อ
บันทึกการเข้า
Wandee
หนุมาน
********
ตอบ: 4006


ความคิดเห็นที่ 24  เมื่อ 23 ธ.ค. 11, 09:59


        ผู้กำกับการกวนมะม่วงนั้น  ต้องกวนเป็น  คือรู้จักการใช้ไฟ  การแต่งรสให้กลมกล่อม  ความพอดีเมื่อของกวนได้ที่

บ่าวไพร่ก็มีอยู่เพียงสองคน     จะไว้ใจเสียทีเดียวคงไม่ได้    คงอาศัยแค่หุงข้าวและทำปลาบ้างเท่านั้น

ความเป็นชาววังที่เป็นตัวเป็นตนของแม่แช่ม   คือกิริยามารยาทการต้อนรับลูกค้าที่มาแวะซื้อขาย

การทำอาหารให้สามีกิน    เป็นเส้นทางหนึ่งที่จะยึดจิตใจสามีได้คืออาหารมิใช่รึคะ

แม่แช่มน่าจะมีความสุขกายสบายใจพอสมควรทีเดียว    เพราะมีเงินทองในการประกอบอาชีพ    ถึงจะไม่มากแต่ก็ยังเป็น

ที่เกรงใจของสามี             เย็นลงก็อาบน้ำที่ข้างแพแล้วมาร่วมสำรับ  ไม่ต้องกินของจากโรงครัวเหงาอยู่กับลูก

เปรี้ยวหวานมันเค็มประการใดก็สั่งได้  ทำเองบ้างได้นี่นา

บันทึกการเข้า
Wandee
หนุมาน
********
ตอบ: 4006


ความคิดเห็นที่ 25  เมื่อ 23 ธ.ค. 11, 10:05



        ท่านผู้หญิงเปลี่ยน  ภาสกรวงศ์ เมื่อสั่งสอนกิริยามารยาทดรุณี  ยังเน้นให้แม่หนูหลังจากทำอาหารกลางวันให้บิดามารดา

ต้องอาบน้ำให้สะอาด  ก่อนจะร่วมสำรับหรือรับใช้ท่านผู้ใหญ่

        แม่แช่มเป็น trophy wife สำหรับหนุ่มลูกจีนแปดริ้วผู้กำลังสร้างตัวแน่นอน
บันทึกการเข้า
siamese
หนุมาน
********
ตอบ: 7165


หนุ่มรัตนะกับภูเขาทอง


ความคิดเห็นที่ 26  เมื่อ 23 ธ.ค. 11, 10:14

เรือนแพแบบขายของครับลุงไก่


บันทึกการเข้า
siamese
หนุมาน
********
ตอบ: 7165


หนุ่มรัตนะกับภูเขาทอง


ความคิดเห็นที่ 27  เมื่อ 23 ธ.ค. 11, 10:31


จากข้อความที่ยกมานั้น  ยังไม่ยืนยันความ "อึด" อะไร
นอกจากยืนยันความเป็น "คุณผู้หญิง" ของพ่อค้าหัวเมืองมากกว่า


ความอึดของแม่แช่มนั้น สุมอยู่ในอุรา ดังกองฟอนเร่าร้อนเรื่อยมา ด้วยตัวแต่งเข้าบ้านพระยาพิพิธ เป็นเมียรอง แถมยังถูกใส่ไคล้ว่าคบชู้ซึ่งการสบประมาทที่ร้ายเหลือสำหรับความเป็นผู้ดีของแม่แช่ม เมื่อแม่แช่มใจอ่อนยอมอยู่กินฉันผัวเมียกับนายฉิมก็ต้องไปเป็นรองข้ารับใช้น้องสาวนายฉิมไปอีก เรื่องซื้อของการค้าก็ต้องหาแหล่งต้นทุนต่ำหรือยกเหมาแผงจักได้ค้าขายมีกำไร

ปลาแห้งที่ท่าเตียนก็มีขายมากมาย ซื้อใส่ชะลอมเข้าวังใครจะไปรู้  แลบลิ้น

มะม่วงกวนที่ดีต้องเนื้อใสดังกระจกแก้ว ไร้มลทินจุดด่างดำ คุณหลวงเล็กชอบทานไหม ติดฟันดีนักแล
บันทึกการเข้า
siamese
หนุมาน
********
ตอบ: 7165


หนุ่มรัตนะกับภูเขาทอง


ความคิดเห็นที่ 28  เมื่อ 23 ธ.ค. 11, 11:15

ลุงไก่ยังเดินท่อมๆ เลาะกำแพงวังอยู่เลย คุณวันดีพาไปเที่ยวเมืองฉะเชิงเทราแล้ว

สมัยวัยยังเด็ก ประมาณ พ.ศ. 2510 ถูกผู้ใหญ่พาไปบางคล้าด้วยทางเรือ บอกเส้นทางไม่ได้ จำได้เพียงว่าออกจากบ้านแต่เช้า ไปถึงบางคล้าตอนเย็น

นั่งเรืิอหางยาวไป น่าจะลงเรือที่ท่าเตียน (ไม่ใช่ท่าช้างและท่าปากคลองตลาด) เรือแล่นเข้าคลองบ้าง ออกแม่น้ำบ้าง ทั้งวัน



ผู้ใหญ่ท่านเล่าว่าในสมัยหลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ เลิกไปแล้วสักระยะ ผู้คนชาวแปดริ้วได้ยินเรื่องการแจกพระของขวัญที่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ต่างจ้างเรือล่องมาที่วัด ใช้เวลาสามวันกว่าจะถึง

เส้นทางการเดินเรือมีได้ ๒ ทางครับลุงไก่

๑. จากแม่น้ำเจ้าพระยา - คลองสำโรง - แม่น้ำบางปะกง - แปดริ้ว

๒. จากคลองพระโขนง - บางขนาก - ท่าถั่ว - แปดริ้ว

แต่รู้สึกว่าการเดินเรือในลำดับที่ ๒ จะนิยมกว่า เพราะเส้นทางครงดีเข้าถึงกรุงเทพได้ง่าย
บันทึกการเข้า
luanglek
นิลพัท
*******
ตอบ: 2894


ความคิดเห็นที่ 29  เมื่อ 23 ธ.ค. 11, 12:01


ความอึดของแม่แช่มนั้น สุมอยู่ในอุรา ดังกองฟอนเร่าร้อนเรื่อยมา
ด้วยตัวแต่งเข้าบ้านพระยาพิพิธ เป็นเมียรอง แถมยังถูกใส่ไคล้ว่าคบชู้
ซึ่งการสบประมาทที่ร้ายเหลือสำหรับความเป็นผู้ดีของแม่แช่ม
เมื่อแม่แช่มใจอ่อนยอมอยู่กินฉันผัวเมียกับนายฉิมก็ต้องไปเป็นรองข้ารับใช้น้องสาวนายฉิมไปอีก
เรื่องซื้อของการค้าก็ต้องหาแหล่งต้นทุนต่ำหรือยกเหมาแผงจักได้ค้าขายมีกำไร

ปลาแห้งที่ท่าเตียนก็มีขายมากมาย ซื้อใส่ชะลอมเข้าวังใครจะไปรู้  แลบลิ้น

มะม่วงกวนที่ดีต้องเนื้อใสดังกระจกแก้ว ไร้มลทินจุดด่างดำ คุณหลวงเล็กชอบทานไหม ติดฟันดีนักแล


"ด้วยตัวแต่งเข้าบ้านพระยาพิพิธ เป็นเมียรอง"  แม่แช่มได้รับการตบแต่งเป็นเมียรองเจ้าคุณพิพิธกระนั้นรึ

ความอีดที่ออกขุนว่ามา  พอจะอนุมานได้ไหมว่า สักกี่ปีกี่เดือน
การไปเป็นน้อยเขา  ก็ต้องรู้อยู่แล้วว่าฐานะและสิทธิไม่ได้เท่าบ้านใหญ่
บ้านท่านเจ้าคุณก็คนอยู่กันมาก  การถูกจับจ้องจับผิด การกระทบกระทั่งก็มีเป็นธรรมดา
ต่อให้เป็นคนจากสกุลผู้ดีกี่สาแหรกก็ตาม  ก็หนีความเป็นจริงในโลกอย่างนี้ไม่พ้น
ความอึดอย่างนี้  ไม่ถือว่าเป็นคุณสมบัติอันอัศจรรย์อันใด  
เพราะใครที่อยู่ในฐานะอย่างแม่แช่ม  ก็ต้องเป็นอย่างนี้

ส่วนเมื่อแม่แช่มไปเป็นเมียพ่อฉิมต้องไปรับใช้น้องสาวนั้น
ก็ไม่ใช่เรื่องผิดประหลาดอันใดในประเพณี ไม่ว่าจะเป็นจีนหรือไทย
ภรรยาต้องดูแลครอบครัวและญาติร่วมเรือนของสามีเป็นปกติ
แต่กรณีแม่แช่มอาจจะสบายหน่อยตรงที่ได้สามีเป็นพ่อค้ามีฐานะ
(อย่างน้อยก็ดีกว่าชาวบ้านหัวเมืองทั่วไป)  อาจจะไม่ต้องทำงานหนักมาก
ส่วนเรื่องการค้าขายนั้น  แม่แช่มคงเป็นแต่เข้าไปช่วยพ่อฉิมบ้าง
คงไม่ถึงกับลงทุนลงแรงเอง  สามีเขาก็มีจะปล่อยให้เมียทำเลี้ยงกระนั้นรึ

ส่วน "ปลาแห้งที่ท่าเตียนก็มีขายมากมาย ซื้อใส่ชะลอมเข้าวังใครจะไปรู้"
อันนี้ก็อยู่ที่นิสัยของแม่แช่มว่าเป็นคนซื่อสัตย์สุจริตแค่ไหน
แต่ก็ไม่ควรลืมว่า  ตลาดท่าเตียนนั้นผู้คนพลุกพล่าน ชาวบ้านร้านตลาด
และบรรดาชาววังเดินซื้อหาสินค้ากันให้เกลื่อนกล่น  แถมอยู่ใกล้วัง
ถ้าแม่แช่มจะซื้อปลาแห้งยัดใส่ชะลอมเข้าวังก็คงไม่มีใครว่า  
ถึงจะไม่ได้หอบหิ้วมาเองแต่แปดริ้ว  อย่างน้อยคนรับก็ยังยินดีว่า
อ้อ  นี่แม่แช่มยังมีน้ำใจซื้อของมาให้นะ  แต่ความจริงก็คือความจริง
ถ้าแม่แช่มยังมีเชื้อผู้ดีอยู่บ้าง  คงไม่ทำให้คนที่นับถือกันเสียใจด้วยวิธีอย่างนี้

มะม่วงกวนน่ะ กินมาเยอะ   นั่งดูเขากวนก็เคย   ช่วยเขากวนก็เคย  
แม้จะกวนไม่เก่ง ไม่ชำนาญถึงขนาดรู้การใช้ไฟ  การปรุงรส
อย่างน้อยก็รู้จากปากของผู้ใหญ่ว่า  สมัยก่อนน่ะ  เขากวนมะม่วงกินเป็นทุกบ้านแหละ
เหมือนตำข้าวเม่า  ทำลอดช่อง  กวนกระยาสารท นั่นแหละ
สมัยก่อนไม่มีใครเอามาขายกันหรอกตามบ้านนอกนี่  ทำกินอันเองทั้งนั้น
คนทำก็เรียนรู้เอาเองบ้าง  ลักจำเขามาบ้าง  ฝึกทำเองจนเป็น
บ้านใครมีงานก็ไปช่วยกันทำครัว  เขาก็ทำเป็นกันหมด  แต่จะอร่อยหรือเปล่าอีกเรื่อง
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 [2] 3 4
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.085 วินาที กับ 20 คำสั่ง