"ของที่แม่เอามาคราวนี้ ดูมากมายนักหนา นับของที่ใส่ชะลอมก็สิบกว่าชะลอม
มีลูกไม้กล้วยอ้อยจากบ้านนอกบ้าง ซึ่งแม่บอกว่าเอามาฝากเพื่อนฝูง
ไข่ทั้งจืดทั้งเค็มและปลาแห้งปลากรอบ ซึ่งแม่บอกว่าจะเอามาถวายเสด็จ
ได้คัดเลือกเอามาล้วนอย่างดีจริงๆทั้งนั้น ทำให้คุณสายต้องสัพยอกขึ้นว่า"
"แล้วแม่ก็หยิบชะลอมเล็กๆ น่าเอ็นดูเป็นที่สุดขึ้นมาหลายชะลอม
ของในชะลอมนั้นเมื่อพลอยเห็น ก็เกือบจะลิงโลดด้วยความดีใจ
ชะลอมหนึ่งมีปลากรอบตัวเล็กๆเท่านิ้วก้อย เข้าไม้ตับไว้อย่างกับของจริงๆ
อีกชะลอมหนึ่งมีมะขามป้อมลูกเล็กๆได้ขนาด อีกชะลอมหนึ่งใส่ไข่เต่าเปลือกขาวสะอาด
ส่วนอีกชะลอมหนึ่งนั่นใส่ไข่เค็มทำด้วยไข่นกกระจาบ พอกขี้เถ้าสีดำลูกเล็กๆ
ไม่เกินปลายหัวแม่มือ แต่สิ่งสุดท้ายที่แม่ล้วงจากชะลอม
ก็คือทุเรียนกวนพวงหนึ่ง ห่อกาบหมากเรียบร้อยเป็นห่อเล็กๆ แต่ละห่อน่าเอ็นดูเพียงจะขาดใจ"
""ถ้าค้าขายไปได้อย่างนี้" เสียงแม่พูด "ฉันก็เห็นพอจะตั้งตัว ลืมตาอ้าปากกับเขาได้"
"ก็รับซื้อของพวกผักปลาจากชาวบ้าน" แม่ตอบ "ฉันซื้อแพเขาไว้
พวกพ้องเขาขายให้ถูกๆ รับซื้อจากเรือก็เอาขึ้นแพไว้ บางทีก็มีเรือจากกรุงเทพฯเขาไปรับซื้อ
แต่พ่อฉิมเขาบอกว่ากำไรไม่งาม เขามีเรือหลายลำ เขาว่าให้เอาใส่เรือมาส่งกรุงเทพฯ
แล้วซื้อของกรุงเทพฯ พวกผ้าผ่อนถ้วยโถโอชาม กลับไปขายได้อัฐมากกว่า
ฉันมาคราวนี้ก็เอาของใส่เรือมาด้วย นึกว่าจะซื้อของกลับไปเหมือนกัน"
เห็นไหมคุณหลวงเล็ก แม่แช่มเธอ "อึด" จะตายไป ชะรอยความแบบนี้เธอคงทำตัวแบบยี่ปั๋ว
หรือ ซาปั๋ว ก็ไม่ว่ากัน ของที่เอามาฝากพลอยก็ประดิษฐ์ประดอยทำให้แม่พลอยอย่างสุดฝีมือ

อ้อ อย่างที่ออกขุนยกตัวอย่างในสี่แผ่นดินมาให้ดูนี้ เป็นเครื่องยืนยันว่า
แม่แช่ม "อึด" กระนั้นรึ "อึด" ตามที่ออกขุนเข้าใจหมายความว่าอย่างไร
แม่แช่มเที่ยวออกเดินตระเวนหาซื้อของเหล่านั้นมาด้วยตัวเอง? มาใส่ชะลอมที่สานเอง?
หาบคอนใส่เรือแล่นมายังกรุงเทพฯ เอง? ถ้าเป็นเช่นนั้น ก็แสดงว่า แม่แช่มนี่ไปตกยากกับพ่อฉิมแท้ๆ
คนทำการค้าหัวเมืองโดยมากเป็นชาวจีน ซึ่งมีหัวด้านการค้าดีมาก
ในท้องถิ่นมีของอะไรมากก็ซื้อเอาลงเรือมาขายที่เมืองหลวง
แล้วซื้อของจากเมืองหลวงกลับไปขายที่ภูมิลำเนาของตน
ใช่ว่าจะมีแต่คนจีนที่ทำ คนไทยมีฐานะดีตามหัวเมืองก็ทำเหมือนกัน
ถ้าใครเคยอ่านนิราศจันทบุรี-กรุงเทพฯ ของ หลวงบุรุษประชาภิรมย์ (กี้ บุณยัษฐิติ)
กล่าวถึงการค้าขายระหว่างหัวเมืองกับกรุงเทพฯสมัยรัชกาลที่ ๕
ก็จะได้ภาพเทียบเคียงกับสี่แผ่นดินในกรณีแม่แช่มได้
คนที่เป็นพ่อค้าคนกลาง อย่างน้อยก็ต้องมีลูกจ้างหรือแรงงานไว้ใช้สอยขนของ
เดินเรือ หรือออกไปซื้อของตามบ้านคนในท้องถิ่น อย่างแม่แช่มนี้
ไม่เห็นจะต้องลงแรงเองเลย เป็นคุณผู้หญิงชี้นิ้วสั่งอย่างเดียวก็ได้
จะเอาอะไรขอให้บอกเดี๋ยวก็ได้ จะเอาให้งามอย่างไรก็ได้
เพราะบ่าวไพร่ที่เรือนคงมีไม่น้อย ยิ่งบ้านพ่อค้าอย่างนี้ เลี้ยงคนเป็นสิบเป็นร้อยได้สบาย
ส่วนเรื่องความประณีตประดิดประดอยนั้น ไม่ใช่ว่าคนบ้านนอก
จะทำไม่เป็นเสียเมื่อไร ถึงเวลาสำคัญๆ ต้องการความสวยความงามความประณีต
ชาวสวนชาวนาชาวไร่บ้านนอกเขาก็ทำกันได้เหมือนกัน ถึงจะไม่เคยเข้าวังเลยก็ตาม
จากข้อความที่ยกมานั้น ยังไม่ยืนยันความ "อึด" อะไร
นอกจากยืนยันความเป็น "คุณผู้หญิง" ของพ่อค้าหัวเมืองมากกว่า
ส่วนเรื่องมะม่วงและมะม่วงกวนนั้น เป็นของตามฤดู
ถึงมีดกอย่างไร ก็กวนได้แค่ระยะหนึ่ง ไม่ถึงทั้งปีแน่นอน
แต่ถ้าจะเก็บส้มลิ้มที่กวนไว้ทยอยเอาออกมาขายได้ทั้งปีนั้นไม่เถียง
(ไม่ว่าจะเก็บมะม่วงบ้านตัวเองกวนเอง รวมกับซื้อมะม่วงบ้านอื่นมากวน
หรือรับซื้อมะม่วงกวนจากชาวบ้าน ซึ่งเป็นไปได้ทั้งนั้น)
แต่ดูบุคลิกแม่แช่มแล้ว น่าจะกวนมะม่วงเองไม่ไหว
น่าจะเป็นผู้กำกับหน้าเตาหน้ากระทะ และการบรรจุหีบห่อ